ตอนที่ 10 ท้าทายด้วยพิษ
ในตอนนี้หวังตงไห่เจ็บใจอย่างมากที่ไม่ยอมส่งคนไปตรวจสอบที่หอโอสถเพิ่ม เขาได้แต่อดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ เขาได้แต่ภาวนาว่า...หลิวอันจะยังคงปกปิดความลับไว้ได้อยู่
“ทะ-ท่าน...ชะ-ช่วยข้า...ดะ-ด้วย”
หลิวอันได้แต่ร้องคร่ำครวญด้วยความทรมานพร้อมกับหมดสภาพอยู่บนพื้น
คำพูดของหลิวอันราวกับว่าเขารู้จักกับหวังตงไห่มาก่อน เมื่อหวังตกไห่ได้ยินเขาก็คิ้วขมวดขรึมยิ่งขึ้นไปอีก
“หืมมม? ท่านผู้นำหวัง ชายผู้นี้รู้จักกับท่านอย่างนั้นรึ?”
เย่หยวนเอ่ยถามแสร้งราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อนเลย
เขาตั้งใจจะพูดคำเหล่านี้ให้เสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน ถึงแม้นคนอื่นๆที่ได้ฟังจะไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูหวังตงไห่มันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในใจหวังตงไห่เปี่ยมล้นความเกลียดชังสุดหัวใจยิ่งในตอนนี้ แต่ท่าทีที่แสดงออกมาก็ยังไม่กระโตกกระตากแต่อย่างใด
“เกรงว่าหลานชายกล่าวไปเรื่อยแล้ว ตระกูลหวังของข้ามีชื่อเสียงโด่งดังในรัฐฉิน มีนักล่าสัตว์อสูรมากมายที่เคยมารักษาในคฤหาสน์ดวงดาวแห่งนี้ ดังนั้นก็มิใช่เรื่องแปลกเลยที่เขาจะรู้จักข้า”
เย่หยวนปั้นหน้าเสมือนเข้าใจทันทีที่ได้ฟังและพูดว่า
“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ว่า...ข้ายังไม่ได้กล่าวเลยว่าชายผู้นี้เป็นนักล่าสัตว์อสูร ท่านผู้นำหวัง…ท่านรู้ได้อย่างไร? หลานตัวน้อยๆผู้นี้รู้สึกศรัทธาในสายตาอันแหล่มคมของท่านยิ่งนัก”
ในทีแรก ผู้คนก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่หลังจากที่เย่หยวนกล่าวแบบนั้นไป ทุกคนก็เริ่มเข้าใจกับเหตุการณ์มากขึ้นจนส่งผลให้บรรยากาศในตอนนี้มันอึดอัดยิ่งขึ้น
หลิวอันเป็นเพียงนักล่าสัตว์อสูรที่มีพลังอยู่ที่อาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับแปด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเคยได้ยินชื่อเสียงอันลือเลื่องของหวังตงไห่ แต่สำหรับหวังตงไห่ กลับเป็นเรื่องแปลกที่จะรู้ว่าหลิวอันเป็นนักล่าสัตว์อสูร
อย่างไรก็ตามมันก็มิได้หมายความว่า หวังตงไห่จะไม่สามารถทำความรู้จักกับนักล่าสัตว์อสูรได้เลยสักคน ในทางตรงข้าม เขานั้นรู้จักนักล่ามากมาย และนักล่าเหล่านั้นล้วนอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณทั้งสิ้น แต่เขาดันรู้จักนักล่าระดับปลายแถวอย่างหลิวอัน นี่เป็นไปได้อย่างไร?
ไม่มีผืนแผ่นดินใดไร้ซึ่งรอยแตก มีข่าวลือเกี่ยวกับคฤหาสน์ดวงดาวว่าได้แอบส่งคนไปแฝงตัวกับกลุ่มนักล่าสัตว์อสูร แถมยังลอบฆ่าพวกเขาเพื่อชุบมือแย่งชิงสมบัติ แต่มันก็เป็นเพียงข่าวลือเพราะไม่พบหลักฐานใดเลย...นอกจากนี้คฤหาสน์ดวงดาวยังมีอำนาจอย่างมากและยังหนุนหลังพวกนักล่าสัตว์อสูรอีกหลายคน แต่ทั้งหมดก็ยังคงเป็นข่าวลือและคำบอกเล่าต่อๆกันมาเท่านั้น
เย่หยวนจงใจพูดหลอกล่อหวังตงไห่และสร้างคำถามเหล่านี้ให้แก่ผู้คนที่ได้ยินโดยรอบ ผู้คนที่ได้ยินต่างจินตนาการไปต่างๆนานาโดยความคิดของแต่ละคนว่า...แท้จริงแล้วหวังตงไห่มีอะไรปิดบังกันแน่
เมื่อมาถึงจุดนี้หวังตงไห่รู้สึกราวกับว่ามีม้าจำนวนนับหมื่นมาวิ่งกระหน่ำอยู่บนหัวใจ แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดเย่หยวนได้เลยเช่นกัน อีกฝ่ายจงใจสร้างภาระก้อนนี้เอาไว้เพื่อให้หวังตงไห่มาเก็บกวาดด้วยตนเอง
“ฮ่าๆๆ หลานชายข้า...เจ้าคงไม่เข้าใจสถานการณ์นี้ดีพอ เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าชายผู้นี้มีความสามารถบางอย่างผนวกกับเขายังได้รับพิษที่แปลกประหลาดเยี่ยงนี้อีก ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่เขาจะเป็นนักล่าสัตว์อสูร”
หวังตงไห่ได้อธิบายพร้อมกับฝืนหัวเราะ
ยามนี้เป้าหมายของเย่หยวนได้สำเร็จไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืดเรื่องนี้ แต่เขายังคงทิ้งคำถามให้แก่ผู้คนได้จินตนาการไปต่างๆนานาต่ออยู่ดี
“อย่างนั้นเองรึท่านผู้นำหวัง ข้าต้องขออภัยในความไม่รู้ของหลานตัวน้อยๆผู้นี้จริงๆ ข้าเองก็พึ่งถูกวางยาและเกือบตายเช่นกัน ดังนั้นข้าคงคิดมากจนเกินไป หลังจากเรื่องทั้งหมดนี้ มันทำให้ข้ารู้ว่าข่าวลือพวกนั้นมันช่างไร้สาระสิ้นดี”
“โอ้ พวกเราคุยกันจนลืมชายผู้นี้ไปสนิทเลย แต่พินิจดูจากสายตาของชายผู้นี้ที่มองยังท่าน...อย่างกับมองคนสนิทอย่างไรไม่รู้ ข้ารู้สึกได้...อ่า! ข้าพูดจาไร้สาระไปอีกแล้ว! ขะ-ข้าหมายถึง...เขามองท่านอย่างกับท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาต่างหาก”
เย่หยวนเผยสีหน้าเสมือนรู้สึกผิดที่กล่าวอะไรพล่อยๆออกไป พร้อมกับก้มดูหลิวอันด้วยความเป็นห่วง
ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม หาใช่ว่าต้องเย่หยวนจะเอาหวังตงไห่ให้ถึงตายด้วยคำพูดเหล่านี้ เขาพูดโจมตีหวังตงไห่น้อยมาก เพียงพูดจี้เฉพาะบางจุดเพื่อให้ผู้คนฉุกคิดขึ้นมาเฉยๆ
ในขณะนี้หวังตงไห่ไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้เลย เพราะเย่หยวนไม่ยอมเปิดโอกาสเลยแม้แต่น้อย
หวังตงไห่ได้ขมวดคิ้วขณะที่มองหลิวอันที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมสั่งคนใช้ว่า
“นำร่างชายคนนี้ไป...นำไปไว้ด้านหลังคฤหาสน์ สักครู่หนึ่งข้าจะตามไปวินิจฉัยเขาเอง”
ทันทีที่หวัง ตงไห่กล่าวเสร็จเย่หยวนก็ได้พูดแทรกขึ้น
“ท่านผู้นำหวัง ไม่ทราบว่าข้าและเหล่ามิตรสหายโดยรอบจะขอดูการรักษาของท่านได้หรือไม่? พวกเราต่างอยากจะเป็นสักขีพยานว่าฝีมืออันสุดยอดของผู้นำหวังจะยอดเยี่ยมเพียงใดกัน"
“ข้าทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำนินทาต่างๆนานาเกี่ยวกับฝีมือท่าน ดังนั้นโอกาสนี้แหละที่ท่านจะได้พิสูจน์ฝีมือให้ประจักษ์แก่ทุกคน ใช่หรือไม่…พวกท่าน?”
เย่หยวนได้หันไปหาทางผู้คนพร้อมถามออกมา
ผู้คนต่างสนใจอย่างมากเมื่อได้ยิน โดยปกติโอกาสที่จะได้เห็นเจ้าสำนักหวังแสดงฝีมือต่อหน้าแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นทุกคนจึงได้ตะโกนสนับสนุนความคิดของเย่หยวนกลับไปในทันที
ตอนนี้หวังตงไห่ตระหนักได้ว่าเขากำลังอยู่บนหลังเสือและยากที่จะลงมาได้ เขาเหลือบมองไปที่เย่หยวนพร้อมสายตาเจืออาฆาตดั่งต้องการสับอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ แม้ตอนนี้เขาจะเป็นถึงเซียนโอสถ แต่ใครจะไปคิดว่า ตนกลับถูกบีบให้ทำการรักษาต่อหน้าฝูงชนโดยเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว?
‘ได้! ในเมื่อเจ้าอยากเห็น ข้าก็จะถอนพิษให้เจ้าดู! ไม่มีพิษชนิดใดที่เขาไม่สามารถถอนได้ในรัฐฉินแห่งนี้ พิษที่ขยะอย่างเจ้าปรุงขึ้นมาเองยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย’
หวังตงไห่รู้จักเย่ฮานดี และเรื่องนี้ไม่ใช่แผนของเจ้าเย่ฮานอย่างแน่นอน
เย่ฮานที่เขารู้จักมักจะแข่งกันซึ่งๆหน้าอย่างมีเกียรติ แม้เขาจะอยู่ในสภาวะขำขันแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางส่งลูกชายของตนมาแบบนี้แน่นอน ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นความคิดของเย่หยวนอย่างแน่นอน
ก็แค่สวะคนหนึ่ง ทว่าหวังจะทัดเทียมสวรรค์เลยอย่างนั้นรึ?
คงไม่มีอะไรดีใจไปกว่าการได้ตบสั่งสอนเจ้าขยะนี้ แม้จะทำไม่ได้ แต่เจ้านั้นก็เหมือนตบหน้าตัวเอง ตั้งแต่ก้าวเท้ามายังที่แห่งนี้แล้ว
หวังตงไห่ชูมือและตะโกนไปว่า
“เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันดีที่ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้า ข้าจะแสดงฝีมือรักษาชายผู้นี้ต่อหน้าพวกท่าน พวกเจ้า...วางชายผู้นี้ลงซะ”
เมื่อผู้คนได้ยินดังนั้น มันก็ยิ่งกระตุ้นพวกเขาให้อยากดูเข้าไปใหญ่ พวกเขาอยากจะเห็นว่า...เย่หยวนผู้สร้างเรื่องมานับไม่ถ้วนจะสามารถท้าทายท่านผู้นำหวังแห่งคฤหาสน์ดวงดาวได้ซักกี่น้ำ
จนถึงตอนนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังไม่เชื่อว่า เย่หยวนบังเอิญเจอชายผู้นี้ข้างทางจริงๆ และพิษที่ชายผู้นี้โดนเข้าก็น่าจะถูกปรุงโดยเย่หยวนแน่นอน
สำหรับชายที่โดนยาพิษผู้นี้ แม้จะไม่เหมือนตามข่าวลือก็ตาม แต่เขาก็มีอะไรบางอย่างกับคฤหาสน์ดวงดาวอย่างแน่นอน
หลายคนที่อยู่ตรงนี้ต่างเป็นผู้คนแถวนี้ทั้งนั้น และพวกเขาก็ต่างรู้ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้าในหอโอสถ พวกเขาต่างปะติดปะต่อเหตุการณ์ต่างๆจากสิ่งที่เขาเห็นและต่างเดาไปต่างๆนานา แต่ส่วนใหญ่ก็ต่างเดาว่า ที่เย่หยวนมายังที่แห่งนี้ก็เพื่อใช้ยาพิษที่ตนปรุงขึ้นท้าทายท่านผู้นำหวัง
หวังตงไห่ก้มมองไปที่หลิวอันที่มีสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย ซึ่งเขาเองก็ยังไม่สามารถฆ่าเจ้านี้ได้ด้วย เจ้าหลิวอันไม่เพียงแค่ไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่หากการถอนพิษครั้งนี้ล้มเหลว มันยังสร้างปัญหาอีกมากมายให้แก่เขาเช่นกัน
ในตอนนี้หลิวอันชักดิ้นชักงอไปมาด้วยความเจ็บปวด เสมือนกับปลาที่กำลังจะตาย
หวังตงไห่ไม่ต้องการที่จะหักหน้าตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรักษาหลิวอัน
หวังตงไห่ได้เปิดเปลือกตาของหลิวอันพร้อมกับวัดชีพจรของเขา จากนั้นก็ถอนเสื้อของเขาออกเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด จนเวลาผ่านไปครึ่งวัน...สถานการณ์ของเขาก็ค่อยๆมืดแปดด้าน หัวคิ้วแทบขมวดจนชนกันแล้วในตอนนี้
เขาไม่สามารถเสาะหาร่องรอยเพื่อรักษาใดๆได้เลย!
ระดับเซียนโอสถไม่สามารถวินิจฉัยชายผู้นี้ได้เลยว่าพิษที่เขาโดนคือพิษชนิดใด นี่เป็นเรื่องเกินความคาดหมายไปมาก ในความเป็นจริง...หลิวอันอาจร่วมมือกับเย่หยวนในการจัดฉากเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อหักหน้าหวังตงไห่
“พี่ใหญ่ อาการเป็นไงบ้าง?”
หวังตงหยางกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ยามเห็นสีหน้าของผู้เป็นพี่
“เอาโอสถถอนพิษระดับสูงสุดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ไป!”
หวังตงไห่เอ่ยปากตะโกนสั่งขณะที่ตบมือเข้าหากัน ราวกับว่าเขาสามารถวินิจฉัยแถลงอาการได้แล้ว
“อะไรนะ?! โอสถถอนพิษระดับสูงสุด! นี่… นี่เป็นสิ่งที่ท่านพี่ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในหลอมมันมิใช่รึ? มันมีไว้สำหรับท่านจักรพรรดิ แต่พี่จะใช้มันกับเขา?”
“ทำตามที่ข้าสั่งซะ! จะมัวยืนพูดไร้สาระอะไรอยู่ล่ะ?”
ความอดทนของหวังตงไห่ได้หมดลงแล้ว ในตอนนี้เขากลายเป็นคนหงุดหงิดขึ้นมาทันที
……………………………..