...
หลังจากที่ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายได้หนีออกไปแล้ว..
สร้อยก็ได้ถามสุพัทราในทันทีว่า
" แม่ทับทิม เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นบอกเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรือ ? ที่บอกว่าแม่คนนั้นท้องน่ะ.. "
" จริงทุกประการค่ะแม่ " เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
พัชราที่เพิ่งรู้ต้นสายปลายเหตุกับเหตุการณ์ในวันนี้ เธอยังคงไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายของเธอจะกลายเป็นคนเลวที่ทำร้ายจิตใจพี่สะใภ้กับแม่ของเธอได้ ส่วนวัลลพก็เพิ่งจะรู้ในตอนนี้เหมือนกัน เพราะสร้อยยังไม่ได้บอกแก่เขา
วัลลพโกธรอานนท์มาก และรู้สึกสงสารสะใภ้และหลานสาวของเขามาก
" เรื่องนี้.. นี่มันยังไงกันแน่.. ทำไมไม่มีใครบอกฉันกันมั่งเลย แม่มึง.. ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้!! แล้วไอ้อานนท์มันหายหัวไปไหนกัน วันหยุดแท้ๆทำไมไม่อยู่บ้าน ไอ้ลูกเลว.. มันยังเป็นคนอยู่ไหม ? " เขาพูดด้วยอารมณ์โกธรที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
" ฉันว่าจะบอกพ่ออยู่.. แต่ยังหาโอกาสพูดออกมาไม่ได้น่ะ และอีกอย่างฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่วันมานี่เอง " สร้อยสำนึกผิดพยายามอธิบายให้วัลลพฟังอยู่
" แต่.. จริงเหรอพี่พัท ? ที่พี่หาบ้านเช่าและจ่ายเงินค่าเช่าให้และจะดูแลจ่ายค่าทำคลอดให้กับ อีนังเมียน้อยของพี่อานนท์น่ะ " พัชราเอ่ยถามพี่สะใภ้ของหล่อนด้วยความสงสัย
" จริงด้วย..! แม่ไม่เข้าใจเลยลูก จะไปสนใจอะไรกับคนเลวๆอย่างพวกมัน!! "
" จ่ะ.. ตอนแรกหนูก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่.. พอคิดว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นยังไงถ้าไม่มีพ่อ หรือถ้าเรไรตัดสินใจต้องไปทำแท้งเพราะตัวหนูมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย มันจะต้องเป็นเวรเป็นกรรมผูกกันติดต่อกันไป วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำอีก หนูไม่อยากให้เป็นเวรเป็นกรรมต่อกันอีกค่ะ " สุพัทราพูดแบบจริงจังเลย
" เวรกรรมอะไรกัน ? พวกมันก่อกันขึ้นมาเองก็ให้พวกมันรับกันไปเองเลยสิ.. นรกน่ะ!!.. " สร้อยพูดแบบประชดประชัน
" แต่นรกมันจะตามหลอกหลอนมาถึงตัวและจิตใจของหนูค่ะแม่.. " สุพัทราให้เหตุผล เธอกำลังต้องการอะไรกันแน่
" แต่.. แม่ทับทิมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่!! ทำไมต้องไปรับผิดชอบด้วยล่ะ ทำไมไม่ปล่อยวางปัญหาของผู้อื่นล่ะลูก "
" แต่ผู้อื่นที่แม่บอก เขาเป็นสามีของหนูเป็นลูกชายของแม่ และยังเป็นพ่อของทับทิมด้วยนะคะ "
สร้อยยังทำใจไม่ได้กับเรื่องความผิดของลูกชายของเธอ แต่สุพัทราลูกสะใภ้ของหล่อนกลับยอมรับและพร้อมที่จะยื่นมือลงไปช่วยเหลือผู้ที่กระทำผิดต่อเธออย่างไม่ลังเล นี่มัน.. ทำไม ? ทำไมลูกสะใภ้ของหล่อนถึงได้ยอมรับและยอมช่วยเหลือผู้หญิงจากที่ไหนก็ไม่รู้ ที่ทำตัวเป็นแมวขโมย มาขโมยของรักของหวงของเธอกันด้วย
สุพัทราเธอ.. ไม่ได้ใจดีมาตั้งแต่ต้นหรอก.. ตัวของเธอนั้นปรกติจะเป็นคนที่มุ่งมั่นมาตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็กแล้ว เธอเติบโตมาจากชนบทที่ยังไม่ค่อยเจริญสักเท่าไหร่นัก ( ในยุคสมัยนั้น ) พ่อแม่และพี่น้องนั้นมีที่ดินไว้ทำนาแต่ไม่มีใครทำนากันแล้ว ตั้งแต่ปู่ย่า ตายายได้จากกันไปแล้ว ก็ไม่ได้มีผู้สืบทอดทำนาเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักคน
บิดาของเธอ ( ตาของทับทิม ) เป็นนางเอกลิเก.. ใช่แล้วค่ะ..!! ทุกคนฟังไม่ผิด ( ในสมัยนั้น พระเอกและนางเอกลิเกจะใช้ผู้ชายเป็นคนแสดง ) ส่วนมารดาของเธอนั้น ( ยายของทับทิม ) ก็จะได้บทแสดงเป็นนางยักษ์มาโดยตลอด ที่บ้านของสุพัทราจึงมีแต่ศิลปินไปด้วยกันทั้งนั้น และในภายหลังก็ได้หัดเล่นดนตรีไทยกันจนสุพัทราก็ได้ร่ำเรียนมาด้วย เธอเรียนมาตั้งแต่เป็นเด็กๆ แต่ในสมัยนั้นอาชีพนี้ยังคงไม่สามารถนำรายได้มาเลี้ยงครอบครัวได้สักเท่าไหร่ เธอจึงต้องการหาเงินและถีบตัวเองให้หลุดพ้นจากความจน
พอเธอเข้าสู่วัยสาว ก็ได้มีผู้ชายมาชอบพอกับเธอมากมายเนื่องด้วยที่เธอต้องออกไปช่วยพ่อเล่นดนตรีไทยตามงานและสถานที่ต่างๆที่มีคนจ้าง แต่เธอไม่เคยสนใจในตัวของคนที่เข้ามาวุ่นวายกับเธอเลย เพราะเธอเป็นคนเลือก..
ในตอนนั้นเธอมีความคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากจะรวยอยากจะสบาย เพราะแบบนั้นคนที่เข้ามาต้องรวยเท่านั้น เธอถึงจะยอมตกลงคุยด้วย และแล้วคนแบบที่เธอคิดไว้จึงได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ
เขาคนนั้นเป็นลูกชายของคนมีเงินในหมู่บ้านใกล้ๆเคียงกัน พอเธอรู้จึงยอมคบหาและแต่งงานด้วย เมื่อแต่งงานแล้วเธอจึงได้ไปอยู่ที่บ้านของแม่สามี และเธอก็ต้องหยุดและเลิกทำงานเล่นดนตรีไทยที่ต้องไปกับพ่อของเธอไปโดยปริยาย
ซึ่งมันเป็นอะไรที่ตัวเธอปราถนามาตั้งแต่นานแล้ว และในตอนนี้เธอก็มีความสุขอยู่ดีมีสุข และได้มีลูกชายกับเค้าด้วยหนึ่งคน และแม่สามีรักในตัวหลานชายของเธอมาก เธอยังคงเลี้ยงลูกยังไม่เป็นแต่แม่สามีของเธอเป็นคนเลี้ยงดูลูกของเธอให้ จนลูกของเธอนั้นติดย่าของเขามาก และไม่ค่อยติดเธอซึ่งเป็นมารดาของเขาเลย
จนกระทั่ง วันหนึ่ง สามีของเธอได้ตัดสินใจไปทำงานที่กรุงเทพ เพราะเขาถูกเพื่อนๆชักชวนไปลงทุนทำอะไรสักอย่าง โดยที่สามีเก่าของเธอได้เดินทางไปทำงานที่นั่นก่อน และคอยส่งเงินมาให้เธอกับลูกที่อยู่ที่บ้าน ด้วยความที่ว่าบ้านแม่ของสามีมีฐานะทางบ้านดีเธอเลยไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองอะไร
แต่พอนานเข้า สามีของเธอเริ่มไม่กลับมาบ้านนานเข้า บางทีก็ไม่ส่งเงินมาให้กับเธอและลูก หลายครั้งมากขึ้น แต่ที่จริงเธอไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินหรือความเป็นอยู่หรอกนะ แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง เค้าจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ คงจะเรียกได้ว่ามันคือสัญชาตญาณของความเป็นเมียล่ะมั้ง เธอจึงได้เดินทางมาหาสามีที่กรุงเทพ โดยที่ไม่ได้เอาลูกชายมาด้วย ถึงอยากเอามาด้วย แต่แม่สามีและตัวลูกชายของเธอต่างก็ไม่ยอมมา ( แม่สามีไม่ให้เอาหลานชายมากับลูกชายไม่ยอมมากับเธอ )
เพื่อมาหาสามีที่อยู่ที่กรุงเทพ ในตอนแรกไม่พบตัวสามีของเธอเลย เจอแต่เพื่อนของสามี คนที่ชวนกันมาทำงานที่นั่น เธอเลยต้องพักที่ห้องพักของสามีอยู่ถึงสองวัน ระหว่างอยู่ที่นั่นเธอพบปืนหนึ่งกระบอกในลิ้นชักตู้ในห้องของสามีของเธอ ส่วนเพื่อนของสามีของเธอรู้อยู่แล้วว่าสามีของเธอนั้นมีผู้หญิงใหม่ แต่ไม่ยอมบอกกับเธอเพื่อช่วยเพื่อนของตนเองปกปิด และแอบไปตามเพื่อนของตัวเอง เพื่อที่จะคาบข่าวไปบอกกับเพื่อนว่า ' เมียนายมาตามแล้วตอนนี้อยู่ที่ห้องพักของนาย ' แต่เพื่อนของสามีก็สวนทางกับสามีของเธอพอดี
พอสามีของเธอมาถึง เธอก็เลยได้รู้ว่าสามีของเธอนั้นมีผู้หญิงใหม่อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ ในตอนนั้นเธอโกธรแค้นมาก ความที่ด้วยยังเด็กและอายุน้อยอยู่ เธอจึงไม่ยอมและทะเลาะกับสามีจนกระทั่งเกือบหวิดฆ่าคนตาย เพราะในตอนนั้นเธอวิ่งไปเอาปืนมา หมายจะยิงสามีของเธอให้ตายด้วยความโมโห แต่คงจะเป็นโชคดีของผู้ชาย เพราะปืนที่ยิงนั้นมันล๊อคอยู่และเธอปลดล๊อคไม่เป็น จึงทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจหย่าขาดจากสามีคนนี้
ในตอนแรกสามีก็ไม่ยอมหย่าให้กับเธอเสียด้วยซ้ำ แต่พอเธอบอกจะฟ้องหย่าและตัวของเธอไม่อายใคร จึงทำให้สามีเก่าของเธอยอมหย่า เพราะว่าทางผู้ชายกลับหน้าบางและอายในความจริงของตนเอง เขาบอกจะให้สินสมรสกับเธอ แต่ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอจึงไม่เอาเงินจากสามีคนเก่านั้น และอีกอย่างเธอเก็บเงินได้มากมานานแล้วตั้งแต่ตอนแต่งงานใหม่ๆ เพราะเธอไม่เคยนำเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด
เมื่อตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่มี และแม่สามีเก่าก็ไม่ยอมยกลูกชายคืนให้กับเธอ และเธอก็ไม่อยากกลับบ้านไปทำอาชีพเดิมๆกับพ่อที่บ้านอีก เธอจึงตัดสินใจอยู่ต่อที่กรุงเทพเช่าบ้านเล็กๆอยู่และหางานทำ พอดีในตอนนั้นที่โรงงานที่เธอทำในปัจจุบันเพิ่งจะเปิดโรงงานใหม่ๆจึงต้องการคนงานจำนวนมาก เธอได้โอกาสจึงได้ไปสมัครงานและได้งานทำในทันที
และบ้านที่เธอเช่าอยู่นั้นอยู่ใกล้กันกับบ้านของสร้อยพอดี สุพัทราเป็นคนเงียบๆและเรียบร้อย แถมยังเป็นคนขยันและในตอนนั้นเธอก็ยังโสด และสร้อยก็รู้สึกชอบในนิสัยใจคอของเธอจึงสนิทและนับถือกันเป็นพี่น้อง
สุพัทราเธอทำงานด้วยความขยันแบบเอาเป็นเอาตาย และทำทุกอย่างที่ได้เงิน ทั้งขายของตามหอพัก ปล่อยเงินกู้ให้พนักงานในโรงงานที่ไว้ใจได้ทำงานมานานแต่เดือดร้อนเรื่องเงิน และยังแอบขายหวยใต้ดินอีก จึงทำให้ตัวของเธอนั้นมีเงินเก็บค่อนข้างมาก
ต่อมา.. ได้มาเจอกับอานนท์ที่เป็นลูกชายของสร้อย ที่อานนท์เพิ่งมาเจอกับเธอก็เพราะเขาติดทหารอยู่ 2 ปี และพอเขาปลดประจำการมาแล้วก็มาอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ของเขา และด้วยความที่สุพัทรากับสร้อยสนิทกันอยู่แล้ว เธอจึงได้ไปมาหาสู่ที่บ้านของสร้อย และทำให้เธอกับเขาพบเจอกันบ่อยๆ จนเกิดเป็นความชอบ และรักกันในที่สุด อานนท์จึงขอสุพัทราแต่งงานและอยู่กินกันที่บ้านหลังนั้น โดยที่สุพัทราอายุมากกว่าอานนท์ถึง 6 ปี และเธอยังอยากมีความเป็นส่วนตัวของชีวิตคู่ของเธอ เธอจึงได้ขอต่อเติมแยกห้องออกมาเป็นสัดส่วน และตัวเธอยังคงฝากงานให้สามีของเธอทำด้วย จนกระทั่งมีทับทิมลูกสาวที่น่ารักของเธอ
แต่.. ครั้งนี้เธอก็ได้มีเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยกันกับในรักครั้งแรก ทำไมชีวิตของเธอถึงต้องโดนแย่งคนรักมาโดยตลอด คราวนี้เธอจะไม่หย่าเพราะเธอรักลูกสาวคนนี้ของเธอมาก และถ้าเธอหย่าไปแล้วคนที่ทำร้ายเธอคงจะมีความสุข แต่ความทุกข์ระทมจะตามหลอกหลอนเธอไปโดยตลอด ความคิดแย่ๆในช่วงนี้ทำให้ตัวของเธอไม่สบายบ่อยๆ
ช่วง 3 เดือนที่เธอรับเงินเดือนของอานนท์มานั้น เธอได้ไปหาหมอและได้ตรวจเช็คอาการของเธอจนรู้สาเหตุว่าเธอนั้นได้เป็นโรคอะไร ในตอนนั้นเธอแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง ว่าทำไมตัวของเธอนั้นถึงต้องมีชีวิตแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเวรหรือกรรมอะไรกันนักหนา แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี
" อะไรนะคะ.. เมื่อกี๊หมอพูดว่าอะไรนะคะ " สุพัทราเอ่ยน้ำเสียงของเธอเบาบางและค่อยจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง
" หมอบอกว่าคุณเป็นมะเร็งปากมดลูกครับ " คุณหมอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
" แล้วดิฉันต้องรักษายังไงคะ ผ่าตัดได้ไหมคะ " ความกังวลยังคงแสดงอยู่บนใบหน้าของเธอ
" ในตอนนี้.. เราผ่าตัดให้กับคุณไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะคุณเป็นมะเร็งระยะที่ 3 แล้วครับ มันลามไปทั้งมดลูกแล้ว คงทำได้เพียงรักษาด้วยการฉายแสงและฝังแร่ครับ และควรจะได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุดนะครับ "
" หมายถึง..? เร็วนี่.. ภายในระยะเวลาเท่าไหร่กันคะ ? "
" คุณควรตัดสินใจรักษาก่อนภายใน 3 เดือนนี้นะครับ.. และอีกอย่างในตอนนี้ ทางโรงพยาบาลของเรายังไม่มีคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้อย่างเพียงพอ แต่จะติดต่อทางคุณหมอที่มีความสามารถทางด้านนี้โดยตรง ซึ่งเค้าจะมาเป็นอาจารย์แพทย์ให้กับทางโรงพยาบาลของเรา แต่คงจะมาในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ " คุณหมอพยายามอธิบายให้เธอฟัง
" แล้วฉันจะสามารถทำงานได้ไหมคะ " เธอยังคงห่วงงานของเธออยู่
" ถ้าได้รับการฝังแร่แล้วจะไม่สามารถทำอะไรได้ครับ เพราะต้องมานอนที่โรงพยาบาล เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนครับ และช่วงนี้เป็นต้นไปนะครับงดมีเพศสัมพันธ์กับสามีเลยนะครับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆ และเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการทำให้มดลูกเกิดการอักเสบและติดเชื้ออย่างรุนแรงด้วยครับ "
" แสดงว่าฉันอาจอยู่ได้ไม่ถึง 3 เดือนยังงั้นรึคะ " สุพัทราดูจิตตกและไขว้เขว
" เอ่อ.. อันนี้หมอยังบอกไม่ได้นะครับ เราต้องรักษาคุณก่อน แต่คุณควรตัดสินใจก่อน ภายในระยะ 3 เดือนนี้ เพื่อตัวของคุณเองครับ "
" และถ้าดิฉันตัดสินใจรักษาในวันนี้ล่ะคะ "
" ในตอนนี้ เราคงต้องนัดวันตรวจ และรักษาตามอาการไปก่อนนะครับ เพราะทางอาจารย์แพทย์ที่เชี่ยวชาญทางการรักษาในโรคชนิดนี้ ยังคงมาในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่จะถึงนี้ และทางโรงพยาบาลจะติดต่อไปอีกทีนะครับ "
ในตอนนี้.. สุพัทราเธอจะทำอะไรได้อีก.. ขนาดชีวิตของเธอ ตัวของเธอยังกำหนดเองไม่ได้ ตัวเธอเองยังต้องรอ.. และตัวเธอเริ่มคิดว่า.. เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ.. อีกให้ได้!! เพื่อลูกของเธอ..
ตั้งแต่วันนั้น.. อะไรที่ใครต่อใครว่าดี ยาแบบไหนที่เขาว่าดีเยี่ยม เธอก็ได้สรรหามากิน แม้กระทั่งหมอเทวดาที่คนเค้าลือกันว่ารักษาคนนั้นหายคนนี้ก็หาย เธอก็ยังดั้นด้นไป ( แม้มันจะไม่ได้ช่วยทำให้เธอหายได้จริงๆ ) ยาสมุนไพร ยาหม้อ ยาต้มสารพัดอย่างเธอก็หาเอามากินเพื่อรักษาตัวของเธอเอง และตัวของสุพัทราเองก็เริ่มปลง.. และเริ่มคิดเรื่องเวรและเรื่องกรรมมากขึ้น
จึงทำให้เธออภัยให้กับอานนท์ และมองเรไรแบบนึกเปรียบเทียบว่า ถ้าตัวของเธอเป็นเรไรล่ะ ? จึงทำให้เธออยากช่วยเรไรขึ้นมา เผื่อเวรกรรมที่เธออาจจะเคยทำมาในชาติก่อนๆนั้นอาจจะหายและหมดไปได้ หรือถ้าไม่หมดแต่กรรมดีอาจจะช่วยเธอให้ไม่ต้องตาย และสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อดูแลลูกสาวของเธอต่อไปได้ เธอเฝ้าอธิษฐานความปราถนาของเธอในทุกๆวัน ทั้งสวดมนต์และทำบุญกุศลเพื่อสร้างความดีให้อยู่กับตน อย่างนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่ที่เธอนั้นรับรู้เรื่องของโรคภัยที่คุกคามเธอมา..
..ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้โปรดรับความปราถนาของเธอด้วยเถิด..