webnovel

ตอนที่ 5 คนละไม้คนละมือ

ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ เด็กๆ ก็จะวิ่งเล่นกันเต็มหมู่บ้านไปหมด ส่วนเจ้าตุ๊ดตู่กับศิษย์น้องณัฐก็ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝด มาเดินตามหมอนิลลี่กับมูมู่ตลอดทั้งวัน ทำให้ทั้ง 2 ได้ความรู้เรื่องศัพท์ทางการแพทย์ การตรวจร่างกายง่ายๆ และการปฐมพยาบาลบางอย่างติดตัวไปเยอะทีเดียว

"พี่หมอ วันนี้เราไปเดินเล่นในป่ากันไหม เดี๋ยวผมพาไปที่ซ่อนกรุสมบัติโบราณเอาไหม" ตุ๊ดตู่เดินมาชวนไปเที่ยวเล่น หลังจากที่คงจะเบื่อกับการเรียนรู้เรื่องทางการแพทย์ มิวายยังส่งเสียงไปหาคุณณัฐ

"ศิษย์น้องเราไปด้วยกันไหม"

"ไปกันเถอะครับ หมอ ไม่ไกลหรอกเดินสักกิโลเอง หรือจะซ้อนรถเครื่องกันไป"

"เดินไปดีกว่าคะ ไปก็ไป"

แล้วทั้ง 4 ก็เดินไปทางไร่หมุนเวียนและมันจะมีถนนเล็กๆ แยกออกไปเข้าไปในป่า ซึ่งมีทางเดินเล็กๆ เห็นชัดเจน เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็พบว่าที่นี่ยังคงมีความสมบูรณ์ของต้นไม้ต้นใหญ่อยู่มาก ไม่เหมือนกับที่เคยรู้มาเลยว่าชาวเขาชอบตัดไม้ทำลายป่า เดินไปได้สักพัก ดร.นิลลี่ก็หยุดที่ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง พร้อมชี้ไปที่ต้นไม้และพูดว่า

"นี่อะไรอ่ะ ตุ๊ดตู่" ที่ต้นไม้นั้นมีกระบอกไม้ไผ่ มีห่ออะไรอยู่ในนั้นผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่

"ศิษย์พี่ตอบไม่ได้หรอก เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟังเองครับ เขาเรียกว่าต้นสะดือ เวลาเด็กคลอดใหม่ๆ จะตัดสายสะดือแล้วห่อใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วมาผูกเพื่อฝากไว้กับต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้ดูแลครับ"

"อ๋ออย่างนี้นี่เอง"

"ผมถึงบอกไงว่าคนที่นี่ผูกพันกับต้นไม้มาก ไม่มีทางที่พวกเราจะทำลายป่าง่ายๆ หรอก"

"แต่คนข้างล่างเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขาบอกว่าพวกชาวเขาชอบทำลายป่า แต่ตอนนี้เชื่อแล้วคะว่าชาวเขารักษ์ป่า"

ระหว่างเดินเข้าป่าไปนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาสายแล้วแต่ก็ยังคงเย็นสบาย ร่มรื่นไปด้วยทิวไม้ต่างๆ เมื่อมาถึงป่าที่เป็นพงหญ้าสูง ตุ๊ดตู่ก็มุดพงไม้เข้าไป แล้วส่งเสียงก่อนที่จะเดินเข้าไปว่า

"รอตรงนี้ก่อนฮะ ไม่แน่ใจตำแหน่งขอเดินไปหากรุสมบัติแป๊ป"

"คุณณัฐรู้ไหมไอ้กรุสมบัติที่ตุ๊ดตู่ พูดถึงนี่เป็นยังไง อยู่ตรงไหน"

"รู้ครับ แต่รอไปเห็นด้วยตาตนเองดีกว่าครับ"

"ศิษย์น้องมาช่วยพี่หน่อย ศิษย์พี่หาไม่เจอ"

"แม่หมอมาพร้อมกับผมเลยครับ ผมจำได้ว่าอยู่ตรงไหน จะได้ไม่เสียเวลา"

ทางเดินเข้าไปนี่มีแต่หญ้าสูงเป็นหญ้าเจ้าชู้ กับพงไม้ที่มีหนาม กว่าจะเดินเข้าไปได้ก็โดนเกี่ยวเป็นแผลไปหลายจุด เมื่อถึงจุดที่ต้องการก็ส่งเสียงเรียกเจ้าตุ๊ดตู่ให้เดินมาหา แล้วคุณณัฐก็ใช้กิ่งไม้ที่เก็บจากข้างทาง เกลี่ยพงหญ้าที่รกร้างออก ทำให้เห็นเสร็จอิฐแตกๆ กองกันเป็นรูปเจดีย์ แล้วณัฐก็อธิบาย

"ซากอิฐนี่เดิมเป็นวัดเก่า อายุน่าจะเกิน 200 ปีได้ เพราะผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ที่นี่บอกว่าเกิดมาก็เห็นกองอิฐพวกนี้แล้ว เมื่อก่อนตรงนี้เป็นแปลงไร่หมุนเวียน ทุกคนเลยเห็นเศษอิฐจนชิน" เมื่อดูซากอิฐเสร็จก็เดินออกมาทางเก่า

"ตามผมมาเดี๋ยวพาไปดูหลุมฝังศพโบราณ" เดินห่างออกจากพงไม้ไปอีกนิดก็เห็นว่ามีใต้ต้นไม้มีหลุมที่ขุดเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ

"นั่นครับที่เป็นหลุมนั่นคือเคยฝังศพมาก่อนทั้งนั้น และยังมีที่นูน ใต้ต้นไม้พวกนั้นอีกก็ใช่ครับ"

"หมู่บ้านนี้อายุประมาณ 200 กว่าปี แต่หลุมกับเจดีย์มีมาก่อนเพราะฉะนั้นก็น่าจะเกิน 200 ปีครับ บริเวณนี้ก็มีประมาณนี้ เราเดินไปอีกนิดก็จะถึงวัดประจำหมู่บ้านแล้วครับ"

เดินมาอีก 5 นาทีก็มาพบกับบันไดทางเดินไม่ชันมาก เดินตามขั้นบันไดขึ้นไปข้างบนก็พบกับเจดีย์สีทองสดใสและพระอุโบสถหลังน้อย มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นองค์ประธานอยู่ด้านใน สอบถามได้ใจความเป็นช่างของหมู่บ้านสร้างและทำขึ้นมาเอง ไม่ได้จ้างใครมาทำ

เมื่อมองดูอย่างละเอียดก็เห็นงานศิลปะที่ตกแต่งเจดีย์และวัดนั้นสวยงามมาก ได้ความว่าก็ทำกันเอง ไม่ได้ไปจ้างใครมาทำ

ดร.นิลลี่เดินเข้าไปสวดมนต์ บ่นพึมพำเหมือนจะบนบานศาลกล่าวอะไรสักอย่าง

"ขอพรอะไรบอกได้ไหมครับ"

"ไม่ได้ เป็นความลับคะ" แล้วแม่หมอก็หันหน้าหนีไป ซ่อนแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นที่แน่นอกรอการกลับไปเอาคืนในที่ที่จากมา

"ตุ๊ดตู่ มูมู่ หายไปไหนนี่" ดร.นิลลี่บ่นขึ้นมาเมื่อหันมาแล้วไม่เจอกับทั้ง 2 คน

"แอบไปซนอะไรกัน" คุณณัฐก็บ่นด้วย พร้อมพากันเดินตามหา เนื่องจากป่าบริเวณนั้นค่อนข้างหนาแน่น ทำให้ดูมืด ทั้ง 2 คนทั้งตะโกนทั้งเดินตามหา สักพักก็เห็นเปลวเพลิงมาจากชายป่าอีกด้านหนึ่ง เปลวไฟกำลังลุกพร้อมมีลมมาทำให้เปลวไฟลามค่อนข้างเร็ว พลันสายตาก็เห็นตุ๊ดตู่กับมูมู่เดินกลับมาจากด้านที่เป็นกองไฟ พร้อมส่งเสียงดังว่า

"มีคนติดอยู่ในกองไฟครับ" เสียงตุ๊ดตู่บอก

"ตุ๊ดตู่กับมูมู่วิ่งเข้าหมู่บ้านตามคนมาทั้งหมู่บ้านมาช่วยกันดับไฟป่านะ เดี๋ยวพี่กับแม่หมอจะช่วยคนทางนี้เอง"

"ได้ได้ครับ"

แต่เปลวไฟที่กำลังลุกอยู่นั้นลามหนักมากและเมื่อต้องลมก็ยิ่งกระพือเข้ามาใกล้คนทั้ง 2 มากขึ้น คุณณัฐเลยตัดสินใจบอกว่า

"แม่หมอรอตรงนี้เผื่อพวกมูมู่กลับมา"

"ได้คะ"

พอดีตรงนั้นมีบ่อน้ำที่มีน้ำขังอยู่ คุณณัฐเลยเข้าไปเอาเสื้อจุ่มน้ำทำให้เปียกชุ่ม แล้ววิ่งฝ่าเปลวไฟเข้าไป สักพักก็เจอชายหนุ่มวัยรุ่นนอนสลบอยู่ รีบประคองและลากตัวออกมา ระหว่างลากออกมานั้นมีกิ่งไม้ติดไฟล้มมาทับชายที่หมดสติอยู่ ณัฐจึงรีบนำเสื้อที่ชุบน้ำดับไฟและคลุมบริเวณที่โดนไฟลวกไว้

เมื่อลากกันอย่างทุลักทุเลออกมาถึงแม่หมอ พวกชาวบ้านและมูมู่ก็มาถึงพอดีพร้อมอุปกรณ์ดับไฟป่าที่หมู่บ้านได้ทำขึ้นเอาไว้

หมอนิลลี่กับมูมู่รีบเข้าไปดูชายหนุ่มที่บาดเจ็บทันที

"ตุ๊ดตู่ประเมินไวทัลไซน์ มูมู่ตรวจร่างกายประเมินเบิร์นสะกอร์ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ มีอะไรอันตรายไหม" เมื่อทั้งสองทำการตรวจร่างกายกันเรียบร้อย มูมู่ก็ประมวลผลที่ตาทันที

"อาการสาหัสน่าเป็นห่วงมาก แผลเบิร์น 70 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายทีเดียว แถมกำลังโคม่าด้วย งั้นต้องรีบพากลับไปที่บ้านก่อนเพื่อทำการรักษาฉุกเฉิน"

"ณัฐคะ หมอขออนุญาตนำคนไข้เข้าไปรักษาด่วนที่บ้านก่อนนะคะ"

"ได้เลยครับ"

"มูมู่ วันนี้แปลงร่างขั้นสุดเป็นจรวดเลยนะ พาคนเจ็บไปด่วน รีบเปิดเส้นให้น้ำเกลือ ทำแผลรอก่อน เดี๋ยวจะวิ่งตามไปกับตุ๊ดตู่ เกือบลืมอย่าลืมเจาะเลือดส่งตรวจตามโปรแกรมที่พึ่งเซ็ทไว้ให้ใหม่ในหน่วยความจำนะ"

แล้วมูมู่ก็หดแขนหดขา กางปีกออกมา พร้อมยื่นไอพ่นออกทางก้น อุ้มคนเจ็บทะยายขึ้นฟ้ากลับไปที่บ้านริมน้ำอย่างรวดเร็ว

ส่วนหมอนิลลี่กับตุ๊ดตู่รีบวิ่งกลับไปโดยด่วน เมื่อถึงบ้าน หมอบอกตุ๊ดตู่

"ตุ๊ดตู่ช่วยพี่วัดไวทัลไซน์อีกครั้งนะ"

"มูมู่คนไข้เริ่มซึมลง เพิ่มปริมาณไอวีด้วย ล้างแผลโดยด่วน เช็คแอนตี้ไบโอติกด่วนว่าต้องให้ยาตัวไหน"

"พี่พี่ คนไข้ความดันเหลือ 60/50 เองอ่ะ หัวใจเต้นยังปกติอยู่ครับ"

"มูมู่คนไข้ช็อก ให้อะดรีนาลีน น้ำเกลือฟรีโฟลเลยจ้า ทำแผลเสร็จย้ายไปห้องเนกาทีฟเพชเชอร์นะ"

"งานนี้งานยากมากเลย มูมู่"

"ตุ๊ดตู่ไปช่วยมูมู่ทำแผลนะ"

สักพักมูมู่กับตุ๊ดตู่ก็ทำแผลเสร็จพาคนไข้เข้าไปในห้องความดันลบ ให้ยาให้น้ำเกลือเสร็จ แล้วใช้เครื่องมอนิเตอร์ไวทัลไซน์ พอความดันคนไข้เริ่มดีขึ้นได้นั่งพักสักแป๊ป ดร.นิลลี่ก็ได้ยินเสียง คนเดินเข้ามาในบริเวณบ้านเป็นกลุ่มพร้อมเสียงของคุณณัฐ ตะโกนบอกว่า

"แม่หมอมีคนโดนไฟลวกอีกหลายคนเลยครับ ผมพามาให้แม่หมอช่วยดูแล"

ดร.นิลลี่เดินออกมาตามเสียงก็เห็นชาวบ้านเดินเข้ามาเกือบ 10 คนได้ จึงรีบเดินไปพร้อมกับมูมู่และตุ๊ดตู่ รีบพยุงคนที่มีอาการมากให้เข้าไปในห้องทำหัตถการก่อน

"มูมู่ สแกนทุกคนที่เข้ามาซิ ว่าใครบาดเจ็บมากน้อยอย่างไรแล้วแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มนะ พวกที่มีอาการมากพาไปที่ห้องทำหัตถการ พวกที่มีอาการปานกลางพาไปที่ห้องตรวจ และที่เหลือเป็นพวกอาการน้อยให้นั่งรอข้างนอกก่อน แล้วรีบเข้าไปที่ห้องผู้ป่วยหนักนะ จะได้รีบทำการรักษาคนไข้หนักก่อน"

"ตุ๊ดตู่กับคุณณัฐไปช่วยกันทำแผลคนไข้ปานกลางนะคะ เดี๋ยวพอแยกคนไข้เสร็จฝากคุณณัฐช่วยบอกคนไข้ที่อาการไม่หนัก ด้วยว่าให้รอก่อนหมอกำลังรักษาคนไข้หนักก่อน อธิบายให้เขาเข้าใจจะได้ทำการรักษากันได้ง่ายขึ้น"

พูดจบทั้ง 4 ก็กระจายตัวกันไปดูแลคนไข้ที่มาจำนวน 10 คน โดยดร.นิลลี่กับมูมู่เข้าไปที่ห้องทำหัตถการ ส่วนตุ๊ดตู่กับณัฐเข้าไปที่ห้องตรวจ

ดีที่คนไข้หนักมีแค่ 2 คน และไม่หนักเท่ากับคนแรกที่พากลับมา มีแผลไฟไหม้ระดับ 2 ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย ไม่มีอาการช็อกแต่ต้องรับไว้ในบ้านเพื่อดูอาการและระวังการติดเชื้อ จึงนำเข้าไปที่ห้องหัตถการพร้อมทำการให้น้ำเกลือ ทำแผล เจาะเลือดทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการเสร็จ แม่หมอกับมูมู่ก็มาช่วยดูคนไข้อาการปานกลางที่มีอยู่ 4 คน คนไข้มีแผลไฟไหม้แค่ระดับ 1 แต่กินบริเวณประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายซึ่งทำแผลเสร็จให้ยาก็กลับบ้านได้ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาทำแผลจึงทำให้เสียเวลาบ้างเล็กน้อย

สุดท้ายก็มาช่วยกันรักษาคนไข้เบาแผลเล็กน้อยเฉพาะที่ ทำแผลเสร็จก็ให้ยากลับบ้านเช่นกัน

หมดคนไข้แล้วทั้ง 4 คนก็นั่งพักเหนื่อยแล้วสรุปการรักษาก่อนที่หมอนิลลี่จะหันมาบอกว่า

"คุณณัฐพาตุ๊ดตู่กลับบ้านเถอะคะ วันนี้ดึกแล้ว กลัวพ่อไอ้ตุ๊ดตู่จะห่วง เดี๋ยวพรุ่งนี่ค่อยมาลุยกับคนไข้ที่แอทมิทอยู่อีก 3 คน เพราะต้องทำแผลทุกวัน คนแรกที่อยู่ห้องความดันลบอาการยังน่าเป็นห่วงเดี๋ยววันนี้จะให้มูมู่เฝ้าทั้งคืนคะ"

"ได้ครับ ไปศิษย์พี่กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาช่วยพี่เขาใหม่"

"ก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้าเลย ศิษย์น้อง"

แล้วทั้ง 2 ก็เดินทางกลับบ้าน ส่วนนิลลี่กับมูมู่ก็เข้าไปดูอาการคนไข้หนักทั้ง 3 คน โดยเฉพาะคนไข้ในห้องความดันลบ พอดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติก็หันมาสั่งมูมู่

"ถ้ามีอะไรฉุกเฉินรีบมาตามนะ"

คืนนั้นดร.นิลลี่นอนไม่หลับคอยเดินเข้าออกมาดูคนไข้หนักตลอดทั้งคืน แล้วก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

พอรุ่งสางตุ๊ดตู่กับณัฐก็มาถึงที่บ้านพร้อมเข้าไปช่วยทำแผลให้ยากับคนไข้ทั้ง 3 คน พอเสร็จก็มานั่งคุยกัน เพื่อรอให้ดร.นิลลี่มาช่วยสอนคำศัพท์หรือโรคทางการแพทย์เพิ่มเติม

"พี่หมอวันนี้จะสอนเรื่องแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกใช่ไหมครับ"

"แหมเรานี่รู้ใจพี่จริง เริ่มเลยนะ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกมี 3 ระดับ ระดับแรก คือเห็นเป็นแค่รอยแดงๆ เท่านั้น ระดับที่ 2 จะเห็นเป็นตุ่มน้ำในพุพอง และระดับ 3 คือไหม้ลึกลงไปจนเห็นเนื้อหรือกล้ามเนื้อด้านล่าง"

"ระดับที่ 1 เหมือนคนไข้อาการไม่มากที่นั่งข้างนอกห้องใช่ไหมครับ ส่วนระดับที่ 2 ที่ต้องเข้าไปทำแผลให้ที่ห้องหัตถการ และระดับที่ 3 คือพี่คนแรกที่เราช่วยมา ถูกต้องไหมอ่ะ พี่หมอ"

"เรานี่หัวไหวจริงจังมาก สงสัยจะเรียนหมอได้จริงๆ นะนี่"

"ส่วนการรักษานั้นพี่สอนเอาไว้เป็นการปฐมพยาบาลช่วยเหลือคนในบ้านแบบง่ายๆ คือล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ห้ามเอาอะไรไปโปะแผลเด็ดขาดเพราะจะทำให้แผลอักเสบติดเชื้อ ถ้าไม่มียาทาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกก็แค่ใส่เบตาดีนก็พอแล้ว ยาสามัญประจำบ้านทั่วๆ ไปเลยคะ"

"ง่ายๆ แค่นี้เองหรือครับการทำแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก" ณัฐถามคุณหมอ

"ใช่คะ สำหรับแผลระดับ 1 เท่านั้นนะคะ ถ้าระดับ 2 ต้องหาหมอเท่านั้นคะ แล้วไฟป่าเมื่อวานเป็นไงบ้างคะ ดับได้ไหม"

"กว่าจะดับได้เอาเรื่องอยู่ครับเพราะลามวงกว้างอยู่ ลมแรง แต่โชคดีที่หมู่บ้านเราเคยไปอบรมอาสาดับไฟป่า เลยมีเครื่องมือดับไฟเตรียมพร้อมไว้ตลอด อย่างที่บอกหมู่บ้านเราหวงแหนป่าไม้มากๆ"

"วันนี้สอนแค่นี้ก่อนนะ เหนื่อยกันมากแล้วเมื่อวาน พักกันดีกว่า กลับมาช่วงเย็นมาช่วยกันทำแผลอีกรอบนะ"

"ได้ครับ"

คนไข้ทั้ง 3 อยู่ที่บ้านหมอนิลลี่เพื่อรักษาแผลกันจนหาย นานเป็นเดือน

"แผลทั้ง 3 คนหายดี ไม่มีติดเชื้อเลย ว่าจะให้กลับบ้านพรุ่งนี้แล้ว ส่วนคนสาหัสเดี๋ยวต้องนัดมาทำกราฟและทำผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า มีแผลที่ใบหน้าเยอะมากต้องช่วยคนไข้หน่อย"

หมอนิลลี่พูดกับทีมที่ช่วยกันรักษาทั้ง 3 คน

"คนไข้คะ แผลหายแล้วแต่หมอจะนัดมาทำการรักษาศัลยกรรมที่ใบหน้าเพื่อลดแผลเป็นให้นะคะ จะได้ดูดีขึ้น" หมอนิลลี่หันมาบอกคนไข้สาหัส

หลังจากคนไข้ทั้ง 3 คนกลับไปอย่างเรียบร้อยแล้ว นิลลี่ก็หันมาสอนลูกศิษย์ทั้ง 2 ว่า

"การทำกราฟคือนำเนื้อบริเวณอื่นมาเย็บปิดกับแผลที่ลึกไม่มีเนื้อปิดแผลคะ อย่างคนไข้คนนี้ต้องทำการนำเนื้อผิวหนังมาทำเป็นแก้มให้คนไข้ แล้วตกแต่งลดความผิดรูปของใบหน้า เพื่อให้คนไข้อยู่ในสังคมได้อย่างมั่นใจ"

พอถึงวันนัดทำการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า เนื่องจากเป็นการทำหัตถการที่ไม่วุ่นวายห้องผ่าตัดเล็กที่มีอยู่ก็ยังสามารถใช้ทำการผ่าตัดได้

"มูมู่สแกนใบหน้าวัดขนาดหน้านะ วัดขนาดผิวหนังใต้ลำคอ แล้วทำการดึงหนังใต้คอมาทำกราฟที่ใบหน้า เข้าใจนะ"

"ส่วนลูกศิษย์ทั้ง 2 นั่งรอข้างนอกนะ"

เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงการผ่าตัดก็ผ่านไปด้วยดี และเสร็จสิ้น คนไข้กลับบ้านได้

"หมอนัดอีกทีสัปดาห์หน้านะคะ มาดูว่าแผลเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ต้องห่วงแผลบริเวณใบหน้าหายไวมากคะ ไม่ถึงอาทิตย์ ก็หายแล้ว ถ้าแผลไม่มีอะไรแทรกซ้อนก็ตัดไหมได้คะ"

พอถึงวันนัดคนไข้ก็มาพร้อมกับขนมห่อใหญ่มาให้กับทีมการรักษาและกล่าวขอบคุณเมื่อหมอทำการตัดไหมเสร็จเรียบร้อย พร้อมกลับบ้านไปด้วยรอยยิ้มที่สีหน้า ทำให้ดร.นิลลี่ไม่อาจลืมรอยยิ้มนั้นได้เลย

เป็นการร่วมมือร่วมใจช่วยกันคนละไม้คนละมือของคนในหมู่บ้านมอมแมมที่จะดูแลป่าไม้ที่เขาหวงแหนให้อยู่กับหมู่บ้านไปตลอด และเป็นการร่วมมือของทีมแพทย์ที่ช่วยทำการรักษาคนไข้อุบัติเหตุหมู่อย่างดีทำให้ทุกคนปลอดภัยและมีรอยยิ้มที่น่าจดจำเช่นนี้ตลอดไป

อ่านแล้วชอบไหม เพิ่มในคลังหนังสือเลยสิ!

DrNillycreators' thoughts