เรือนสกุลหลง
ช่วงยามเซิน [1] หลงอี้หลิงได้เดินทางไปยังเรือนสกุลหลง เนื่องจากถูกท่านย่าของตนเรียกตัวด่วน โดยเขาได้พาฟ่งหลันหลั่นติดตามไปด้วย
เมื่อทั้งสองคนไปถึงเรือนสกุลหลง ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเรือนกลับไม่ได้อยู่ซะงั้น พอแม่ทัพหนุ่มสอบถามความกับบ่าวรับใช้ก็ได้รู้ว่าย่าของตนได้เดินทางไปไหว้พระขอพรที่วัดแห่งหนึ่ง
ช่วงระหว่างรอนายหญิงใหญ่กลับมาถึงเรือน แม่ทัพหนุ่มก็หันไปมองหน้าสตรีน้อยข้างกาย พร้อมกับใช้ความคิด
'กว่าท่านย่าจะกลับมาคงจะอีกพักใหญ่ ต้องหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาเสียแล้วสินะ'
[1] ยามเซิน (申:shēn) คือ 15.00 - 16.59 น.
หลายวันมานี้ เขามัวยุ่งกับภารกิจหลักในตำแหน่งหน้าที่การงานของตนจนไม่มีเวลาได้พบหน้าหรือพูดคุยกับฟ่งหลันหลั่นเลย แม้จะพักอาศัยภายใต้หลังคาเดียวกันก็ตาม
และยิ่งหลังจากที่เฉากงกงมาแจ้งข่าวในวันนี้ แม่ทัพหนุ่มก็เกิดความกังวลใจว่านางจะเข้าใจในตัวเขาผิดไป เห็นได้ชัดจากที่นางเอาแต่หลบหน้า เขาจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นเพื่อจะทำให้ได้อยู่กันตามลำพัง หวังปรับความเข้าใจ
เรือนพักส่วนตัวของหลงอี้หลิง ในเรือนสกุลหลง
แม่ทัพหนุ่มเจ้าของเรือนพักนั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงโต๊ะขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางห้อง โดยมีสตรีน้อยนั่งกินขนมหวานอยู่ข้าง ๆ กันด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
จู่ ๆ เขาก็ได้ขัดจังหวะของอีกฝ่ายขึ้น
"หลั่นเอ๋อร์ ข้าอยากแช่น้ำ เจ้าช่วยไปเตรียมน้ำอุ่นใส่ถังน้ำตรงนั้นให้ข้าหน่อยสิ" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับชายตามองไปทางฉากกั้น ตรงมุมด้านข้างของห้อง ซึ่งด้านหลังฉากคือ มุมส่วนตัวที่มีถังไม้ใบใหญ่ขนาดเท่าคนสองคนลงไปนั่งได้อย่างสบาย ๆ ตั้งวางอยู่
ฟ่งหลันหลั่นซึ่งกำลังมีความสุขกับการกินก็ชะงักมือ พลางใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงแข็งตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
"ท่านอยากแช่น้ำก็ไปสั่งบ่าวรับใช้ของเรือนนี้มาทำให้สิ จะมาบอกข้าทำไม ไม่เห็นเหรอว่าข้ากำลังกินอยู่"
โดยสายตาของสตรีน้อยยังคงจ้องมองขนมหวานในมือ แทนที่จะหันไปมองหน้าบุรุษข้างกาย และมือก็ยังคงยัดขนมใส่ปาก สลับกับยกน้ำชาในถ้วยชนบนโต๊ะขึ้นดื่มเพื่อแก้อาการฝืดคอ
หลงอี้หลิงเห็นสีหน้าไม่พอใจที่อีกฝ่ายแสดงออกมา ประจวบกับน้ำเสียงประชดประชันของนาง จึงมั่นใจว่าเขาคิดไม่ผิด นางกำลังน้อยใจในตัวเขาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้าจริง ๆ
"ข้าบอกกล่าวเจ้าดี ๆ กลับไม่ยอมทำตามอย่างว่าง่ายหรืออยากให้ข้าออกคำสั่งกับเจ้าในฐานะเจ้านายงั้นรึ"
"เรื่องนั้นมันก็แค่ฉากบังหน้าเท่านั้น ท่านลืมไปแล้วเหรอ"
ฟ่งหลันหลั่นกล่าวสวนทันควัน แถมยังทำท่าทางลอยหน้าลอยตา เหมือนตั้งใจจะกวนประสาทเขา
"นี่เจ้าตั้งใจจะยั่วโทสะของข้าอยู่กระนั้นรึ!"
แม่ทัพหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น สายตาพลางเหลือบมองไปเห็นว่ามีเศษขนมหวานเปื้อนอยู่ที่ข้างมุมปากของนาง เขาจึงยื่นหน้าอันหล่อเหลาเข้าประชิดดวงหน้างาม ห่างกันเพียงคืบมือ
ฟ่งหลันหลั่นอึ้งตะลึงงันเล็กน้อยในการประชิดตัวอย่างกะทันหันของอีกฝ่าย
ดวงตาคมกริบประสานสายตาอีกฝ่าย แต่ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมาให้ได้ยิน ไม่กี่วินาที สายตาคมปลาบก็เลื่อนต่ำไล่ลงมาหยุดอยู่ตรงปลายคางเรียวสวย
ทันใดนั้นเอง แม่ทัพหนุ่มรูปงามก็ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เข้าประชิดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว และใช้ริมฝีปากหนาของตนเช็ดคราบเปรอะเปื้อนนั้นออกจากดวงหน้างาม
แปะ
ขนมหวานที่เคยอยู่ในมือของสตรีน้อยหลุดจากมือหล่นลงบนโต๊ะกลมสภาพเละจนไม่น่าจะกินต่อได้แล้ว
ครู่ต่อมาหลงอี้หลิงก็ได้ถอยใบหน้าหล่อของตนออกห่างจากดวงหน้างาม แต่ยังคงมองคนตรงไม่วางตา
ฟ่งหลันหลั่นเบิกตามองเขาอย่างตะลึงลาน มือทั้งสองข้างยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมก่อนหน้านี้
หึ ๆ เสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงพอใจอยู่ในลำคอ สีหน้าและรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ดวงตาเจ้าเล่ห์ทอประกายวาวโรจน์ของแม่ทัพหนุ่มได้เรียกสติของสตรีน้อยให้กลับมา
"นี่ท่านแกล้งข้าเล่นอย่างนั้นเหรอ อีกอย่างหากมีบ่าวหรือสาวใช้มาเห็นและเข้าใจผิดเข้า ข้าจะเสียหายแค่ไหนกัน"
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเจือความขุ่นเคืองของสตรีน้อยย้อนถามแม่ทัพหนุ่มอย่างมีอารมณ์ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะฉุกคิดตาม แต่เขากลับกระทำตรงกันข้ามเสียงั้น
หลงอี้หลิงไม่ตอบ แต่กลับยื่นมือไปจับปลายคางของอีกฝ่ายเชิดสูงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับมอบจุมพิตของบตนปิดปากอีกฝ่ายเพื่อให้นางเงียบเสียง
ฟ่งหลันหลั่นพยายามขัดขืนเขาด้วยการจะถอนตัวออกจากพันธนาการของอีกฝ่าย แต่แม่ทัพหนุ่มนั้นรู้ทัน เขาจึงยกมืออีกข้างที่เหลือวางทาบลงบนด้านหลังศีรษะของเจ้าหล่อนและออกแรงกดเล็กน้อยเพื่อต่อต้านการขัดขืนนั้น
จากการขัดขืนอย่างไร้ผล ก็กลายเป็นเคลิบเคลิ้มและคล้อยตาม
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งจิบน้ำชา จุมพิตอันแสนยาวนานก็ถูกคลายออก
ดวงหน้างามแดงปลั่งยิ่งขึ้นและถามเสียงดังขึ้นด้วยความโมโหระคนกระดากอาย
"หลงอี้หลิง! ทำไมระยะหลัง ๆ นี้ ท่านชอบฉวยโอกาสเอาเปรียบข้าอยู่เรื่อยเลย"
เขาโต้สวนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สีหน้า แววตากับฉายแววจริงจัง
"ดีเสียอีก หากมีบ่าวหรือสาวใช้มาเห็นเข้า พวกเขาจะได้ลือกันปากต่อปากให้คนรู้ไปทั่ว บุรุษหน้าไหนที่คิดเข้าหาเจ้า จะได้รู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับคนของข้า"
ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่นสนิทเหมือนฝาหอย ดวงตากลมโตจ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างขึงขัง
"จ้องหน้าข้าด้วยสายตาเขม็งแบบนั้น หรือเจ้าอยากให้ข้ามอบจุมพิตอันหวานชื่นให้เจ้าอีกครั้งกระนั้นหรือ" แม่ทัพหนุ่มยิ้มและกล่าวถามขึ้นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าหาสาวใช้คนโปรด อีกครั้ง
ฟ่งหลันหลั่นเห็นเช่นนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากบางของตนพร้อมกับสะบัดหน้าเบือนหนีไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
"หึ! คนเห็นแก่ตัว ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว"
พูดจบฟ่งหลันหลั่นก็ลุกพรวดพราดขึ้นยืน ก่อนจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากห้องทันที
แม่ทัพหนุ่มตีมึนตะโกนถามตามหลังสตรีน้อยอย่างหน้าตาเฉย
"นี่เจ้าจะลุกหนีไปไหน ขนมหวานในจานยังกินไม่หมดเลยนะ"
"ไม่มีอารมณ์กินแล้ว เชิญท่านกินเองเถอะ ข้าจะรีบไปเตรียมน้ำอุ่นใส่ถัง ไม่เช่นนั้นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์บางตนแถวนี้ คงจะหาเรื่องเอาเปรียบข้าอีก"
สตรีน้อยตะโกนเสียงตอบกลับมาด้วยถ้อยคำขุ่นเคืองไม่พอใจ แต่ถ้าจับน้ำเสียงและฟังให้ดี จะรู้สึกได้ว่านางไม่ได้โกรธในการกระทำของเขาซะเดียว แต่อาจจะเพียงแค่รู้สึกเขินอายและรู้สึกเสียหน้าก็เท่านั้น
เวลาผ่านไปราวสองก้านธูป สาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มก็ได้จัดเตรียมน้ำอุ่นใส่ถังใบใหญ่จนเต็ม พร้อมกับนำข้าวของเครื่องใช้พร้อมกับอาภรณ์ชุดใหม่มาวางไว้บนโต๊ะ ห่างจากถังน้ำเล็กน้อย
"นี่ข้ามีอดีตเคยเป็นถึงองค์หญิงน้อยของแคว้นนี้เชียวนะ แต่ทำไมชีวิตข้าถึงได้ตกต่ำขนาดต้องมาเป็นสาวใช้และแถมต้องมาเตรียมน้ำอุ่นให้กับบุรุษที่ยังไม่ออกเรือนเช่นนี้" ถึงปากจะบ่นแบบนั้น มือน้อยก็ยังหยิบกลีบบุปผาโปรยลงไปในถังน้ำตรงหน้าอยู่ไม่รามือ
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง และใจลอยคิดออกไปไกล นางก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีคนหนึ่งคนยืนฟังอยู่ทางด้านหลังของตนอย่างเงียบ ๆ
และเมื่อมือน้อย ๆ ควานหากลีบบุปผาในโถที่กำลังโอบอุ้มอยู่ไม่เจอแล้ว นางก็ได้หันขวับ เพื่อจะเดินกลับหลังออกไปอีกด้านของฉากกั้น
ทันใดนั้นเอง ดวงหน้างามก็ชนเข้ากับกายหยาบผิวขาวผ่อง ริมฝีปากบางปะทะเข้ากับแผ่นอกหนากว้าง เรือนร่างกำยำสันทัดเข้าอย่างจัง
ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจเต้นดังระส่ำราวกลองศึกนี้เป็นของผู้ใดกัน
เขาหรือนาง
ทว่าวินาทีนี้ประสาทสัมผัสที่ปลายจมูกของนาง ไม่สามารถแยกออกได้เลยว่ากลิ่นหอมที่สัมผัสได้ในขณะนี้คือกลิ่นของกลีบบุปผา หรือกายจากคนตรงหน้ากันแน่
อีกทั้งสัมผัสแข็งทื่ออันแปลกประหลาดของบางสิ่งบางอย่างตรงช่วงหน้าท้องน้อยของนาง ประจวบกับหางตาที่มองเห็นราง ๆ ว่าคนตรงหน้า ทั้งตัวของเขานั้นไร้ซึ่งอาภรณ์สวมใส่ทำให้เจ้าหล่อนต้องยืนตัวเกร็งแข็งทื่อ ไม่กล้าเชยคางขึ้นมองด้านบนและก็ไม่กล้าแม้แต่จะเลื่อนสายตาลงต่ำมองดูด้านล่าง
"เจ้าจะรีบไปไหน งานของเจ้ายังไม่เสร็จ อยู่ช่วยถูหลังให้ข้าก่อนสิ"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลชวนฟังของบุรุษเจ้าของห้อง ได้ร้างความรู้สึกหวาดหวั่นใจต่อสาวใช้ตรงหน้ายิ่งนัก
'นี่เขาคงไม่คิดจะทำอะไรอย่างว่าเช่นนั้นในเวลานี้กับข้าหรอกใช่ไหม'
ฟ่งหลันหลั่นเกิดคำถามขึ้นในใจอย่างระแวงสงสัย
เมื่อคนตรงหน้าเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนก้มหน้าเงียบไม่ตอบโต้สิ่งใด เขาก็ได้ดันเรือนร่างกำยำของเขาของเข้าประชิดตัวสตรีน้อยเข้าไปอีกครึ่งก้าวเท้า ทำให้ฟ่งหลันหลั่นตกใจจึงรีบถอยหลังออกห่างทันที
แต่ทว่าด้านหลังของนางคือถังน้ำใบใหญ่ และเมื่อแผ่นหลังบางชนเข้ากับถังน้ำ ด้วยปฏิกิริยาในการเอาตัวรอดของร่างกายที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มือน้อยจึงได้คว้าหมับไปที่ข้อแขนกำยำของคนตรงหน้าและดึงร่างของเขาให้ถลาตามมาด้วย
ตู้ม!!!
ผิวน้ำในถังใบใหญ่และกลีบบุปผางามได้กระเซ็นซ่านและกระจายออกไปรอบตัวจากถังน้ำทันที
ครู่ต่อมาศีรษะของสตรีน้อยก็โผล่พรวดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พร้อมกับเสียงดังที่ตะโกนขึ้นอย่างสุดจะควบคุมอารมณ์โกรธไว้ได้
"ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ ท่านจะแกล้งข้าไปถึงไหนกัน"
น้ำเสียงที่ตะโกนลั่นด้วยสติอันขาดผึงของฟ่งหลันหลั่น ดังเล็ดลอดออกไปนอกเรือนพักของแม่ทัพหนุ่ม และจังหวะนั้นเองดันมีสาวใช้นางหนึ่งของเรือนสกุลหลงเดินผ่านมาพอดี
"นายน้อย! มิทราบว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ ท่านต้องการให้ข้าไปตามบ่าวมาช่วยดูให้หรือไม่"
สาวใช้วัยละอ่อนตะโกนถามเสียงดังกลับไปด้วยความกังวล เพราะกลัวว่านายน้อยของตนอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย
แม่ทัพหนุ่มได้ยินเช่นนั้น เขาก็โผเข้าไปประชิดตัวฟ่งหลันหลั่น ซึ่งตอนนี้นางนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวจนมองเห็นเนื้อหนังผิวขาวนวลด้านใน และยกมือขึ้นปิดริมฝีปากบางของเจ้าหล่อนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตะโกนตอบกลับคนข้างนอกออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ
"ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแค่สะดุดน้ำที่เจิ่งนองบนพื้นจนลื่นไถลตกลงมาในถังน้ำเท่านั้น เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง"
แต่ดูเหมือนสาวใช้ซึ่งกำลังยืนอยู่อีกฟากฝั่งของประตูห้อง จะยังคงระแวงสงสัยบางอย่าง นางจึงได้ถือวิสาสะเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน โดยไม่ทันได้รับอนุญาตจากเจ้านาย พร้อมทั้งกล่าวขอโทษขึ้นในเวลาเดียวกัน
"ข้าผู้น้อยขอเข้าไปตรวจสอบเพื่อทำความสะอาดให้นายน้อยและจะได้นำของชิ้นใหม่มาเปลี่ยนให้ท่านนะเจ้าคะ"
หลงอี้หลิงกับฟ่งหลันหลั่นตกใจที่จู่ ๆ สาวใช้นางนั้นก็เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างกะทันหัน
แม่ทัพหนุ่มจึงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ ก่อนที่สาวใช้คนนั้นจะเดินเข้ามาเห็นว่าสตรีน้อยอยู่กับเขาในถังน้ำด้วยกันด้วยสภาพที่มิสมควร
เขารีบใช้ร่างกายอันหนาและแข็งแรงของตนโอบกอดร่างงามตรงหน้าเพื่อหวังปกปิดซ่อนเร้นให้พ้นจากสายตาของตนที่เดินอยู่อีกฟากของฉากกั้นบางสองอันนี้
หัวหน้าสาวใช้เดินเข้ามาถึงกลางห้อง นางก็ต้องตกใจยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าข้าวของตรงมุมที่จัดเตรียมไว้สำหรับเพื่อชำระล้างร่างกายของเจ้านาย หล่นกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้อง
นางจึงรีบก้มเก็บสิ่งของและกล่าวกับแม่ทัพหนุ่มผ่านฉากกั้นบาง ๆ ที่มองเห็นภาพโครงร่างเลือนรางของเขานั่งหันหลังให้อยู่ในถังน้ำใบใหญ่
"ขะ ขออภัยที่ข้าเสียมารยาทเจ้าค่ะนายน้อย ข้าจะรีบนำของชิ้นใหม่เปลี่ยนให้ท่านเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"
"หยุดอยู่แค่ตรงนั้นแหละ เจ้าไม่ต้องเดินเข้ามามากกว่านี้"
น้ำเสียงเข้มขึงขังแฝงซึ่งความจริงจังของแม่ทัพหนุ่มกล่าวขึ้นเพื่อต้องการหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย
"แต่ถ้าข้าน้อยไม่รีบเก็บของที่หล่นอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง หากท่านเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก ข้าคงถูกนายหญิงลงโทษเพราะบกพร่องต่อหน้าที่เป็นแน่เจ้าค่ะ" สาวใช้วัยละอ่อนยังคงต่อปากต่อคำกับแม่ทัพหนุ่มและยืนกรานว่าจะเก็บของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางดังเดิม
"ปล่อยเอาไว้เช่นนั้นแหละ เจ้าออกไปเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
แม่ทัพหนุ่มยังคงกล่าวย้ำคำเดิม เพราะกลัวว่านางจะเดินผ่านฉากกั้นนั้นเข้ามาด้านใน
ภายใต้เบื้องหน้าของเขานั้น ฟ่งหลันหลั่นกำลังนั่งตัวเกร็งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ลมหายใจอุ่น ๆ จากปลายจมูกของนางผนวกกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระส่ำดังไม่เป็นจังหวะของทั้งคู่ มันแทบจะทำให้เขาควบคุมไฟราคะอันร้อนรุ่มในกายไว้ไม่ไหวแล้ว
"เจ้าค่ะ...ว่าแต่แม่นางฟ่ง! ไม่ได้อยู่ที่นี่คอยปรนนิบัติรับใช้นายน้อยหรอกหรือเจ้าค่ะ"
สาวใช้กล่าวรับคำ แต่ก็ยังอดถามถึงสาวใช้คนสนิทของเจ้านายหนุ่มไม่ได้ เพราะปกติจะเป็นหน้าที่ของนางที่ต้องคอยมาดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
"ข้าให้นางไปพักผ่อนแล้ว อ้อ! ก่อนออกไปช่วงปิดประประตูให้ข้าด้วย และห้ามให้ใครเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้าอีก"
หลงอี้หลิงตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว และเริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมา เพื่อบ่งบอกเป็นนัยให้สาวใช้ผู้นี้รู้ตัวเสียทีว่านางไม่ควรเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่แรก
"เจ้าค่ะ"
เมื่อรับคำจบ สาวใช้วัยละอ่อนก็เดินถอยร่นออกไปจากห้อง พร้อมกับปิดประตูห้องเข้าอย่างมิดชิดแน่นหนาตามคำสั่งผู้เป็นนาย เพราะนางรู้ดีว่าคำพูดของแม่ทัพหนุ่มคือคำขาด
พอสิ้นเสียงประตูปิดเข้าอย่างเดิม ฟ่งหลันหลั่นก็รีบผละตัวเองให้ออกห่างจากแม่ทัพหนุ่ม ดวงหน้างามปลั่งจ้องมองหน้าเขาอย่างเขินอาย ก่อนจะรีบปีนขึ้นจากถังน้ำทันที
"อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกัน ข้าจะเอาคืนท่านให้สาสมเลยคอยดูสิ" น้ำเสียงไม่พอใจดังออกมาจากริมฝีปากบางไม่ขาดสาย
และในขณะที่นางจะกำลังเดินพ้นออกไปจากฉากกั้นห้อง ด้วยเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มน้ำไปทั้งตัว
แม่ทัพหนุ่มซึ่งกำลังนั่งหันหลังให้ เขาก็ได้สะบัดแขนหนึ่งที จากนั้นชุดคลุมตัวใหญ่ของเขาที่พาดอยู่ตรงฉากกั้นก็ลอยไปคลุมร่างอรชรเอาไว้พอเหมาะพอเจาะ
"สวมนั่นให้มิดชิดก่อนค่อยเดินออกไป ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะจับไข้เอาได้"
"หึ! ตัวเองเป็นคนทำให้คนอื่นเขาเปียกชุ่มไปทั้งชุดแท้ ๆ ยังมีหน้าทำตัวเป็นห่วงเป็นใยอีก"
ฟ่งหลันหลั่นเดินบ่นอุบออกไปจากห้อง โดยไม่กล่าวขอบคุณต่อแม่ทัพหนุ่ม
ส่วนหลงอี้หลิง แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ได้ปรับความเข้าใจกับนางในเรื่องที่กังวลใจตามที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้า แต่พอได้เห็นสีหน้าเขินอายแกมโมโหของนาง กลับทำให้เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขยิ่งนัก จนลืมสิ่งที่ตั้งใจไว้เสียสนิท
"หลั่นเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลสิ่งใดไป ชั่วชีวิตนี้ คนที่จะสามารถร่วมเตียงเคียงหมอนกับข้าได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น"
....
เซียงไค 盛開