ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
หลังจากเคาะประตูโกดังบานใหญ่ที่ปิดไว้อย่างสนิท เสียงจากภายในก็ดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดอ้าออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสิงห์ในสภาพสะบักสะบอมถูกมัดมือมัดเท้า นอนฟุบหมดสติอยู่ที่กลางโถง
"ไอ้สิงห์ เอ็งเป็นอย่างไรบ้าง?"
ทันทีที่เห็นสภาพเกลอ ธีรพลก็รีบเอ่ยทักขึ้นพลางพุ่งเข้าหาหมายจะเข้าไปตรวจอาการ แต่ก็ถูกลูกสมุนฝ่ายตรงข้ามเข้าสกัดยับนั้งไว้
"มันไม่ได้ยินเอ็งหรอก มาสะสางเรื่องของเราดีกว่า" ไอ้ใหญ่ที่ถือไพ่เหนือกว่าลุกยืนขึ้นอย่างปลอดโปร่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆและกวักมือเรียกธีรพลให้เข้าไปหา
"เหตุใดเอ็งต้องทำถึงขนาดนี้" ธีรพลเอ่ยถามด้วยสีหน้าขึงขังกล่าวขึ้น
"กับเรื่องหนี้นั้นก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่สำคัญกว่าคือศักดิ์ศรี ข้าจะปล่อยเอ็งจากไปง่ายๆได้อย่างไร หลังจากที่เอ็งทำกับข้าไว้" ไอ้ใหญ่หลังจากหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้ายก็พลันเอ่ยขึ้น พร้อมกับชี้นิ้วสั่งการลิ่วล้อให้แยกย้ายปฏิบัติตามหน้าที่
"ถ้าจะสะสางกัน เหตุใดไม่มาลงมือกับข้าตรงๆ ปล่อยไอ้สิงห์มันไปก่อน แล้วเอ็งกับข้าค่อยมาประมือกัน" ธีรพลที่กำลังถูกลิ่วล้ออีกฝ่ายล้อมหน้าล้อมหลังปิดทางหนีอยู่ พยายามเอ่ยประวิงเวลาใช้ความคิดหาหนทางหนีรอด หมายบีบคั้นให้ไอ้ใหญ่ออกมาสู้กันตัวต่อตัวเพื่อลดความสูญเสีย เพราะจากที่ดูลิ่วล้อที่ถูกเกณฑ์มาในครานี้นั้นค่อนข้างบึกบึนแข็งแรง หากเข้าปะทะกันตรงๆ ฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างหนักต้องตกเป็นฝั่งเขาเป็นแน่
"เอ็งเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าล่อเอ็งมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อนำเอ็งมาวัดพิสูจน์ฝีมืออย่างเท่าเทียมแต่อย่างใด แต่เป็นการนำเอ็งมาระบายความคับแค้นใจต่างหาก" ไอ้ใหญ่ที่เบิกบานใจเป็นที่สุดพลันหัวเราะยิ้มเอ่ยกล่าวอย่างอารมณ์ดี ราวกับว่าธีรพลเป็นส้มที่อยู่ในลังเป็นหมูที่อยู่ในอวย รอรับการถูกกระทำอยู่เพียงถ่ายเดียว
เมื่อไม่อาจใช้เล่ห์เหลี่ยมเพทุบายเข้าครอบงำอีกฝ่ายได้ ธีรพลที่ก็เตรียมใจมาแล้วในส่วนหนึ่ง ก็พลันหยุดยั้งการเจรจาพาทีที่ไม่มีประโยชน์ เปลี่ยนมาตั้งท่าเตรียมรับมืออีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง หล่อหลอมสมาธิจิตใจเข้าสู่ขอบเขตเฉพาะพื้นที่เบื้องหน้าตามที่ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก
ตั้งแต่จำความได้หลังจากเหตุการณ์ฝันร้ายในครั้งนั้น ลุงทองใบก็ได้ออกอุบายแกล้งทำเป็นพาธีรพลหนีลงใต้ แต่แท้จริงแล้วเร้นกายขึ้นเหนือหนีรอดจากการไล่ล่า นำพาธีรพลมาใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่เวียงพิงค์ จนพบเข้ากับลุงมั่นและป้าแก้วในที่สุด
ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ธีรพลที่อยู่ในวัยห้าขวบเศษก็ถูกลุงทองใบเคี่ยวเข็ญให้ฝึกพื้นฐานมวยไทย ทั้งการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก และศีรษะ หรือที่เรียกว่า นวอาวุธ ในลักษณะต่างๆอย่างหนัก แม้กระทั่งตอนที่เขาอายุได้เจ็ดขวบเริ่มเข้าเรียนแล้ว แต่ลุงทองใบก็ยังให้ธีรพลฝึกซ้อมตั้งแต่เช้ามืดอยู่ไม่เว้นวัน
จนกระทั่งเมื่ออายุธีรพลย่างเข้าสิบห้าปี นับเป็นเวลากว่าสิบเอ็ดปีนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้นนั้น ลุงทองใบที่จากบ้านมานาน เมื่อแน่ใจดีแล้วว่าธีรพลจะไม่ถูกตามตัวพบ จึงได้ฝากฝั่งธีรพลไว้กับลุงมั่นและป้าแก้ว และออกเดินทางจากเมืองเวียงพิงค์ไป แต่กระนั้นก็ยังคงกำชับให้ธีรพลฝึกซ้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ
สำหรับตัวธีรพลเอง การฝึกวิชาบู๊นั้นไม่ใช่เป็นเพียงการกระทำเพราะต้องการที่จะใช้ป้องกันตัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการกระทำเพื่อให้ลืมเลื่อนความทรงจำอันเลวร้ายที่เคยผ่านมา เพราะมีแต่การจมอยู่ในมรรคาทางสายนี้ เขาจึงสามารถนำพาชีวิตเดินต่อไปได้โดยไม่จมปรักยึดติดอยู่กับอดีต
ดังนั้นหากคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวหนหลังที่ผ่านมา ชีวิตในแต่ละวันที่ผ่านไปของธีรพลนั้นไม่ง่ายดาย และเมื่อมีอดีตความคับแค้นใจคอยขับเคลื่อนหนุนหลังในทุกเมื่อเชื่อวันด้วยแล้ว ความสำเร็จในชั้นเชิงมวยของเขาในวันนี้จึงเข้าขั้นไม่ธรรมดา จนสามารถพูดได้ว่าหากเป็นเรื่องเชิงหมัดเชิงมวยแล้ว ตัวเขาก็มั่นใจคิดว่าตนเองก็ไม่เป็นสองรองจากใครเช่นกัน
"พวกเอ็ง ชักช้าอยู่ไย"
ทันทีที่ธีรพลตั้งท่าพร้อมพรัก ไอ้ใหญ่ก็พลันสั่งลิ่วล้อหน่วยก้านดีจำนวนสามคน กระจายเคลื่อนเป็นวงกลมหดล้อมธีรพลเข้าไว้ตรงกลาง ส่วนตัวเองคอยคุมเชิงยืนอยู่ด้านข้างร่างสิงห์ตัวประกัน
หลังจากดูท่าทีมองเหลี่ยมกันอยู่ครู่หนึ่ง หนึ่งในลิ่วล้อก็ส่งสัญญาณให้แก่กัน ตัวเคลื่อนเข้าหาธีรพลในระยะประชิด หมัดซ้ายชิงพุ่งออกอย่างไว ทางหมัดเล็งพุ่งเข้าใส่ที่ใบหน้า
วืด!
ฝั่งธีรพลที่ก็รู้ทันว่าหมัดข้างนี้ตั้งใจส่งออกมาเพื่อหลอกล่อ บังคับให้เขาเคลื่อนเบี่ยงตัวออกฝั่งซ้าย เปิดช่องว่างที่แผ่นหลังให้ลิ่วล้ออีกคนหนึ่งประเคนเข่าเข้าใส่ เมื่อเป็นดังนั้นธีรพลก็พาลไม่ใส่ใจหมัดและเข่าข้างนั้น ชิงก้มตัวหลบหมุนออกทางขวารอดพ้นจากหนึ่งหมัดหนึ่งเข่าอย่างง่ายดาย
ทึบ!
ธีรพลรับแข้งข้างหนึ่งที่ตามติดมาด้วยท่อนแขนซ้าย หมายประเคนศอกอีกข้างถ่องเข้าที่หน้าขาอีกฝ่าย แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะถ้าหากธีรพลตอบโต้ท่าโจมตีนี้ไป ตัวเขาก็จะเปิดช่องว่างให้อีกสองคนที่เหลือเข้ารุมทำร้าย เขาจึงทำได้เพียงแค่รับและดันออก เบี่ยงร่างมาอยู่วงนอกเปลี่ยนรูปแบบเป็นยืนประจันหน้าเข้าหากันแทนที่
โดยไม่ลดละความพยายาม ลิ่วล้อทั้งสามเคลื่อนประชิดเข้าหาธีรพลพร้อมกันอีกครั้ง เพียงแต่ครานี้อีกฝ่ายเหมือนจะเตรียมใช้คนที่มีรูปร่างสูสีกับธีรพล อ้อมไปด้านหลังหมายพุ่งเข้าจับตัวกอดแขนทั้งสองของธีรพลไว้ในขณะชุลมุน
เปรี้ยง!
แต่นี้ก็เป็นอีกครั้งที่ล้มเหลว เพราะหลังจากปัดกำปั้นข้างหนึ่งพ้นตัว ราวกับมีตางอกเงยที่แผ่นหลัง ธีรพลก็พลันพลิกตัวยันเท้าถีบสกัดเข้าที่ยอดอกของอีกฝั่งที่กำลังอ้าแขนกางมือเข้าหาในจังหวะที่พอดีเป็นที่สุด และแม้จะไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงขึ้นเจ็บหนักแต่ก็ทำให้ต้องล่าถอยกลับเข้าขบวนไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
รับรู้ถึงนัยน์ตาที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว เมื่อทราบว่าอีกฝั่งยากจะจัดการสยบลงโดยง่าย แทนที่จะร้อนรนแต่ลิ่วล้อทั้งสามคนนั้นก็กลับใจเย็นยิ่ง เพราะรับรู้ว่าแม้จะไม่สามารถทำให้อีกฝั่งล้มลงได้โดยไวก็ตาม แต่ช้าเร็วกำลังของอีกฝ่ายก็ต้องลดน้อยถอยลงตามเวลา เมื่อนั้นเค้าลางความปราชัยก็ต้องปรากฏขึ้น
ทึบ! ทึบ! ทึบ!
ทั้งสามประเคนหมัดประเคนแข้งอย่างรัดกุม เมื่อมีหนึ่งคนที่พลาดท่า อีกสองคนก็จะหนุนเสริมทำให้ธีรพลตีโต้ไม่ได้ในทันที การต่อสู้จึงเป็นไปในลักษณะคุมเชิงลิดลอนกำลังเสียมากกว่าปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ทั้งๆที่ใช้พวกมากเข้ารุมทำร้าย แม้ลิ่วล้อที่อยู่ในวงจะไม่ร้อนใจ แต่ไอ้ใหญ่ที่เป็นลูกพี่กลับรู้สึกไม่เป็นดั่งหวัง พานคิดแผนการสกปรกทำให้จิตของธีรพลไขว้เขว
เปรี้ยง!
ไอ้ใหญ่พลันง้างเท้าหวดเต็มแรงเข้าที่แผนหลังของสิงห์ จนอีกฝ่ายร้องเสียงหลงขึ้นทั้งๆที่นอนหลับสลบเหมือดอยู่
และก็ได้ผลดังคาด ชั่ววินาทีที่จิตของธีรพลปั่นป่วน เขาย้ายสายตามาสำรวจเกลอรักอย่างลืมตัว จึงทำให้หนึ่งหมัดกับสองแข้งฉวยโอกาสส่งเข้าที่หน้าอก สีข้างและใบหน้าตามลำดับ
ธีรพลที่สามารถใช้แขนยกขึ้นปกป้องใบหน้าไว้ได้ทันการณ์ จึงทำให้ไม่ถึงกับต้องเจ็บหนัก แต่สำหรับอีกสองท่าที่เหลือแม้จะไม่ทำให้กระดูกหักอวัยวะภายในรับบาดเจ็บ แต่ก็ส่งตัวธีรพลปลิวถอยครูดพื้นไปด้านหลังไกลกว่าสองวา
คราครั้งนี้การกระทำอันไร้ยางอายของไอ้ใหญ่ รังแกสิงห์ที่ไม่มีทางสู้ทำให้ธีรพลโกรธแค้นเลือดขึ้นหน้ามากจริงๆ เพราะหลังจากที่เขาประคองตัวลุกขึ้นนวดเฟ้นบริเวณที่เจ็บปวดจนบรรเทาดีแล้ว ธีรพลก็พลันชี้หน้าลิ่วล้อทั้งสามแล้วเอ่ยเตือนขึ้น "เรื่องต่อจากนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเอ็งรีบจากไปเสียตั้งแต่เวลานี้ แต่ถ้าหากยังดื้อดึงจะยุ่งเกี่ยวเสียให้ได้ ข้าก็ขอสาบานว่า ไม่ว่าจะต้องเสียค่าตอบแทนมากเท่าใดก็ตาม ข้าก็จะทำให้พวกเอ็งเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นกัน"
ลิ่วล้อทั้งสามเมื่อได้ฟังถ้อยคำอันสาหัสดังนั้นก็พลันมองหน้ากันเลิ่กลัก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และแม้ว่าจะเกรงกลัวลูกพี่อย่างไอ้ใหญ่ตามจัดการ แต่อีกฝ่ายที่มีความสามารถกระทำได้ตามที่สัตย์สาบานไว้นั้นกลับน่าเกรงกลัวยิ่งกว่า เพราะอย่างไรทั้งสามก็รู้ว่าการคบหากับไอ้ใหญ่นั้นเป็นไปเพียงเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ถึงขั้นขายทั้งชีวิตจิตวิญญาณให้ ดังนั้นทั้งสามหลังจากละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณ เปิดทางให้ธีรพลแต่โดยดี
"พวกเอ็งทำอะไร ข้าจ่ายเงินให้พวกเอ็งไปหมดแล้ว หรือพวกเอ็งคิดจะเบี้ยว" ด้านไอ้ใหญ่ที่ก็เดือดดาลจากการถูกหักหลังไม่แพ้กัน ยืนชี้มือชี้ไม้ด่าลิ่วล้อที่จ้างมาทั้งสาม ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่ายิ่งทำแบบนี้ ฝ่ายตนจะยิ่งตีตัวออกห่าง ไอ้ใหญ่จึงเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่รีบเอ่ยขึ้นอย่างเร็วปรื๋อ
"เอาอย่างนี้ หากมีผู้ใดสามารถล้มมันได้ ข้าจะเพิ่มเงินให้อีกสามบาท"
จริงดั่งคำที่ว่า เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง ถ้ามีราคาค่างวดมากพอ เมื่อลิ่วล้อทั้งสามได้ยินราคาค่าหัวจำนวนนี้ก็พลันตาลุกวาว จากที่เคยเกรงกลัวอีกฝ่ายก็กลายเป็นสู้คนขึ้นมาทันใด ชายคนหน้าสุดเมื่อรู้ว่าจะมีเพียงคนเดียวที่จะได้รับเงินจำนวนนี้ไป จึงชิงตัดหน้าอีกสองคนปรี่เข้าหาธีรพลที่เดินเข้ามาในระยะสามก้าว
วืด!
หมัดขวาถูกเหวี่ยงขว้างออก กำปั้นจากที่เคลื่อนขวางเปลี่ยนวิถีเป็นตวัดกดลงที่ตำแหน่งทัดดอกไม้ของธีรพล
แต่ทันทีที่จะเคลื่อนถึง ธีรพลกลับก้าวเท้าซ้ายสะอึกเข้าหา มือซ้ายเหวี่ยงกระแทกเข้าที่ข้อมืออีกฝ่ายอย่างถนัดถนี่ พอดีรับท่าหมัดไว้ได้อย่างเหมาะเจาะ ก่อนที่กำปั้นขวาจะง้างสั้นๆต่อยเข้าที่กึ่งปากกึ่งจมูกอย่างแม่นยำ
โครม!
แม้ความแรงที่แฝงไปจะไม่มากก็ตาม แต่ก็ทำให้อีกฝั่งกลับล้มทั้งยืนน้ำหูน้ำตาไหลออกมาอย่างสะกดกลั้นไม่อยู่
ธีรพลเมื่อล้มคนแรกลงได้ก็พลันเร่งความเร็วขึ้น แข้งฟาดจากคนที่สองแทนที่จะเตะเข้าที่ชายโครง กลับถูกธีรพลปล่อยให้กระแทกเข้าใต้รักแร้ แขนข้างซ้ายหนีบขาข้างดังกล่าวไว้มั่น ก่อนใช้เท้าขวาจะถีบยันเข้าที่ท้องน้อยอีกฝ่ายอย่างถนัดถนี่
แครก!
เสียงลังไม้ที่บรรจุสินค้าถูกร่างของลิ่วล้อผู้นั้นกดกระแทกจนพังไปแถบหนึ่ง ส่วนตัวผู้เคราะห์ร้ายได้แต่นอนกุมท้องตัวงอร้องโอดโอยไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ท่ามกลางพลังสภาวะที่สร้างขึ้น ความฮึกหาญพลันโหมประดังขึ้นในจิตใจธีรพล ขณะที่ลิ่วล้อคนสุดท้ายกำลังเหินลอยตัวเหวี่ยงหมัดซ้ายกระแทกเข้าที่ใบหน้า ตัวเขาก็พาลไม่ใส่ใจการโจมตีของอีกฝ่าย ร่างพุ่งสวนเข้าปะทะใช้ความเร็วที่เหนือกว่าออกอาวุธเข้าหักหาญศัตรู
โอ๊ย!
เสียงร้องหวยหวนดังขึ้นทันที หลังจากธีรพลใช้หนึ่งศอกหนึ่งเข่าแทงเข้าที่ลำตัว ส่งร่างคู่มือที่ตัวเล็กกว่าธีรพลถึงหนึ่งศีรษะ ตัวลอยไถลครูดพื้นออกไปไกลกว่าสามวา ส่วนตัวธีรพลมีเพียงลอยถลอกสีแดงแถบหนึ่งทิ้งไว้บนใบหน้าเท่านั้น
"ถึงตาเอ็งแล้ว ไอ้ใหญ่"