ตอนที่ 1231 มาและไป
จ้าวเฉียงจ้องฉากนี้อย่างเหม่อลอย
ผู้ชายถือดาบพุ่งเข้าส่วนลึกท้องนภาก่อนหายไป
มีซากปรักหักพังอยู่ทุกหนแห่งบนปฐพี ทำให้สามารถมองเห็นถิ่นทุรกันดารได้
แต่ในมุมมองของจ้าวเฉียง บาดแผลเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เพราะผู้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ทว่า มีปัญหาเล็กๆ อยู่
ถึงแม้หอคอยที่ถูกสร้างโดยคนเหล่านี้จะพังทลายไปแล้ว แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงเบียดเสียดอยู่ด้วยกันจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้สักพัก
เพราะมีผู้คนมากเกินไป
เสียงโห่ร้อง เสียงเรียกและเสียงตะโกนพลันดังขึ้น
“เหล่าหลี่! เหล่าหลี่! เจ้าอยู่ไหน”
“พี่จาง ข้าอยู่ใต้ก้นเจ้า”
“เหล่าหวัง อย่ามาจงใจเบียดข้าสิ ไปดูแลครอบครัวของเจ้า”
“อะไรเนี่ย!”
“จ้าวบ้านโปรดวางใจ ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำที่สุดได้ทำการตรวจสอบแล้ว รอบข้างไม่มีภัยคุกคามใดๆ ”
“อืม ถ้าข้าสามารถเอาเท้าของเจ้าออกจากรูจมูกได้คงจะรู้สึกปลอดภัยกว่านี้”
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ!”
“ใครตดเนี่ย ช่างไร้ศีลธรรมชะมัด!”
ผู้คนส่งเสียงอึกทึก เผยให้เห็นความมีชีวิตชีวาต่างๆ ในซากปรักหักพัง
โชคยังดี เผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านี้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำลึกมาเป็นเวลานาน ถึงแม้พวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ได้แข็งแกร่งแต่ก็ยังมีพละกำลังอยู่บ้าง อีกทั้งหอคอยกำลังพังทลายอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่อย่างนั้น ผู้คนจะเบียดเสียดกันอยู่ข้างล่างจนอาจถึงแก่ความตายได้
จ้าวเฉียงตกตะลึงขณะดูฉากดังกล่าวไม่ขยับไปไหน
นางครุ่นคิดอย่างหนักถึงผู้ที่อยู่ในสุสานใต้ดินที่สามารถชุบชีวิตคนตายและทั้งเมืองได้
เพราะจนถึงตอนนี้ นางยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นกับตาตัวเอง
นี่เป็นสิ่งที่เทพเท่านั้นที่สามารถทำได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
ปัง!
ปัง!
เสียงหมองหม่นสองเสียงพลันปรากฏขึ้นจากกระดูกที่อยู่ใต้เท้าของจ้าวเฉียง
เพียงพริบตา นางเห็นผู้ชายดูงามสง่ามีดาบยาวสิบเล่มอยู่บนแผ่นหลังกับผู้หญิงร่างผอมถือพัดภาพวาดพลันปรากฏขึ้น
“จ้าวเฉียง มันคือวันสิ้นโลกที่ไม่รู้จักหรือ”
ผู้ชายถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกขณะหยิบดาบยาวออกมาจากด้านหลัง
“พี่ใหญ่ เจ้าไปก่อนเลย ข้าขอเตรียมตัวก่อน” ผู้หญิงถือพัดภาพวาดกล่าวจบก่อนเริ่มพึมพำบางอย่าง
พวกเขาสองคนล้วนลอยขึ้นเหนืออากาศ
จากนั้น
พวกเขาแข็งทื่อ
ผู้ชายมองหอคอยเนื้อมนุษย์ค่อยๆ แยกออกก่อนพึมพำว่า “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
จ้าวเฉียงสงบลงเมื่อเห็นพี่ใหญ่ทั้งสอง นางรีบคำนับก่อนรายงานว่า “ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์ ท่านหญิงดึงกระดูก เมื่อครู่มีใครบางคนช่วยข้าเอาไว้ เขาฟื้นคืนชีพทุกคนกลับคืนมา”
ฟื้นคืนชีพหรือ
ทั้งสองอดที่จะมองจ้าวเฉียงไม่ได้
จ้าวเฉียงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟัง
“เขาบอกว่าชื่อกู่ฉิงซานหรือ” ท่านหญิงดึงกระดูกถาม
“ข้ารู้จักคนคนนี้ แต่ไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มยังไม่ได้คิดมาก่อน” ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์พึมพำ
“เขาบอกว่าเป็นคนที่มาจากกลุ่มยังไม่ได้คิดจริงๆ ” จ้าวเฉียงพยักหน้า
ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “ว่ากันว่าชายคนนี้เป็นเจ้าของดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ เขาคือบุคคลสูงสุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น คิดไม่ถึง หลังจากกลับมายุคอดีตได้ไม่นานก็จะมาหาพวกเรา”
“แสดงว่าคนพวกนี้ล้วนมีชีวิตได้เพราะพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์สินะ” ท่านหญิงดึงกระดูกถาม
“ใช่แล้ว” ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์ตอบ
ดวงตาของท่านหญิงดึงกระดูกทอประกายก่อนกล่าวว่า “พวกเราควรทำยังไงดี ดาบสองเล่มนั้นดีมากเลยนะ”
“พี่ใหญ่ อย่าเพิ่งคิดเลย”
ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์มองพี่สาวก่อนกล่าวต่อว่า “ในยุคโบราณ เทพแห่งความโกลาหล มังกรมารโบราณและยักษ์อมตะล้วนต่อสู้กันเพื่อดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ แต่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ผู้ใช้ดาบคนนี้ที่มีชื่อว่ากู่ฉิงซาน หากเจ้าไปเอาดาบสองเล่มนั้นมาด้วยความคิดที่ว่าสามารถจัดการสามตัวตนนี้พร้อมกันได้ เจ้าก็สามารถลองดูได้ แต่ข้าแนะนำว่าให้ใช้วิธีเย้ายวนจะดีกว่า เพราะแบบนี้อาจจะทำให้เจ้ารอดก็ได้”
ท่านหญิงดึงกระดูกตกตะลึงก่อนแย้งว่า “แต่พละกำลังของข้ามาจาก”
ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์ขัดนางก่อนกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าพลังของเจ้ามาจากตัวตนเหลือเชื่อในสุสานนั่น ที่จริง พวกเราทั้งหมดก็ล้วนเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าต้องรู้เอาไว้”
เขาชี้ไปที่หอคอยที่กำลังพังทลาย
“ตอนเขาไม่มีดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพยังสามารถจัดการสามตัวตนอมตะในยุคโบราณได้ ตอนนี้เขามีดาบสองเล่มนั้นที่เป็นทหารกำราบมารจากก้นบึ้งหุบเหวลึก เป็นผู้ปกป้องการสูญพันธุ์และเป็นดาบแห่งชะตากรรม แถมมันยังเป็นสุดยอดสิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่เตรียมการบางสิ่งไว้ในหุบเหวนิรันดร์โดยเฉพาะ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถรับมือได้”
“ยิ่งกว่านั้น ตัวตนของเขายังลึกลับอีก พวกเราไม่รู้ตัวตนของเขาแม้แต่นิดเดียว แต่วันนี้ ในที่สุดพวกเราก็ได้รู้แล้วว่าเขามาจากกลุ่มที่มีชื่อว่า ‘ยังไม่ได้คิด’ ”
ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์ตบบ่าท่านหญิงดึงกระดูกแล้วกล่าวว่า “ดังนั้นเจ้าควรไปเย้ายวนเผื่อข้าจะได้มีพี่เขยที่ทรงพลังด้วย ในกรณีที่วันสิ้นโลกทะลวงสุสานได้ในสักวัน อย่างน้อยเจ้ากับข้าก็ยังมีที่ให้ไป”
ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์กล่าวกับจ้าวเฉียงอีกครั้งว่า “เด็กที่เจ้าพบสามารถดึงดูดวันสิ้นโลกนี้ที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนได้ มันน่าจะเป็นพรสวรรค์พิเศษบางอย่าง พาเขากลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำเอาไว้ อย่าให้เขาปล่อยความสามารถออกมาระหว่างทาง ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาได้หากไปดึงดูดอะไรเข้ามา”
หลังจากพูดจบ ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์หันหลังแล้วหายไปจากที่ที่เคยอยู่
เขาไปแล้ว
ท่านหญิงดึงกระดูกยืนอยู่กับที่ไม่ได้พูดอะไรอยู่เนิ่นนาน
ข้างนาง จ้าวเฉียงพยักหน้าขณะคิดถึงหลี่ซานเงียบๆ
ส่วนคำพูดที่ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์กล่าวเมื่อครู่
จ้าวเฉียงก้มมองนิ้วเท้าด้วยความประหลาดใจราวกับไม่ได้ยินที่พูดเมื่อครู่
“เหอะ! ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ท่านหญิงคนนี้ขอไปเล่นที่อื่นก่อนแล้วกัน”
ท่านหญิงดึงกระดูกกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดก่อนหายไปจากที่ที่เคยอยู่
จ้าวเฉียงถอนหายใจ
พี่ใหญ่เหล่านี้แข็งแกร่งมาก แต่บางครั้งพวกเขาก็ให้ความรู้สึกว่าพึ่งพาไม่ได้…
ไม่ว่าจะยังไง ในที่สุดเรื่องราวก็ได้รับการคลี่คลายแล้ว
แมวสีส้มที่กำลังหมอบอยู่ข้างนางและไม่มีใครมองเห็นได้ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนดัง แต่เรื่องพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพเนี่ย…
มันมองไปในความว่างเปล่าตรงหน้าจนเห็นแถวหิ่งห้อยขนาดเล็ก
“ท่านใช้ ‘กระแสปั่นป่วน’ ของดาบศักดิ์สิทธิ์”
“เพราะ ‘กระแสปั่นป่วน’ นี้กระทบกับเป้าหมายในครั้งนี้มากเกินไป พลังวิญญาณที่ท่านใช้ไปจึงเท่ากับสิบล้านแต้ม”
…นี่คือความกลัวจากการใช้ไม่เลือกหน้าจริงๆ
แมวสีส้มก้มศีรษะขณะดูสิ้นหวังเล็กน้อย
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ครั้งนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากค่อยๆ เข้าใจโลกแล้ว เขาอาจจะสามารถร่วมมือกับอีกฝ่ายเพื่อต่อสู้กับวันสิ้นโลกได้
แมวสีส้มครุ่นคิดเงียบๆ
มันกลับไปที่ห้องลับก่อน
จ้าวเฉียงเดินกลับมาช้าๆ ขณะครุ่นคิดสิ่งต่างๆ
เมื่อนางกลับมาที่ห้องลับของสำนักเฟยอวี่ หลี่ซานก็นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้ว
“หลี่ซาน” จ้าวเฉียงตะโกน
หลี่ซานได้สติก่อนยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “พี่จ้าว เป็นยังไงบ้าง”
“เรื่องราวคลี่คลายแล้ว แต่ทั้งเมืองถูกแมลงทำลาย เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้” จ้าวเฉียงตอบ
หลี่ซานผงะ จากนั้นถามด้วยความหวาดกลัวว่า “แมลงตัวเดียวทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ”
“ใช่” จ้าวเฉียงตอบอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้นความสามารถที่เจ้าได้รับมา พวกข้ายังไม่พร้อมที่จะทำการทดสอบในตอนนี้ ต้องรอให้เจ้ากลับสำนักซานไห่กับข้าก่อน ด้วยการปกป้องของยอดฝีมือ พวกเราสามารถทำการสำรวจได้ช้าๆ”
หลี่ซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว พี่จ้าว พวกเราจะไปกันเมื่อไหร่หรือ”
จ้าวเฉียงกล่าวว่า “พูดถึงเรื่องไป พวกเราต้องรอก่อนน่ะ”
“รออะไรหรือ” หลี่ซานถาม
“อย่างน้อยจนกว่าสำนักเฟยอวี่ของเจ้าจะสงบลงแล้วเริ่มสร้างบ้านเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ข้าถึงจะสามารถขอแลกเปลี่ยนทรัพยากรเพื่อให้เจ้ามาอยู่สำนักซานไห่ของพวกข้าได้” จ้าวเฉียงตอบ
นางหยิบจี้กระดูกออกมาแขวนไว้รอบคอของกู่ฉิงซาน
“สิ่งนี้สามารถปกป้องเจ้าได้ รอสักครู่ ข้าจะไปดูว่าจ้าวบ้านของเจ้ากลับมาหรือยัง”
หลังจากจ้าวเฉียงพูดจบ นางยื่นมือมาแตะศีรษะของหลี่ซาน
กู่ฉิงซานผู้น่าสงสารปลอมเป็นชายหนุ่มนามว่าหลี่ซาน ตอนนี้ ร่างกายของเขายังไม่ขยาย ส่วนสูงก็ยังไม่เท่าหัวไหล่ของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงให้อีกฝ่ายแตะศีรษะเท่านั้น
จ้าวเฉียงยิ้มให้กู่ฉิงซานก่อนหันหลังแล้วจากไป
กู่ฉิงซานนั่งลงช้าๆ
เขาสัมผัสจี้กระดูก
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“กระดูกเรียกโลหิต”
“กระดูกนี้ถูกสร้างโดยผู้ใช้กระดูก มันคือหลักฐานอย่างหนึ่ง ทำให้ผู้สวมใส่ได้รับการปกป้องจากตัวตนลึกลับบางอย่าง ทำให้หลบเลี่ยงการโจมตีในช่วงวิกฤติได้”
“เจ้าของ: จ้าวเฉียง”
มันถึงกับมี “เจ้าของ” นั่นหมายความว่า หากผู้ใช้กระดูกมอบให้คนอื่นก็สามารถเอากลับคืนไปได้ทุกเมื่อ
กู่ฉิงซานคลายจี้กระดูกอย่างไม่ใส่ใจ
เขาจำเป็นต้องได้รับการปกป้องด้วยหรือ
แน่นอนว่าไม่
สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือรออยู่ที่นี่
หลังจากเจรจาเกี่ยวกับธุระตัวเองเสร็จสิ้นก็ต้องติดตามจ้าวเฉียงไปสำนักซานไห่เพื่อดูความกว้างใหญ่ของโลกและสำรวจความลับ
อย่างไรเสีย ถ้ำหมื่นอสูรไม่ได้ด้อยไปกว่าโลกวิญญาณชั่วร้าย เขาเพียงหวังว่าการสำรวจจะสามารถช่วยให้รอดจากอนาคตอันน่าเวทนานั้นได้
ในด้านของเวลา ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น เขาเพิ่งกลับมาจากยุคโบราณ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่กับหลินเพื่อตามหาสถานที่รักษานาง
เขาน่าจะยังไม่ได้พบกับเหล่าต้า
ถ้างั้น เวลาก็เหลือเฟือ
แค่ต้องรอ
กู่ฉิงซานหลับตาลง เลือกวิชาต่อยมวยที่โดดเด่นจากความรู้ที่โลกต่างๆ ในอดีตเคยมอบให้เขาก่อนเริ่มทำความเข้าใจ
ถึงแม้จะไม่สามารถสำรวจตัวตนของหัวมนุษย์ร่างงูกับสิ่งที่มันสอนได้ แต่เขาก็กลายเป็นนักมวยพลังจิตแล้ว
ตอนนี้ ต่อให้เขามีวิชายุทธ์ที่หลินเป็นคนสอนก็ยังต้องเรียนรู้วิชาต่อยมวยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรงกับความจริงอยู่ดี
อย่างน้อยก็ต้องทำให้เนียนหน่อย
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นอย่างแน่วแน่
ไม่ใช่!
เขาไม่อยากสร้างความกังวลให้กับท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์และจ้าวเฉียงด้วยการดึงแมลงหน้ามนุษย์สีดำมา!
เดินไปเดินมา ทำไมถึงต้องเดินไปเดินมาด้วยล่ะ
กู่ฉิงซานกรีดร้องด้วยความละอายก่อนปล่อยจิตเทพเพื่อสำรวจรอบข้าง
ไม่มีใครในห้องลับ
ไม่มีใครอยู่ข้างนอก
ตอนนี้ ช่วงเวลานี้ เขาสามารถเริ่มสำรวจความสามารถที่ตัวตนนั้นส่งมอบให้เขาได้แล้ว
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นเพื่อกำหมัด
เพียงพริบตา เขาเห็นอักขระธรรมชาติลึกลับค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหมัด
…………………………………..