บทที่ 405 : เพราะว่า ‘ฉันรักแผ่นดินนี้!’
____________________________________________________
วุ่นวาย!
ทั้งงานกลายเป็นวุ่นวายกันไปหมด!
ชายหนุ่มยี่สิบกว่าคนพร้อมด้วยเหล่าพี่ใหญ่เจ๊ใหญ่ทั้งหลายร่วมมือกันจัดการอีอันอ๊กและสองบอดี้การ์ดของเขา ขณะที่ทีมงานของสถานี CCTV กับเหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเสี่ยงตายเข้าไปดึงพวกเขาออกมา ส่วนเหล่าดาราศิลปินที่รอบนอกคอยพูดให้ทุกคนใจเย็นลง อีกทั้งบรรดาแฟนคลับเดนตายของอีอันอ๊กที่ถลาเข้าไปปกป้อง ล้วนแต่เป็นเด็กหญิงอายุไม่มาก ทุกคนจึงไม่อาจลงมือกับพวกเธอ ได้แต่พยายามขวางมือขวางเท้าเอาไว้ เด็กหญิงเหล่านี้พวกเขาทุบตีก็ไม่ได้ด่าก็ไม่ชนะ ได้แต่ทนไป
"มันจะวิ่งแล้ว!"
"จัดการไอ้อีอันอ๊กนั่นซะ!"
"พวกนายช่วยฉันหน่อย!"
"อันอ๊กโอปป้า!"
"อ๊าย! ใครข่วนฉันยะ!"
"ด่าว่าพวกเราเป็นประเทศชั้นต่ำ! แล้วยังจะไปช่วยมันอีกเรอะ?"
"พวกเราแค่ชอบอันอ๊กโอปป้า! ด่าอะไรมาพวกเราก็ยังชอบ!"
คนที่อยู่วงนอกได้แต่ภาวนาขออย่าให้เรื่องราววุ่นวายไปกว่านี้เลย แค่จำนวนร้อยกว่าคนก็ยากที่จะจับแยกแล้ว!
ขณะนั้น อีกสองทิศทางไกลๆ มีเสียงดังขึ้นไม่เบา เป็นเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ทางนั้นคือปากทางออกหลักของงานซึ่งดังเซ็งแซ่มาแต่ไกล อีกด้านเป็นประตูทางออกที่มีทั้งผู้ชมกับนักข่าวออกมาไม่น้อยเช่นกัน บ่งบอกว่าการถ่ายทอดสดในงานนั้นจบลงแล้ว!
พิธีกรชายของรายการกลางคืนส่งปีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเดินออกมาพร้อมเพื่อนๆ หัวเราะร่า วันนี้เขาเป็นแค่ผู้ชม จึงคุยกันถึงเรื่องสนุกสนาน "ฉันชอบเพลง ‘ดอกไม้ของสตรี’ ของพี่สาวจางกับน้าจางมากกว่า เพลงนี้น่ะ มัน..." ทันใดนั้นก็หันหน้ามาเห็นฉากการรบราของด้านนี้พอดี เขาได้แต่เบิกตาจ้องจนตะลึงค้าง!
"เกิดเหตุอะไรขึ้น?"
"อะไรน่ะอะไร?"
"ไอ้หยา ตีกันมั่วหมดแล้ว!"
"ส่งปีปีนี้ทำไมวุ่นวายงี้เนี่ย!"
ทุกคนที่เพิ่งออกมาจากรายการข้างใน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว เห็นภาพเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีใครคิดว่าภาพบรรยากาศความยินดีทั้งฟ้าดินนั้น แค่กำแพงกั้นออกมากลับกลายเป็นภาพที่ ‘รุนแรง’ แบบนี้!
"ไหนดูหน่อยเกิดอะไรขึ้น!"
"เรียกคนมาช่วย! เรียกคนมาช่วยก่อน!"
พนักงานสถานีคนหนึ่งยืนหน้าซีด เดิมเขาคิดจะแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดอย่างไม่ให้เกิดผลกระทบอะไรใหญ่หลวง ไม่คิดเลยว่ารายการจะจบลงแล้ว คนออกมาหลายพัน ทั้งไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าไม่ใช่มีความสัมพันธ์กับชนชั้นผู้นำก็เป็นสมาชิกในครอบครัวของคนดัง ที่ต่างก็เป็นบุคคลมีหน้ามีตา ถึงตอนนี้คิดจะปิดข่าว คิดจะไม่ให้หลุดรอดอะไรไปมาก ก็ทำไม่ได้แล้ว!
ชัดเจนว่าเหล่าผู้บริหารของสถานีก็ออกมากันไม่น้อย เมื่อครู่เพราะยุ่งอยู่กับการถ่ายทอดสด จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนพวกเขา อีกทั้งโทรศัพท์มือถือเองก็ปิดกันหมด ตอนนี้จึงเพิ่งได้ข่าว แต่ละคนกระหืดกระหอบกันออกมา พอเห็นก็หน้าเสียกันไม่น้อย!
"หยุดมือ!"
"ทำอะไรกันน่ะ!"
"รีบมาแยกคนเร็ว!"
"หยุดตีกันได้แล้ว! ผมเป็นรองหัวหน้าสถานี! มีเรื่องอะไรก็บอกกับผมนี่!"
ทว่าทางนั้นไม่มีใครฟังพวกเขาสักคำ ไม่สนใจว่าด้านนอกจะตะโกนอะไรกัน ไม่สนใจว่าจะเป็นรองหัวหน้าสถานีหรือเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย กลุ่มคนที่ล้อมอีอันอ๊กไว้ไม่สนใจ ไม่มีใครจากไปเลยสักคน!
จางเย่เห็นดังนั้นก็กลัวว่าทุกคนจะลงมือกันรุนแรงเกิน ทุบไปแค่ทีสองทียังพอว่า แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรรุนแรงล่ะก็ อย่างนั้นก็จบยากแล้ว จึงได้เบียดเสียดเข้าไปกล่าวว่า "ทุกคนไม่ต้องตีแล้ว พอแล้วล่ะ!" ขณะนั้นไม่ต้องให้อีอันอ๊กพูดขอโทษ เห็นว่าโดนทุบตีจนหน้าบวม จะพูดอะไรก็ไม่ได้แล้ว ผู้คุ้มกันของอีอันอ๊กทั้งสองก็ไม่แตกต่าง ล้วนโดนทุบตีจนหน้าบวมช้ำห้อเลือด แม้จะดูไม่ได้มีอะไรรุนแรง เป็นแค่การบาดเจ็บภายนอก อย่างมากที่สุดคือกระดูกเคลื่อนกันนิดหน่อย เพราะคนทั่วไปก็ไม่ได้ตั้งใจเอาให้ตาย ไม่ได้ใช้อาวุธ แค่วาดมือวางเท้าระบายอารมณ์กันเท่านั้น
ไม่สนใจใครพูดทั้งนั้น
แต่เมื่อจางเย่พูดขึ้น ทุกคนล้วนต้องหยุดมือ!
"หยุดเถอะ!"
"ไม่ตีแล้ว!"
"ฟังอาจารย์จางเย่แล้วกัน!"
"ใช่ ฟังอาจารย์จาง!"
เหล่าฝูงชนแยกจากกันไปช้าๆ มีเจ๊ใหญ่คนหนึ่งไม่พอใจ สุดท้ายถ่มน้ำลายลงพื้นคำหนึ่ง ก่อนจะแยกไปพร้อมกับฝูงชนถอยไปสิบกว่าเมตร
เหล่าผู้บริหารช่อง CCTV ตะลึง พวกเขาร้องแรกแหกกระเชิงกันอยู่นานไม่มีประโยชน์ แต่หมอนี่ตะโกนคำเดียวคนก็แยกย้ายแล้ว?
ดาราคนอื่นๆ ที่เพิ่งออกมาพร้อมกับเหล่าผู้ชมในงานก็ไม่ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืออย่างไร ทำไมชายหนุ่มนั้นเพียงพูดก็เกิดผลดีอย่างยิ่ง? แค่ร่ำร้องก็ได้ผล! อาจารย์จางเย่? ใครน่ะ? ..เชี่* อย่าบอกนะว่าไอ้จางเย่นั่น? จางเย่ที่ขึ้นบัญชีดำลำดับแรกของ SARFT นั่นน่ะ?
เฮ้ย!
หมอนั่นจริงด้วย!
มีคนจำเขาได้แล้ว!
ความจริงแล้วที่ผู้คนนั้นเชื่อฟังเขาไม่เชื่อใคร เป็นเพราะคราวนี้หัวโจกคือจางเย่เอง ตอนที่เด็กหญิงร่างเล็กถูกรังแก ไม่มีคนออกมายืนหยัดทำอะไร มีเพียงจางเย่ลุกขึ้นพูดแทนเด็กสาว ถึงกับไม่กลัวต้องเสียชื่อเสียงก็ออกมาขวางคนไว้ แค่จุดนี้ ทุกคนก็ต้องยอมรับนับถือแล้ว!
อีกด้าน พนักงานเล็กๆ ของ CCTV ก็รีบเข้าไปอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้บริหารของ CCTV บอกเล่าอย่างเรียบง่าย แค่บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ คนรอบๆ ไม่น้อยก็ได้ยิน ทั้งหมดจึงเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น!
คนมีมากมาย ล้อมวงกันเป็นชั้นๆ
คนที่เพิ่งออกมาจากห้องส่งจำนวนมากยืนล้อมดูความสนุกสนาน มีคนส่วนหนึ่งมีธุระเร่งรีบไป บ้างเห็นว่าเรื่องไม่เกี่ยวกับตัวก็รีบก้าวจากไป
จากนั้นเป็นเสียงไซเรนหวอดัง!
รถตำรวจสองคันเข้ามาจอดพร้อมกับตรงไปยังลานหน้าห้องส่ง!
หยางเจี๋ยลงจากรถ เดินเข้าไปพร้อมกับนายตำรวจอีกหลายคน ตอนที่ได้รับแจ้งเขาเองก็กำลังส่งปีกับที่บ้าน คนแจ้งก็ไม่ได้แจ้งอะไรให้กระจ่าง บอกแค่ว่าอะไรจะตีคนให้ตายก็ไม่ทราบที่หน้าห้องส่งหมายเลขหนึ่งของ CCTV หยางเจี๋ยนึกสงสัยในใจ ห้องส่งหมายเลขหนึ่ง? ไม่ใช่ที่ถ่ายทอดรายการส่งปีหรืออย่างไร จะเกิดเรื่องอะไรได้? แต่เพราะมีคนโทรแจ้งเหตุหลายสาย ทำให้เขาไม่อาจไม่สนใจ รีบติดต่อนายตำรวจอีกหลายคนให้รีบร้อนเดินทางมา พอถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นว่ามีคนนั่งบนพื้นอยู่สามคน ใบหน้าเขียวบวม มีคนทำร้ายกันจริงๆ ด้วย!
ชายชุดดำสองคนนั่งหน้าหงอ
ส่วนอีอันอ๊กปิดบังใบหน้า แสดงท่าทีที่โกรธแค้น!
หือ เดี่ยวนะ!
นั่นมันอีอันอ๊กนี่?
ไม่ใช่ว่าเพิ่งขึ้นไปร้องเพลงในรายการคืนส่งปีหรอกหรือ?
หยางเจี๋ยตกตะลึง เขาได้ดูรายการคืนส่งปีด้วย อีอันอ๊กเป็นดาราที่ลูกสาวเขาชื่นชอบอย่างยิ่ง ตอนที่ดูรายการคืนส่งปีก็ได้ยินลูกสาวเขาพร่ำเพ้ออยู่นานทีเดียว!
"ผู้กำกับหยาง!"
"อ้าว ประธานซุน เกิดอะไรขึ้นครับ?"
"ให้ผมเล่านะครับ..."
ทั้งสองรู้จักกัน เป็นคนรู้จักเก่าแก่
แค่ไม่กี่นาที หยางเจี๋ยกับเหล่านายตำรวจก็เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ต่างก็มองจางเย่ด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป ชื่อเสียของจางเย่ ในระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเมืองหลวงนั้นนับว่าโด่งดังคับฟ้า ครั้งก่อนที่จางเย่ไปทำร้ายลูกของเพื่อนหัวหน้าสถานีโทรทัศน์นครหลวง จนถูกขังไว้ในโรงพัก กลายเป็นว่าพี่น้องในโรงพักนั้นปล่อยให้จางเย่ก่อความวุ่นวาย สุดท้ายถูกแรงกดดันจากกระแสสังคมบีบให้ต้องปล่อยจางเย่ออกมา ดังนั้นหยางเจี๋ยกับเหล่านายตำรวจทั้งหลายพอทราบว่าคนก่อเรื่องคราวนี้คือจางเย่ ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือปวดศีรษะแล้ว!
อีอันอ๊กเห็นตำรวจก็ตะโกนดังลั่น "(……¥##@@!"
ผู้คุ้มกันร่างผอมยันร่างลุกขึ้น แปลความหมายคำพูดของเขา ไม่แปลกใจที่มีแต่คำว่าคัดค้านเอยจะฟ้องเอย ผู้คุ้มกันเองก็เจ็บตัวไม่น้อย พวกเขามาทำงานกันในจีนนานแล้ว ไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อน ถูกทำร้ายร่างกาย? กับคนอื่นอาจจะไม่มีอะไร แต่ว่าสำหรับดารานักร้องที่เพิ่งดังเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นผลลบต่อภาพลักษณ์อย่างยิ่ง ถึงกับอาจกระทบต่อหน้าที่การงานในประเทศได้ทีเดียว!
แชะๆ!
คลิกๆ!
ด้านข้างมีหลายคนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพ!
อีอันอ๊กคำราม "%¥##!"
ผู้คุ้มกันทั้งสองมายืนอยู่ข้างหน้า ไม่ให้คนอื่นๆ ถ่ายรูปติด!
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ก็ชัดเจนอย่างยิ่งแล้ว หยางเจี๋ยเองมีวิจารณญาณของตนเอง เข้าไปกล่าวกับจางเย่ว่า "คุณทำร้ายคนหรือไม่?"
จางเย่ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ "ผมเองครับ"
หยางเจี๋ยจนปัญญา "งั้นคุณต้องไปกับพวกเราล่ะนะ"
ฉือซิ่วฟางเข้ามาตอนนั้นเอง "ปีใหม่พอดี ฉันว่ายืดหยุ่นกันหน่อยดีไหม?"
หยางเจี๋ยมองคนที่เข้ามา ก็จำได้ว่าเคยเห็นอยู่ในโทรทัศน์ เห็นเธอในการแสดงตลกบ่อยๆ เพียงจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร "พวกเราเองเป็นฝ่ายรายการ คืนส่งปี ไม่มีใครอยากให้แบบนี้เกิดขึ้นหรอกครับ แต่ว่าเรื่องจะได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว"
คนทั่วไปก็ช่วยพูดจาให้แทนจางเย่
"กล้าพาคนไปเหรอ?"
"เป็นไอ้อีอันอ๊กกับคนของมันลงมือก่อนนะ!"
"ใช่ จะจับก็จับพวกมันสามคนนั่น!"
"อาจารย์จางเย่ช่วยเหลือด้วยเจตนาดี! จับเขาไปทำไม!"
นายตำรวจผู้หนึ่งกล่าวว่า "อย่างนั้นก็เตะคนไม่ได้หรอกนะ"
หยางเจี๋ยห้ามนายตำรวจข้างหลังไว้ พูดกับทุกคนว่า "พวกเราไม่ได้มาจับคนครับ เพียงแต่เชิญไปให้ปากคำเท่านั้น จางเย่ก็ต้องไปกับผม คุณอีอันอ๊กก็ต้องไปด้วย ทุกคนเปิดทางเถอะครับ!"
เหล่าผู้บริหารของสถานีคุยกัน ก่อนตกลงใจว่าจะไม่ออกหน้า ทั้งไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เรื่องนี้ปล่อยให้ตำรวจจัดการไป
จางเย่กลับสบายใจ ไม่คัดค้านอะไร เดินตามตำรวจไปถึงที่รถ
อีอันอ๊กกลับไม่ยินดีนัก ยืนคุยกับตำรวจอยู่ครึ่งค่อนวัน ชี้มาทางจางเย่อีกหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจจะไปเสียเวลาที่สถานีตำรวจ
ผู้คุ้มกันร่างผอมแปลให้คำต่อคำ
หยางเจี๋ยเองก็คุยกับอีอันอ๊กไม่เลิกรา
เรื่องมาถึงตรงนี้ นับว่าไม่ต่างกับมีผลลัพธ์แล้ว เพียงแต่ต่อจากนี้ต้องมีผลตามหลังแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องถาม มีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พรุ่งนี้ทั้งหนังสือพิมพ์ทั้งอินเทอร์เน็ตต้องมีพาดหัวข่าวแน่นอน!
ฝูงชนไม่แยกย้าย ทั้งเหล่าดารา พนักงานของช่อง ผู้ชม ล้วนแต่ยืนสนทนากัน
"เฮ้อ ทำไมกันนะ"
"ไอ้จางเย่นี่ก็จริงๆ เลย"
"ไม่แปลใจว่าทำไม SARFT ถึงเอาขึ้นบัญชีดำ เพราะประหลาดแบบนี้ไง!"
"ผมว่าเขาดูจริงใจดีนะ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเขาช่วยเหลือแฟนคลับจนต้องขายรถขายลิขสิทธิ์หนังสือ นิสัยไม่เลวเลย"
"ก็ใช่ แต่ว่าหมอนั่นไม่รู้จักยั้งมือ วันนี้วันอะไร? ที่นี่ที่ไหนกัน? นี่มันงานรายการคืนส่งปีนะ มาก่อความวุ่นวายได้ยังไง!"
"เขาน่ะตัดสินใจมีปัญหาทุกที อะไรก็แตะไม่ได้ คราวนี้อีกฝ่ายเป็นดารา แถมเป็นดาราเกาหลี คราวนี้เรื่องใหญ่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแน่"
พวกเขาวิจารณ์ค่อนแคะจางเย่!
ยังมีเหล่าแฟนเดนตายของอีอันอ๊กที่ร้องด่าจางเย่ทั้งน้ำตา อีอันอ๊กถูกทำร้ายกลายเป็นแบบนี้ พวกเธอเองก็ปวดใจจะเป็นจะตาย!
"จางเย่! แกกับฉันต้องตายกันไปข้าง!"
"กล้าทำรายอันอ๊กของพวกเรา! เป็นคนมาได้ยังไงกัน!"
"ยังจะมาแหกปากบอกว่าทวงความยุติธรรมให้เรา? ยัยเด็กนั่นโดนพี่อันอ๊กผลักล้มนับว่าโชคดีของยัยนั่นแล้ว! พวกเรายังอยากมีโอกาสอย่างนั้นบ้าง! เรื่องของแกเรอะ? เสือ*ทำไม!"
"เป็นหมาทำจะมาจับหนู ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!"
"อันอ๊กโอปป้า! ฮือๆ เป็นยังไงบ้างคะ?"
"เสียโฉมหรือเปล่า?"
"อันอ๊กโอปป้า! บอกเขาไปเลย! เรื่องนี้ยอมไม่ได้!"
"จางเย่! ไอ้ลูกเต่าบัดซบ!"
ขณะนั้น เหล่าแฟนคลับของอีอันอ๊กจำนวนมากออกปาก เหล่าเด็กสาวคุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจ ที่นั้นมีทั้งเสียงด่าเสียงร้องไห้ มีเด็กสาวร่างอ้วนคนหนึ่งยังเสี่ยงชีวิตบุกฝ่าเข้าไปส่งพลาสเตอร์ให้กับอีอันอ๊ก สองมือส่งให้ด้วยความเคารพ
อีอันอ๊กรับพลาสเตอร์มาปิดแผล "#@#¥。"
เด็กสาวร่างอ้วนนั้นแทบเป็นลมด้วยความตื่นเต้น ฉีกยิ้มด้วยความยินดี "อันอ๊กโอปป้าพูดแล้ว! พูดกับฉันแล้ว!" ความจริงเธอเองก็ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
จางเย่เห็นภาพนี้ ในใจยิ่งนึกปวดใจยิ่ง
ทันใดนั้นก็มีนักข่าวยี่สิบกว่าคนแทรกเข้ามาพร้อมกับเหล่าตากล้อง มีคนทั้งจากสำนักข่าวอื่น มีทั้งจาก CCTV ที่กลับไปแล้ว พอได้ข่าวยังรีบกลับมา วันนี้เป็นวันถ่ายทอดรายการคืนส่งปี เหล่านักข่าวนักหนังสือพิมพ์มีกันไม่น้อย ความจริงทุกคนก็ไม่คิดว่าจะมีข่าวจะมีเรืื่องราวอะไรใหม่ ต่างก็มาในงานส่งปีกันทั้งสิ้น ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ ในฐานะนักข่าว พวกเขาไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปแน่!
นักข่าวเจ็ดแปดคนไปทางอีอันอ๊ก
อีกสามสี่คนไปทางฝั่งดาราและผู้ชมเพื่อทำการสัมภาษณ์
ยังมีนักข่าวอีกราวสิบคนเข้ามารุมล้อมจางเย่หน้ารถตำรวจ ทุกคำถามเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย!
"อาจารย์จาง ทำไมคุณถึงมาอยู่นี่ล่ะ?"
"คุณทำร้ายอีอันอ๊กใช่ไหม?"
"ทำไมถึงต้องเตะคนอื่นด้วย?"
"ตอนที่เด็กสาวคนนั้นถูกผลัก อีอันอ๊กหันหลังกลับไป ไม่มีใครออกมาห้ามเขา ทำไมคุณถึงออกมากัน?"
"คุณคิดว่าคุณทำถูกแล้วเหรอ?"
"ผมเห็นคนในเหตุการ์หลายคนด่าคุณอยู่ คุณคิดว่ายังไง?"
"อาจารย์จางอย่าไม่พูดอะไรสิครับ กรุณาตอบพวกเราหน่อย ทำไมคุณต้องไปทำร้ายคนอื่น? มีเหตุผลมีแรงจูงใจอะไรกันแน่? คุณไม่ใช่จะไม่รู้ว่าทำอย่างนี้ไม่มีผลดีกับคุณเลยแม้แต่น้อย? ชื่อเสียงเสียหาย ตัวคุณเองยังอาจได้รับผลกระทบ ถึงกับอาจถูกจับกุม ผมไม่เข้าใจ เพราะอะไรกัน?"
เหล่านักข่าวยิ่งคำถามอย่างต่อเนื่อง!
คนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์เองต่างก็ไม่เข้าใจเช่นกัน นั่นสิ เพราะอะไรกัน! คุณต้องการอะไร?
จางเย่มองอีอันอ๊กซึ่งกำลังจะขึ้นรถตำรวจ มองเหล่าดาราและผู้ชมที่กำลังชี้ไม้ชี้มือที่เขา จากนั้นฟังเสียงเหล่าเด็กสาวที่กำลังสาปแช่งก่นด่า…
เพราะอะไร?
เพราะอะไร?
จางเย่มีสีหน้าสงบนิ่ง หันศีรษะไปเผชิญหน้ากับกล้องถ่ายรูปและนักข่าวที่จับจ้องมาที่เขา จากนั้นก็กล่าวกับทุกคนว่า "หากว่า....ฉันเป็นนกตัวหนึ่ง"
ทุกคนตะลึง! ถ้าหากว่า? เป็นนกตัวหนึ่ง? แปลว่าอะไร? คุณจะพูดอะไร? จากนั้นทุกคนถึงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ นี่มันกลอนสมัยใหม่ จางเย่ไม่ได้ตอบคำถามพวกเขาตามธรรมดา แต่ทว่าใช้กลอนนี้พูดแทน! เขาจะพูดอะไร? เขากำลังหมายถึงอะไร? ขณะนั้น คนที่เข้ามาในงานทั้งหลายเงียบสนิท เพราะทุกคนทราบว่าที่จางเย่มีชื่อที่สุดไม่ใช่เพราะรายการทีวี ไม่ใช่เพราะความสามารถในการแต่งเพลง แต่ว่าเป็นกลอนของเขา! แม้แต่เหล่าแฟนคลับของอีอันอ๊กที่กำลังด่าจางเย่ ต่างก็เงียบเสียงลงหมายจะฟังว่าเขาอยากจะกล่าวอะไรกันแน่!
จางหย่วนฉีรอคอย!
ฉือซิ่วฟางตะลึง มองมายังจางเย่!
แม้แต่เหล่าผู้บริหารของสถานี CCTV เหล่าดารากับผู้ชม แม้แต่หยางเจี๋ยกับเหล่านายตำรวจเอยก็เป็นเช่นเดียวกัน ตั้งใจรอคอยชมเป้าหมายของจางเย่!
สีหน้าของจางเย่สงบอย่างยิ่ง คล้ายดั่งน้ำที่ไร้รสไร้สี แต่เสียงของเขากลับเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ดั่งว่าในลำคอนั้นคือความโศกเสียใจเป็นที่สุดซ่อนเอาไว้ ต้องการระเบิดออกมาแต่ก็ไร้กำลังใด!
"หากว่าฉันเป็นนกตัวหนึ่ง"
"ฉันก็จะขับขาน ด้วยเสียงร้องอันแหบพร่า"
"แด่แผ่นดินที่ต้องพายุฝนกระหน่ำซัด"
"แด่ธารแห่งความโศกเศร้าอันไหลหลั่งด้วยความขุ่นเคืองของเราไม่ยั้งหยุด"
"แด่สายลมแห่งความโกรธแค้นที่โหมกระหน่ำไม่สิ้นสุด"
"และแด่ยามรุ่งอรุณอันอ่อนโยนที่ส่องสว่างแก่ป่าใหญ่"
ลืมตาขึ้น จางเย่กำหมัดแน่น แต่สายตายังคงสงบเสียนี่กระไร
"-----จากนั้นฉันตายจากไป!"
"ปีกขนเน่าสลายลงในผืนดิน!"
"เหตุใดในดวงตาของฉันยังคงมักมีหยดน้ำตา?"
"ก็เพราะว่าฉันนั้น...รักแผ่นดินผืนนี้อย่างลึกล้ำ!"
นี่คือผลงานมีชื่อเสียงของไอ้ชิงในโลกของจางเย่ซึ่งได้ปรากฏในตำราเรียน ‘ฉันรักแผ่นดินผืนนี้’ วันนี้ ในโอกาสนี้ ในปีใหม่นี้ จางเย่ได้หยิบออกมาใช้งานแล้ว!
พูดจบ จางเย่ก็มองเหล่าเพื่อนร่วมชาติเป็นครั้งสุดท้าย มองเหล่าเด็กสาวผู้ซึ่งคลั่งไคล้ในตัวไอดอลชาวเกาหลีอย่างบ้าคลั่งจนหยามดูแคลนเพื่อนร่วมชาติเช่นนี้ จางเย่เปิดประตูรถตำรวจ ขึ้นรถไปโดยไม่หันหลังกลับ ในใจเขาไม่ทราบว่าต้องรู้สึกเช่นไรกันแน่? พ่ายแพ้? เศร้าเสียใจ? ขุ่นเคืองใจ? หรืออาจไม่รู้สึกอะไร? หรือเพราะในบทกวี ‘ฉันรักแผ่นดินผืนนี้’ นั้นเขียนความในใจทั้งหลายออกมาแล้ว!
ฉือซิ่วฟางสูดลมหายใจลึก รู้สึกไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง เธอไม่คิดเลยว่าบทกลอนเช่นนี้ สามารถหลุดออกมาจากปากของคนหนุ่มที่ไม่เคยผ่านศึกสงครามไม่เคยผ่านยุคลำเค็ญมาได้!
รองหัวหน้าสถานีก็ตกตะลึง!
เหล่าสหายอาวุโสในวงการต่างก็ต้องมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป!
เหล่านักข่าวเองไม่ออกเสียง ไม่มีใครมาตั้งคำถามกับจางเย่สักคำ!
มีดารากับเหล่าผู้ชมรอบนอกบางส่วนต่างก็ไม่อาจวิจารณ์อะไรจางเย่ได้อีก!
กลอนบทนี้ปรากฏตัว คนในเหตุการณ์ทั้งพันสองพันคนนั้นต่างก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดอีก พวกเขาเองทุกคนก็ไม่ทราบว่าควรพูดอะไร มีทราบว่าควรออกปากอะไรทำไม พวกเขาได้แต่มองตำรวจสายตรวจออกรถพาจางเย่กับอีอันอ๊กจางไป ในสมองสะท้อนกลอนบทนี้ ในใจมีอารมณ์ความรู้สึกทั้งซับซ้อนทั้งตรงไปตรงมา พันคำหมื่นอักษรคล้ายติดในลำคอ ยากพูดออกจากปาก!
จางเย่ทำร้ายคนทำไม?
ทำไมทั้งๆ ที่จางเย่ทราบว่าเขาจะก่อความวุ่นวายใหญ่โต ก็ยังคงออกมาใช้กำลังผลักดันไม่ให้อีอันอ๊กจากไปได้?
เขาโง่หรือ? เขาไม่!
เขาบ้าหรือ? เขาก็ไม่!
เขาทราบผลลัพธ์ แต่ก็ยังคงกระทำไปอย่างนั้น! ไม่มีความลังเล!
ก่อนนี้คนทั้งหลายนึกสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร? ความจริงแล้วอาจไม่ใช่เพราะอะไรทั้งนั้น! เพราะว่าจางเย่นั้น ในส่วนลึกของหัวใจที่สุด...ก็แค่รักแผ่นดินผืนนี้เท่านั้นเอง!
=======================
《我爱这片土地》
‘ฉันรักแผ่นดินนี้!’
“假如 我是一只鸟。”
"หากว่าฉันเป็นนกตัวหนึ่ง"
“我也 应该 用 嘶哑的喉咙 歌唱。”
"ฉันก็จะขับขาน ด้วยเสียงร้องอันแหบพร่า"
“这被暴风雨 所 打击着 的土地。”
"แด่แผ่นดินที่ต้องพายุฝนกระหน่ำซัด"
“这永远 汹涌 着 我们的 悲愤的河流。”
"แด่ธารแห่งความโศกเศร้าอันไหลหลั่งด้วยความขุ่นเคืองของเราไม่ยั้งหยุด"
“这 无 止息 地 吹 刮着的 激怒的风。”
"แด่สายลมแห่งความโกรธแค้นที่โหมกระหน่ำไม่สิ้นสุด"
“和 那来 自 林间的无比 温柔 的 黎明。”
"และแด่ยามรุ่งอรุณอันอ่อนโยนที่ส่องสว่างแก่ป่าใหญ่"
“——然后我死了!”
"-----จากนั้นฉันตายจากไป!"
“连 羽毛 也 腐烂 在 土地里面!”
"ปีกขนเน่าสลายลงในผืนดิน!"
“为什么我的眼里常含泪水?”
"เหตุใดในดวงตาของฉันยังคงมักมีหยดน้ำตา?"
“因为我对这土地……爱得深沉!”
"ก็เพราะว่าฉันนั้น...รักแผ่นดินผืนนี้อย่างลึกล้ำ!"
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*