บทที่ 26 เฮยทั่น
ตัวดำไปหน่อยน่ะไม่เป็นไร แต่ที่สำคัญก็คืออาชามังกรตัวนี้อ้วนเหมือนหมู อาชามังกรตัวอื่นก็เหมือนม้าปกติทั่วไป นอนหลับอยู่ในท่ายืน มีเพียง 'เฮยทั่น[1]' ที่ทำตัวต่างจากพวก ไม่นึกเลยว่ามันจะเอนกายลงนอน
แต่สิ่งที่ทำให้พูดไม่ออกยิ่งกว่านี้คือ 'เฮยทั่น' ขี้เกียจมาก ขณะที่อาชามังกรตัวอื่นพอวิ่งก็จะก็รวดเร็วปานฟ้าผ่า มีแต่เจ้า 'เฮยทั่น' ที่กลับยังเกียจคร้านเฉยชา วิ่งช้าๆ เนิบๆ ความเร็วไม่ต่างจากม้าธรรมดาทั่วไปเลย ตีกระตุ้นให้วิ่งก็ไร้ประโยชน์
'เฮยทั่น' เป็นตัวหนึ่งในฝูงอาชามังกรที่ประมุขถ้ำถ้ำล่องนิภาเสาะหาและรวบรวมมาไว้เมื่อสิบปีก่อน พวกเพื่อนๆ มันถูกนักพรตเลือกไปหมดแล้ว มีแต่เจ้าตัวนี้ที่ไม่ได้เรื่อง จะขี่มันไม่สู้ขี่ม้าธรรมดาดีกว่า เจ้าตัวนี้ยังถือว่าเป็นอาชามังกรด้วยเหรอ?
ไม่มีนักพรตคนไหนชื่นชอบมัน ต่างพากันหลบมันให้ไกล กลัวว่าจะถูกยัดเยียดมาแก้ขัดให้ตนเอง
คนขี้เกียจก็มีโชคดีของตัวเอง อาชามังกรขี้เกียจก็มีโชคดีของอาชามังกรเช่นกัน พวกม้าประเภทเดียวกับมันต่างก็เปลี่ยนไปตัวแล้วตัวเล่า ไม่รู้ว่าที่ต่อสู้ตายไปพร้อมกับเจ้าของมีตั้งเท่าไรต่อเท่าไรแล้ว มีเพียงเจ้าตัวนี้ เนื่องจากทุกคนมองไม่เห็นค่ามัน จึงได้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า คิดไม่ถึงว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
คำกล่าวที่ว่า พวกคนนิสัยเหมือนกันมักจรวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็คงจะเป็นเพราะ 'เฮยทั่น' มีนิสัยคล้ายคลึงกับเหยียนซิวอยู่บ้าง หลัวเจินจึงพลอยถือโอกาสดูแล 'เฮยทั่น' มาตลอดจนถึงตอนนี้ ไม่เช่นนั้นนางก็คงทิ้งมันไปนานแล้วเพื่อประหยัดอาหารหรือไม่ก็เพื่อลดภาระ
ดังนั้นความสัมพันธ์ของ 'เฮยทั่น' และหลัวเจินจึงสนิทสนมกันมาก พอเห็นหลัวเจินเข้ามาที่ 'หุบเขามังกรหมอบ' มันก็ร้องฮี้ลากเสียงยาวและกระโดดขึ้นมาจากพื้นทันที โยกร่างกายอ้วนตุ้ยนุ้ยเข้ามาใกล้หลัวเจินและใช้หัวถูกระแซะนาง
"นี่คือ..." เหมียวอี้มองดูอาชามังกรตัวอื่นที่ฮึกเหิมห้าวหาญ แล้วก็มองร่างกายที่ 'ยิ่งใหญ่' ของเจ้า 'เฮยทั่น' ถ้าไม่สังเกตดีๆ อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นหมูป่ายักษ์ได้ เขาจำต้องจะยิ้มทื่อๆ แล้วพูดว่า " มันพิเศษจริงๆ เลยนะ "
เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อาชามังกรตัวนี้ลบล้างภาพอาชามังกรในความทรงจำของเขาไปโดยสิ้นเชิง อ้วนเกินไปจริงๆ แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความพิเศษพิสดารของมัน คงจะไม่ตกมาถึงมือเขาได้
หลัวเจินไม่มั่นใจเล็กน้อย จึงลองถามดู "ไม่มีใครต้องการมัน เดิมทีก็เป็นตัวที่เกินมาอยู่แล้ว ถ้าเจ้าต้องการมัน ก็ไม่ต้องผ่านความยินยอมของประมุขถ้ำ "
"อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีพาหนะ มีไว้ก็ดีกว่าไม่มีนะ " เหมียวอี้หัวเราะ
"มันยังมีข้อเสียออีกอย่างหนึ่ง " หลัวเจินเหมือนจะอายแทน 'เฮยทั่น' เล็กน้อย " เจ้าคงจะรู้นะว่าอาชามังกรทุกตัวเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อ "
เหมียวอี้พยักหน้า "อันนี้ข้ารู้"
หลัวเจินพูดแบบขาดความมั่นใจเล็กน้อย "เฮยทั่นมันกินแต่เนื้อไม่กินพืช"
"งั้นก็จัดการง่ายเลยสิ" เหมียวอี้หัวเราะ" ถ้าข้าจำไม่ผิด อาหารของอาชามังกรพวกนี้ล้วนส่งมาโดยคนที่เมืองล่องนิภาใช่มั้ย?"
"ใช่แล้ว" หลัวเจินเองก็อดส่ายหัวไม่ได้ พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า "สัตว์ที่ 'เฮยทั่น' กินก็มีแต่สัตว์น้ำประเภทปลาและกุ้งนะ มันไม่กินพวกเนื้อเป็ดเนื้อไก่ที่อยู่บนบก ปลากับกุ้งยิ่งสดมันก็ยิ่งชอบ"
เหมียวอี้จ้องเฮยทั่นแล้วอึ้งไป รูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้ ยังมีสิทธิ์มาเลือกอาหารกินอีกหรอ?
"ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืน ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเฉาติ้งเฟิงดี ถ้ามีโอกาสเขาต้องช่วยหาอาชามังกรให้เจ้าสักตัวแน่ เพียงแต่ข้าดูแลมันมาหลายปีแล้ว ก็เลยผูกพันอยู่บ้าง ตอนนี้เจ้ารับหน้าที่ผู้ช่วยอาชาต่อแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะถือโอกาสดูแลมันสักหน่อย"
"ไม่มีปัญหา มอบให้ข้าเถอะ...ข้าลองขี่มันได้มั้ย?"
เหมียวอี้ชี้ไปที่ 'เฮยทั่น' อยากจะสัมผัสความรู้สึกตอนขี่มัน
แน่นอนว่าต้องได้ ถ้าแค่ขี่ยังไม่ให้ขี่ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่จะยก 'เฮยทั่น' ให้เหมียวอี้ก็คงแค่พูดล้อเล่น
"เฮยทั่น!" หลัวเจินตบที่ตัวมัน
อาชามังกรโดยทั่วไป ถ้าเจ้าของมันยังมีชีวิตอยู่ มันจะไม่ยอมรับเจ้าของคนที่สอง นอกเสียจากเจ้าของจะตายไปแล้ว เนื่องจากสัตว์อสูรประเภทนี้จะสัมผัสได้ถึงความเป็นความตายของเจ้าของ ดังนั้นโดยปกติแล้วจึงไม่ยอมให้คนอื่นนอกจากเจ้าของขี่ตัวเอง
แต่ 'เฮยทั่น' ว่านอนสอนง่าย เหมือนมันจะไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่พอหลัวเจินเอ่ยปาก มันก็ทำได้เพียงบิดตัวให้เหมียวอี้ขึ้นขี่อย่างสะดวกสบาย
เหมียวอี้ไม่พูดจาอะไร พลิกตัวขึ้นขี่ม้า
หนวดสัมผัสสองเส้นตรงขนแผงสีดำขลับที่คอของ 'เฮยทั่น' ยื่นออกมาติดกับตัวมัน และดูดซับรวมกับต้นขาของเหมียวอี้
เหมียวอี้สัมผัสได้ทันทีถึงความรู้สึกขี้เกียจเซื่องซึมที่ถูกส่งผ่านมาจากหนวดสัมผัสของ 'เฮยทั่น' เหมือนกับกำลังถามว่าจะไปไหน?
เหมียวอี้รู้ได้ถึงความแปลกใหม่ทันที ที่แท้ก็สื่อสารกับอาชามังกรได้แบบนี้จริงๆ ด้วย แถมไม่ต้องใช้เชือกบังเหียน ลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย เขาแหงนหน้ามองออกไปข้างนอกหุบเขามังกรหมอบ
'เฮยทั่น' เข้าใจได้ มันขยับขาทั้งสี่ทันที กีบเท้าที่ใหญ่เหมือนหม้อดินกระทืบเหยียบลงพื้น แสดงความความกระฉับกระเฉง เพียงแต่ไม่กล้าคุยอวดความเร็ว เพราะเกียจคร้านเฉยชาเล็กน้อย
นี่ยังวิ่งได้ไม่เร็วเท่าม้าธรรมดาเลย เหมียวอี้ใช้กระแสจิตเร่งให้เร็วขึ้นทันที
แต่ทว่า เร่งไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้าจะชอบขี่หรือไม่ชอบขี่มันก็เร็วได้เท่านี้แหละ
หลังจากทรมานอยู่ครึ่งวัน สีหน้าเหมียวอี้ก็หม่นหมองเหมือนฟ้าครึ้ม เขารู้สึกว่าหลัวเจินพูดถึง 'เฮยทั่น' ในแง่ดีเกินไปหน่อย ความเร็วเท่านี้เนี่ยนะที่เรียกว่าไม่ต่างจากม้าธรรมดา? แค่ตอนขึ้นเนินเขายังลื่นเลย...
ในที่สุดเหมียวอี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจึงไม่มีใครต้องการไอ้เจ้าสัตว์ตัวนี้ มันทำตัวนอกคอกจริงๆ ไม่มีสำนึกถึงความเป็นอาชามังกรเลยสักนิด เลี้ยงเปลืองอาหารจริงๆ นอกจากจะเอาแต่กินแล้ว มันยังเลือกกินแต่ของดีๆ อีกต่างหาก
พอขี่วนได้หนึ่งรอบ เหมียวอี้ก็ลงจากม้าแล้วยิ้มทื่อๆ กับหลัวเจินพลางพูดว่า "ก็ไม่เลวนะ…ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อดี ร่างกายอ้วนท้วนของมันพอวิ่งแล้วสั่นๆ ตอนนั่งไม่เจ็บก้นเลยสักนิด" เขาพยายามช่วยหาข้อดีอย่างหนึ่งให้ 'เฮยทั่น' เพื่อเห็นแก่หน้าหลัวเจิน
เหมียวอี้ช่างมีจิตใจที่ดีงาม หลัวเจินอายจนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น เตะ 'เฮยทั่น' สองทีแล้วพูดว่า "เจ้าม้าไร้ประโยชน์!"
ผลลัพธ์ก็คือ 'เฮยทั่น' ยังทำท่าทางเหมือนตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้ความผิด ร้องคลอเคลียอยูุ่่ข้างๆ ตัวหลัวเจิน
เหมียวอี้อดไม่ได้ที่กลอกตามองบน รู้สึกว่ามันเข้าใจนิสัยมนุษย์...
ดูออกเลยว่าความสัมพันธ์ของหลัวเจินกับ 'เฮยทั่น' สนิทสนมลึกซึ้งจริงๆ นางกลับมาเตรียมสุราอาหารเลิศรสไว้เต็มโต๊ะด้วยตัวเอง ขอให้เหมียวอี้อย่าถือสา 'เฮยทั่น' อีกครั้ง
"แค่ก…" เหล้าที่อยู่ในปากเหยียนซิวพุ่งออกมาตรงนั้น เขาจ้องฮูหยินแล้วถามว่า "เจ้าเอา 'เฮยทั่น' ที่แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากขี่ให้น้องเหมียวอี้เหรอ?"
หลัวเจินตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "ดื่มเหล้าแล้วทำไมไม่หุบปากไปซะ ? "
"ฮ่าๆ..." เหยียนซิวกลั้นไว้ไม่อยู่จริงๆ เขาเอามือลูบท้องที่หัวเราะจนเกร็งไปหมด พอจะจินตนาการปฏิกิริยาของเหมียวอี้หลังจากขี่ 'เฮยทั่น' ได้
หลัวเจินรีบคว้าสามีตัวเองมาหยิกบิดแรงๆ ทันที "มันยังมีประโยชน์กว่าคนขี้ขลาดอย่างเจ้าซะอีก..."
แต่ละวันค่อยๆ ผ่านไป เหมียวอี้ใช้ชีวิตที่ถ้ำล่องนิภาอย่างสงบเงียบ ทำได้ดีทั้งการฝึกฝนและดูแลอาชามังกร มีเฉาติ้งเฟิงคุ้มครองอยู่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา กลับเป็นสองสามีภรรยาเหยียนซิวที่ถูกเรียกใช้ไปนู่นมานี่เพื่อให้ทำงานเบ็ดเตล็ดต่อไป หลัวเจินที่ถูกรังแกกดขี่ กลับมา ก็ระเบิดอารมณ์ด่าเหยียนซิวว่าขี้ขลาดไร้ประโยชน์ทันที
บางครั้งบางคราวเฉาติ้งเฟิงก็มาดูเขา รวมทั้งสองสามีภรรยาเหยียนซิวด้วย นอกจากสามคนนี้แล้ว คนทั้งถ้ำล่องนิภาเหมือนจะลืมไปแล้วว่าถ้ำนี้ยังมีเขาอยู่อีกคน
หลังจากที่เขาพบประมุขถ้ำหยวนเจิ้งคุนตอนที่เพิ่งเข้ามาถ้ำล่องนิภาตอนแรกครั้งนั้น เหมียวอี้ก็ไม่เคยพบเขาอีกเลย ได้ยินมาว่าเขาเก็บตัวเพื่อฝึกฝน
นอกจากคนอื่นๆ ที่เก็บตัวฝึกฝนอยู่อย่างสันโดษ แม้แต่สมาชิกที่อยู่ถ้ำเดียวกัน เหมียวอี้ยังรู้จักไม่หมดเลย พวกที่เหลือก็ได้พบหน้าเขาแค่ตอนจะใช้อาชามังกรออกไปข้างนอกเท่านั้น โดยปกติถ้าในถ้ำมีเรื่องจริงจังอะไรก็จะไม่เรียกใช้เขา พวกเขาคงรังเกียจที่เหมียวอี้มีวรยุทธ์ต่ำเกินไป ไม่รู้จะส่งไปใช้ประโยชน์อะไรได้ พออยากจะเรียกมาใช้ทำงานเบ็ดเตล็ด เฉาติ้งเฟิงก็คอยปกป้องเขาอยู่ ต้องเกรงใจและไว้หน้าเฉาติ้งเฟิง
เหมียวอี้มีความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งลืมเลือน เขาจึงเดินหน้าฝึกฝนและดูแล 'เฮยทั่น' อาชามังกรที่ตัวกลมเหมือนหมูอ้วนต่อไป
…………………………
^1 黑炭 เฮยทั่น แปลว่า ถ่านดำ