ตอนที่ 726 แทรกแซงห้วงกาลเวลา
ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ยี่สิบนาทีได้ผ่านพ้นไปแล้ว
“หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ มันก็ไม่สมควรจะยาวนานถึงขนาดนี้ คิดว่ากู่ฉิงซานจะต้องสามารถหาวิธีอยู่ร่วมกันกับความชั่วร้ายนั่นได้แล้วแน่ๆ” ซูเซี่ยเอ๋อสรุป
แอนนาหันหลัง เดินออกไป ปากงึมงำด้วยความขุ่นเคือง “ไอ้เทพวิญญาณบ้านั่น มันเกือบจะฆ่าฉิงซานของฉัน ฉันจะถอนตัวออกจากคริสตจักรแห่งความตาย แล้วรีบไปพบเขาทันที”
“ใจเย็นก่อน”
ซูเซี่ยเอ๋อรั้งเธอไว้
“อย่าห้ามฉัน!” แอนนาตวาด
ซูเซี่ยเอ๋อไม่ได้โกรธอีกฝ่าย แต่เริ่มโน้มน้าวใจอย่างจริงจัง “สถานที่แห่งนั้นถูกผนึกไว้โดยทวยเทพ แล้วเธอจะเข้าไปคนเดียวได้ยังไง? เธอจะปลดผนึกด้วยตัวคนเดียวได้หรือ? ไหนจะเรื่องถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นอีก เธอมีแผนรับมือกับมันรึยัง?”
แอนนาชะงักไป แต่ก็ตอบกลับทันที “ฉันไม่สน ฉันจะต้องรีบไปช่วยเขา!”
ซูเซี่ยเอ๋อรั้งแอนนาไม่ยอมปล่อย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เธอไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ทั้งๆ แบบนี้ ในขณะเดียวกันการทำอะไรไม่ยั้งคิดของเธอ มันอาจเป็นการดึงดูดความสนใจจากเทพวิญญาณ และทำให้เขาต้องเดือดร้อน – ความจริงที่แสนเรียบง่ายนี้ เธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือ”
“พูดถึงขนาดนั้น แสดงว่าเธอมีวิธีดีๆ แล้วสิ?” แอนนาถาม
“แน่นอน” ซูเซี่ยเอ๋อตอบ
เธอกระชากแอนนามาใกล้ๆ โน้มศีรษะลงกระซิบ “ในเมื่อฉิงซานยังมีชีวิตอยู่ ด้วยความสามารถของเขา มันย่อมไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ดังนั้นตอนนี้เธอจะต้องเชื่อใจเขา”
แอนนาพยักหน้า
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทุกๆ การตัดสินใจของกู่ฉิงซาน มันควรค่าแก่การเชื่อถือ
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างจริงจัง “ในความเป็นจริง สิ่งที่พวกเราควรทำก็คือ การหาทางกำจัดตัวตนที่ทำตามพระประสงค์ของเทพวิญญาณทั้งเจ็ด”
แอนนาตกตะลึง
“นี่เธอกำลังหมายถึงร่างมนุษย์แสงใช่ไหม?”
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างอ่อนโยน “ใช่ เพราะมันเป็นคนที่ทำร้ายฉิงซาน ถ้าไม่ฆ่ามันฉันคงทนมีชีวิตต่อไปไม่ได้ และถ้าเจ็ดเทพสามารถกลับมามีชีวิตได้จริงๆ ฉันก็จะฆ่าพวกเขาด้วย”
“ทำไมเราไม่ไปช่วยฉิงซาน แต่กลับต้องมาฆ่ามันก่อน?” แอนนาถามด้วยความสับสน
ซูเซี่ยเอ๋ออธิบายอย่างอดทน “เพราะถ้าเราไปช่วยฉิงซานตอนนี้ รู้ไหมว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น? ระหว่างเธอกับฉัน ไหนลองบอกซิว่ามีใครบ้างสามารถปลดผนึกของเทพวิญญาณได้? แล้วต่อให้โชคดีสามารถปลดผนึกได้จริงๆ แต่ถูกมนุษย์แสงจับได้ พวกเราคงตายกันหมด ต่อให้พวกเราหนีจากสถานการณ์นั้นได้ ก็แล้วไง? หลังจากนั้นพวกเราก็คงหัวซุกหัวซุน ถูกคนจากวิหารทั้งเจ็ดไล่ล่าไม่ใช่หรือ? ในกรณีนั้น ชะตากรรมสุดท้ายของพวกเราคงไม่พ้นความตาย!”
ซูเซี่ยเอ๋อจับมือแอนนา กล่าวเฉียบขาด “เธอห้ามถอนตัวจากทางคริสตจักรแห่งความตาย ส่วนฉันเองก็จะไม่ออกจากวิหารแห่งโชคชะตาเหมือนกัน พวกเราจะใช้ประโยชน์จากทางคริสตจักร เพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกันก็คอยตรวจสอบข้อมูลของมนุษย์แสงจากภายในวิหาร เมื่อสามารถค้นหาจุดอ่อนของมนุษย์แสงได้ ถึงเวลานั้นถ้ามันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเราจะกระโจนเข้าสู้ และสังหารมันซะ!
ซูเซี่ยเอ๋อมองแอนนา “ฉันกลัวว่ามันจะเป็นการยากที่จะทำคนเดียว เธอต้องการที่จะร่วมมือกับฉันไหม?”
แอนนารับฟังอย่างเงียบๆ จมลงสู่ห้วงความคิด
ในสายตาของซูเซี่ยเอ๋อ เจ้าตัวเห็นว่าอีกฝ่ายค่อยๆ พยักหน้ารับอย่างช้าๆ
อีกด้านหนึ่ง
จากจุดที่อยู่ห่างจากทั้งสองไปหลายพันเมตร
ยานอวกาศของสองวิหารได้มาถึงแล้ว
ระดับอาวุโสจากสองคริสตจักรกระโดดลงจากยานอย่างรวดเร็ว
“แล้วพวกเธอล่ะ?” บิชอปจากวิหารแห่งความตายถาม
“อยู่อีกฟากหนึ่ง การต่อสู้รุนแรงมาก เหมือนกับว่าพวกเธอจะมีเรื่องผิดใจกัน!” อัศวินที่เฝ้ารออยู่รีบชี้ไปทางจุดเกิดเหตุ
ระดับอาวุโสมองไปตามทิศทางที่เขาชี้
แต่แล้วในวินาทีต่อมา ทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง
เห็นแค่เพียงซูเซี่ยเอ๋อกับแอนนา เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจากระยะไกล สนทนากันอย่างจริงจัง
เกรงว่าบางที พวกเขาอาจจะไม่ทันสังเกตเห็น ว่าหญิงสาวทั้งสองกำลังเดินกุมมือกันอยู่
“ทะเลาะกันซะที่ไหน พวกเธอ… ก็ดูสนิทกันดีนี่นา”
…
ภายในผนึก
ผืนทรายถูกบดบังไปด้วยแสงอันมืดมิด
รัศมีแสงคมกริบ แปรผันเป็นใบมีดจำนวนมาก โอบล้อมรอบกู่ฉิงซานจากทุกทิศทาง มันเกือบที่จะโฉบเข้าหั่นตัวเขาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดหยุดลงก่อนถึงตัวกู่ฉิงซาน มิได้ทิ่มแทงเข้าไป
กู่ฉิงซานเหยียดมือออกไป และดีดเด้ง! ลงบนหนึ่งในใบมีดเหล่านั้นเบาๆ
“ถ้ายังแสดงทัศนคติแบบนี้ พวกเราคงร่วมมือกันออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก”
เขากล่าวเป็นภาษาโบราณ
ในพริบตา ใบมีดแสงทมิฬก็สั่นไหว ทั้งหมดสลายหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า
ความมืดมิดเบื้องหน้าเขาเกิดการกระเพื่อมไหว
ร่างร่างหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากภายในความมืดมิด ตลอดทั้งร่างของเขาสาดประกายแสงสว่างสดใส
กู่ฉิงซานมองรูปลักษณ์ของร่างดังกล่าว สีหน้าของเขาเผยถึงความคาดไม่ถึง
เพราะร่างดังกล่าว… มันเป็นร่างมนุษย์แสง!
มันเหมือนกันกับร่างมนุษย์แสงทุกประการ ไม่มีผิดเพี้ยนเลย
ร่างที่เหมือนกับมนุษย์แสงเปล่งเสียงกระซิบเป็นภาษาโบราณ “เจ้ารู้สึกหรือไม่? กู่ฉิงซาน ความตายกำลังมาเยือนเจ้า”
กู่ฉิงซาน “เป็นอย่างนั้นหรือ?”
“หากเจ้ากล้าที่จะแข็งขืนกับเทพวิญญาณ จุดจบเดียวของเจ้าคือความตาย” มนุษย์แสงกล่าว
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างสงบ “แต่คุณไม่ใช่เทพวิญญาณเสียหน่อย?”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น?” มนุษย์แสงเอ่ยถาม
“เพราะเทพวิญญาณคงไม่พาตัวเองลงมาติดอยู่ในกับดักแบบนี้ อีกอย่าง พวกมันย่อมไม่มีทางกล้ามาเสนอหน้าอยู่ต่อหน้าคุณ” กู่ฉิงซานกล่าว
มนุษย์แสงเงียบงันไปพักหนึ่ง
พริบตานั้นเอง มันคล้ายดั่งเหล็กที่ถูกหลอมละลาย ตลอดทั้งร่างกายจมลงสู่คลื่นแห่งความมืดมิด
จากนั้น อีกร่างหนึ่งก็ยืนขึ้นในแสงสีดำ
เป็นกู่ฉิงซาน
หมายถึงเป็นกู่ฉิงซานอีกคนหนึ่ง
กู่ฉิงซานคนนี้หลับตาลง คล้ายกำลังพยายามรับรู้อะไรบางอย่าง อย่างเงียบๆ
เขาลดเสียงลงและเอ่ยอย่างช้าๆ “ภายใต้ลักษณะการแสดงออกที่สงบและเยือกเย็นเช่นนี้ กลับเปี่ยมไปด้วยโทสะและความโศกเศร้าอย่างไม่น่าเชื่อ”
“คุณสามารถอ่านอารมณ์ของผมได้งั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
อีกกู่ฉิงซานลืมตาขึ้น มองมาที่เขาโดยตรง “เจ้าโกรธ เพราะไม่สามารถหยุดยั้งแผนการของเทพวิญญาณได้ และถูกพรากนางฟ้าตัดสินบาปไป เจ้าเสียใจ เพราะหมายจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต้องการสังหารเทพวิญญาณ”
เขากล่าวด้วยความพึงพอใจ “ดี ดีมาก ข้ายอมรับการตัดสินใจของเจ้า และอีกซีกหนึ่งของความรู้สึกในกายเจ้า”
“อีกซีกหนึ่งของความรู้สึก?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ
“ใช่ ความรู้สึกครึ่งแรก” อีกร่างกล่าว
กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่งและเอ่ยออกมา “ผมได้ยินมาว่ามีแค่เพียงซีน้อยเท่านั้นที่ไม่หวาดกลัวคุณ ดังนั้น คุณย่อมไม่ยอมรับการดำรงอยู่เช่นเธอใช่ไหม?”
“แน่นอน! เป็นเพราะเธอ ข้าเลยต้องจมอยู่กับความสิ้นหวังในที่แห่งนี้!”
กู่ฉิงซานตริตรอง “คุณสามารถรับรู้ความรู้สึกของผมได้ โดยการสัมผัสถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดในหัวใจของผม และสามารถแปลงตนเป็นแบบเดียวกับผมใช่ไหม”
อีกการดำรงอยู่ยิ้มหัวเราะเสียงดังลั่น “ฮะ...ฮ่าๆๆ! หากเป็นอะไรที่เรียบง่ายเช่นนั้น เทพวิญญาณจะเกรงกลัวข้า และผนึกข้าได้อย่างไร!”
“แล้วมันเป็นแบบไหน?” กู่ฉิงซานถาม
อีกการดำรงอยู่ยิ้ม “จะบอกให้ก็ได้ เพราะพลังของข้านั้นไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าใครจะมารู้ความลับ และถึงรู้ไป ก็แก้ไขมันไม่ได้อยู่ดี”
“สิ่งมีชีวิตทั้งมวล ตราบใดที่พวกเขามีความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแรงกล้า ข้าจักสามารถไล่ตามความปรารถนานั่น เข้าไปสิงสู่ร่างกาย ผนึกวิญญาณ และควบคุมร่างเนื้อของมัน”
“แล้วถ้าเป็นในกรณีของเทพวิญญาณล่ะ?”
“เทพวิญญาณก็ไม่มีข้อยกเว้น!”
กู่ฉิงซานเร่งกล่าวอย่างรวดเร็ว “ที่แท้ก็เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ต่างมีความลุ่มหลงและปรารถนานั่นเอง ทว่ากับซีน้อยไม่ใช่ ซีน้อยเกิดมาบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เธอจึงไม่มีความลุ่มหลงและความปรารถนาในจิตใจ ดังนั้นคุณเลยไม่สามารถรับมือกับเธอได้”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ความสามารถที่ว่ามามันทรงพลังมากจริงๆ พูดได้เลยว่า หากดวลกันตัวต่อตัว คุณแทบจะอยู่ยงคงกระพัน แต่หากเป็นการต่อกรกับศัตรูจำนวนมากเกินไป คุณย่อมไม่มีทางที่จะรับมือกับมัน นี่คือสาเหตุที่คุณไม่อาจปกป้องเขาวงกตเอาไว้ได้”
ในที่สุดเขาก็ยืนยัน “จากข้อสรุปนี้ มันก็ยังไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่เทพวิญญาณหวาดเกรงต่อคุณอยู่ดี มันจะต้องมีเหตุผลอื่นอีกแน่นอนที่คุณถูกผนึก”
กู่ฉิงซานจ้องมองเขาสักพัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะจมหายลงไปในกระแสคลื่นแห่งความมืดมิด
คราวนี้ ร่างที่คล้ายกับมนุษย์แสง ทว่าสาดไปด้วยแสงสีดำทมิฬทั้งตัวปรากฏขึ้น
ร่างทมิฬกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“กู่ฉิงซาน ข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายนอกนั่น”
“อีกทั้งข้ายังสัมผัสได้ถึงเจตจำนงที่หมายจักสังหารเทพวิญญาณจากตัวเจ้า ตรงส่วนนี้ข้าเองก็เช่นกัน”
“เกี่ยวกับเรื่องของผนึก สิ่งที่ข้าต้องการจะเห็นคือความจริงใจของเจ้า ว่าจะมีวิธีทีที่สามารถหนีรอดออกไปจริงๆ ใช่หรือไม่ มิฉะนั้นต่อให้พวกเราพูดคุยกันมากกว่านี้ ทั้งหมดก็ล้วนไร้ประโยชน์”
กู้ฉิงซานรับฟังอย่างระมัดระวัง
เขามิเอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ เพียงคว้าจับดาบยาวในอากาศที่ว่างเปล่า
มันเป็นดาบยาวที่เปล่งประกายสดใสดั่งหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง
ในความมืดมิด ร่างแสงทมิฬเพ่งสังเกตดาบยาว อุทานด้วยความประหลาดใจ “นั่นมันดาบแห่งหกวิถี… แถมยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์”
กู่ฉิงซานกุมดาบยาว ทะยานตัวสูงขึ้น และฟันมันลงเบาๆ ในอากาศที่ว่างเปล่า
ประกายแสงสีทองพลันกะพริบไหว
ขีดเขียนร้อยเรียงเป็นตัวอักษรโบราณ
ตราของผนึกทวยเทพซ้อนทับตีกันเป็นวงนับไม่ถ้วน ในเสี้ยววินาที ทั้งหมดก็พลันถูกเปิดใช้งานอย่างกะทันหัน
ตราเหล่านี้ปรากฏขึ้นเพียงชั่วคราว เมื่อพวกมันพบว่าไม่มีการโจมตีใดติดตามต่อมา ทั้งหมดก็ค่อยๆ ผลุบหายกลับเข้าไปดังเดิม
ด้วยการแตะสัมผัสลงเบาๆ ของตัวดาบ กลับสามารถชักนำให้กำแพงอุปสรรคของอำนาจเทวะเปิดใช้งาน เกิดการป้องกันขึ้นได้ ฉากนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันยิ่งใหญ่ของดาบเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ดาบเล่มนี้ เป็นดาบที่สามารถแหกกฎเกณฑ์ทั้งมวลโดยเฉพาะ มิฉะนั้น กำแพงอุปสรรคของทวยเทพก็คงจะไม่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้
“นี่คือความจริงใจของผม” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาละมือออกจากดาบ ปล่อยให้มันลอยนิ่งอยู่ข้างกายตน
ร่างแสงทมิฬเงียบงันไปครู่หนึ่ง
“มันเป็นเวลานานปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ข้าถือกำเนิดก็ถูกผนึกเอาไว้ทันที แต่ในที่สุด ข้าก็จะได้ออกไปจากที่นี่!” เขางึมงำ
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาดี ที่จะออกไปภายนอก” กู่ฉิงซานกล่าว
ทันใดนั้นร่างแสงทมิฬก็ตวัดหน้ามา ตะโกนเสียงแหลม “เพราะเหตุใด!”
กู่ฉิงซานชี้ขึ้นเหนือหัวและกล่าว “ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ เพราะมันยังอยู่ในโลกภายนอก และคอยเฝ้ามองพวกเราอย่างลับๆ อยู่ไง”
ร่างแสงทมิฬหุบปากลงทันที
นั่นสินะ ยังมีเจ้าคนที่เข้ามาแทนที่เทพวิญญาณนั่นอยู่
และมันไม่ใช่ตัวตนธรรมดาๆ เลย
ด้วยสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ มันย่อมสามารถใช้ผนึกสะกดตัวร่างแสงทมิฬได้ตลอดเวลา!
กู่ฉิงซานกล่าวอีกครั้ง “เมื่อมันเห็นว่าพวกเราออกไปข้างนอกได้ มันก็จะฆ่าผมก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อมันทำการปิดผนึกอีกครั้ง คราวนี้คุณก็จะไม่มีโอกาสออกไปข้างนอกอีกเลยตลอดกาล”
ร่างแสงทมิฬเดินวนกลับไปกลับมาด้วยความกระสับกระส่าย
กู่ฉิงซานเฝ้ามองมันพักหนึ่งจึงเอ่ยปาก “คุณต้องช่วยผม ผมไม่สามารถถูกมันฆ่าได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็เป็นอันจบ”
ร่างแสงทมิฬหยุดฝีเท้าอย่างแรง “ข้าจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร?”
“อันดับแรกช่วยแก้ข้อสงสัยสองเรื่อง” กู่ฉิงซานกล่าว “เรื่องแรก มนุษย์แสงไม่ใช่เจ็ดเทพปีศาจ หรืออะไรอย่างตัวแทนแห่งเจตจำนงของเทพวิญญาณใช่ไหม?”
ร่างแสงทมิฬถามกลับ “เจ้าคิดว่าทวยเทพคือสิ่งใด?”
“คือการดำรงอยู่แบบหนึ่ง ซึ่งครอบครองพลังอำนาจอันแข็งกร้าว ในระดับที่สูงล้ำจนมนุษย์ไม่อาจทำความเข้าใจ” กู่ฉิงซานตอบ
ร่างเงาทมิฬ “เกือบถูกต้อง แต่ตามความคิดของข้า มันคือการดำรงอยู่ที่ทรงอำนาจซึ่งสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตและโลกได้ นั่นแหละคือเทพวิญญาณ”
“ถ้างั้น ตัวตนของมนุษย์แสงแท้จริงแล้วคืออะไร?”
“มันคือการดำรงอยู่เช่นเดียวกับทวยเทพ แต่มันมิได้สร้างชีวิตและโลก ทว่าครอบครองอำนาจมากยิ่งกว่า อันตรายยิ่งกว่าทวยเทพ”
“งั้นทำไมมันถึงเลือกผนึกคุณ? หมายความว่ามันควรจะหวาดกลัวคุณใช่ไหม?”
“แต่ตอนนี้มันได้ครอบครองสามสิ่งประดิษฐ์เทวะแล้ว! ข้าไม่มีทางที่จะต่อกรกับสามสิ่งนั้นได้!”
กู่ฉิงซานกล่าว “ดีล่ะ ตอนนี้พวกเราก็เข้าใจแล้วว่าใครคือศัตรู คำถามต่อไปเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด”
เขายังคงถามต่อ “ในตอนที่ผมเข้ามาในวงกต มันได้มอบเหรียญแก่ผม ซึ่งสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยพลังของมันคือ การเดินทางข้ามผ่านห้วงเวลา ย้อนกลับไปเมื่อห้านาทีก่อนได้”
ร่างแสงทมิฬส่งเสียงฮึฮะหยามหยั่น
แต่กู่ฉิงซานยังคงถามต่อ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน “ทำไมมันถึงได้มอบเจ้าสิ่งนี้ให้กับผมเพื่อใช้ต่อกรกับคุณล่ะ? ทำไมมันไม่มอบอาวุธ ชุดเกราะ ม้วนคัมภีร์ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถใช้โจมตีกับป้องกันได้ ทำไมต้องเป็นเหรียญด้วย?”
กู่ฉิงซานเอ่ยเสริม “หากช่องว่างความแข็งแกร่งมันกว้างเกินไป แม้ว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปยังห้านาทีก่อนหน้า แต่คุณก็ยังคงสามารถเอาชนะผมได้อยู่ดี งั้นทำไมพวกมันถึงได้มอบเหรียญนี้ให้กัน?”
“เจ้าต้องการจะรู้จริงๆ หรือ?” ร่างแสงทมิฬถาม
“มันต้องรู้แน่ๆ ว่าเหรียญนั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับคุณ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มอบสิ่งที่มีค่าขนาดนั้นมา”
“มีค่างั้นหรือ…” ร่างแสงทมิฬเหน็บแนม
“ใช่ แถมในตอนท้าย มันก็ยังเลือกที่จะยึดเหรียญกลับไป ชัดเจนว่านั่นเหรียญนั่นจะต้องมีค่ามากแน่ๆ” กู่ฉิงซานกล่าว
ร่างแสงทมิฬเงียบงันไปเป็นเวลานาน
“เป็นเพราะ… มันคิดว่าเหรียญนั่นสามารถหยุดข้าจากการทำสิ่งหนึ่งได้”
“หยุดไม่ให้ทำสิ่งใด?” กู่ฉิงซานถาม
“เป็น ‘การแทรกแซงห้วงกาลเวลา’ ข้าสามารถเปิดใช้งานสกิลนี้ได้ครั้งเดียวในชีวิต ในความเป็นจริง เหตุที่เทพวิญญาณหวาดเกรงข้าก็เพราะว่าเรื่องนี้” ร่างแสงทมิฬกล่าว
“แทรกแซงห้วงกาลเวลา?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ ไม่เข้าใจ
“มีคำพยากรณ์เกิดขึ้น ว่าสกิลของข้าที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น สามารถคุกคามการดำรงอยู่ของพวกเขาได้”
ร่างแสงทมิฬจ้องกู่ฉิงซาน น้ำเสียงของมันกลายเป็นตึงเครียดและหดหู่ “คราวนี้ ถึงทีข้าถามเจ้าบ้างแล้ว”
“ไม่มีปัญหา” กู่ฉิงซานรับคำ
“หากเจ้าได้รับโอกาสให้ย้อนกลับไปในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา เจ้าจะสามารถหาวิธีการปลดปล่อยตนเอง ให้รอดพ้นจากผนึกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?” ร่างแสงทมิฬถาม
กู่ฉิงซานแข็งค้าง
ทันใดนั้นเขาก็พลันตระหนักถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดมนุษย์แสงจึงมอบเหรียญให้ตัวเขา!
“การ…แทรกแซงห้วงกาลเวลา...มันมีข้อจำกัดอะไรไหม?” กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกประหม่าบ้างแล้ว
ในขณะนี้ ร่างกายเขาสั่นไหวไม่หยุดเลย
เพราะนี่คือห้วงอารมณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน!
“แน่นอน เจ้าจะต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับห้วงกาลเวลา เจ้าจึงจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ร่างแสงทมิฬเอ่ย
“หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ผมจะทำสิ่งเดิมซ้ำไม่ได้ แต่ผมสามารถทำอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองได้ ถูกต้องไหม?”
“ใช่ แอบกลับไปอย่างลับๆ แล้วก็แอบกลับมา อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วห้ามทำซ้ำเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น มิติเวลาจะลบเจ้าที่เป็นสิ่งแปลกปลอมออกไปทันที เพื่อสยบความวุ่นวายของเส้นแบ่งเวลา”
“ก็ถ้าคุณมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ แล้วทำไมไม่ใช้มันกับตัวเอง?” กู่ฉิงซานถาม
“นั่นเพราะว่าข้าถูกผนึกมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะย้อนกลับไปช่วงเวลาใดก็ล้วนไร้ความหมาย แท้จริงแล้วสิ่งที่เทพวิญญาณหวาดเกรงมากที่สุด นั่นคือการที่ข้าจะช่วยให้ศัตรูของพวกมันย้อนเวลากลับไป… ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ” ร่างแสงทมิฬกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
กู่ฉิงซานก้มหน้าลง คิดตริตรองอยู่พักหนึ่ง
“ผมตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะย้อนเวลากลับไปช่วงไหน” เขากล่าวเสียงกระซิบ
“ช่วงเวลาที่ว่า หากเปลี่ยนแปลงมัน จักสามารถช่วยปลดปล่อยเจ้าให้ออกจากผนึกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?”
“แน่นอน รวมไปถึงคุณด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
ร่างแสงทมิฬจ้องมองเขา เอ่ยอย่างสงบ “จดจำเอาไว้ให้ดี หากเจ้าโกหก ข้าจักทรมานเจ้า ทรมานจนถึงที่สุดไปตลอดกาล”
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปและกล่าว “เชื่อผมสิ ผมจะเป็นคนพาคุณออกไปเอง”
ร่างแสงทมิฬลังเล “ข้าเคยรับฟังสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกเอ่ยปากสัญญามานับครั้งไม่ถ้วน แต่เกือบทั้งหมดน้อยครั้งนักที่จะเชื่อถือได้”
กู่ฉิงซานกล่าว “คุณได้เห็นความรู้สึกและความคิดของผมแล้วนี่ งั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการทำมันคืออะไร ดังนั้นคุณมีแต่ต้องเชื่อผม ถ้าอยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอก”
ร่างแสงทมิฬนิ่งคิด สักพักก็ยื่นมือตนไปจับมือกู่ฉิงซาน
“จดจำเอาไว้ ว่าเจ้าจะต้องค้นหาหนทางที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตรอด จนกว่าเจ้าจะกลับมาถึงจุดนี้ได้” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“วิธีของผม มันก็มีแต่อันตรายๆ ทั้งนั้น ถ้าหากผมไม่กลับมา มันแปลว่าผมตายแล้ว ถึงเวลานั้นคงได้แต่พูดขอโทษคุณ”
“เจ้าจะสามารถกลับมาได้อย่างแน่นอน”
“เอ๋?” กู่ฉิงซานสงสัย
ร่างแสงทมิฬ “เพราะในระหว่างแทรกแซงห้วงกาลเวลา เจ้าจะได้รับโอกาสกลับมาทั้งสิ้น ‘แปดร้อยครั้ง’ ในช่วงเวลาที่เจ้าเลือก เจ้าจะต้องหาหนทางให้จงได้!”
แปดร้อยครั้ง…
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน
“อย่าได้สบประมาทผมไป อันที่จริง ผมแค่ต้องการโอกาสเพียงครั้งเดียว นั่นเกินพอแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวหนักแน่น
ร่างแสงทมิฬเฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานเห็นท่าทีอีกฝ่าย เริ่มลังเล และกล่าว “เอ่อ อย่างมากที่สุดก็สองครั้ง!”
ร่างแสงทมิฬเอ่ยต่อ “เมื่อใดก็ตามที่เจ้าพลาดโอกาส และไม่สามารถแก้ไขได้ เจ้าจะถูกฆ่าตายทันที เพื่อที่เจ้าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แล้วข้าจะได้ส่งเจ้าไปในครั้งถัดไป”
“ตกลง”
“แล้วพวกเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ดี?”
“ตอนนี้เลย”
วู้ม...
ท่ามกลางเสียงหวีดแหลมรุนแรง คลื่นแห่งความมืดมิดพลันโถมเข้าปกคลุมกู่ฉิงซาน
เขาค่อยๆ จมลงไปในห้วงแห่งความมืดมิด เฉกเช่นเดียวกันกับในห้วงทะเลลึกอันไร้ที่สิ้นสุด
มีเพียงความมืดมิด ไม่สามารถกะเกณฑ์ห้วงกาลเวลาได้เลย
ในเจ็ดวัน ทุกฉากประสบการณ์ก่อนที่กู่ฉิงซานจะมาอยู่ที่นี่ได้กะพริบผ่านตัวเขาไป
กาลเวลากำลังย้อนถอยหลังกลับไป
กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูฉากเหล่านั้น จนกระทั่งกลับมาถึงจุดเริ่มต้นของเจ็ดวันก่อนหน้า
ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็กระอักเลือด ทั้งคนทั้งร่างสิ้นใจลงอย่างกะทันหัน!
…
‘เฮือก!’ กู่ฉิงซานสะดุ้งเบิกตาโพลง!
เวลานี้ เขาค้นพบว่าตนเองยังคงยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นแห่งความมืดมิด
“เมื่อกี้นี้…” เขากำลังจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าตาย” ร่างแสงทมิฬชิงตอบ
“เพราะอะไร?”
“เพราะเจ้าได้ข้ามเกินไปกว่าขีดจำกัดเจ็ดวัน ตามกฎของห้วงกาลเวลา มันจึงฆ่าเจ้า และตอนนี้เจ้าเหลือโอกาสอีกแค่ เจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าเท่านั้น”
“…ขอโทษจริงๆ มันน่าตื่นตกใจเกินไป ผมยอมรับว่าผมทำผิดพลาดแบบโง่ๆ และผมจะไม่พลาดแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง”
ร่างแสงทมิฬส่ายหัว เอ่ยปากถาม “พร้อมจะต่อรึยัง?”
“จัดไป” กู่ฉิงซานกัดฟันสู้
ซุ่ม!
คลื่นแห่งความมืดมิดโถมทับเขาอีกครั้ง
ท่ามกลางคลื่นแห่งความมืด เขาได้เดินทางย้อนกลับไปในห้วงอดีตอีกครั้ง
ย้อนเวลากลับไป…
ทว่าทันใดนั้นเอง ในความมืดมิด พลันปรากฏปากใหญ่ที่มิแตกต่างไปจากปล่องภูเขาไฟขึ้นอย่างกะทันหัน มันดูดกลืนเขาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยรอบที่ไม่รู้จักเข้าไป
วิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานพลันมืดบอด
แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
กู่ฉิงซานค้นพบว่าตนเองยังคงยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นแห่งความมืดมิด
“เมื่อกี้นี้...” กู่ฉิงซานเอ่ยปาก
“มันคือมอนสเตอร์ในสายหมอกแห่งกาลเวลา และยังคงสามารถมองได้ว่าเป็นหนึ่งในเทพวิญญาณบางองค์ของเจ้าได้เช่นกัน มันพึ่งจะกลืนกินเจ้าเข้าไป” ร่างแสงทมิฬอธิบาย
“เจ้าสิ่งนั้นก็ถูกนับว่าเป็นเทพวิญญาณด้วยงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานยากที่จะเชื่อ
“แม้สิ่งมีชีวิตจะมีสติปัญญา แต่ก็ล้วนมักจะกราบไหว้ในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจเสมอมา”
“เจ้ายังเหลือโอกาสอีกเจ็ดร้อยเก้าสิบแปดครั้ง”
กู่ฉิงซานกัดฟัน “งั้นจัดมาอีกรอบ”
“ตกลง”
ซุ่ม!
คลื่นแห่งความมืดมิดโถมทับตัวเขาอีกครา
ท่ามกลางห้วงอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด เขาได้เดินทางย้อนอดีตกลับไปอีกครั้ง
แต่ละฉากในก่อนหน้านี้ แวบวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของกู่ฉิงซาน
ช่วงเวลาหนึ่ง ในที่สุดกู่ฉิงซานก็ค้นพบช่วงเวลาสำคัญที่เขาจักต้องกลับไป
เขาได้พลังทั้งหมดที่มีของตน โยนตัวกระแทกเข้ากับภาพฉากนั้น
เพล้ง!
ฉากภาพพลันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในความมืดมิด
ค่อยๆ บังเกิดเสียงและแสงสว่างขึ้น!
…
ฟ้าร้องดังกึกก้อง แสงจากสายฟ้าฟาดผ่าลงมาในห้องโถง
กู่ฉิงซานลืมตาของเขา
เจ้าตัวค้นพบว่าตนเองได้ย้อนกลับมายังนิกายร้อยบุปผา
นางเซียนไป่ฮั่วยืนอยู่ตรงข้ามเขา เอ่ยปากอย่างช้าๆ
“ดังนั้น หากเจ้าต้องการซ่อมแซมดาบพิภพ เจ้าก็จะต้องก้าวเข้าสู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ และพยายามเฟ้นหาแฝดของดาบพิภพ”
“ดาบเล่มนั้นถูกเรียกกันว่า ‘ดาบนภา’”
“นภาและพิภพ… สวรรค์และปฐพี มีเพียงสองดาบนี้เท่านั้นที่สามารถตัดสะบั้นเทพบรรพกาลได้”
การแทรกแซงห้วงกาลเวลา… สำเร็จแล้ว!!
............................................