webnovel

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น 'ตัวหายนะ' เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

เยวี่ยเชียนโฉว · Oriental
Sin suficientes valoraciones
1157 Chs

055 วัดเมี่ยวฝ่า (10)

บทที่ 55 วัดเมี่ยวฝ่า (10)

หลังจากการหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มบัณฑิตและพ่อครัวก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นเถ้าแก่เนี้ยถูกอุ้มอยู่ในอกของเหมียวอี้ นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่ทำให้พวกเขาตกใจถึงขีดสุด

ที่น่าตกใจที่สุดคือ เหมียวอี้คว้าตัวเถ้าแก่เนี้ยอุ้มหนีไปไม่กล่าว พวกเขากลับสังเกตได้ว่ามืออีกข้างของเหมียวอี้ช่างบังเอิญคว้าจับหน้าอกอันอวบอิ่มข้างหนึ่งของเถ้าแก่เนี้ยไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างที่ถือทวนนั้นจับอยู่ตรงบั้นท้ายของนางอย่างเหมาะเจาะ

สภาพเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาสับสน ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์ไม่สิ้นสุด เหมือนแทบจะลืมไปแล้วว่าความเร็วในการวิ่งหนีของพวกเขานั้นไม่เหมือนเช่นมนุษย์ธรรมดา ถึงระดับที่สามารถตามความเร็วการวิ่งของเหมียวอี้ทันได้

ในตอนนี้เถ้าแก่เนี้ยที่ถูกเหมียวอี้กอดรัดอยู่ในอ้อมอกนั้นเรียกได้ว่าอับอายยิ่งนัก หน้าอกและบั้นท้ายอยู่ดีๆ ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของชายแปลกหน้าทำให้นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แก้มสีขาวราวข้าวสาลีนั้น แดงสุกไปทั่วในฉับพลัน ไร้สติเมามาย หัวใจเต้นตึกตักอย่างรุนแรง

พ่อครัวส่งเสียงเอ่ยกับบัณฑิตว่า "ครั้งนี้เถ้าแก่เนี้ยล้อเล่นจนเลยเถิดไปแล้ว"

บัณฑิต "ใช่สิ! แม้แต่ตัวเองก็ดึงเข้าไปแล้ว เสียรู้ให้ผู้อื่นเช่นนี้ เจ้าตัวคงไม่อาจโกรธเคืองได้ ใครใช้ให้พวกเรารนหาที่"

พ่อครัว "เจ้าว่า… อีกสักพักเถ้าแก่เนี้ยจะตัดมือสองข้างของเจ้านั่นออกหรือเปล่า?"

บัณฑิต "ก็ไม่รู้สินะ"

พ่อครัว "เจ้าหนุ่มนั่นก็ไม่เลวนะ ตายไปคงน่าเสียดาย"

เถ้าแก่เนี้ยที่ถูกพาดตัวแนวนอนในอ้อมอก เหมือนกับสังเกตได้ถึงท่าทีแปลกประหลาดของลูกน้อง จึงหันกลับมามอง ก็รู้ว่าเจ้าพวกนั้นกำลังคิดอะไร ฟันขาวขบปาก จ้องพวกเขาอย่างดุดัน เสมือนส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง

พวกเขาลูบจมูกยิ้มแหย

"พวกเจ้าซ่อนตัวก่อน รอข้าหลอกล่อนางไปอีกทาง พวกเจ้าก็รีบกลับไปยังเส้นทางเดิม รีบหนีไปจากที่นี่ จะหนีรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตาของพวกเจ้าแล้ว ที่ข้าสามารถทำได้มีเพียงเท่านี้ พยายามสุดความสามารถแล้ว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเจ้าจะหาว่าข้าไม่สำนึกบุญคุณไม่ได้" เหมียวอี้อุ้มเถ้าแก่เนี้ยพลางวิ่งพลางเอ่ย

เถ้าแก่เนี้ยที่ทอดตัวอยู่ในอ้อมอกเขาหันกลับมามอง กะพริบตาพลางเอ่ยถาม "แล้วตัวเจ้าล่ะจะทำอย่างไร?"

"จะทำอะไรได้อีกล่ะ? อย่างมากก็แค่ตอบตกลง เข้าร่วมฝึกคู่รักหยินหยางกับนาง!" หลังจากเหน็บแนมตัวเอง เหมียวอี้กลอกตาขึ้นและพูด "พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ"

เถ้าแก่เนี้ยเอียงคอไม่พูดอะไร ในใจคิดว่า บุ่มบ่ามและโง่งมเช่นเจ้า เป็นใครกันแน่ที่ไม่เข้าใจ

แต่หญิงสาวชุดแดงที่หายตัวออกมาจากวัดยังคงตื่นตระหนกเฉกเช่นอะไรบางอย่าง ปัดป้องเรือนร่างของตน ร่ายอิทธิฤทธิ์สกัดสิ่งแปลกปลอม หวาดกลัวว่าจะมี 'ผงสลายหยิน' แม้เพียงน้อยนิดสัมผัสร่างของนาง

จนมั่นใจแล้วว่าไม่เป็นอะไร กลับต้องตะลึงอีกหน เมื่อเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง กางฝ่ามือห้านิ้วคว้าไปยังกลุ่มควันที่ลอยเคว้งอยู่ภายในวัด กลุ่มควันกลุ่มหนึ่งลอยตัวเข้ามา ผนึกรวมตัวเป็นลักษณะทรงกลมอย่างรวดเร็ว ลอยตัวอยู่เบื้องหน้าของนาง

นางขยับจมูกเข้าไปสูดดมใกล้ๆ ทันใดนั้นก็ยื่นมือคว้าหยิบลูกทรงกลมสีดำ โพละ! บีบขย้ำเจ้าสิ่งนั้นแหลกสลายคามือ พลันเปลี่ยนเป็นใบหน้าดุร้าย ริมฝีปากสะกดออกมาทีละคำทีละคำว่า "ผง…ถ่าน!"

ถึงได้รู้ตัวว่าตนนั้นได้ถูกหลอกด้วยกลอุบายเด็กๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงเล่ห์กลไร้ยางอายที่พวกพเนจรริมถนนใช้เท่านั้น

"อา" เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นฟ้า ดันกลุ่มก้อนเมฆกระจายแตกออก เส้นผมสีดำแผ่สยาย ชุดกระโปรงสีแดงโบกสะบัด ราวกับอารมณ์ที่โกรธเคืองถึงขีดสุด

ในตอนนี้เหมียวอี้นั้นได้พาเถ้าแก่เนี้ยไปซ่อนไว้ในหลุมโพรงกองหญ้า และให้พวกบัณฑิตเหล่านั้นโดดลงไปซ่อนตัว เหมือนกับไม่ได้เอะใจเลยว่าเหตุใดคนธรรมดาเหล่านี้ถึงสามารถตามความเร็วของเขาได้ทัน ในความเป็นจริงแม้แต่เหล่าบัณฑิตเองก็ไม่ได้สังเกตถึงจุดนี้เช่นกัน

อีกทางห่วงแต่จะเอาชีวิตรอด อีกทางก็จดจ่ออยู่กับเถ้าแก่เนี้ยที่ถูกแต๊ะอั๋ง

ส่วนตัวเหมียวอี้นั้นถลันตัวไปยังส่วนบนของผืนป่าอย่างรวดเร็ว ถือทวนเหนือยอดไม้ทะยานเคลื่อนตัว เฉกเช่นลมพายุหอบพัด มุ่งหน้าวิ่งหนีไปยังอีกทิศทาง

ไม่วิ่งคงไม่ได้ จากสภาพการสูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาในตอนนี้ แทบจะไม่มีหนทางที่จะต่อสู้ได้อีก หวังเพียงช่วยเหลือคนกลุ่มนั้นหลอกล่อผีสาวไปอีกทาง จากนั้นตนค่อยรีบหาที่หลบซ่อนตัวให้เร็วที่สุด หากหลบไม่พ้น ก็คงทำได้เพียงยอมผีสาวชั่วคราวไปก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดหาวิธี

เสียงคำรามของผีสาวในวัดดังก้องมาแต่ไกล เหมียวอี้หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงหนึ่งเงาชุดสีแดงสดยืนอยู่บนจุดสูงสุดของหลังคาใต้แสงจันทร์ จากนั้นหายตัวไปอย่างว่องไว ตลอดทางผลุบโผล่อยู่ตามกิ่งไม้ มุ่งตรงตามมายังทิศทางนี้ เห็นได้ชัดว่าเขากลายเป็นเป้าหมายแล้ว ความเร็วนั้นรวดเร็วกว่าความเร็วการวิ่งหนีของเขาเสียอีก

จบกัน! เหมียวอี้ยิ้มขมขื่นในใจ ไม่รู้ว่าการหลอกนางเพียงหนึ่งหน นางยังจะอยากร่วมฝึกคู่รักหยินหยางแล้วปล่อยเขาไปหรือไม่ ถึงแม้จะยอมปล่อยเขา แต่ตำแหน่งหัวหน้าถ้ำของเขาก็คงต้องฝันสลายเสียแล้ว

"ท่านพี่ ท่านจะทิ้งน้องหนีไปที่ใดกัน?"

ถ้อยคำที่เปียมไปด้วยอาลัยรักดังขึ้นจากด้านหลัง เพียงแต่น้ำเสียงนั้นแสนจะเย็นยะเยือก รู้สึกได้ว่าผู้ที่เอ่ยออกมานั้นกำลังกัดฟันเอ่ยมันออกมา

เหมียวอี้หันกลับไปมอง เห็นภาพเส้นผมยาวของหญิงสาวชุดแดงแผ่สยาย หลอกหลอนติดตามเขาอยู่ด้านหลังอย่างน่ากลัว

เหมียวอี้หนีเข้าไปในป่า แต่กลับเห็นเงาแสงสีแดง หญิงสาวชุดแดงขวางเขาอยู่ด้านหน้า

เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ฟันทวนลงไปอย่างรวดเร็วและดุดัน

แค่อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาในตอนนี้ ที่จริงแล้วทวนเล่มนี้ก็ไม่ได้ร้ายกาจสักเท่าไหร่หรอก

ปัง! ครั้นผีผากระดูกขาวในมือโบกสะบัด ปัดป้องทวนที่โจมตีเข้ามา นางก็หายตัวอย่างรวดเร็ว ไปอยู่ที่เบื้องหน้าของเหมียวอี้ คว้าจับข้อมือเหมียวอี้ไว้ "ท่านพี่ ช่างใจอำมหิตเหลือเกิน…อ๊า!"

พูดยังไม่ทันจบ หญิงสาวชุดแดงก็ร้องเสียงแหลม ประหนึ่งแมวที่ถูกเหยียบหาง หนีออกมาอย่างรวดเร็ว มือไม้สั่น

มือที่คว้าข้อมือเหมียวอี้ไว้ได้เมื่อสักครู่กำลังเผชิญกับควันมืด ฝ่ามือราวกับถูกไฟเผา ดำเป็นตอตะโก

นางมองเหมียวอี้ด้วยความตกใจ การจับเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่ข้อมือของเหมียวอี้ แต่เหมือนมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อจับเจอก้อนเหล็กที่เผาไหม้จนแดงโร่ ร้อนจนขว้างทิ้งไม่ทัน

"ที่เจ้าฝึกนั่นมันวิชาอะไร?" หญิงสาวชุดแดงถามอย่างสงสัย

นางจับข้อมือเหมียวอี้ไว้ได้ ไม่พูดถึงอาการปวดแสบปวดร้อนนั้นที่แทบทนไม่ได้ แม้จะยังมีความรู้สึกกดดันราวกับวิญญาณมืดที่เจอกับแสงอาทิตย์ยามกลางวันอยู่ก็ตาม นี่เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ตกอกตกใจกันไปหมด การสัมผัสนั้นทำให้วิญญาณตนสั่นสะท้าน และดูเหมือนว่าพลังอิทธิฤทธิ์ที่อีกฝ่ายฝึกมาจะควบคุมมนต์ดำนี้ไว้ได้

เหมียวอี้ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับวิชาที่ตนฝึก เห็นอีกฝ่ายสัมผัสตัวเองไม่ได้ ทันใดนั้นจิตวิญญาณก็กลับมา ชักทวนออกมาโจมตี และยังโม้อีกว่า "ลองสู้กับวิชาวิญญาณมืดของเจ้าหน่อยเป็นไง!"

หญิงสาวชุดแดงหลบซ่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้าเข้าใกล้เหมียวอี้อีก แต่ผีผากระดูกขาวในมือทั้งสองหัว กลับยิงระเบิดตัดเดือยกระดูกเป็นสองชิ้น

ที่จริงแล้วแต่ก่อนนางอยากลากเหมียวอี้มาเป็นคู่รักนักพรตหยินหยางกับตน แต่ตอนนี้ไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ผู้ชายที่แม้แต่สัมผัสก็สัมผัสไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงความสนิทสนมกลมเกลียวแบบหนุ่มสาวเลยด้วยซ้ำ กลัวก็แต่ว่าการใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาจะเป็นปัญหา จะลากมาเป็นคู่ฝึกได้ที่ไหนกัน นางคงกลัวจนจิตเตลิดแน่

ตอนนี้ นางคิดแต่จะกำจัดหายนะนี้ไปซะ

ผีผากระดูกขาวเชื่อฟังคำสั่ง แกว่งทวนยาวไปมา แทงกระดูกปลายหางไปที่หน้าอกเหมียวอี้อย่างเคียดแค้น

เหมียวอี้รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีหลบไปอีกทาง ทันใดนั้นหญิงสาวชุดแดงก็กดเขาลงอย่างหนัก ไม่ให้เหมียวอี้มีโอกาสได้หายใจ

มองดูเหมียวอี้ที่อยู่ในช่วงเวลาความเป็นความตาย จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวผ่าลงมาอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวชุดแดงตาพร่าไปด้วยแสงสีขาวที่สาดเข้ามา ทันใดนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ไม่อาจปกปิดได้ นางเลิกไล่ล่าเหมียวอี้ แล้วหันหลังกลับวิ่งหนีไป

…………………………