ตอนที่ 1178 เดิมพัน!
เมื่อกู่ฉิงซานกล่าวประโยคจบ ทั่วโลกเงียบสงัด
หมอกสีเทาที่ลอยไปมาพลันต้านทานไม่ได้
เขาเพียงรู้สึกว่ามือคลายออก
บัญญัติราชามารหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ยุคแห่งความโกลาหลถูกกำหนดมาเพื่อการนี้ มันรับสิ่งที่เขาจ่ายไปแล้ว
หลังจากนั้น
กู่ฉิงซานเห็นแถวหิ่งห้อยวูบไหวอย่างรวดเร็ว
“หมายเหตุ”
“ท่านมอบบัญญัติให้”
“เพราะการกระทำของท่าน จึงได้รับการยินยอมจากความโกลาหล”
“ท่านกลายเป็นความโกลาหลอีกครั้ง”
หลังจากนั้น ข้างแถวหิ่งห้อย แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กอีกแถวปรากฏขึ้น
เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความโกลาหลถูกโหลดเข้ามา!
แถวตัวอักษรขนาดเล็กสองแถวปรากฏขึ้นพร้อมกัน
“จากเหตุการณ์มากมายที่ท่านทำ ความโกลาหลได้ทำการประเมินเบื้องต้น”
“ท่านอยู่ในค่ายโกลาหล ได้รับฉายาต่อไปนี้”
“มังกร ผู้พิทักษ์ความลับ ผู้ปกครองโลกคู่ขนาน ผู้ครอบครองหกอาวุธ ผู้หยอกล้อบัญญัติ ผู้ได้รับพรจากความโกลาหล ผู้นำโลกวิเศษ ภูตผีวิญญาณ”
“ท่านทำหลายสิ่งมากเกินไป ส่งผลต่อการเกิดและดับของโลกนับไม่ถ้วน บัญญัติที่ท่านมอบให้ทำให้ความโกลาหลทรงพลังมากขึ้น”
“เพราะท่านมอบพลังวิญญาณหลายร้อยล้านแต้มให้ ความโหดเหี้ยมของท่านจึงทำให้ความโกลาหลโปรดปรานเป็นพิเศษ”
“ดังนั้น ยุคแห่งความโกลาหลจึงมอบคุณสมบัติให้ท่าน ท่านจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการทำลายล้างโลก”
“ท่านได้รับฉายาของโลก”
“ผู้ควบคุมมังกรโกลาหล”
“ท่านได้รับไม้เท้าราชามังกรโกลาหล”
“ท่านสามารถอัญเชิญมังกรโกลาหลมาสู้เคียงข้างได้โดยใช้ฉายากับไม้เท้านี้”
“หมายเหตุ นี่คือพลังโกลาหลแก่กล้า”
“ตอนนี้ท่านสามารถเริ่มการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพได้”
“ถ้าท่านอยากต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้องเพื่อความโกลาหล ท่านต้องเดิมพันฉายา ‘ผู้ควบคุมมังกรโกลาหล’ ”
“เมื่อท่านเดิมพันด้วยฉายานี้ วิญญาณกรีดร้องจะต้องเดิมพันด้วยฉายาเช่นกัน จากนั้นท่านจะเข้าสู่การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพอย่างเป็นทางการ!”
กู่ฉิงซานซานมองกำแพงหมอกที่เชื่อมต่อท้องนภาก่อนกล่าวเสียงดังว่า “ข้าขอเดิมพันด้วยฉายาตัวเองเพื่อท้าทายวิญญาณกรีดร้อง!”
เสียงจางหาย
กำแพงหมอกสีเทาสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงเสียดแทงหู
สัตว์ประหลาดโกลาหลที่เพิ่งก้าวออกมาจากหมอกราวกับสายธารเพื่อเตรียมจะพุ่งเข้าหาแอนนาล้วนเชื่องช้าลง
พวกมันหยุดก่อนหันกลับมาที่หมอกสีเทา
ตอนนี้ บนสมรภูมิ ทุกคนห้อมล้อมแอนนาเอาไว้เพื่อคุ้มกันนางขณะต่อสู้กับความโกลาหลและสัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดและความโกลาหลเหล่านั้นค่อยๆ หยุดนิ่งขณะคุ้มกันพวกตัวเองก่อนถอยกลับไปในหมอกสีเทา
สัตว์ประหลาดทั้งหมดกระซิบขณะเดินเข้าหมอกสีเทาช้าๆ
ทุกคนไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าควรไล่ตามไปหรือเปล่า
“อย่าลดการป้องกัน ทุกคน อย่าโจมตี!” เหล่าต้ากล่าว
ตอนนี้ เขาเปลี่ยนมาสวมชุดเกราะสีทองแล้ว ร่างกายดูโอ่อ่าเล็กน้อย มีดยาวที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นไม้เท้าเหล็กยาวที่ดูน่าสะพรึงยิ่งและมีเปลวเพลิงสีแดงเข้มแผ่ออกมาจากด้านบน
ยศทหารประดับอยู่บนชุดเกราะ
หลังจากต่อสู้ไปสั้นๆ เขาถูกเลือกขั้นจากทหารเล็กจ้อยจนกลายเป็นระดับกองทัพแล้ว
ผู้คนมองเขา
ทุกคนโหลดกองทัพมนุษย์เช่นกัน พวกเขาย่อมเข้าใจว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเลื่อนขั้นในเวลาอันสั้น
แทบไม่มีใครทำนอกเหนือจากที่สั่ง
แบร์รี่เดินเข้ามาก่อนกระซิบว่า “เกิดอะไรขึ้น”
เหล่าต้าตอบว่า “การต่อสู้ของความโกลาหลจะเริ่มขึ้นแล้ว ครั้งนี้ยุคโกลาหลจะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ อย่าไปกระตุ้นมัน”
เสี่ยวเมียวเคลื่อนลงมาหาสองคนก่อนถามว่า “ถ้าไปกระตุ้นความโกลาหล มันจะเป็นยังไงหรือ”
ไม่รู้ว่าเหล่าต้าคิดอะไรอยู่ เขาพลันเอามือวางบนหนังสือแห่งชะตากรรมก่อนกล่าวว่า “ข้าคือเทพ พำนัก!”
วงแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นจากหนังสือแห่งชะตากรรม ก่อเกิดเป็นเขตอาคมปกป้องกึ่งโปร่งแสงก่อนปกคลุมทุกคนเอาไว้
“อย่าออกจากเขตอาคม ห้ามทำการโจมตีใดๆ ให้รออยู่กับที่!” เหล่าต้าตะโกนบอกทุกคน
เสียงของแม่นางเฮยไห่ดังขึ้นในหูของทุกคนเช่นกัน
“โปรดเข้าสู่สภาพตื่นตัวสูงสุด”
“เพื่อชีวิตของทุกคน โปรดอดทนรอ อย่าทำการโจมตี”
ถึงแม้อาจจะมีบางคนที่ไม่รู้จักเหล่าต้า แต่เขาถึงขนาดสร้างเขตอาคมขึ้นมา ประกอบกับคำเตือนของแม่นางเฮยไห่ ท้ายที่สุดจึงไม่มีใครพยายามทำการโจมตี
เหล่าต้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า จากนั้นหันไปกล่าวกับเสี่ยวเมียวว่า
“ยุคโกลาหลจะคงอยู่สักพัก มันสั่งสมพลังมากพอแล้ว ไม่เพียงแค่มันสามารถเริ่มการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพอย่างเป็นทางการได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ดังนั้นครั้งนี้อย่าได้ไปกระตุ้นมัน”
แอนนาเดินเข้ามาก่อนถามว่า “เจ้าหมายความว่าไงที่ว่า ‘ทุกสิ่งทุกอย่าง’ ”
เหล่าต้าหยิบหนังสือแห่งชะตากรรมออกมาแล้วตอบว่า “เจ้าอย่าถามเลยจะดีกว่า หนังสือแห่งชะตากรรมทำได้เพียงเผยให้เห็นเท่านั้น ข้าพูดมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นชะตากรรมจะสาปส่งพวกเรา”
ขณะกล่าว เขาเงยหน้ามองท้องนภา
ผู้คนมองตามสายตาของเขาจนเห็นชายคนหนึ่งบนท้องนภา
กู่ฉิงซาน
เขายืนอยู่ในอากาศ มือถือบัญญัติราชามารเอาไว้ขณะรอเงียบๆ
ทันใดนั้น
ตรงข้ามเขา กำแพงหมอกสีเทาแยกออกทั้งสองฝั่ง
เสียงของวิญญาณกรีดร้องดังขึ้น
“เป็นข้าที่ยึดมั่นใจเจตจำนงของความโกลาหลเพื่อทำลายบัญญัติของโลกเก้าร้อยล้านชั้น”
“เป็นข้าผู้กระจายความโกลาหลไปในโลกนับไม่ถ้วนจนทำให้ผู้คนศรัทธาในความโกลาหล”
มันออกมาช้าๆ น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวสุดบรรยาย
“ข้าคือผู้ส่งสารความโกลาหล คอยช่วยยุคโกลาหลครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทำให้โลกทั้งหมดตกอยู่ในความว่างเปล่า”
วิญญาณกรีดร้องเดินออกมาก่อนถามกู่ฉิงซานว่า “เจ้า กู่ฉิงซาน เจ้าคือข้ารับใช้ของบัญญัติ คือศัตรูของความโกลาหล จะมามีคุณสมบัติในการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพได้ยังไง”
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “เจ้าทำหลายสิ่งก็จริง…แต่เจ้ายังไม่ได้อุทิศบัญญัติให้ความโกลาหล แต่ข้าทำแล้ว”
“ยิ่งกว่านั้น ข้าเดิมพันด้วยฉายา ‘ผู้ควบคุมมังกรโกลาหล’ ด้วย”
กลุ่มหมอกสีเทาปรากฏขึ้นในอากาศ
เหนือหมอกสีเทา ไม้เท้าสีเทารูปทรงมังกรลอยขึ้นอย่างเงียบงัน
ไม้เท้าราชามังกรโกลาหล
“ไม้เท้าราชามังกร…”
วิญญาณกรีดร้องมองไม้เท้าก่อนพลันหัวเราะออกมา
“กู่ฉิงซานหนอกู่ฉิงซาน เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความโกลาหลเลย เจ้าจบสิ้นแล้ว”
มันโยนของสิ่งหนึ่งในมือออกไป
ของสิ่งนั้นลอยขึ้นเหนือหมอกสีเทาช้าๆ ก่อนจะเผยรูปลักษณ์ให้ได้เห็น
มันคือแหวน
ตัวอักษรขนาดเล็กสีเทาปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซานอย่างต่อเนื่อง
“ความโกลาหลของเทพที่แท้จริง”
“สิ่งนี้คือความโกลาหลของเทพที่แท้จริง มันแบกรับความผิดชอบอันหนักอึ้งในการทำลายบัญญัติทั้งหมดเอาไว้ มันยินดีกับช่วงชีวิตนิรันดร์”
“พลังโกลาหลจะถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อมาลงทัณฑ์ท่าน!”
“หมายเหตุ ท่านต้องเป็นเจ้าของแหวนวงนี้ ความโกลาหลจึงจะบอกว่าใช้งานมันยังไง”
วิญญาณกรีดร้องพลันหันหลังเข้าหากำแพงสีเทา “ตามกฎแล้ว ข้าต้องการบริวารอีกสองคนและเต็มใจมอบคุณสมบัติในการเป็นเทพให้เพื่อแลกกับการให้มาช่วยสู้กับข้า!”
“จงมา เปลวเพลิงที่หลับใหลมาอย่างยาวนานจากยุคอันไกลห่าง เทพแห่งชีวิตจากโลกภายใน จงก้าวผ่านมิติและเวลานับไม่ถ้วน จงมา มาสู้เพื่อข้า!”
หมอกสีเทาสั่นสะท้าน
ซากศพเปลวเพลิงที่เต็มไปด้วยโซ่ปรากฏขึ้นข้างวิญญาณกรีดร้อง
จากนั้น เทพแห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
มันมองรอบข้างด้วยความประหลาดใจแล้วกล่าวว่า “ข้ากำลังสู้อยู่ในหุบเหวนิรันดร์ แต่กลับถูกอัญเชิญจนก้าวข้ามมิติและเวลามา…”
วิญญาณกรีดร้องไม่ได้พูดตอบกลับไป แต่กลับระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องนภา
“มีเพียงผู้โหลดความโกลาหลเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมกับความโกลาหลได้!”
มันหัวเราะออกมา
“กู่ฉิงซาน คนของเจ้าทั้งหมดโหลดบัญญัติมา ตอนนี้พวกมันคือศัตรูของยุคโกลาหล ดังนั้นเจ้าไม่สามารถหาผู้ช่วยเหลือได้!”
“ครั้งนี้เจ้าแพ้แน่!”
กู่ฉิงซานพึมพำว่า “ข้ายังสามารถเรียกผู้ช่วยมาได้อยู่…”
เขาก้มศีรษะขณะโบกมือให้ผู้คนที่อยู่ใต้ท้องนภา
“จางหยิงห่าว”
“เย่เฟยหลี”
จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีมองหน้ากัน
เย่เฟยหลีพุ่งขึ้นท้องนภาก่อนมาอยู่ด้านหลังกู่ฉิงซาน
จางหยิงห่าวหยิบโล่หลากสีสันจากมือของแอนนาก่อนเหาะขึ้นไป
กู่ฉิงซานไม่หันหลังกลับมา “ขอโทษด้วย ครั้งนี้มีเพียงพวกเจ้าที่สามารถช่วยได้ จบเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวไปเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่กัน”
เย่เฟยหลีเห็นสัตว์ประหลาดสามตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนสั่นสะท้านออกมา
“เจ้ากลัวหรือ” จางหยิงห่าวถาม
แน่นอนว่าเย่เฟยหลีไม่ได้เป็นอย่างที่ว่า
“เจ้าไม่เข้าใจ” เย่เฟยหลีกล่าวขณะเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น “นี่คือการฆ่าแบบข้ามขั้นเลยนะ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายดีออก”
“สามต่อสามนับว่าน่าสนใจ ข้าล่ะชอบการต่อสู้แบบนี้เหลือเกิน เพราะข้าชนะตลอดยังไงล่ะ!”
จางหยิงห่าวส่ายหน้าขณะครุ่นคิดอีกครั้ง
เขาโยนโล่หลากสีสันให้กู่ฉิงซานก่อนหยิบปืนสไนเปอร์ไรเฟิลเบาออกมาพาดไว้ด้านหลัง จากนั้นพึมพำว่า “อีกอย่าง ข้าไม่เคยล่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองสิบเท่ามาก่อนเลย…”
หมอกสีเทาขยับ มีอีกหลายคนที่อยู่บนท้องนภาเคลื่อนลงมา
ผ่านไปหลายอึดใจ
หมอกสีเทากระจายออก
พวกเขาหายไปจากโลกหอคอย
..............................