ตอนที่ 18 พลังปราณที่เพิ่มพูน
เมื่อได้เห็นฝีมือการฝังเข็มของเย่หยวนที่พลิ้วไหวเชี่ยวชาญประดุจสายน้ำ ถังอวี่ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น ในตอนนี้เขาตระหนักได้ว่า แท้ที่จริงแล้วเย่หยวนนั้นไม่ได้แย่อย่างที่เคยได้ยินมาเลย
“ท่านพ่อ… ท่านเป็นไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”
หลังจากเข็มทองคำอันสุดท้ายได้ฝังลงไป ถังอวี่ก็เอ่ยถามออกมาอย่างร้อนใจ
สีหน้าของถางซ่งไฮว่ในตอนนี้ดูดีขึ้นมาก ใบหน้าจากที่ขาวซีดแปรเปลี่ยนเป็นดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นอาการไอก็ยังลดลงอีกด้วย ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก
แม้ว่ายังหายใจติดขัดอยู่บ้าง แต่เขาก็สามารถพูดได้คล่องขึ้นกว่าก่อนหน้า
ทักษะกระบวนฝังเข็มของเย่หยวนหาใช่กระบวนฝังเข็มธรรมดาทั่วไป แต่เป็นกระบวนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง โดยเย่หยวนตั้งชื่อทักษะนี้ว่า เจ็ดสิบสองประตูอัสนี และครั้งหนึ่งทักษะชุดนี้นั้นเคยใช้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อนและมันมีความสามารถที่มองไม่เห็นซ่อนเร้นอยู่
แต่แน่นอนว่าตัวเขาในขณะนี้ไม่สามารถดึงพลังของเจ็ดสิบสองประตูอัสนีออกมาได้ทั้งหมด เขาทำได้เพียงใช้ทักษะนี้ในการรักษาระดับความสมดุลของร่างกายถางซ่งไฮว่เท่านั้น
“การฝังเข็มนี้สามารถบรรเทาได้เพียงอาการเบื้องต้น แต่ไม่สามารถรักษาต้นเหตุของอาการได้… ดังนั้นก่อนที่ผลของการฝังเข็มจะหมดไป พรุ่งนี้ข้าจะรีบกลับมาให้ทันเวลา”
เมื่อพูดเสร็จเย่หยวนก็กล่าวคำอำลาและจากไปทันที
เย่หยวนกลับไปยังหอโอสถ เพื่อไปนำสมุนไพรที่เหลือในการหลอมโอสถทลายลมปราณ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องหลอมโอสถทันทีพร้อมกับกล่องหญ้าหกแฉก
โอสถทลายลมปราณเป็นเพียงยาระดับหนึ่งขั้นต่ำแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับเย่หยวนในตอนนี้อย่างมากสำหรับการบ่มเพาะพลัง ถึงเขาจะมีโอสถระดับหนึ่งที่ดีกว่าสำหรับการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันเขายังอ่อนแอเกินไป แต่ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็จะสามารถหลอมโอสถระดับที่สูงกว่านี้ได้แน่นอน
สำหรับเย่หยวน การหลอมโอสถทลายลมปราณกลับง่ายมาก หลังจากที่เวลาผ่านไปสามชั่วยาม… เขาก็ออกจากห้องหลอมโอสถพร้อมขวดโอสถ
สิ่งที่จะต้องทำถัดไปคือ...การบ่มเพาะพลังเข้าญาณ ดังนั้นเขาจึงต้องหาห้องที่เงียบสงบปราศจากเสียงรบกวนใดๆ และสั่งคนรับใช้ว่าห้ามเข้ามารบกวนเด็ดขาดจากนั้นเขาก็เริ่มทำสมาธิเข้าญาณ
เขาคลี่ลืมตาขึ้นพร้อมจ้องไปยังขวดโอสถที่ตั้งอยู่ตรงหน้า เย่หยวนขมวดคิ้วเบาๆด้วยความไม่พอใจอย่างมากกับการหลอมในครั้งนี้ วัตถุดิบที่เขาเตรียมไว้มีอย่างละสามชุด และเมื่อตอนปรุงเสร็จเขาได้หลอมโอสถขึ้นมาทั้งหมดยี่สิบหกเม็ด ประกอบด้วยโอสถขั้นกลางสิบห้าเม็ด โอสถขั้นสูงอีกแปดเม็ด และโอสถขั้นยอดเยี่ยมอีกสามเม็ด
ยาสมุนไพรนั้นสามารถแบ่งได้หลายระดับขั้น ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นยอดเยี่ยม และขั้นเหนือฟ้า
หากเป็นในอดีต ถ้าเขาต้องการจะปรุงโอสถระดับหนึ่งอย่างโอสถทลายลมปราณล่ะก็ อย่างน้อยระดับขั้นที่แย่สุดที่หลอมออกมาได้คงเป็นขั้นยอดเยี่ยม แต่ในตอนนี้เขาทำได้เพียงโอสถชั้นขยะเท่านั้น และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
หากเหล่านักหลอมโอสถแห่งรัฐฉินสามารถอ่านความคิดของเย่หยวนได้ เขาอาจจิตตกจนฆ่าตัวตายไปแล้ว เพราะเพียงโอสถที่อยู่ตรงหน้าเย่หยวนในขณะนี้ มันก็สุดยอดจนต้องกล่าวขอบคุณสวรรค์เลยทีเดียว แต่พวกเขาคงตกใจอย่างมาก หากรู้ว่าในความคิดของเย่หยวน โอสถเหล่านี้กลับเป็นได้แค่ยาขยะเท่านั้น สำหรับพวกเขา โอสถระดับชั้นนี้เรียกได้ว่าต้องพึ่งโชคล้วนๆถึงจะบังเอิญหลอมโอสถได้ทรงประสิทธิภาพขนาดนี้ บางทีอาจต้องใช้โชคทั้งชีวิตของพวกเขา ถึงจะสามารถหลอมโอสถระดับชั้นนี้ได้สักเม็ด
เย่หยวนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรที่สามารถช่วยเขาได้เลย เนื่องจากร่างกายนี้ในอดีตไม่เคยหลอมโอสถเลยสักครั้ง จึงทำให้พลังจิตวิญญาณในร่างกายค่อนข้างอ่อนแออย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการหลอมโอสถคือพลังจิตวิญญาณ ทำให้โอสถทลายลมปราณที่ปรุงออกนั้นแบ่งออกได้ถึงสามขั้น...และได้โอสถขั้นยอดเยี่ยมเพียง 3 เม็ดเท่านั้น
เขาคว้าขวดโอสถเปิดจุกออกทันทีพร้อมเทเม็ดโอสถออกมา ยามนี้หยิบเฉพาะโอสถที่เป็นขั้นยอดเยี่ยมเท่านั้น ก่อนจะกลืนมันลงไปโดยตรง
ทันทีที่โอสถตกถึงกระเพาะอาหาร พลังปราณทั่วร่างก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นต่อเนื่อง พลังปราณสายใหญ่ไหลผ่านเส้นลมปราณไปทั่วทุกซอกมุมของร่างกายเขา เมื่อรู้สึกเช่นนี้...เขาก็ไม่รีรอแต่อย่างใด เขาเริ่มโคจรใช้วรยุทธเก้าเซียนบูรพาเพื่อบ่มเพาะพลังในทันที หลังจากที่ใช้วรยุทธเก้าเซียนบูรพาเป็นตัวกระตุ้นพลังแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความปั่นป่วนของพลังปราณในร่างกายเขา
วรยุทธเก้าเซียนบูรพา สามารถแบ่งได้เป็นสามบท คือบทกายมนุษย์ บทปฐพี และบทสวรรค์ แน่นอนว่าในตอนนี้เย่หยวนยังอยู่ในบทกายมนุษย์อยู่ แต่ละบทนั้นสามารถแบ่งได้อีกสามขั้นย่อย แต่ละขั้นกอปรไปด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับวรยุทธต่อสู้อีกด้วย
นั่นคือจุดเด่นของวรยุทธเก้าเซียนบูรพา และอานุภาพของวรยุทธต่อสู้ในแต่ละขั้นนั้น ก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่
ที่จอมราชันวิญญาณไร้เทียมทานที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเพราะเขาสำเร็จวรยุทธต่อสู้ในขั้นสุดท้ายของบทสวรรค์แห่งเก้าเซียนบูรพาได้แล้ว วรยุทธต่อสู้ในขั้นสุดท้ายมีชื่อว่า วรยุทธเก้าสุริยันสวรรค์ไร้ต้าน อานุภาพของมันยามถูกปลดปล่อย มีรัศมีทำลายล้างกว้างไพศาลนับหลายพันลี้ ซึ่งในระยะหลายพันลี้ที่ว่าทุกสรรพสิ่งจะถูกแผดเผาจนเหลือแต่ความว่างเปล่า มันมีพลังการทำลายล้างที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวด
และวรยุทธขั้นแรกในบทกายมนุษย์นั้นมีชื่อว่า… ดัชนีจิตเทพ มันเป็นวรยุทธต่อสู้ที่จะปลดปล่อยพลังปราณของตนออกจากปลายนิ้ว และหากฝึกฝนจนชำนาญพลังการทำลายล้างจะสูงมาก สูงจนสามารถทำลายก้อนหินหรือแผ่นโลหะได้อย่างง่ายดาย
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม ฤทธิ์ของโอสถทลายลมปราณเม็ดแรกได้ถูกดูดซับโดยเย่หยวนจนหมด แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีพลังบางส่วนที่ยังขาดหายไปก่อนที่จะก้าวสู่อาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับสอง
เย่หยวนจึงกลืนโอสถทลายลมปราณขั้นยอดเยี่ยมเม็ดที่สองต่ออย่างไม่ลังเล และได้ทำสมาธิต่อทันที เมื่อผ่านไปอีกสองชั่วยาม เขาก็ตบเม็ดที่สามเข้าปากไม่ขาดช่วง
เวลาได้ผ่านไป...รุ่งเช้าอันสดใส เส้นเลือดเส้นเอ็นทั่วทั้งร่างกายของเย่หยวนได้บวมขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับอาการปวดล้า ปริมาณฤทธิ์โอสถที่ดูดซับไป มันได้ถึงขีดจำกัดของร่างกายเขาแล้ว หากยังฝืนกินโอสถต่อไป เส้นเลือดในร่างกายคงบวมจนแตกออกและตายในที่สุด เมื่อเขาลืมตาขึ้น...เขาก็ตรวจสอบพลังปราณในร่างกายอีกครั้ง ในตอนนี้เขาอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับสามและขาดพลังอีกเพียงเล็กน้อยก็จะสำเร็จระดับสี่ จนถึงตอนนี้เย่หยวนใช้โอสถขั้นยอดเยี่ยมไปสามเม็ด และขั้นสูงอีกหกเม็ด ผลของมันก็ไม่ถือว่าเสียเปล่าสักทีเดียว
จากระดับสามไปยังระดับสี่ ทุกคนในรัฐฉินมักจะพบกับปัญหาคอขวดขนาดย่อมเสมอ และบางคนก็ไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาคอขวดเหล่านี้ได้จนวันสุดท้ายของชีวิตก็ไม่สามารถผ่านไปได้
แต่ปัญหาคอขวดขนาดย่อมนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับเย่หยวน เนื่องจากเขาเคยอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่าแดนล่างแห่งนี้มาก่อน ดังนั้นปัญหาเช่นนี้ไม่อาจจะสร้างปัญหาใดๆให้กับเขาได้เลย ตราบเท่าที่พลังปราณของเขามากพอ เขาก็จะสามารถสำเร็จระดับสี่ได้ทันที
ภายในคืนเดียว เขาก็สามารถบรรลุได้ถึงสองระดับย่อย แต่เย่หยวนเกรงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้รากฐานของตนจะไม่มั่นคงพอ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเย่หยวน...เขาจะไม่กระทำเด็ดขาด หากเป็นผลเสียมากกว่าได้ แม้ว่าเขาจะต้องการความแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ความโลภเหล่านี้มาทำลายอนาคตของเขาเพียงเพราะความใจร้อนในการอยากแข็งแกร่งขึ้นเร็วๆ เขาเพียงแค่อยากเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ในอีกสองถึงสามวันข้างหน้าเป้าหมายหลักของเย่หยวนคือ การสร้างรากฐานของอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณให้แข็งแรงและมั่งคงกว่านี้ จากนั้นเขาถึงจะพัฒนาความแข็งแกร่งของตนต่อไป
แน่นอน เพราะวรยุทธเก้าเซียนบูรพาจึงทำให้พลังปราณของเย่หยวนนั้นทั้งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์กว่าผู้ที่อยู่ในระดับสามทั่วไป และหากเป็นคนอื่นๆที่ใช้โอสถทลายลมปราณ พวกเขาคงกินแค่โอสถชั้นสูงสองเม็ดและขั้นยอดเยี่ยมอีกเม็ดเดียวเท่านั้น ก็สามารถยกระดับตนเองจากระดับหนึ่งให้เป็นอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับสามได้
ดังนั้นการที่เย่หยวนใช้มากกว่าคนอื่นถึงสามเท่า จึงส่งผลให้พลังปราณของเย่หยวนทั้งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์กว่าคนอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกันถึงสามเท่าเช่นกัน! ไม่น่าแปลกเลยว่า เหตุใดจอมราชันวิญญาณถึงได้มีพลังอำนาจมากมายปานนี้ และหากมีใครสักคนสามารถใช้วรยุทธเก้าเซียนบูรพาในการบ่มเพาะพลังจนก้าวไปยังอาณาจักรพลังที่สูงยิ่งๆขึ้นไป โดยที่เขาคนนั้นมีพลังปราณไร้ขีดจำกัด หากมีคนเช่นนั้นจริง เขาจะต้องแกร่งกล้าจนไร้คู่มือทัดเทียมแม้แต่คนเดียว
แต่หากให้เขาคนนั้นลองนึกถึงความเป็นจริงสักนิดว่าพลังของตนนั้นมันมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น...เขาคงใช้วรยุทธเก้าเซียนบูรพาพัฒนาพลังของตนเองให้เพียงพอต่อการหลอมโอสถระดับหนึ่งชั้นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นเป็นพอ
“ถึงเวลาแล้ว… เวลาช่วยชีวิตท่านลุงถาง กรณีนี้ต้องหลอมโอสถฟื้นหัวใจมรกตเท่านั้น”
เย่หยวนลุกขึ้นและได้บิดตัวเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดประตูออกไป
ทันทีที่ก้าวออกจากประตู เขาได้เห็นลู่เอ๋อเดินแกว่งมือไปมาด้วยสีหน้าที่มีความสุข นางยิ้มพร้อมทักว่า
“นายน้อย ท่านจะออกไปไหนรึ?”
“หึม! นี่เจ้า?...เจ้าสำเร็จอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่งแล้วรึ?”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังปราณในร่างนางได้ ในตอนนี้นางได้สำเร็จระดับหนึ่งได้แล้ว ทั้งๆที่เขาพึ่งสอนวรยุทธปราณเหมันต์ลวงสวรรค์ไปให้เมื่อวันก่อนแท้ๆ!
ลู่เอ๋อพยักหน้าเบาๆและถามกลับว่า
“นายน้อย...ระ-หรือว่า ลู่เอ๋อบ่มเพาะพลังช้าไป?”
เย่หยวนได้แต่หัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เจ้าตัวน้อยของข้า อย่าพูดจาแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเชียว ไม่งั้นจะถูกหาว่าเจ้าหยามพวกเขาเป็นแน่ การบ่มเพาะพลังของเจ้านั้นสำเร็จเร็วเกินไป เร็วซะจนทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยค่าไปเลย!”
ลู่เอ๋อพึ่งก้าวสู่เส้นทางแห่งบ่มเพาะพลัง ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจถึงระยะเวลาโดยทั่วไปของการบ่มเพาะพลัง และเมื่อนางได้ยินดังนั้นนางก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที รอยยิ้มของนางมันช่างสดใสและงดงาม...
“จริงๆเหรอท่าน! ละ-แล้ว...ในอนาคตข้าจะค่อยๆอยู่ช่วยเหลือท่านได้ใช่หรือไม่?”
“ฮ่าๆ แน่นอน! ลู่เอ๋อ… เจ้าเป็นคนสำคัญของข้าและในตระกูลของเรา… เจ้าคือที่คนพิเศษที่สุด!”
“ไปกันเถอะ...ตามนายน้อยของเจ้ามาไป นายน้อยของเจ้าขอไปสะสางเรื่องบางเรื่องให้เสร็จก่อนและในวันรุ่งขึ้น ข้าจะพาเจ้าไปที่สำนักตันอู่เอง”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างปรีติยินดี
……………………………….