webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

บทที่ 7

สองคนนั้นไม่เสียเวลาลองเชิงกันสักนิด แค่ช่วงที่จินตกชให้อิลิเลียไปหลบห่างๆ สองคนนั้นก็ปะมือกันจนต้นไม้ล้มระเนระนาด พื้นระเบิดเลือดสาดกันคนละแผล รวดเร็วไม่น่ามองตามทันทว่าจินตกชมองตามทันทุกกระบวนท่า แม้แต่สายพลังพิเศษเล็กๆ ที่กระจายตัวออกมาทางนี้ก็มองเห็น

"ถล่มทลายขนาดนี้ยังไม่ทันใจนักอ่านอีกเหรอคะ" อิลิเลียหลบลูกหลงจนหืดขึ้นคอ เศษพลังเศษหินเศษไม้ปลิวว่อนสุดอันตราย

จินตกชโยกตัวหลบเศษสิ่งของมากมายเช่นกัน "หวางปังยังไม่ได้แสดงพลังแท้จริงสักนิดนะ ขนเม่นนั่นแค่ของเล่นที่เอามาใช้แล้วทิ้งเท่านั้น"

"ใช้แล้วทิ้ง..." ทักษะนักรบของสาวเจ้ายังตามมิติพลังของสองคนนั้นไม่ทันจึงดูไม่ออกว่ายามนี้ลู่เยวี่ยสือเริ่มเป็นฝ่ายถอยแล้ว

แม้มันคือเตะกวาดทว่าเต็มไปด้วยพลังทำลายร้ายแรง แรงกวาดจึงพังทลายทุกสิ่งที่ตวัดผ่านแม้ลู่เยวี่ยสือฟาดฟันกระบี่ต้านได้ทันยังโดนอัดจนแทบกระอัก ครั้นชะงักเท้าก็เป็นจังหวะให้หวางปังสาดพลังเข้าใส่แบบต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสองแลกฝีมือกันอีกครั้ง คราวนี้บริเวณครึ่งลี้รอบตัวสองคนนั้นแหลกละเอียด จินตกชกับอิลิเลียโกยฝุ่นตลบไปตั้งหลักไกลลิบยังไม่พ้นลูกหลงพลังมากมาย ราวต้องการรวบคนขี้ริ้วเข้าไปในการต่อสู้นี้ให้ได้

"พี่จินต์ แบบนี่ไม่ดีแล้วนะคะ เจ้าบ้านั่นคิดรวบพวกเราเข้าไปด้วยนี่นา!" อิลิเลียเค้นพลังออกมาต้านสุดกำลัง ทักษะนักรบใช้ออกมาสูงสุด ต่างจากจินตกชยามนี้ยืนเฉย ที่ขยับอยู่มีแค่ชายชุดที่สวมเท่านั้น

การฝึกท่านั่งม้าทำให้กำลังขากับศูนย์ถ่วงแน่นขนาดนี้เลยหรือ พายุพลังต้นไม้โค่นยังทำให้ความรู้สึกเหมือนลมจากพัดลมเบอร์หนึ่งเท่านั้นเอง อาจารย์กังจวี้จงเจริญ

"น่าจะได้เวลาเตะโด่งเจ้านั่นไปซบเท้าจอมมารแล้วละ" จินตกชชี้มือไปยังวงต่อสู้ "สะบั้นสุญญากาศขั้นต้น"

คมอากาศเพียงหนึ่งถูกบีบอัดเป็นเส้นเล็กเท่าเส้นด้ายพุ่งออกไปทะลุทะลวงทุกพลังเข้าเป้าหมายตรงๆ ทั้งที่เล็กจิ๋วทว่ากลับระเบิดร่างเป้าหมายเป็นรูขนาดกำปั้นลอดได้ ซ้ำที่โดนระเบิดไปนั่นคือหัวใจอีกด้วย หวางปังกระอักเลือดออกมามากมาย

"กลับไปฟ้องท่านจอมมารของเจ้าก่อนดีกว่าไหม ข้ารู้ว่าแค่นั้นเจ้าไม่ตายหรอก แต่ถ้ายังอยากต่ออีกข้าพร้อมส่งเจ้าไปเป็นอาหารไส้เดือนเช่นกัน" ขยับตัวแบบพร้อมพุ่งเข้าไปกุดหัวให้เดี๋ยวนั้น

"ว่าไงนะ ร่างโหว่งขนาดนั้นไม่ตายเหรอ!?" อิลิเลียผงะ สีหน้าหวาดผวา

"มีอะไรน่าตกใจ ซอมบี้ก็เจอมาแล้วไม่ใช่หรือไง"

"หวางปังเจ้ากลายเป็นมารไปแล้ว... หรือใครใช้ร่างนั้นอยู่แน่" ลู่เยวี่ยสือหอบตัวโยน ถ้าเมื่อครู่จินตกชไม่ยื่นมือเข้าช่วยเขาคงบาดเจ็บหนักกว่านี้ ปราณมารที่จู่โจมเขามาจากจอมมารใช้ผ่านร่างหวางปัง ราววางแผนจะเล่นงานเขาไว้แต่แรกถึงส่งเจ้านี่มายามเจ้าสำนักไม่อยู่

หวางปังยกมือลูบอกเสียครั้งรูใหญ่บนร่างหายแวบ "สมแล้วที่ข้ารู้สึกว่าเจ้าอันตรายควรกำจัดเสียแต่แรก ไม่นึกว่ายังมีตัวอันตรายอีกหนึ่งด้วย" ดวงตาแดงเลือดกลอกมายังหนุ่มขี้ริ้ว "แปลก ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าอันตรายยิ่งกว่าเจ้าหนุ่มนั่น"

จินตกชยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาระดับอกส่งเครื่องหมายหยาบคาย "อ้อ ที่รู้สึกอันตรายเพราะข้าลบเงาหัวร่างที่เจ้าใช้อยู่ในตอนนี้ได้ไงล่ะ ไม่เชื่อลองดูได้" สีหน้าแป้นแล่นขั้นสุด

แค่พูดจบพลังมารร้อนดังไฟนรกพุ่งออกมาจากสองมือหวางปังมันพัดโหมเผาไหม้ภูเขาทั้งลูกได้ในพริบตาทว่าเป้าหมายใช้ความเร็วที่มองด้วยตาไม่ทันคว้าลู่เยวี่ยสือกับเจียงอวี้เอี๋ยนกระโจนข้ามมายังภูเขาอีกลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

"ผานเฉียงเต้า จะ เจ้าทำได้ยังไง!" พระเอกที่ติดมือมาหน้าตื่นไม่คิดว่าอีกฝ่ายสภาพเหมือนคนใกล้หมดลมทำแบบนี้ได้

พอลงพื้นจินตกชปล่อยทั้งสองคนแล้วกระโจนขึ้นฟ้า กระบี่ไม้ปรากฏเข้ามือฉับพลัน เสี้ยววินาทีตวัดฟันออกไปชนกับร่างที่พุ่งตามมาผ่าเป็นสองซีก

"โอ้พลาดไปนิดว่าจะตัดหัวดันผ่าครึ่งเสียได้ ฝีมือข้าช่างไม่เอาไหนเลยเนอะ" ยิ้มยียวนทำลายสายตาจอมมารยืมร่างให้กระอักไปเลย "กลับไปหาคนใหม่เลียแผลใจแทนเจ้าหวางปังเถอะนะ" พลังจิตรอบกายส่องสว่างก่อนมารวมกันในมือข้างที่ไม่ได้ถือกระบี่ จินตกชฟาดออกไปเหมือนสายฟ้าเปรี้ยงเดียวร่างที่โดนผ่าครึ่งสลายเป็นผงแล้วจึงลงสู่พื้น

"พี่จินต์กำจัดได้แล้วใช่ไหม?" ลิอิเลียวิ่งมากวาดตาสำรวจไปทั่วร่างคนขี้ริ้วเลยได้รับมะเหงกไปหนึ่งครั้ง

"อย่ามาลวนลามด้วยสายตาเว้ย หงางปังนั่นเก็บไปแล้วส่วนจอมมารอีกไม่นานคงยกพลมาบุกฮู่ซาน ที่โดนไปนั่นคงได้แผลถลอกบ้างนิดหน่อย แต่ศักดิ์ศรีโดนถล่มตรงๆ มาเอาคืนอย่างไวแน่นอน" จินตกชขยับร่างกายดูสภาพตนเอง "โอ้เคลื่อนไหวได้ปกติแล้วนี่แสดงว่าตุ้มถ่วงน้ำหนักถึงขีดจำกัดของมันแล้ว ต้องขอบคุณเจ้าหวางปังเหมือนแฮะ" ว่าแล้วลองกระโดดเล่นไปมา

"เจ้าบอกว่าที่ยืมร่างหวางปังคือจอมมารงั้นหรือ"

"อือ ทางนั้นคงรู้ว่าต่อไปเจ้าจะกลายเป็นเสี้ยนหนามในการครองโลกเลยต้องการกำจัดเจ้าเสียตั้งแต่เนิ่นๆ" คนขี้ริ้วมองลู่เยวี่ยสือแล้วยื่นยาฟื้นฟูให้อีกขวด "ปราณมารที่เจ้าโดนเข้าไปมันเป็นพลังเฉพาะเพื่อทำลานจินตันของเจ้าพลังทิพย์อย่างเดียวขจัดมันได้ไม่หมดหรอก"

ลู่เยวี่ยสือรับมาถือไว้ "ดูเจ้าไม่แปลกใจเลยทั้งที่จอมมารบุกมาเมื่อครู่"

"มีอะไรแปลกเล่า ตอนนี้มารบุกเข้าทำลายไปทั่วอย่างไรมันก็ต้องมาฮู่ซานสักวันอยู่แล้ว มาวันนี้หรือวันอื่นก็ต้องมา" ในเมื่อรู้เนื้อเรื่องดีวิธีรับมือนั้น... ไม่มีหรอก มาก็สู้มีอยู่เท่านั้นแหละ ในเมื่อจอมมารพลังล้นเหลือคู่ปรับพระเอกนี่นา ส่วนตัวประกอบอย่างจินตกชก็ใช้แล้วทิ้งนั่นแหละครับท่านผู้อ่าน

ลู่เยวี่ยสือกำสองมือแน่นหอบหายใจแรงแม้ปราณมารกำลังกัดกินจินตันของเขาทว่าเจ้าตัวยังไม่ยอมดื่มยา "ข้านึกว่าพลังฝีมือที่มียามนี้สูงส่งแล้วรับมือจอมมารที่สนามทดสอบได้จนใครๆ ก็กล่าวชม แต่ใครรู้เล่าว่านั่นจอมมารแค่หยอกเล่นเท่านั้น"

"วิสัยมารก็แบบนั้นแหละ แต่ถ้าให้พูดตามจริงเจ้าตอนนี้น่าจะอยู่ระดับต่ำกว่าข้าเสียอีกนะลู่เยวี่ยสือ" อย่าหาว่าเขายกตนเลย ถ้าซัดกันจริงจินตกชมั่นในใจว่าคว่ำพ่อคุณได้แน่

ลู่เยวี่ยสือจ้องคนพูดเขม็งแล้วให้ผงะกับความเยือกเย็นของอีกฝ่าย ท่าทางเหลาะแหละเมื่อก่อนหน้าหายไปหมด คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ายามนี้คล้ายเงาร่างบางคนที่เขาเคยเห็นในความฝันซ้อนทับได้พอดี ยิ่งอ่านความรู้สึกอีกฝ่ายแล้วให้ขมวดคิ้ว

ไม่ตระหนกสักนิด เหมือนตัวตนจอมมารเป็นสิ่งปกติที่มีอยู่ การบุกมายิ่งปกติควรเป็น

ลู่เยวี่ยสือไอเลือดออกมาคำใหญ่

"เฮ้ย บอกให้กินยาไงเล่าเดี๋ยวก็ตายจริงหรอก" จินตกชไม่รังเกียจใช้แรงงานจับกรอกหรอกนะขอบอก อยากทำมากมายด้วย แต่พระเอกไม่เปิดโอกาสให้ดื่มเองเฉยเลย ไม่แสดงสีหน้าสักนิดกับความเผ็ดของยาที่ดื่มเข้าไปด้วย

ฮึ่ย ขัดใจมากมาย

ความวินาศที่หวางปังทำไว้เรียกให้คนของฮู่ซานนับร้อยรีบมาดู แน่นอนว่าคนพวกนั้นไม่เห็นคนทั้งสามหรอกเพราะทางนี้อยู่ที่ภูเขาอีกลูกนี่นา

"เจ้าควรรายงานเจ้าสำนักนะ หลังจากนี้ฮู่ซานโดนจอมมารเพ่งเล็งมากกว่าสำนักอื่นแน่นอน และเป็นไปได้หาทางเลื่อนระดับให้ไวอีกนิดก็ดี" จินตกชยกมือป้องตามองฝ่าความมืด ไม่มีใครรู้ว่าสายตาเขาไปตกที่ใดนอกจากเจ้าตัวซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด

ไอชั่วร้ายพวกนั้นมันมุ่งมาที่ฮู่ซานจริงๆ ด้วย อย่าบอกนะที่เจ้าสำนักเผ่นไปนั่นเพราะรู้ล่วงหน้าว่าจอมมารจะบุกที่นี่ในไม่กี่วันนี้

"เจ้าหมายความว่าจะให้คนพวกนั้นปิดด่านฝึกวิชาเพิ่มงั้นหรือ" เสียงโวยวายตื่นตกใจจากผู้คนบนเขาอีกลูกไม่น่าสนใจสักนิด

"ข้าหมายถึงเจ้าต่างหาก พลังในยามนี้ของเจ้ารับมือจอมมารไม่ไหวหรอก ถ้าเลื่อนได้อีกสักนิดคงพอสูสี" คนขี้ริ้วไม่อ้อมค้อมล่ะ ตอนนี้เป็นโอกาสแล้วนี่นา

"ข้าไม่คิดว่าจอมมารให้เวลาข้าได้ปิดด่านเลื่อนระดับหรอก" ลู่เยวี่ยสืออ่านความรู้สึกได้ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่ามีไอมารพุ่งตรงมาปกคลุมฮู่ซานอยู่ในตอนนี้ ซ้ำยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ต่อให้เขาอยากเพิ่มระดับก็ไม่มีเวลาแล้ว

"จอมมารไม่ให้เวลาเจ้าแต่ข้าให้"

ลู่เยวี่ยสือกับอิลิเลียมองจินตกชอย่างไม่เข้าใจ

"เอาเป็นว่าข้าสามารถคว่ำจอมมารให้เผ่นกลับไปรักษาตัวได้สักพักละกัน แน่นอนว่าพักนั้นได้หลายปีเชียวแหละ" ยิ้มหลอกหลอนอย่างมั่นใจที่สุด ทว่ากลับให้ความเชื่อมั่นได้จากใจว่าทำได้จริงดังพูด

"แสดงว่าพี่จินต์จะเอาจริงในการปะทะนี้แล้วสินะคะ" อิลิเลียยิ้มกว้าง "เช่นนั้นฉันร่วมด้วยค่ะ รับรองว่าไม่ถ่วงแข้งขาแน่นอน" แล้วยกมือตะเบ๊ะ

"เผ่นให้ทันตอนเขาซัดกันเละให้ได้ก่อนเถอะแม่คุณ" นิ้วมือยกดีดหน้าผากให้เสียทีหนึ่ง จินตกชไม่ได้ดูถูกเจ้าหล่อนสักนิด แค่ไม่คาดหวังเลยต่างหาก

สาวเจ้าทำปากยื่น "เห็นแบบนี้ฉันก็มีทั้งพลังทิพย์และทักษะไม่น้อยนะคะ ไม่ได้อยู่เฉยๆ นะ ฝึกฝนเท่าที่ไหวด้วย" ยกแขนขึ้นมาเบ่งกล้าม ซึ่งมันแห้งเหมือนไม้กิ่งเล็กเท่านั้น เลยได้สายตาสมเพชทับถมเพิ่มให้อีกอย่างส่งสาวเจ้าลงไปนั่งวนนิ้วที่พื้นเลย

"ดูพวกเจ้าเชื่อถือกันมากเลยนะ" ถึงจินตกชเคยบอกว่าคิดหลอกใช้เจียงอวี้เอี๋ยนเมื่อตอนเด็ก ทว่ายามนี้มองอย่างไรเจียงอวี้เอี๋ยวเชื่อมั่นในตัวผานเฉียงเต้าอย่างไม่มีความกังขาใดเลยแม้สักน้อย เจ้าตัวพร้อมตามหลังไปแม้ด้านหน้าคือความตายก็ตาม

"ถูกแล้วเจ้าคะ นอกจากพี่จินต์แล้วข้าไม่เชื่อถือใครทั้งนั้นแม้แต่ตนเองยังเชื่อไม่ได้เท่าเชื่อพี่จินต์เลยเจ้าค่ะ" เจ้าหล่อนพูดอย่างหนักแน่น นั่นทำจินตกชขนลุกพรึบทั้งตัวขยับห่างออกไปหลายก้าว

"พูดอะไรของเธอเนี่ย ขนลุกนะเว้ย!" ยกแขนขึ้นมาลูบเสียหลายครั้ง

"ฉันเชื่อว่าพี่จินต์ตบจอมมารหัวทิ่มได้แน่นอนต่อให้ฆ่าไม่ได้แต่ทำให้ทางนั้นกลับไปรักษาตัวหลายปีได้แน่นอน ฉะนั้นท่านลู่เยวี่ยสือปิดด่านเลื่อนระดับได้เลยเจ้าค่ะ เพียงแต่รีบหน่อยอย่าหลายปีนักนะเจ้าคะ"

"ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ ห้าปีนี้ท่านอาจารย์ไม่อนุญาตให้ข้าปิดด่านเลื่อนขั้นเด็ดขาด" ลู่เยวี่ยสือพูดอย่างขมขื่น

"ทำไม!?" จินตกชกับอิลิเลียถามขึ้นพร้อมกัน

"ท่านอาจารย์เคยบอกว่าการปิดด่านของข้าไม่ทำให้เลื่อนระดับได้ ฝืนปิดด่านไปก็เสียเวลาเปล่าสู้เอามาฝึกฝนตามที่ท่านสอนจะเลื่อนระดับได้มากกว่า" ใช่ว่าเขาไม่เคยขอทว่าท่านอาจารย์ไม่เคยอนุญาตสักครั้ง

คนขี้ริ้วจับจ้องลู่เยวี่ยสือตรงๆ แววตานั้นทำเอาคนถูกจ้องสันหลังเย็นรู้สึกอันตรายร้ายแรงได้ฉับพลัน นั่นทำให้เขากระชับกระบี่ในมือแน่นแบบพร้อมตอบโต้ทันทีถ้ามีการจู่โจม

"คิดว่าเอาชนะข้าในยามนี้ได้หรือเปล่า?" จินตกชถามง่ายๆ

ไม่ต้องใช้เวลาคิดแม้สักชั่วจิบชา "แน่นอน ถึงยามนี้เจ้าเคลื่อนไหวได้ไม่ติดขัดแล้วก็ตาม"

จินตกชพยักหน้า "แล้วแบบนี้ล่ะ" พลังจิตระดับแม็กซ์หลอมรวมกับพลังจากการฝึกฝนเกือบสามปีแผ่ออกมาชั่วแวบพุ่งตรงเข้าชนพระเอกตรงๆ ทำเอาทางนั้นสะท้านเฮือกแล้วตวัดกระบี่เข้าใส่แบบอัตโนมัติ แล้วลู่เยวี่ยสือก็หน้าเปลี่ยนสีเก็บสีหน้าตระหนกไม่ได้

กระบี่วิเศษประจำกายถูกมือเปล่าจับไว้อย่างมั่นคงไม่ว่าออกแรงดึงกลับมากแค่ไหนก็ไม่ขยับออกจากมือคนขี้ริ้วที่จับไว้หลวมๆ

"ข้าว่าตอนนี้เจ้าคงต้องแหกกฎเสียกระมัง ฮู่ซานต้องการผู้ทรงอำนาจที่สามารถปกป้องสำนักได้ แต่เจ้าในยามนี้กระจอกยิ่ง ข้าไม่อยากเอาความจริงมาพูดสักเท่าไหร่เพราะคงกระทบใจเจ้าเกินไป ทว่าอย่างไรก็ต้องพูด เจ้าสำนักเลี้ยงเจ้าไว้เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนรับด่านเคราะห์ในการเลื่อนขั้นเท่านั้น ซึ่งอีกสิบเดือนก็ใช้เจ้าได้แล้ว อย่ามาทำเป็นไม่รู้ เจ้ารู้ดีอยู่ทุกเวลา" จินตกชพูดอย่างจริงจัง "อ่านความรู้สึกได้ระดับเจ้ายังมีใครในทั่วหล้าปิดบังความรู้สึกแท้จริงจากเจ้าได้อีก เลิกหลอกตนเองเสียทีลู่เยวี่ยสือ เจ้าไม่มีเวลามาเสียอย่างเปล่าประโยชน์นานกว่านี้แล้ว"

"เลี้ยงไว้เป็นตัวตายตัวแทนหรือคะ?... โหดร้ายนะแบบนั้น" สาวเจ้าอ่านต้นฉบับมาแล้วพระเอกรักและเคารพอาจารย์เจ้าสำนักจากใจ ทำทุกอย่างตามคำสั่งไม่เคยขัดว่านอนสอนง่ายเพื่อให้ได้รับความรักความเอาใจใส่จากทางนั้น เชื่อฟังราวสุนัขเชื่องๆ แต่ตามต้นฉบับเลี้ยงไว้เป็นหุ่นเชิดเท่านั้นนี่นา เนื้อเรื่องเปลี่ยนแบบนี้เธออดมองจินตกชอย่างกังวลไม่ได้

"เจ้า... รู้อย่างนั้นหรือ?" ปราณทิพย์ผสมด้วยจิตสังหารแผ่ออกมาแม้เจ้าตัวพยายามกดข่มไว้ก็ตาม

"รู้สิ ในเมื่อโดนมากับตัวนี่นา"

"ถ้าข้าปิดด่านแล้วจอมมารบุกมาเล่า เท่าที่เหลืออยู่ในสำนักยามนี้ไม่มีทางต้านไหวแน่นอน" แม้เขาไม่ชอบหลายคนในสำนักฮู่ซานนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้พินาศ

"บอกแล้วไงว่าข้าจะต้านไว้ให้ คงอีกห้าหกวันนั่นแหละกว่าจอมมารจะบุกมา อย่างน้อยก็คงส่งใครมาสำรวจอีกครั้งก่อนว่าตอนนี้อาวุโสทั้งหลายไม่อยู่จริงๆ ถึงมา" จินตกชทบทวนเนื้อเรื่องในหัวอีกครั้ง "ห้าหกวันนั่นท่านเจ้าสำนักกับอาวุโสทั้งหลายคงกลับมาถึงพอดี ฉะนั้นเจ้ามีเวลาตัดสินใจว่าจะแหกกฎแค่เวลาที่ว่าเท่านั้น ออกมาจากปิดด่านแล้วโดนเจ้าสำนักลงโทษหรือรอจอมมารมาฆ่าล้างสำนักล่ะ"

ลู่เยวี่ยสือนิ่งเงียบเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง อิลิเลียขยับเข้าไปติดจินตกช

"เนื้อเรื่องเปลี่ยนจริงหรือคะพี่จินต์" เธอกระซิบด้วยภาษาอื่นซึ่งในโลกนี่ไม่มีใช้

"เปลี่ยนสิ ตั้งแต่ภารกิจของฉันโดนกำหนดมาแบบนั้นมันก็เปลี่ยนแล้ว" จินตกชตอบกลับด้วยภาษาเดียวกัน

ทั้งสองไม่คาดครั้นคำตอบจากพระเอกในยามนี้ จินตกชขอไปดูว่าคนบาดเจ็บว่ามีมากไหมจากการบุกถล่มของหวางปังและมีเจียงอวี้เอี๋ยนตามไปด้วย ปล่อยให้ลู่เยวี่ยสือคิดตัดสินใจเงียบๆ คนเดียว ทว่าที่พระเอกคิดกลับเป็นเรื่องแรงผลักดันให้เขาอยากเก่งขึ้นไม่ใช่เพื่อโค่นล้มจอมมาร ปกป้องสำนักหรือทำลายโลก เขาอยากเก่งกาจมากขึ้นเพื่อให้ใครบางคนยอมรับว่าเทียบชั้นกันได้มากกว่า

เจ้าคนที่มักทิ้งเงาเบื้องหลังที่แข็งแกร่งไว้ ส่วนเจ้าตัวก็พุ่งทะยานออกไปอย่างไม่คิดหวนคืน เมื่อใดที่ตัดสินใจพุ่งออกไปก็เหมือนลูกศรที่ถูกปล่อยออกไป ไม่ทำลายเป้าหมายพินาศก็ทำลายตนเองย่อยยับ ทว่าไม่เคยมีความลังเลในการตัดสินใจสักนิด มันจะมีสิ่งใดหรือสาเหตุไหนใช้ดึงไว้ได้บ้างหรือไม่

ยามนี้ลู่เยวี่ยสือยิ่งรู้สึกว่าเวลาไม่มีแล้วเช่นกัน คนผู้นั้นเตรียมตัวพร้อมพุ่งออกไปแล้วถ้าเห็นเป้าหมายในสายตา และไม่มีสิ่งใดห้ามเขาได้ทั้งสิ้น

ศิษย์ฮู่ซานเป็นร้อยตื่นตกใจกับสภาพภูเขาหนึ่งลูกที่ยามนี้ยังมีควันไฟลอยกรุ่นอยู่หลายจุด ต่างโวยวายอย่างหวาดกลัว ส่วนคนเจ็บกำลังได้รับการช่วยเหลือ คนหายคนตายกำลังตรวจจำนวน ลู่เยวี่ยสือตามมาสั่งการหลังจินตกชกับอิลิเลียมายืนเฝ้ากองผู้เสียชีวิตได้ครู่หนึ่งแล้ว

"นี่แค่ยืมร่างเองนะ ถ้ามาจริงฮู่ซานคงเหลือแต่ชื่อแน่เลย" พอมาเดินดูในที่ถูกทำลายของจริงแล้วสันหลังอิลิเลียเย็นเฉียบขึ้นมาเลย "พี่จินต์แน่ใจไหมว่าต้านไหว"

"ไหวอยู่แล้วเห็นเอ๋อๆ แบบนี้ก็มีดีพอโชว์บ้างล่ะน่า ขอแค่พวกผู้อาวุโสกลับมาช่วยแนวหลังด้วยนะ ถ้าให้ฉายเดี่ยวก็จองคิวแผนกชันสูตรได้เลย" ไม่ได้ออกไปช่วยอะไรพวกเขาแต่ก็ยืนดูใกล้ชิดกองร่างคลุมผ้าละกัน

"ว่าแต่เราไม่มีที่ยืนดูดีกว่านี้แล้วหรือคะ?" ต่อให้ที่กองๆ อยู่นั่นแท้จริงแล้วเกิดจากตัวอักษรเท่านั้นแต่ตอนนี้สี่มิติจนแยกไม่ออกแล้วว่านั่นไม่ใช่ของจริง

"อยากออกไปช่วยหรอกนะแต่ไม่มีใครอยากให้ช่วยนี่นา ยืนเฝ้ากองนี้ให้พวกเขาไปละกัน" จินตกชเลือกหน้าที่รับผิดชอบได้ดี ตอนนี้ใครก็ไม่ว่างมาดูแลกองห่อผ้านี้ทั้งนั้น ครั้นหันมาเห็นคนขี้ริ้วเฝ้าอยู่คราแรกสะดุ้งคิดว่าใครคืนชีพ มองอีกทีเจ้าสวะขี้ริ้วนี่เอง และมันก็ทำให้ใครก็ตามที่เผลอหันมาเจอสะดุ้งทุกคน เป็นที่ขำเบาๆ ของผู้เข้ามาเดินเล่นทั้งสองไม่น้อยทว่าหัวเราะออกไปไม่ได้

กว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ล่วงเลยมาถึงบ่ายของอีกวัน จดหมายด่วนส่งไปถึงเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสหลายชั่วยามแล้ว คาดว่าทั้งหมดคงรีบกลับมา ถ้าไม่แวะพักไถลที่ไหนห้าหกวันกลับถึงฮู่ซานแน่นอน ถ้าเกินกว่านั้นอาจเกิดเรื่องระหว่างทางหรือไม่ก็ไม่คิดกลับมาเอาตัวรอดโดยทิ้งสำนักชั่วคราวเรื่องสงบแล้วกลับมาก่อตั้งใหม่

คนขี้ริ้วยืนมองท้องฟ้าในลานเล็กหน้าเรือนพักของกังจวี้ ต้นสนขยับไหวตามแรงลมที่พัดพาลางร้ายสู่ฮู่ซาน

ภารกิจยังไม่สำเร็จแต่แววตายอนาถมากวักมือเรียกแล้วนี่สิ มีไฟท์แก้ตัวให้หรือเปล่านะ

จินตกชเครียดจริงจัง ถ้าล้มเหลวนักเขียนท่านหนึ่งรวมทั้งผลงานทั้งหมดจะกลายเป็นไม่มี สำหรับหนอนหนังสือแล้วบทลงโทษนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าตนเองโดนลบเสียอีก

"ผานเฉียงเต้า" ลู่เยวี่ยสือมาเงียบๆ แบบจินตกชกับอิลิเลียไม่รู้ตัวเลยจนเขาส่งเสียง

"ว่าไงหรือ?" สีหน้าพระเอกที่ทั้งสองเห็นยามนี้เหมือนคนตัดสินใจบางเรื่องเด็ดขาดแล้ว

"ข้าจะปิดด่านเลื่อนระดับ เจ้าแน่ใจหรือว่าถ้าท่านอาจารย์กับเหล่าผู้อาวุโสกลับมาจะกันไม่ให้พวกเขาไปลากข้าออกมาได้"

ก็ไม่รู้ว่าทำไมจินตกชถึงคิดว่าลู่เยวี่ยสือกำลังขอให้ตนช่วยอยู่ เจ้าตัวไหวไหล่ "อย่ากังวลเลย ข้าน่ะหนายิ่งกว่าแอสฟัลต์ราดถนนอีกผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านั้นผ่านข้าไปลากเจ้าออกมาก่อนเวลาไม่ได้แน่นอน"

ลู่เยวี่ยสือไม่เข้าใจที่จินตกชใช้เปรียบเทียบว่ามันคืออะไรหัวคิ้วพ่อคุณงอมาชนกันเลย

จินตกชหัวเราะหลอกหลอน "ถ้าเจ้าตัดสินใจแล้วรีบไปเถอะ ส่วนเจ้าพวกนั้นถ้าถามหาว่าเจ้าหายไปไหนข้ารับหน้าเอง" พยักหน้าไปทางศิษย์ฮู่ซานกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรวจตราผ่านไป

ลู่เยวี่ยสือพยักหน้าน้อยๆ แม้ตัดสินใจดีแล้วแต่เขายังกังวลว่าหลังจากออกมาจากปิดด่านฮู่ซานจะยังเหลืออยู่หรือไม่รวมทั้งคนที่ราวลูกธนูขึ้นสายพร้อมยิงทุกเวลาคนนี้ล่ะ จะยังอยู่ไหม

ลู่เยวี่ยสือท่องกระบี่มายังภูเขาที่ใช้ปิดด่านเลื่อนระดับ มันมีคูหาถ้ำมากมายและมีค่ายกลแข็งแกร่งยากที่สิ่งใดสามารถทำลายได้ หนึ่งในคูหามากมายนี้กังจวี้ปิดด่านเลื่อนระดับอยู่ ฉะนั้นออกไปช่วยฮู่ซานไม่ได้แน่นอนแต่ยังทิ้งลูกศิษย์ร้ายกาจไว้หนึ่งคนราวรู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ในเมื่ออาวุโสกังจวี้เชื่อมั่นในตัวผานเฉียงเต้า เขาเชื่อบ้างก็คงได้ คิดเช่นนั้นแล้วเจ้าตัวก็เดินหายเข้าไปในคูหาลึกสุดของถ้ำ