webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · Historia
Sin suficientes valoraciones
91 Chs

ตอนที่ ๔๖ กฎเหล็กของคนสกุลหลง

หอเซ่นไหว้บรรพชนของสกุลหลง

  หลงฮูหยินยืนนิ่งเยื้องไปทางด้านข้างซ้ายมือและหันหน้าเข้าหาแท่นเซ่นไหว้ ด้านหลังของแท่นนั้นเต็มไปด้วยป้ายชื่อของเหล่าบรรพชนรุ่นก่อนของคนสกุลหลง ซึ่งเป็นผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง

  หลงอี้หลิงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางห้อง หันหน้าเข้าหาแท่นเซ่นไว้บรรพชน 

  "ยายเมิ่ง ช่วยจุดธูปให้หลานชายตัวดีของข้าที" 

  หลงฮูหยินกล่าวกับสาวใช้คนสนิทของตนด้วยน้ำเสียงเข้ม ขึงขัง แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ 

  หญิงวัยชราเดินไปหยิบธูปที่วางอยู่บนภาชนะใบหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับกระถางธูป และเมื่อต่อไฟติดกับปลายธูปนั้นได้ นางก็ได้นำมามอบให้กับแม่ทัพหนุ่มตามคำสั่งของผู้เป็นนาย โดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรกับเขา นางเพียงแค่ชายตามองชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

  หลงอี้หลิงรับธูปเหล่านั้นมาจากมือของยายเมิ่งได้ เขาก็ถือไว้ในมือ 

  "เมื่อคืนข้าได้ทำผิดต่อคนสกุลหลงและทำผิดต่อบรรพชน ที่กระทำการอันเป็นการหยามเกียรติต่อสตรีน้อยนางหนึ่ง โดยที่ยังมิได้ผ่านพิธีมงคลสมรสกัน และไม่ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ข้ายินดีรับโทษทัณฑ์ตามกฎของบ้านสกุลหลงโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆทั้งสิ้น" 

  หลงอี้หลิงกล่าวต่อหน้าป้ายบรรพชนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าและแววตาสีนิลของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น จากนั้นเขาได้นำธูปไปปักลงบนกระถางธูปขนาดกลางที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้า และกลับมานั่งคุกเข่าเช่นเดิม ก่อนที่จะโน้มตัวไปทางด้านหน้าและโขกหัวลงพื้นสามครั้ง เพื่อเป็นการคารวะเหล่าดวงวิญญาณของบรรพชนทุกดวงด้วยความนอบน้อม 

  "ยายเมิ่ง ไปตามผู้คุมกฎของสกุลหลงเข้ามาด้านในได้" 

  หญิงชราสูงศักดิ์ผู้เป็นเจ้านายออกคำสั่งกับคนรับใช้ด้วยน้ำเสียงเข้ม โดยที่สายตายังคงมองไปยังเหล้าป้ายชื่อบรรพชนทางด้านหน้า

  "เจ้าค่ะนายหญิง" ยายเมิ่งรับคำสั่งนายหญิงของตนด้วยน้ำเสียงกังวล จากนั้นก็ได้หันขวับเดินตรงไปยังประตู สายตาพลันเหลือบมองไปทางแม่ทัพหนุ่มเล็กน้อยด้วยความกังวล

  ไม่นานยายเมิ่งก็ได้เดินกลับเข้ามาพร้อมกับผู้คุมกฎ ซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ ไม่สวมเสื้อบนร่างกายท่อนบนมองเห็นถึงโครงสร้างของร่างกายดูกำยำแข็งแรงและมีรอยแผลเป็นซึ่งอาจเกิดจากการต่อสู้หรืออุบัติเหตุ และในมือของคนผู้นั้นยังถือไม้ขนาดหนาราว 1 ฉื่อ[1]

  "นายหญิง" ผู้คุมกฎชายผู้นั้นกล่าวทักทายนายหญิงของเรือนสั้น ๆ แต่น้ำเสียงของเขาช่างฟังดูหนักแน่นจริงจัง พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างทำความเคารพอย่างนอบน้อม

  หลงฮูหยินจึงได้หันกลับมาประจันหน้ากับทุกคนในห้อง นางยังคงวางสีหน้านิ่ง ดูสุขุมและพยายามเก็บอารมณ์โกรธขึ้งไว้ในใจ พลางเบนสายตามองไปทางหลายชายสุดที่รักของตนด้วยแววผิดหวัง

  "หลิงเอ๋อร์ แม้ว่าเจ้าจะเป็นถึงแม่ทัพของแคว้นโหย่ว แต่เจ้าก็ยังคงเป็นคนสกุลหลงไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้เจ้าได้ทำกฎของบ้านสกุลหลงของพวกเรา เจ้าพร้อมรับโทษทัณฑ์ของตัวเองแล้วใช่ไหม" 

  แม้ว่าหลงฮูหยินจะถามหลานชายสุดที่รักเช่นนั้น แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกดีใจหรือมีความสุขเลยที่ต้องเป็นผู้สั่งลงโทษเขาเยี่ยงนี้

  หลงอี้หลิงเข้าใจดีว่าหากแต่ว่ากฎของบ้านมีให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติตาม หากมีผู้ใดฝ่าฝืนหรือได้รับการยกเว้นการลงโทษ กฎก็ย่อมไม่เป็นกฎอีกต่อไป

  หลงอี้หลิงเงยหน้าขึ้นและมองหน้า พร้อมกับสบตาผู้เป็นย่าด้วยแววตาแน่วแน่ 

[1] 1 ฉื่อ ประมาณ 3.33 เดซิเมตร (หนึ่งเดซิเมตร เท่ากับ สิบเซนติเมตร)

  "ข้ายินดีรับโทษตามกฎของบ้าน ท่านย่างโปรดออกคำสั่งกับผู้คุมกฎให้เขาทำหน้าที่นั้นได้เลย" 

  น้ำเสียงเข้มฟังดูสุขุมและแววตาลุ่มลึก เด็ดเดี่ยวของแม่ทัพหนุ่ม ที่แสดงออกมา ยิ่งทำให้คนเป็นย่าที่กำลังจ้องตาเขากลับ ไม่เข้าใจว่าเหตุใด หลานชายสุดที่รักถึงได้กระทำเรื่องที่ไม่สมควรเช่นนั้นได้

  หลงฮูหยินสะบัดมือของตัวเองเหวี่ยงไปทางด้านข้าง ในเวลาเดียวกัน นางก็ได้ออกคำสั่งกับผู้คุมกฎทันที

  "ผู้คุมกฎทำตามหน้าที่ของเจ้าได้" น้ำเสียงเด็ดขาดแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกปวดใจของหลงฮูหยิน ทุกคนในห้องนั้นต่างก็รับรู้ได้เป็นอย่างดี

  หลงอี้หลิงยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ในท่าเดิม และตั้งท่ารับแรงกระแทกจากการลงโทษของผู้คมกฎ สายตาเขาดูแน่วแน่ไม่หวั่นเกรงต่อความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น

  "ขอรับนายหญิง" 

  ผู้คุมกฎขานรับอย่างหนักแน่นเช่นกัน จากกนั้นเขาก็เดินเข้าไปประชิดตัวแม่ทัพหนุ่ม โดยยืนอยู่ตำแหน่งข้างลำตัวและห่างประมาณสองก้าวครึ่ง 

  เขายืนจังก้าตั้งท่าอย่างมั่นเหมาะ สองมือกำไม้โบยหลังไว้แน่น ก่อนจะง้างมือของเขาขึ้นในองศาที่เหมาะสม เขาขยับมือเล็กน้อยเพื่อรวบรวมสมาธิ จากนั้นเขาก็ออกแรงทั้งหมดไปที่ไม้โบยในมือ หวดลงบนหลังของแม่ทัพหนุ่มอย่างสุดกำลัง

  ทันใดนั้นเอง

  "ไม่ได้นะ!" เสียงของฟ่งหลันหลั่นดังลอยเข้ามาในห้องอย่างร้อนใจ 

  พลั่ก! เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไม้โบยหลังนั้นได้ฟาดลงไปบนร่างเนื้อหนังของใครบางคน 

  หลงอี้หลิงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนแผ่นหลังหนาของเขาเลยสักนิด มันได้สร้างความแปลกใจให้เขายิ่งนัก จึงได้เอี้ยวตัวหันกลับไปมองทางด้านหลังของตนทันที และปรากฏว่าผู้ที่เข้ามาขวางทางไม้โบยนั้นไม่ให้ถูกตัวเขา ก็คือสาวใช้คนโปรดของเขานั่นเอง

  ฟ่งหลันหลั่นซึ่งร่างกายภายในยังคงบอบช้ำและพละกำลังยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์ พอถูกแรงกระแทกจากไม้โบยหลังของผู้คุมกฎเช่นนั้น จึงทำให้นางกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย 

  แม้กระทั่งหลงฮูหยิน ยายเมิ่งและผู้คุมกฎที่เห็นเหตุการณ์นั้นต่างก็พากันตกใจ

  หลงฮูหยินจึงได้ยกมือขึ้นเพื่อห้ามผู้คุมกฎให้ชะลอการลงโทษนี้ไปก่อน 

  ยายเมิ่งจึงรีบเข้าไปประชิดตัวสตรีน้อย เพื่อหวังจะประคองนางให้ถอยออกห่างจากแม่ทัพหนุ่ม 

  ทว่าหลงอี้หลิงได้ชิ่งดุนางเสียงดังอย่างแข็งกร้าว ด้วยความโกรธแกมเป็นห่วง

  "เจ้าทำบ้าอะไร หลบไปซะ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า" 

  ฟ่งหลันหลั่นจ้องหน้าเขาด้วยสายตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และตอบสวนเขาทันควัน 

  "ไม่! หากถ้ามีใครจะต้องถูกลงโทษ คนผู้นั้นก็ควรจะเป็นข้า ไม่ใช่ท่าน" 

  หลงอี้หลิงได้ฟังสตรีน้อยตอบสวนกลับมาเช่นนั้น ยิ่งทำให้เขาทั้งโกรธและเป็นห่วงนางหนักมากยิ่งขึ้น เพราะทั้ง ๆ ที่ร่างกายของนางเพิ่งจะหายจากการถูกพิษร้ายเล่นงานมาทั้งคืน นางกลับมาทำตัวอวดดีต่อหน้าเขา โดยที่ไม่ห่วงสุขภาพของตัวเองเลยสักนิด สิ่งนี้มันทำให้เขาหัวเสียยิ่งนัก 

  "ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงกับให้สตรีเยี่ยงเจ้า มาออกตัวรับผิดแทนข้าหรอกนะ" แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงแข็งกร้าวกับสตรีน้อย พร้อมกับทำตาดุใส่นาง เพื่อมุ่งหมายให้นางถอดใจและถอยออกให้พ้นทางของผู้คุมกฎ

  ฟ่งหลันหลั่นยังคงจ้องหน้าเขากลับด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยออกตามที่เขาบอก

  หลงฮูหยินยืนมองการสนทนาของทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่ง นางจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามสตรีน้อยด้วยน้ำเสียงเข้มสุขุม 

  "วิ่งเอาตัวเข้ามารับไม้โบยแทนเขาแบบนั้น รู้ตัวไหมว่าแผ่นหลังบาง ๆ ของเจ้าจะขาดเอาได้นะสาวน้อย" 

  ฟ่งหลันหลั่นหันไปเผชิญหน้ากับสตรีสูงศักดิ์ผู้เป็นนายหญิงใหญ่ของเรือนนี้ทันที และจ้องหน้านางด้วยสายตาเดียวกันกับที่มองหลงอี้หลิงก่อนหน้านี้

  "ข้าไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บตัว แต่ทว่าก่อนที่ท่านจะสั่งให้คนโบยเขาอีกครั้งได้โปรดฟังในเรื่องที่ข้าต้องการจะชี้แจงกับท่านในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้หรือไม่" 

  หลงฮูหยินมองเห็นถึงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นผ่านแววตาของสตรีน้อยตรงหน้า และยิ่งเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตตนไว้ด้วย นางจึงใจอ่อนและยอมรับฟังอย่างง่ายดาย

  "ได้! ข้าจะให้โอกาสเจ้า ต้องการกล่าวสิ่งใดก็ว่ามา ข้าฟังอยู่" 

  แม้ว่าหลงฮูหยินจะรักและรู้สึกเอ็นดูสตรีน้อยผู้นี้มากเพียงใด แต่กฎของบ้านก็ต้องรักษา แต่ทว่านางก็ยอมรับฟังคำร้องขอของอีกฝ่ายโดยไม่มีการเอนเอียง เพียงแค่ไม่อยากถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ลุแต่อำนาจและตัดสินผิด

  ประกายความมุ่งมั่น กล้าหาญ และรักความยุติธรรมของฟ่งหลันหลั่นฉายแววออกมาจากดวงตากลมโตใสซื่อคู่นั้น 

  นางเบนสายตามองไปทางหลงอี้หลงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับหลงฮูหยิน

  "เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างข้ากับท่านแม่ทัพเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น สิ่งที่เขาได้กระทำลงไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตามเขาทำไปเพราะช่วยชีวิตของข้า หากไม่ได้เขาช่วยไว้ ข้าคงถูกพิษร้ายนั่นตายไปแล้ว" 

  หลงฮูหยินกับยายเมิ่งตกใจในคำพูดของฟ่งหลันหลั่นถึงกับอุทานขึ้นพร้อมกัน

  "พิษร้ายอย่างนั้นรึ!"

  สตรีน้อยพยักหน้า พร้อมกับกล่าวย้ำคำพูดของตนอย่างหนักแน่น "อื้ม! ข้าขอยืนยันว่าทั้งหมดที่พูดไปนั้นเป็นความจริง ส่วนว่าพิษนั้นมาได้ยังไง เรื่องนั้นข้ายังไม่สามารถบอกพวกท่านได้" 

  ที่จริงไม่ใช่ว่าฟ่งหลันหลั่นบอกที่มาของคนวางยาพิษไม่ได้ แต่นางรู้ดีว่า ธิดาอ๋องผู้นั้นเป็นธิดาหัวแก้วหัวแหวนของเยี่ยอ๋อง หากกว่าสิ่งใดออกมาโดยไร้ซึ่งหลักฐาน ก็ยากที่ใครจะเชื่อในคำพูดของตนได้ 

  หลงฮูหยินขมวดคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปถามหลานชายสุดที่รัก 

  "หลิงเอ๋อร์...เรื่องที่นางพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่" ผู้เป็นย่ารู้ดีว่าหลานชายสุดที่รักไม่ใช่คนไม่ดีและเขาไม่เคยมีพฤติกรรมเลวทรามหรือย่ำยีข่มเหงสตรีนางใดมาก่อน จึงต้องการถามเขาเพื่อความมั่นใจ

  ที่จริงหลงอี้หลิงไม่อยากให้ผู้เป็นย่าของเขา รับรู้ถึงเรื่องที่ฟ่งหลันหลั่นได้รับพิษเข้าสู่ร่างกาย หากแต่สตรีน้อยเป็นผู้เปิดเผยเรื่องนั้นด้วยตัวเอง เขาจึงไม่สามารถเลี่ยงในการตอบคำถามนี้ได้ 

  "เป็นจริงตามที่นางกล่าวมาทั้งหมด" แม่ทัพหนุ่มตอบย่าของเขาด้วยน้ำเสียงเข้ม แต่ยังไม่ทันที่ผู้เป็นย่าหรือฟ่งหลันหลั่นจะกล่าวสิ่งใดต่อ เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง

  "...แต่ทว่า ข้าก็ไม่สามารถใช้เหตุผลนี้เพื่อมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่รับโทษทัณฑ์ของบ้านสกุลหลงได้ ข้าทำผิดกฎที่ตั้งไว้ ข้าย่อมต้องได้รับโทษนั้น"

  ฟ่งหลันหลั่นได้ยินแม่ทัพหนุ่มยืนกรานเสียงแข็งที่จะรับโทษทัณฑ์นั้นต่อ นางจึงรู้สึกไม่ดี เพราะแม้ว่าตัวเองจะได้สูญเสียบางอย่างให้กับเขาไป และมันก็ทำให้นางเสียเกียรติที่มีอยู่ไป แต่นางก็เข้าใจถึงเหตุผลและแยกแยะผิดถูกได้ดี 

  "หลงฮูหยิน หากท่านยืนกรานว่าจะสั่งลงโทษเขาตามกฎของบ้าน โดยไม่สนใจถูกผิด เช่นนั้นท่านก็สั่งลงโทษข้าด้วยอีกคนเถิด เพราะข้าคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด"

  ฟ่งหลันหลั่นออกตัวรับโทษทัณฑ์โบยหลังนั้นไปพร้อมกับหลงอี้หลิงด้วยน้ำเสียงและแววตาหนักแน่น แม้ว่าริมฝีปากบางและสีหน้าของดวงหน้างามจะยังคงซีดขาวดูไร้เรี่ยวแรง แต่นางก็หาได้รักตัวกลัวตายไม่

  "ท่านย่าได้โปรดให้อภัยและอย่าได้สั่งลงโทษนางเลย ข้าเป็นคนผิด ข้ายินดีรับโทษของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว"

  หลงอี้หลิงกล่าวกับย่าของเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ อีกทั้งยังคงรู้สึกเป็นห่วงในตัวสตรีน้อย เพราะเกรงว่านางจะถูกย่าของเขาสั่งลงทัณฑ์ 

  จากนั้นบุรุษและสตรีที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ต่างก็โต้แย้งเถียงกันเพื่อแย่งออกตัวรับโทษทัณฑ์แทนอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีใครเกรงกลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บตัว 

  หลงฮูหยินและยายเมิ่ง รวมทั้งผู้คุมกฎต่างก็มองออกมาแม่ทัพหนุ่ม และสตรีน้อย มีความห่วงใยและความหวังดีต่ออีกฝ่ายอย่างบริสุทธิ์ใจ และต้องการปกป้องอีกฝ่ายจากใจจริง แม้ว่าคำพูดจะฟังดูเหมือนพวกเขากำลังทะเลาะกันก็ตาม

  หลงฮูหยินยืนมองคนทั้งคู่และยิ้มในใจและปลื้มปริ่ม ที่หลานชายสุดที่รักของตนได้พบคนที่จะมาคอยดูแลและปกป้องเขาแทนนางได้แล้ว 

  "พวกเจ้าสองคนหยุดทะเลาะกันต่อหน้าข้าได้แล้ว" 

  หลงฮูหยินโพล่งเสียงดังขึ้น เพื่อหวังปรามคนทั้งสองตรงหน้าให้เงียบเสียงหลง

  และมันก็ได้ผลเช่นนั้น

  หลงอี้หลิงและฟ่งหลันหลั่นเงียบเสียงหลงทันที แม้ว่าจะยังมาการส่งสายตาโต้เถียงกันต่อเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใดต่อกันอีก 

  พอหลงฮูหยินเห็นทั้งคู่สงบลงและต่างฝ่ายต่างก็ดูเหมือนจะตั้งสติได้แล้ว นางจึงหันไปทางด้านผู้คุมกฎ ซึ่งเขาเองก็กำลังยืนรอฟังคำสั่งจากนายหญิงของเขาเช่นกัน

  "เชิญท่านผู้คุมกฎกลับไปก่อนเถิด เรื่องนี้ข้าเวลาข้าไต่สวนถามหาความจริงให้ชัดเจนก่อน หากได้เรื่องชัดเจนแล้วข้าจะให้คนไปตามท่านอีกที"

  น้ำเสียงแหบแห้งของหญิงชราผู้สูงศักดิ์ กล่าวกับผู้คุมด้วยความสุขุมและดูอำนาจแฝงอยู่ 

  "ขอรับนายหญิง" ผู้คุมกฎขานรับอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ทำการคารวะผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินถอยออกไปจากห้องนั้น เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

  เฮ้อ...ฟ่งหลั่นถอนหายใจแรงพร้อมทิ้งน้ำหนักตัวลงพื้นอย่างโล่งใจ อยู่ข้าง ๆ กับทัพหนุ่ม

  หลงอี้หลิ้งยังคงมีอารมณ์โกรธค้างอยู่และรู้สึกหัวเสีย ที่เห็นนางไม่เป็นห่วงสุขภาพของตัวเองเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านประตูนรกมาไม่นาน แต่นางกลับวิ่งเข้าหาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว

  "พละกำลังและพลังปราณภายในยังไม่ฟื้นตัวเลยด้วยซ้ำ กลับวิ่งหอบร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นมาหาเรื่องเจ็บตัวถึงที่นี่ หากเจ้าล้มป่วยขึ้นมาอีก ข้าไม่ทนนิ่งเฉยแน่" แม่ทัพหนุ่มพูดกับสตรีน้อยข้างกายด้วยน้ำเสียงดุแกมขู่นางเล็กน้อย 

  ผู้เป็นย่า ยืนฟังอยู่ถึงกับโกรธหลานชายของตนขึ้นมาทันใด

  "หลิงเอ๋อร์ เลิกต่อว่าและเลิกขู่หลั่นเอ๋อร์ได้แล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าที่นางทำไปทั้งหมดนั่นก็เพราะต้องการปกป้องเจ้า"

  ผู้เป็นย่ารู้สึกโกรธและหมั่นไส้หลานชายสุดที่รัก เพราะกำลังทำนิสัยเสีย ๆ ต่อสตรีน้อยตรงหน้า ราวกับไม่มีใครเคยสั่งสอนให้ทำตัวดี ๆ ต่อคนที่ช่วยเหลือตน

  แม่ทัพหนุ่มไม่ตอบคำถามย่าของเขา แต่จู่ ๆ เขาก็คว้าหมับไปที่ข้อมือน้อยของฟ่งหลันหลั่น ก่อนจะลุกยืนพรวดพราดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนพลอยทำให้สตรีน้อยต้องรีบลุกขึ้นยืนตามเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ทันที

  "ข้าขอตัวพานางไปทำแผลก่อน เสร็จแล้วคงต้องกลับเรือนหลงหลิงทันทีเพราะยังมีราชกิจที่ค้างอยู่อีกเยอะ ส่วนเรื่องอื่น ข้าจะกลับมาอธิบายให้ท่านย่าฟังในวันหลัง ขอท่านย่าโปรดรักษาสุขภาพด้วย หลานขอตัว" 

  หลงอี้หลิงพูดรวบรัดตัดบทอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดได้พูดแทรกเขาได้ พอพูดจบเขาก็หันขวับและจูงมือของสตรีน้อยออกไปจากหอบรรพชนทันที

  ฟ่งหลันหลั่นไม่มีเวลาได้ทำการคารวะและกล่าวลาเจ้าของบ้านอย่างสุภาพ นางจึงทำได้แค่เพียงผงกศีรษะหลงด้วยความนอบน้อมหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะถูกแม่ทัพหนุ่มดึงแขนให้เดินตามเขาออกไป

  หลงฮูหลิงและยายเมิ่งมองตามหลังหนุ่มสาวทั้งสองคน ด้วยสายตาปลื้มปริ่มดูอิ่มอกอิ่มใจ และเกิดความรู้สึกหายกังวลใจในเรื่องบางอย่าง

  "ยายเมิ่ง หลงเอ๋อร์ของพวกเรา ได้พบกับสตรีคนที่จะมาดูแลเขาแทนเราสองคนได้แล้ว จากนี้ไปพวกเราคงนอนตายตาหลับอย่างหมดห่วงกันได้แล้วสินะ"

  หลงฮูหยินกล่าวกับสาวใช้ของตนด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแฝงด้วยรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า

  "เจ้าค่ะนายหญิง" ยายเมิ่งเองก็ขานรับนายหญิงของตนด้วยความรู้สึกเดียวกัน

  "จะว่าไปแล้ว เมื่อครู่ตอนที่ข้ามองเข้าไปในดวงตาใสกลมโตคู่นั้น แววตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แต่แฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยนของนาง ทำให้ข้าอดนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาไม่ได้" 

  จู่ ๆ รอยยิ้มที่กำลังปลื้มปริ่มใจอยู่ของหลงฮูหยินก็พลันเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเศร้าสร้อย พานทำให้สาวใช้จำต้องถามกลับด้วยความห่วงใย

  "นายหญิง กำลังนึกถึงคนผู้ใดกันหรือเจ้าคะ และเหตุใดน้ำเสียงของท่านถึงได้ฟังดูเศร้าเสียใจเยี่ยงนั้น" 

  ยายเมิ่งถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นนาย นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามต่ออย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

  "...รึว่านายหญิงกำลังนึกถึงคนผู้นั้นอยู่เจ้าคะ!"

  น้ำเสียงประหม่าแกมตกใจที่แฝงไว้ในคำถามของยายเมิ่ง ดูเหมือนนางจะไม่กล้าที่จะเอ่ยชื่อแซ่ของคนผู้นั้นออกมาอย่างชัดเจน

  จู่ ๆ หลงฮูหยินผู้ที่ดูยืนอยู่อย่างสงบนิ่งมานาน ถึงกลับยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่หยดแหมะลงบนพวงแก้มเหี่ยวย่นโดยไม่รู้ตัว

  "ใช่! ข้ากำลังนึกถึงคนผู้นั้น องค์หญิงน้อยผู้อาภัพของข้า...อวี้หลัน  บุปผางามช่อนั้น ...องค์หญิงผู้น่าสงสาร ผู้ที่ถูกคนใจร้ายพรากชีวิตของพระองค์ไป แม้จะยังทรงพระเยาว์อยู่พวกเขาก็ไม่ยอมละเว้นเลยสักนิด"

  เมื่อกล่าวคำนั้นจบ หลงฮูหยินถึงกับเซถลาไปทางแท่นบูชาด้านข้างอย่างหมดแรง จนยายเมิ่งเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปพยุงตัวผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว

  ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนว่าบุคคลที่หลงฮูหยินกำลังกล่าวถึงมีความสำคัญและเรื่องราวของคนผู้นั้นมีผลต่อสภาพจิตใจของสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้เป็นยิ่งนัก

.....

เซียงไค 盛開