ค่ายทหารชั่วคราวของหน่วยพยัคฆ์ดำ
กระโจมน้อยใหญ่ของค่ายทหารถูกตั้งขึ้นกระจัดกระจายวางสลับกันอยู่บนทุ่งหญ้ากว้าง และมีรั้วล้อมรอบขอบชิดและทหารยามเดินตรวจตราเวรยามอย่างแข็งขัน
หลังจากหลงอี้หลิงพูดคุยปรึกษาเรื่องการวางแผนรับมือกับพวกโจรป่ากับเหล่าทหารเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหนุ่มก็กลับไปยังกระโจมที่พักส่วนตัวของเขา
ฟ่งหลันหลั่นเปิดผ้าม่านเดินเข้ามาด้านในกระโจมของแม่ทัพหนุ่มด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เข้ามาในกระโจมแบบนี้
แต่พอเห็นแม่ทัพหนุ่มกำลังยืนรออยู่ด้านใน และหันหลังให้ตน แถมเขายังเอามือทั้งสองข้างไขว้หลัง ดูขึงขัง จริงจังตลอดเวลา
สตรีน้อยไม่ได้สนใจที่จะกล่าวทักทายเขา เพราะเป็นเขาเองที่พานางมาด้วยโดยไม่ถามความสมัครใจสักนิด และสิ่งที่น่าหนักใจกว่า ก็คือภาพตรงหน้านางต่างหาก
สตรีน้อยกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวอย่างสนใจ และสังเกตเห็นว่ากระโจมหลังนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร ภายในถูกแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน
ด้านในสุดตรงหน้าหน้าของแม่ทัพหนุ่มคือเตียงนอนที่มีลักษณะเป็นเตียงไม้ ขนาดนอนได้ประมาณสองคน
ส่วนทางด้านขวามือนั้น มีเตียงหรือตั่งขนาดยาวตั้งวางอยู่ ส่วนทางด้านซ้ายมือ มีฉากอันใหญ่และสูงเกือบเท่าแม่ทัพหนุ่มตั้งวางอยู่ ซึ่งนางเหลือบมองไปเห็นว่าด้านหลังฉากกั้นนั้นมีถังน้ำใบใหญ่ตั้งอยู่
'โห กระโจมนี้ช่างสมฐานะของแม่ทัพคนสำคัญของแคว้นโหย่วซะจริง แม้กระทั่งถังน้ำใบใหญ่ ก็ถูกเตรียมไว้ให้เขาได้แช่น้ำในนี้เลย'
ในขณะที่ฟ่งหลันหลั่นกำลังวิจารณ์กระโจมของแม่ทัพหนุ่มในใจนั้น สายตาของนางก็พลันเห็นว่า ชุดเกราะเหล็ก ซึ่งเตรียมไว้ใช้สำหรับเวลาออกรบ ได้ถูกแขวนอยู่เยื้องมาทางจุดที่เขากำลังยืนอยู่
เมื่อสำรวจภายในกระโจมนั้นเรียบร้อย สตรีน้อยจึงเดินเข้าไปใกล้แม่ทัพหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แม้ใจจะอยากเดินออกไปจากที่นี่แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้นางมีชะงักติดหลังอยู่นั่นเอง
ส่วนในมือของนาง ยังคงถือห่อผ้าของตัวเองอย่างไม่วางมือ
ฟ่งหลันหลั่นยืนเอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยและพยายามชะเง้อคอมองไปทางด้านหน้าเพื่ออยากเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์เช่นใด
จังหวะนั้นเอง แม่ทัพหนุ่มก็หันขวับกลับมายังสตรีน้อยพอดี
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้สนใจในคำสั่งของข้าที่บอกไว้เลยสินะ"
น้ำเสียงแข็งกร้าว เย็นชา กับแววตาดุดันของแม่ทัพหนุ่มกำลังมองทอดยังสตรีน้อยตรงหน้า
การแสดงออกของแม่ทัพหนุ่ม น่าจะทำให้สตรีน้อยเกิดความยำเกรงต่อเขาได้บ้าง แต่หาใช่ไม่
นางกลับไม่มีสีหน้าสลดใจหรือท่าทางหวาดหวั่นในอำนาจที่มีมากมายของเขาเลยสักนิด
ฟ่งหลันหลั่นหลบสายตาแม่ทัพหนุ่มเล็กน้อย ก่อนที่ตีหน้าซื่อก้าวขา ฉับ ๆ เดินดุ่มเข้าไปยืนใกล้เขา และตอบคำถามเขาอย่างเฉไฉ
"พิโธ่ถัง! นายน้อยอย่าได้กล่าวเช่นนั้นสิ ไฉนเลยสาวใช้เช่นข้าจะกล้าไม่สนใจฟังในคำสั่งของท่านกัน แต่เพราะข้าเป็นห่วงท่านมากต่างหาก ข้าถึงได้แอบหนีออกจากเรือนหลงหลิงและตามท่านมาไกลถึงที่นี่ ท่านน่าจะขอบคุณข้ามากกว่านะ ที่ข้าใส่ใจท่านถึงเพียงนี้"
ฟ่งหลันหลั่นตอบบุรุษรูปงาม ผู้น่าเกรงขามตรงหน้าอย่างฉะฉานไม่มีจังหวะติดขัดเลยสักนิด
ทว่าสายตาของนางกลับดูล่อกแล่ก ร้อนตัว เหมือนมีความลับปิดซ่อนไว้อยู่ แถมนางยังวางตัวให้เป็นปกติ และไม่พยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ตอนที่เขาช่วยถอนพิษให้นางที่เรือนสกุลหลง
หลงอี้หลิงได้ฟังคำพูดแก้ตัวที่กวนน้ำขุ่นของสาวใช้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกโมโหหนักขึ้น แม่ทัพหนุ่มขยับเข้าไปประชิดตัวนางอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ทั้งคู่ยืนห่างกันอยู่แค่ปลายลมหายใจเท่านั้น
ฟ่งหลันหลั่นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นางพยายามวางสีหน้าปกติ และทำใจดีสู้เสือ นิ่งเข้าไว้
แม่ทัพหนุ่มโน้มตัวลงต่ำและยื่นหน้ามาวางอยู่ตรงใบหน้างามสดใสน่ารัก ดวงตาสีนิลจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขม็ง
"หูของข้าไม่ได้ฟังอะไรผิดไปใช่ไหม เจ้าบอกว่าเป็นห่วงข้า ถึงได้ขัดคำสั่งและตามมาถึงที่นี่เช่นนั้นรึ!..."
แม่ทำหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงแข็ง เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แต่สายตายังคงจ้องดวงหน้างามตรงหน้าตาเขม็ง จากนั้นก็พูดต่อ
"...แล้วเหตุใดเจ้าถึงไปโผล่ที่กลางป่ากับหยวนจูวเย่ได้ มิหนำซ้ำแถวนั้นยังใกล้กับจุดที่เคยมีกระท่อมน้อยของเจ้าตั้งอยู่ พูดความจริงมา ห้ามโกหกข้าเด็ดขาด"
ประโยคคำถามนี้ของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้ฟ่งหลันหลั่นแอบกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่และรู้สึกเสียวสันหลัง เย็นวูบวาบไปทั่วทั้งตัว ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้น และจ้องตาเขากลับอย่างไม่ยี่หระ
"ข้าแค่อยากกลับดูสภาพของบ้านหลังที่ข้าเคยเติบโตมาเป็นครั้งสุดท้ายก็เท่านั้น เรื่องที่คุณชายหยวนผู้นั้น เขาไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ข้าไม่รู้ หากท่านแคลงใจสงสัย ก็คงต้องไปถามเขาเองแล้วละ"
ฟ่งหลันหลั่นเชิดหน้าเชยคางของตนขึ้นสูงและตอบเขากลับอย่างฉะฉาน แม้ว่าแววตาของแม่ทัพหนุ่มจะทำให้นางหวั่นเกรงอยู่บ้าง แต่นางก็พยายามข่มความรู้สึกไว้ข้างใน
เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นท่าทางหยิ่งทระนงและอวดดีอย่างดื้อดึงของสตรีน้อยที่กำลังแสดงออกต่อเขา มันยิ่งทำให้เส้นเลือดใหญ่ตรงขมับขวาปูดนูนเขียวขึ้นมาและเต้นตุบ ๆ
เขาไม่ถามให้มากความต่อ ในขณะที่นางกำลังแสดงท่าทีมั่นใจในตัวเองอยู่นั้น แม่ทัพหนุ่มก้าวเท้าไปด้านหน้าแค่ครึ่งก้าวของเขา แต่แค่นั้นมันก็ทำ ให้ทั้งสองคนนั้นตัวติดประชิดกันแล้ว และเขาโน้มตัวลงต่ำ ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาใบหน้าไปวางใกล้พวงแก้มนวล ข้างใบหูของอีกฝ่ายทันที
ทั้ง ๆ ฟ่งหลันหลั่นเคยใกล้ชิดกับเขาอย่างสนิทชิดใกล้มานานหลายครั้งแต่นางก็ยังไม่ชินเสียที เมื่อถูกอีกฝ่ายเข้าประชิดตัวแบบไม่ทันให้ตั้งตัวนางจึงเกิดความตกใจ ที่จู่ ๆ เขาก็ปฏิบัติตัวเยี่ยงนั้น
ด้วยสัญชาตญาณ สตรีน้อยก้าวขาไปทางด้านหลังเพื่อหวังจะถอยร่นให้ออกห่างจากแม่ทัพหนุ่ม
แต่ทว่านางกลับก้าวผิดจังหวะ ทำให้เสียหลักและดูเหมือนเจ้าตัวกำลังจะหงายหน้าล้มไปทางด้านหลัง ห่อผ้าซึ่งมีของสำคัญถึงกับหลุดมือ ลอยคว้างขึ้นไปบนกลางอากาศทันที
หลงอี้หลิงเห็นเช่นนั้น เขาจึงได้เอื้อมแขนออกไปโอบรัดเอวคอดกิ่วนั้นและรั้งตัวนางไว้ได้ทันควัน มืออีกข้างก็ยื่นไปคว้าห่อผ้าซึ่งกำลังร่วงตกลงพื้นได้อย่างเหมาะเจาะ
เหตุการณ์ ณ ขณะนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ก็ไม่เร็วไปกว่าประสาทสัมผัสอันว่องไวของแม่ทัพหนุ่ม
ตอนนี้ร่างกายอันแข็งของแม่ทัพหนุ่มโน้มตัวไปตามแรงโน้มถ่วงและขนาบอยู่เหนือเรือนร่างอรชร แผ่นอกอันแข็งแรงกับหน้าอกหน้าใจของสตรีน้อย แนบชิดสนิทกันไร้ซึ่งสิ่งใดลอดผ่านระหว่างตัวของพวกเขาไปได้
ดวงตาสีนิลจ้องเข้าไปในดวงตาใสกลมโตที่กำลังเบิกโพลงอย่างตื่นตะลึง ปลายจมูกของทั้งคู่แตะสัมผัสกันจนต่างฝ่ายสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ
สองแก้มนวลของฟ่งหลันหลั่นดุจถูกย้อมด้วยชาด แดงระเรื่อเพริศพริ้ง งดงามตราตรึงคน
ความงามพิสุทธิ์เป็นธรรมชาติตรงหน้าสั่นคลอนจิตใจของเขายิ่งนัก จนเขาเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ ซึ่งสังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของลูกกระเดือกที่เคลื่อนตัวลงภายในลำคอเขา
และยิ่งพอหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนช่วยสตรีน้อยถอนพิษ ในใจของแม่ทัพหนุ่มบังเกิดความรู้สึกหวานชื่นอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แขนเหล็กที่กอดรัดร่างอรชรไว้สั่นระริก
ฟ่งหลันหลั่นถูกแม่ทัพหนุ่มกอดรัดตัวไว้แน่น ยากจะขัดขืนหรือสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมแขนของเขาได้
อนึ่งสัมผัสจากอ้อมแขนเหล็กของเขา เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนและเสน่หาลึกซึ้งที่เผยในดวงตาของเขาพาให้สตรีน้อยเคลิบเคลิ้มอย่างลืมตัว
แม่ทัพหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมจำนวนให้แก่นางโดยสิ้นเชิง
เวลานี้ในสมองของเขามีแต่นางเท่านั้น ไม่มีที่ว่างให้สิ่งอื่นใดสอดแทรกลงไปได้อีก
"เจ้าเป็นคนของข้า หากข้าไม่อนุญาต เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะไปอยู่ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกับบุรุษอื่นได้"
น้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง แววตาเปล่งประกายความถือดีและแฝงอำนาจเผด็จการไว้ของแม่ทัพหนุ่ม ยากที่ฝ่ายตรงข้ามจะต่อต้านเขาได้
แต่มีหรือฟ่งหลันหลั่นจะยอมทนฟังเงียบ ๆ โดยไม่โต้แย้งสิ่งใดกลับ
แต่ในขณะที่นางกำลังเปิดปากขึ้นเพื่อจะพูดตอบโต้กลับไป นางก็ถูกเขาปิดปากเสียแล้ว
ริมฝีปากหนาถูกวางลงบนริมฝีปากบางชมพูอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
ร่างกายของฟ่งหลันหลั่นไม่มีท่าทีขัดขืนหรือปัดป้องตัวเองจากเขาเลยสักนิด ตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกเคลิบเคลิ้มและปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสัมผัสนั้นอย่างปรารถนา
จุมพิตนี้ดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ นางก็รู้ได้ว่าโทสะเขาคลายลงแล้ว
ทั้งสองต่างโต้ตอบและแลกสัมผัส ด้วยจุมพิตอันดูดดื่มหวานชื่นและค้างอยู่ในท่านั้นนานเท่าไรหารู้ไม่
ราวกับว่าเวลาและทุกอย่างรอบตัวของพวกเขาได้หยุดการเคลื่อนไหวลงไปชั่วขณะ
และมีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้รับอนุญาตจากฟ้าดินให้มอบความรักอันหวานชื่นและสัมผัสแสนหวานนี้ให้กันและกันโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางหรือหยุดยั้งได้
....
เซียงไค 盛開