webnovel

0022 ก้าวพริบตา

ตอนที่ 22 ก้าวพริบตา

โช่วหยินใช้เวลาถึงสองวันในการเตรียมตัว และข้อมูลที่เขามีคือเป้าหมายของตนเป็นเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เป้าหมายที่เขากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่อย่างที่ข้อมูลบอกเลย...เขาตระหนักได้ถึงพลังในตัวเย่หยวนทันทีว่า… เป็นอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับสาม

สำหรับโช่วหยิน ไม่ว่าจะเป็นระดับหนึ่งหรือระดับสามก็มีค่าไม่ต่างกัน อย่างไรๆก็เป็นเพียงเศษโคลนที่สามารถฆ่าทิ้งได้ในทันที

ทุกๆสามระดับในอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณนั้นถือว่าเป็นพื้นดินเดียวกัน แต่เมื่อจากระดับสามไปยังระดับสี่ แม้จะดูเล็กน้อยแต่อย่าได้ประมาทเลยทีเดียว ความแข็งแกร่งของระดับสามและระดับสี่นั้นแตกต่างกันอย่างมาก เพราะระดับสามและระดับสี่เป็นดั่งรอยต่อขนาดใหญ่ที่ยากต่อการก้าวข้ามมาได้ เรียกได้ว่าการพัฒนาจากระดับสี่ไปยังห้า ยังง่ายกว่า การพัฒนาจากระดับสามไปยังสี่

ในขณะที่โช่วหยินผู้เป็นระดับเจ็ดนั้นอยู่เหนือกว่าเย่หยวนถึงสองรอยแยกขนาดใหญ่ เขาจึงไม่รู้สึกว่าเย่หยวนจะสร้างปัญหาให้แก่เขาได้เลยแม้แต่น้อย

แต่สิ่งที่โช่วหยินสงสัยคือ…ข้อมูลที่นายจ้างนำมาให้นั้นไม่ถูกต้องหรือว่าเจ้าเด็กนี้สามารถพัฒนาตนเองได้เร็วแบบนี้?

และโช่วหยินก็เชื่อในข้อแรกมากกว่า เพราะไม่มีทางเลยที่จะสามารถพัฒนาได้แบบนี้ภายในสองสามวัน การที่จะฝึกฝนจากอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่งไปยังระดับสาม ไม่มีทางทำได้ภายในเวลาอันสั้นแน่นอน

มันคงเป็นเรื่องตลกหากเกิดขึ้นจริง?

“นายน้อยเย่ เจ้านี้คงเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเราซะแล้ว...ในระหว่างนี้ข้าจะถ่วงเวลาให้เอง นายน้อยและลู่เอ๋อจงหนีไป อีกเพียงประมาณสิบลี้ก็น่าจะถึงสำนักตันอู่แล้ว จากนั้นก็เร่งตามคนมาช่วย!”

ถางอวี่ชักดาบขึ้นทันทีหลังพูดเสร็จและย่างเท้าก้าวขึ้นหน้าบังเย่หยวนและลู่เอ๋อไว้

เขารู้แค่เพียงเป้าหมายของนักฆ่าผู้นี้คือเย่หยวน แต่เขาก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังของนักฆ่าผู้นี้ได้เลย เขารับรู้ได้เพียงว่านักฆ่าคนนี้ไม่ได้รับมือง่ายๆแน่นอน แต่นายน้อยเย่นั้นมีบุญคุณต่อเขาและพ่อเขา แถมยังให้โอสถเสริมพลังระดับสูงอีกด้วย อาจกล่าวได้อีกอย่างว่าเย่หยวนคือผู้มีพระคุณอย่างมหาศาลต่อชีวิตเขา และสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ตรงหน้าคือ การชดใช้พระคุณนั้นด้วยชีวิต

แม้ถางอวี่จะเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้แห่งสำนักตันอู่ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับโช่วหยินผู้มีประสบการณ์การต่อสู้และการฆ่ามันนับครั้งไม่ถ้วน ถางอวี่ก็ไม่อาจเทียบเคียงโช่วหยินได้เลย และการที่ถางอวี่บอกว่าจะถ่วงเวลาไว้ให้ นั้นหมายถึงเขาพร้อมที่จะสละชีวิตของตนแล้ว

ในบรรดาทั้งสามคน ถางอวี่คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด… ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะออกตัวมาปกป้องเลย

เมื่อเห็นท่าทีของถางอวี่ที่ราวกับกำลังเผชิญกับปัญหาที่หนักอึ้ง ลู่เอ๋อก็เริ่มร้อนใจในทันที

“นายน้อยหนีไป...ลู่เอ๋อกับพี่ถางจะคอยถ่วงเวลาไว้ให้เอง!”

เมื่อเย่หยวนเห็นลู่เอ๋อเอาตัวบางๆของนางมาบัง เย่หยวนพลันหัวเราะพร้อมพูดว่า

“ลู่เอ๋อเจ้าเด็กโง่ อย่างเจ้าจะทำอะไรได้ มาหลบหลังข้าเร็ว”

“ไม่! ลู่เอ๋อจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

ลู่เอ๋อตะโกนออกมา

เมื่อพินิจเห็นการกระทำของถางอวี่และลู่เอ๋อ เย่หยวนแอบรู้สึกขำเล็กน้อย แต่ลึกๆแล้ว เขาเองรู้สึกประทับใจกับการกระทำเช่นนี้ของทั้งสองคนมาก

ประการแรก...มนุษย์มักเผยธาตุแท้ออกมาในยามที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤต และการกระทำของทั้งสองคนนี้...มันเกินความคาดหมายของเย่หยวนอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่า ลู่เอ๋อจะห่วงชีวิตนายน้อยของตนมากกว่าชีวิตของนางเสียเอง และไม่น่าเชื่อว่าคนที่พึ่งรู้จักอย่างถางอวี่จะออกมาปกป้องเขาด้วย แม้ว่าการช่วยชีวิตพ่อของถางหนุนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับถางอวี่แล้วนั้นคือนาทีชีวิตของพ่อเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการจะชดใช้บุญคุณนั้นด้วยชีวิตของตนเอง

ประการที่สอง ทั้งๆที่พวกเขารู้ว่านักฆ่าที่อยู่ตรงหน้านั้นมีฝีมือที่ร้ายกาจอย่างมาก และหากเลือกที่จะปะทะแน่นอนว่าพวกเขาได้ตายอย่างแน่นอน...แต่พวกเขาก็ยังจะเลือกเส้นทางนั้น

“ฮ่าๆๆ! เป็นฉากที่ซึ้งกินใจดีจริงๆ! เย่หยวน มันคงจะดีหากเจ้าหุบปากตั้งแต่แรก อ่อแล้วก็ น้องสาวคนนั้นน่ะ...เจ้าช่างงดงามและมีเสน่ห์เหลือเกิน ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้วล่ะ...”

โช่วหยินได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

ณ ตอนนี้โช่วหยินมั่นใจอย่างมากกว่า ที่เย่หยวนสัมผัสคิดการมีอยู่ของเขาได้ เขาจะต้องมีวรยุทธอะไรบางอย่างเป็นแน่ และเขาก็สนใจวรยุทธนั้นอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะเค้นวรยุทธนั้นออกจากปากเย่หยวนให้ได้

นอกจากนี้ก็ยังมีสาวน้อยน่ารักที่มากับเย่หยวนอีก และนางก็ช่างงดงามเกินใจเสียเหลือเกิน ดังนั้นเขาจะปล่อยโอกาสทองแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

“พวกเจ้า หลีกทางไปซะ!”

เย่หยวนดึงลู่เอ๋อและถางอวี่กลับไปยังด้านหลังของเขา ใบหน้าของเย่หยวนในตอนนี้คลี่เผยรอยยิ้มออกมา แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นเกินพรรณนา

เมื่อโช่วหยินเห็นรอยยิ้มเช่นนั้น จู่ๆหัวใจของเขาก็ได้เต้นแรงขึ้น… แรงขึ้น....

และจู่ๆร่างกายของเขาพลันสั่นเทาขึ้นโดยไม่รู้ตัว

กะ-เกิดอะไรขึ้น?

โช่วหยินนั้นเป็นนักฆ่ามืออาชีพและฆ่าสังหารมาแล้วเป็นนับร้อยศพ แม้จะยืนอยู่กลางหิมะหรือต่อให้เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนระดับอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณ เขาก็ไม่เคยสั่นขนาดนี้

มันไม่ทางเป็นไปได้...เขากำลังสั่นให้กับเป้าหมายที่เป็นเพียงอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับสามที่อยู่ตรงหน้า!

โช่วหยินรู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้… ทุกอย่างมันผิดปกติอย่างมาก ภารกิจนี้ควรจะเป็นภารกิจง่ายๆเท่านั้นมิใช่รึ? เหตุใดมันถึงผิดปกติมากเช่นนี้กัน?

  “โดยปกติแล้ว ข้าและเจ้าไม่เคยมีเรื่องต่อกันมาก่อน ในคราแรกข้าแค่อยากเจรจาและหาทางออกสำหรับเรื่องนี้โดยคุยกันด้วยเงิน แต่ดูเหมือนคงไม่จำเป็นแล้ว...เนื่องจากแกกล้าคิดเรื่องอกุศลกับลู่เอ๋อ ดังนั้น...แกคงต้องตายแล้วล่ะ อย่าถือโทษโกรธข้าละกัน”

เมื่อพูดจบเย่หยวนได้เผยให้เห็นถึงแววตาอันเลือดเย็นออกมา เมื่อโช่วหยินได้เห็น เขาก็สั่นสะท้านไปถึงขั้วกระดูกดำเลยทีเดียว

เมื่อมาถึงจุดนี้ เย่หยวนได้กินโอสถบางอย่างที่เขาเตรียมไว้ก่อนออกเดินทางเข้าไป

เนื่องจากเย่หยวนรู้อยู่แก่ใจดีว่า การเดินทางนี้จะไม่ราบรื่นเป็นแน่ เขาจึงได้หลอมโอสถบางชนิดเตรียมเอาไว้

โอสถชนิดนี้มีชื่อว่า โอสถจิตห้าธาตุ มันถูกหลอมขึ้นโดยสมุนไพรทั้งห้าที่มีคุณสมบัติธาตุแตกต่างกันคือ ธาตุทอง ไม้ ไฟ น้ำ และดิน มันเป็นโอสถสำหรับผู้ที่อยู่อาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณ หลังจากที่กินเข้าไปพลังปราณจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และเพิ่มขึ้นจนไปหยุดอยู่ที่จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณภายในระยะเวลาหนึ่ง!

“ฮ่าๆๆ! แค่เศษโคลนระดับสาม...ไม่ว่าเจ้าจะมีกี่ร้อยชีวิตก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”

ในตอนนี้ทั้งอารมณ์และสภาพจิตใจของโช่วหยินนั้นไม่สงบและลุ่มร้อนใจอย่างมาก ที่เขาพูดออกไปก็เพื่ออารมณ์เหล่านั้นให้หายไป

และในวินาทีนั้น ชิ้งงง! ดาบของโช่วหยินที่ซ่อนไว้ได้พุ่งออกมา

ในฐานะที่เป็นนักฆ่า ไม่ว่าวิธีใด… โช่วหยินก็ต้องสังหารเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นเขาได้ติดตั้งอาวุธไว้ใต้ชายเสื้อของตน โช่วหยินหัวเราะด้วยความสะใจในขณะที่ดาบนั้นกำลังพุ่งไปยังหน้าเย่หยวน

“นายน้อยเย่… ระวัง!”

ถางอวี่และลู่เอ๋อได้ตะโกนดังลั่นอย่างพร้อมเพรียง

แต่เสียงของพวกเขาก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าดาบนั้นได้ ดาบของโช่วหยินได้เสียบเข้าไปในร่างของเย่หยวนทันที

“นายน้อย!”

“นายน้อยเย่!”

ทั้งถางอวี่และลู่เอ๋อได้เห็นฉากที่ไม่ควรเห็นก่อนที่จะร้องไห้ออกมา

แต่โช่วหยินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป ทั้งๆที่ดาบของเขาเสียบเข้ากลางลำตัวของเย่หยวนไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมือของเขาถึงไม่รู้สึกถึงอะไรเลยล่ะ?

ไม่ว่าเหตุผลนั้นคืออะไรโช่วหยินได้ชักดาบออกมาก่อนอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตัว และร่างของเย่หยวนก็ได้ล้มลงไปทันที แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมถึงรู้สึกแปลกเช่นนี้

สิ่งที่เขาจำได้ก็คือ...ก่อนที่จะโจมตีเย่หยวน มันได้หยิบโอสถอะไรบางอย่างออกมากินก่อนแต่เขาก็คิดแค่ว่า โอสถเพียงเม็ดเดียวก็คงไม่สามารถสร้างปัญหาอันใดกับเขาได้ แต่หากเป้าหมายเป็นคนอื่น… เขาก็คงไม่เปิดโอกาสให้กินโอสถเช่นนี้แน่

ข้าคงวิตกเกินไปกับแค่คนๆหนึ่งที่ตายลงไปแล้ว

ในตอนนี้เย่หยวนตายลงไปแล้วและศพของเขาก็อยู่ตรงหน้าประจักษ์ชัด ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ในใจของเขา ก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี… เพราะเหตุใดกัน?

ทันใดนั้น จู่ๆศพของเย่หยวนที่ถูกแทงโดยโช่วหยินก็ค่อยๆจางหายไปจนเหลือแต่ความว่างเปล่า!

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าโช่วหยิน มันยังติดตาเขาอยู่เลย!

“ฮ่าๆ...มันไม่อันตรายไปหน่อยรึ ที่เจ้าแสดงให้ข้าเห็นเมื่อสักครู่น่ะ?”

เสียงของเย่หยวนทำให้โช่วหยินสะดุ้งโหย่งในทันที

ปะ-เป็นไปไม่ได้!...ข้าแทงแกไปแล้วนิ!

“ก้าวพริบตา! นั้นมันก้าวพริบตาจริงๆ!”

ถางอวี่ตะโกนออกมาทันที

“นายน้อย...นั้นมันยอดไปเลย ท่านยังปลอดภัยดี!”

ลู่เอ๋อตะโกนออกมาอย่างตกใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน

 

“ฮ่าๆๆ แน่นอนข้ายังปลอดภัยดี ดวงของนายน้อยเจ้าน่ะ… แข็งยิ่งกว่าภูผา!”

“นายน้อยเย่...ท่านเคลื่อนไหวรวดเร็วจนใช้ก้าวพริบตาได้! แถมท่านก็ยังดึงประสิทธิภาพสูงสุดของมันได้อีกด้วย นี่มันพรสวรรค์ระดับพระเจ้าโดยแท้!”

ถางอวี่ตะลึงอย่างมากเมื่อได้เห็นการใช้วรยุทธนี้ของเย่หยวน

“ไม่หรอก...ก็แค่วรยุทธธรรมดาทั่วไป”

สำหรับคนอื่นๆวรยุทธก้าวพริบตานั้นเป็นวรยุทธที่ใช้ยากมาก และยังต้องมีทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างมาก แต่พลังในตอนนี้ของเย่หยวนมันไม่ใช่เรื่องยากเลย

วรยุทธก้าวพริบตา อาจจะดูสุดยอดยิ่งหลากประโยชน์ แต่มันเองก็มีข้อจำกัดอยู่ ก้าวพริบตาสามารถใช้ได้แค่ในรัศมีเล็กๆเท่านั้น และมันเป็นเพียงวรยุทธระดับหนึ่งจึงไม่ใช่วรยุทธที่เก่งกาจอะไรปานนั้น

แต่เนื่องจากชีวิตก่อนหน้าของเย่หยวนนั้นเกิดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ วรยุทธระดับพิ้นฐานเช่นนี้จึงเป็นไปมิได้เลยที่จะไม่เคยฝึกฝนติดตัวมาบ้าง แต่สำหรับแดนล่างสามัญชนแบบนี้เป็นอะไรที่ใช้และควบคุมยากในระดับหนึ่ง แม้แต่ในสำนักตันอู่ วรยุทธก้าวพริบตาก็หาใช่สิ่งที่ฝึกปรือกันได้โดยง่าย

ไม่ต้องพูดถึงในอดีต เขาสามารถใช้มันอย่างคล่องแคล่ว เนื่องด้วยเหตุผลข้างต้นเอ่ยไป และรวมไปถึงในอดีตระดับการบ่มเพาะพลังของเย่หยวนเองก็อยู่สูงจนเกินขอบเขตที่ผู้คนแดนล่างทั้งมวลจะจินตนาการได้

…………………………………