บทที่ 43 มีก้างขวางคอ(2)
สงเซียวตอบว่า "ในอาณาเขตที่ข้าควบคุมมีพรตผีคตนหนึ่งสร้างปัญหาอยู่ มันจู่โจมและก่อกวนสาวกที่สัญจรผ่านไปมา หลังจากข้าได้ข่าว ก็เคยส่งนักพรตบงกชขาวขั้นสามคตนหนึ่งไปสังหาร ทั้งสองฝ่ายต่อสู้สูสีกันยังไม่รู้แพ้รู้ชนะเสียที พรตผีตนคนนั้นจึงหนีไปได้ ข้าอยากจะส่งกำลังพลไปเพิ่มอีกครั้งเพื่อสังหารพรตผีตนคนนั้น บังเอิญท่านประมุขจวนออกทำสงครามพอดี จึงไม่ทันได้จัดการลงโทษ เดิมทีคิดจะกลับไปจัดการผีร้ายนั่นอีก พอตอนนี้มาคิดดูแล้ว ทำไมไม่ส่งเหมียวอี้ไปสร้างความดีความชอบนี้ล่ะ!"
เหมียวอี้เบิกตาโพลงจ้องมองเขา มันเรื่องบ้าอะไรกัน จะให้ข้าไปรับมือกับพรตผีที่ฝีมือใกล้เคียงกับนักพรตบงกชขาวขั้นสามเนี่ยนะ นี่จะส่งให้ข้าไปสร้างผลงาน หรืออยากจะทำร้ายข้ากันแน่?
ทุกคนจ้องจ้องมองสงเซียว พวกเขาต่างมีความคิดแบบเดียวกัน
หยางชิ่งก็ไม่ใช่คนโง่ ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "ก่อนหน้านี้ที่เขาสังหารนักพรตบงกชขาวขั้นสามได้เป็นเพราะโชคช่วยล้วนๆ เจ้าแน่ใจนะว่าการไปครั้งนี้จะกำจัดพรตผีตนคนนั้นได้สำเร็จ?
สงเซียวหัวเราะ "เดิมทีเรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่ภายในเขตของข้า ข้าย่อมนั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้แน่ ข้าจะให้นักพรตบงกชขาวขั้นสามสองตนคนติดตามไปกับเขาด้วย คาดว่าการสร้างคุณงามความดีนี้ของเขาจะไม่มีปัญหาใหญ่โตแน่ "
ทุกคนเข้าใจทันที เขาหาข้ออ้างเพื่อมอบคุณงามความดีให้เจ้าเด็กเหมียวอี้นี่จริงๆ ด้วย สงเซียวคนนี้รู้จักพูดประจบประมุขจวนจริงๆ จะทางเลี้ยวทางอ้อมก็หาทางประจบจนได้
เหมียวอี้เองก็โล่งใจขึ้นมาแล้ว แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย
หยางชิ่งพยักหน้า แล้วหัวเราะพลางมองไปที่เหมียวอี้แล้วพูดว่า "เหมียวอี้ เจ้าคงได้ยินหมดแล้ว หากเจ้ายินดีไปสร้างความดีความชอบนี้ พอกลับมาแล้ว เจ้าก็มารับตำแหน่งประมุขแห่งถ้ำล่องนิภาได้เลย"
"ข้าน้อยยินดีรับบัญชา!" เหมียวอี้ตกปากรับคำ พอมีเหตุพลิกผันมากมายเข้า คำพูดที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าพูด ตอนนี้กลับพูดออกมาได้ง่ายขึ้นแล้ว เขากุมหมัดคารวะ "เพียงแต่ว่าข้ามีคำขออย่างหนึ่งที่ดูไร้สาระ หวังว่าท่านประมุขจวนจะช่วยให้สมหวังได้!"
ฉินเวยเวยทำสีหน้าเหยียดหยาม คาดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะกล้าต่อรองกับท่านประมุขจวน
หยางชิ่งก็ไม่ได้จิตใจคับแคบ เขายิ้มแล้วพยักหน้าตอบ "ว่ามา!"
เหมียวอี้ลองถามดู "ท่านประมุขจวน เปลี่ยนจากถ้ำล่องนิภาเป็นถ้ำคล้อยบูรพาได้หรือไม่? ข้าหมายถึง เมื่อข้าสร้างผลงานกลับมาแล้ว ให้ข้าเป็นประมุขถ้ำคล้อยบูรพาได้หรือไม่?"
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สาวกของถ้ำล่องนิภากับสาวกถ้ำคล้อยบูรพาเหมือนจะพอๆ กัน ในเขตนั้นก็ไม่มีผลผลิตพิเศษอะไรด้วย เปลี่ยนแล้วจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ?
หยางชิ่งงงงันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็คิดว่าตนเองเข้าใจแล้วล่ะ เขานึกถึงจี้ซิ่วฟางที่เหมียวอี้เคยไปช่วยชีวิตนางที่ 'จวนเฉิงย่วน' ขึ้นมาได้ คาดว่าคงจะถือโอกาสดูแลได้สะดวก
ที่จริงนี่เป็นเพียงแค่เหตุผลหนึ่งเท่านั้น หากอยากดูแลจริงๆ อย่างมากก็แค่รับนางมาอยู่ที่เมืองล่องนิภาหลังจากที่เขาได้เป็นประมุขถ้ำล่องนิภาแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือ เหมียวอี้พอใจกับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของถ้ำคล้อยบูรพาที่อยู่ใกล้ทะเล หลังจากเข้าใจที่เหยียนซิวเตือนแล้ว ว่าทำไมเขาจึงสามารถต้านทานการกดดันด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ของนักพรตขั้นสูงได้ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ควรละทิ้งวิธีฝึกฝนที่เหล่าไป๋แนะนำ ควรจะฝึกต่อไป
"ตกลง!" หยางชิ่งรับปากแล้ว
จากนั้นก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ออกไป การแต่งตั้งตำแหน่งที่สูงขึ้นหลังจากนี้ เป็นสิ่งที่ระดับขั้นของเหมียวอี้ในปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าร่วมได้
เหมียวอี้ก็ต้องขอบคุณแล้วออกไปเป็นธรรมดา แต่ยังมีความรู้สึกไม่สบายใจกับสงเซียวอยู่ เห็นเนื้อวางอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่กลับต้องตวัดกินแมลงวันไปก่อน เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก อยากเป็นประมุขถ้ำทำไม่มันยากแบบนี้?
ในตำหนักใหญ่ เสียงของหยางชิ่งดังขึ้นอีกครั้ง "ไม่ว่าจะเป็นถ้ำล่องนิภา หรือถ้ำคล้อยบูรพา ล้วนอยู่ในสังกัดเขาเจิ้นไห่ มีใครยินดีจะไปนั่งบัญชาการณ์ที่เขาเจิ้นไห่มั้ย?"
ตำแหน่งนี้ไม่มีใครแย่งอยู่ดี เนื่องจากได้กำหนดเป็นการภายในตั้งนานแล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่กูกูใหญ่ชิงเหมยตั้งใจออกโรงมาแจ้งด้วยตัวเองทีละคน ว่าให้ทุกคนมาหารืองานราชการที่ตำหนักใหญ่ ก็เหมือนได้พูดออกมาอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เดิมทีนอกจากฉินเวยเวย ท่านประมุขจวนก็ประสงค์จะเลื่อนขั้นประมุขถ้ำทั้งเก้าสายให้เป็นประมุขขุนเขาทั้งหมด ภูเขาอีกลูกหนึ่งที่เหลือก็มอบให้สำนักหยกคราม เนื่องจากวรยุทธ์ของฉินเวยเวยต่ำไปหน่อย น่าเสียดายที่ประมุขถ้ำจวี้หยางสิ้นชีพไปเสียก่อนจะรับรู้ชัยชนะ อย่างไรเสียก็มอบภูเขาสองลูกให้สำนักหยกครามหมดไม่ได้หรอก มอบให้คนของตัวเองจึงะจะวางใจได้มากกว่า ว่ามั้ยล่ะ?
"ทุกคนย่อมก็พยักหน้าเห็นด้วยเป็นธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่ามอบให้คนนอกเหมาะกว่า แบบนั้นจะไม่จะกลายเป็นสาวไส้ให้กากินหรอกหรือ?"
แม้ชิงเหมยกูกูใหญ่จะดูเหมือนถามออกมาอย่างไม่เป็นทางการ แต่ทุกคนรู้ชัดอยู่แก่ใจ เอ่ยถึงฉินเวยเวยถึงสองครั้ง แล้วพูดอีกว่าเป็นคนของเราเอง แค่เดาก็รู้ถึงความหมายลึกซึ้งในคำพูดนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายละเอียด
ทุกคนเองก็เข้าใจ มีบางเรื่องที่หยางชิ่งไม่สะดวกใจที่จะเอ่ยปาก เขาเพียงแค่ยืมปากกูกูใหญ่บอกให้รู้เป็นนัยๆ ก็แค่นั้น
หยางชิ่งอยากช่วยให้ลูกสาวตนได้ขึ้นตำแหน่ง อยากให้ลูกสาวตนยึดครองพลังปรารถนาจากการเซ่นไหว้มากขึ้นอีกหน่อย อยากเพิ่มวรยุทธ์ของนางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกคนจะมีข้อโต้เถียงอะไรได้ล่ะ? หากเปลี่ยนให้พวกเขาได้นั่งตำแหน่งประมุขขุนเขาบ้าง ก็คงต้องการเลื่อนขั้นให้คนของตัวเองเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากกลับไปครั้งนี้ก็จะดำเนินการเลยด้วยซ้ำ
ผลสุดท้าย ตั้งแต่แรกหยางชิ่งใช้เหมียวอี้เพื่อเอ่ยถึงตำแหน่งประมุขแห่งเขาเจิ้นไห่ หยางชิ่งมีความคิดอย่างไรทุกคนเดาออกแล้ว ขนาดวรยุทธ์บงกชขาวขั้นหนึ่งอย่างเหมียวอี้ยังรับตำแหน่งประมุขถ้ำได้ แล้วฉินเวยเวยเป็นใครล่ะ… ทำไมจะกลายเป็นประมุขแห่งเขาเจิ้นไห่ไม่ได้?
เหมือนกับหยางชิ่งได้เปิดปากแผลไว้รอแล้ว เหลือแค่รอให้ทุกคนช่วยใส่ยาแค่นั้นเอง
ดังนั้น สงเซียวรีบมายืนอยู่ข้างหน้าคนอื่น กุมหมัดคารวะแล้วพูดว่า "ท่านประมุขจวน ข้าคิดว่าท่านประมุขฉินแห่งถ้ำร้อยบุปผา สามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้ "
"ข้าเห็นด้วย!"
"ข้าเห็นด้วย!"
กองกำลังเดิมของเขาเส้าไท่พากันยืนขึ้นเห็นด้วย มีเพียงฉินเวยเวยที่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัว เรื่องแบบนี้หากช่วยพูดแทนตัวเองจะดูไม่ดีเท่าไร
หยางชิ่งมองฉินเวยเวยแวบหนึ่ง ถามอย่างลังเล "วรยุทธ์ของนางเพียงแค่บงกชขาวขั้นห้า แต่งตั้งตำแหน่งประมุขขุนเขาเจิ้นไห่ให้ จะไม่เหมาะสมรึเปล่า?"
มีบางคนรีบตอบ "วรยุทธ์บงกชขาวขั้นหนึ่งอย่างเหมียวอี้ยังเป็นประมุขถ้ำได้ แล้วเหตุใดท่านประมุขถ้ำฉินเวยเวยจะเป็นประมุขขุนเขาไม่ได้? ข้าคิดว่าการแต่งตั้งบุคคลผู้มีความสามารถเพียบพร้อม มิจำเป็นต้องหลบเลี่ยงญาติพี่น้องตัวเอง!"
สงเซียวพูดอีกว่า "ข้าจำได้ว่าท่านประมุขจวนเคยกล่าวไว้ว่า ขอแค่เหมียวอี้ทำให้ทุกคนนับถือได้ก็พอ!" จากนั้นเขาก็ย้อนถามคนอื่น "ท่านประมุขถ้ำฉินเวยเวยนั่งตำแหน่งประมุขเขาเจิ้นไห่ ทุกคนจะนับถือมั้ยล่ะ? ไม่ว่าอย่างไร ข้าสงเซียวขอยกสองมือสนับสนุนเลย"
"เห็นด้วย!"
"เห็นด้วย!"
บรรดาประมุขถ้ำสายต่างๆ ที่ยังไม่ได้เป็นประมุขขุนเขาพร้อมใจกันเปล่งเสียงสนับสนุน ทุกคนอารมณ์ดุเดือดมาก ราวกับว่าประมุขเขาเจิ้นไห่ นอกจากฉินเวยเวยแล้ว ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใครพวกเขาล้วนไม่ยอมรับนับถือ
คนของสำนักหยกครามมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ประมุขถ้ำจวี้หยางตายขณะออกรบ มีตำแหน่งว่างออกมาแล้วหนึ่งตำแหน่ง เดิมทีพวกเขาอยากจะช่วงชิงตำแหน่งนี้ หากไม่ใช่เพราะสำนักหยกครามกับหยางชิ่งทำข้อตกลงกัน และมอบยาปีศาจขั้นสามให้ ชัยชนะในการรบครั้งนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
เดิมทีพวกเขาอยากรอให้ ประมุขขุนเขาสองตำแหน่งว่างลง แล้วค่อยครอบครองมันด้วยกัน
ตอนนี้มันจบแล้ว คนส่วนใหญ่สนับสนุนให้ฉินเวยเวยรับตำแหน่ง คนส่วนน้อยยอมทำตามคนส่วนมาก แม้ไม่พอใจก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเวยเวยก็เป็นลูกสาวบุญธรรมของหยางชิ่งด้วย ให้ดันทุรังคัดค้านคงไม่เหมาะ อย่างไรเสีย หลังจากนี้ไปก็ยังต้องส่งคนจำนวนมากไปปะปนกับลูกสมุนหยางชิ่งอยู่ดี คงไม่ดีแน่หากแสดงออกชัดว่าไม่ไว้หน้าเขา
คนของสำนักหยกครามเหมือนโดนอุดปากจนพูดไม่ออก
เห็นทุกคนยืนกรานเช่นนี้แล้ว หยางชิ่งทำสีหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถอนหายใจแล้วพูดว่า "เอาเถอะ! ฉินเวยเวย เจ้าเต็มใจจะรับตำแหน่งประมุขเขาเจิ้นไห่?"
ฉินเวยเวยก้าวออกมาพลางกุมหมัดคารวะทันที "ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดกำลัง จะไม่ทำให้ท่านประมุขจวนและหนานเสวียนต้องผิดหวัง!"
"ถ้างั้นก็เอาอย่างนี้แล้วกัน!" หยางชิ่งทำตามความคิดเห็นของคนหมู่มาก เขาโบกมือเป็นสัญญาณว่า ตำแหน่งประมุขเขาเจิ้นไห่ได้ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว
และต่อไป สงเซียวได้รับผิดชอบตำแหน่งเดิมของหยางชิ่ง กลายเป็นประมุขแห่งเขาเส้าไท่ บรรดาประมุขถ้ำก็พากันกลายเป็นประมุขขุนเขา
สำนักหยกครามได้ตำแหน่งประมุขขุนเขาไปเพียงตำแหน่งเดียว แต่พวกเขาก็ไม่เสียเปรียบ เพราะก่อนหน้านี้หยางชิ่งได้สัญญากับพวกเขาไว้แล้ว หลังจากตีจวนหนานเสวียนได้ ตำแหน่งมากมายที่ว่างอยู่ของถ้ำและหุบเขาแต่ละแห่ง ต้องมอบให้ศิษย์สำนักหยกครามก่อน
เท่ากับว่าตั้งแต่วันนี้ไป ศิษย์เกินครึ่งของสำนักหยกคราม จะกลายเป็นผู้ที่ได้เสวยสุขกับพลังปรารถนาจากการเซ่นไหว้อย่างเปิดเผย แถมยังได้เบี้ยเลี้ยงอื่นๆ อีก ไม่ต้องลำบากเสาะหาสิ่งของไปทุกหนทุกแห่งเพื่อมาเพิ่มวรยุทธ์อีกอีก โอกาสแบบนี้ ใช่ว่าทุกสำนักไหนจะได้รับไป
เพราะไม่ว่าจะเป็นกำลังของสำนักใดก็ตาม ต่อให้จะเก่งกาจกว่านี้ ก็ไม่เก่งเกินหกปราชญ์แห่งฟ้าดินอยู่ดี ที่หกปราชญ์แห่งฟ้าดินตั้งกฎฏเกณฑ์นี้ขึ้นมา ก็เพื่อยับยั้งสำนักใหญ่ๆ แต่ละแห่งไม่ให้โอหัง ไม่ว่าสำนักใด หากอยากเข้ามาในระบบนี้ล้วนต้องผ่านความยินยอม หลังจากเข้ามาแล้วก็ต้องรักษาระบบนี้ไว้ด้วย ใครกล้าแข็งข้อก็ลองดู!
ต่อให้สำนักหยกครามมีผู้กล้าสิบคน ก็ไม่กล้าเป็นปรปักษ์กับปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินแห่งแดนโพ้นสวรรค์หรอก
…………………………