ตอนที่ 401 เถื่อนยิ่งกว่าพวกมัน
มองไปยังรายการคำอธิบายยาวเหยียดเกี่ยวกับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เล่นเอาตาของกู่ฉิงซานพร่าไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าตรงล่างสุดของเส้นแสงตัวอักษร ยังมีอีกประโยคหนึ่งเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา
“คุณไม่สามารถล่วงรู้คุณสมบัติของสกิลศักดิ์สิทธิ์ได้ นอกเสียจากว่าสิ่งประดิษฐ์เทวะจะเป็นคนบอกคุณด้วยตนเอง”
เอาเถอะ นี่มันก็คล้ายๆ กันกับดาบพิภพและเช่าหยินนั่นแหละ
กู่ฉิงซานไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว จะช้าหรือเร็วเขาก็จะได้รู้อยู่ดี
คำถามสำคัญปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะเพียงอย่างเดียวที่สามารถต้านทานหอกหลากสีได้
แล้วสิ่งประดิษฐ์เทวะที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?
“ฉานนู่”
“หืม?”
“ข้าอยากจะถามว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?”
“ข้าก็ไม่กระจ่างนัก ในช่วงเวลานั้นภัยพิบัติยังมิได้เกิดขึ้น และข้าก็กำลังจมอยู่ในการหลับใหล” ฉานนู่เผยท่าทีสับสนออกมา
“ใช่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ทำร้ายร่างดาบของเจ้าหรือไม่?”
“ไม่หรอก ร่างดาบข้าถูกสร้างขึ้นจากกฎเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็กที่ไม่หวาดเกรงกระทั่งสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหล ดังนั้นไม่น่าจะมีใครสามารถทำร้ายร่างดาบได้”
ด้วยคำพูดประโยคนี้ส่งผลให้บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามทันที
“คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตอาร์ติแฟคในดาบขุนเขาเทวะหกโลกา อมตะ”
“อมตะ ทุกกฎเกณฑ์ในโลกทั้งสิบ ทุกๆ พลังอำนาจจะมิอาจทำลายดาบเล่มนี้ลงได้”
กู่ฉิงซานอ่านมันอย่างเงียบๆ
ขณะเดียวกันก็ตั้งใจฟังฉานนู่กล่าวต่อไป “ฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะรู้ว่าร่างดาบข้ามิอาจถูกทำลายได้ พวกเขาจึงเล็งเป้ามาที่จิตอาร์ติแฟคของข้า แล้วใช้เทคนิคลับบางอย่างทำให้อำนาจของข้าถดถอยลง จากนั้นก็โจมตีข้าอย่างรุนแรง”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฉานนู่ก็ดูจะเศร้าๆ ไปเล็กน้อย
“หากข้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และฝ่ายเรามีเทพวิญญาณที่สามารถใช้สอยข้า บางทีเราก็อาจจะต่อกรกับหอกหลากสีได้”
“หรือไม่อย่างน้อยที่สุด ก็น่าจะพอช่วยให้สถานการณ์ของเทพวิญญาณคนอื่นๆ ไม่เลวร้ายถึงเพียงนี้”
“แต่ผลสุดท้ายข้าก็ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป พลังศักดิ์สิทธิ์ถดถอยมิอาจสำแดงเดช จึงถูกทำร้ายโดยหอกหลากสี”
“ตั้งแต่นั้นมา เทพวิญญาณก็จนปัญญา ไม่อาจทำอะไรได้ และทยอยกันตกตายลงไป”
กู่ฉิงซานที่กำลังฟังอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดไตร่ตรอง
ก่อนที่ภัยพิบัติจะปะทุขึ้น ใครกันที่จะวางอุบายใส่สิ่งประดิษฐ์เทวะ ใครกันที่สามารถกระทำเช่นนี้ได้?
บางทีอาจจะมีเผ่ามารแฝงตัวอยู่ในปรภพมานานแล้ว และเฝ้ารอจนกระทั่งสงครามใกล้จะปะทุขึ้นจึงเริ่มลอบลงมือใช่หรือไม่?
คนผู้นั้นได้วางแผนที่จะลดอำนาจของสิ่งประดิษฐ์เทวะ เพื่อที่จะได้สังหารเทพวิญญาณ เพื่อที่จะได้ยึดครองปรภพ ลวงเหล่าคนตายในนรกให้ไปยังโลก และหลังจากที่โลกดับสูญ กำแพงอุปสรรคของทั้งหกโลกก็จะพังทลายลง
กู่ฉิงซานเพียงแค่คิด ก็บังเกิดความเย็นเยียบขึ้นในจิตใจ
เล่ห์เหลี่ยมของเผ่ามาร ยามเมื่อจับแต่ละขั้น แต่ละตอนเข้ามาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน จะพบว่าทุกสิ่งช่างสมบูรณ์แบบ!
นี่มันชักจะน่ากลัวเกินไปหน่อยแล้วสิ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของฉานนู่ อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเอ่ยถาม “แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? สบายดีหรือไม่? มีอาการบาดเจ็บภายในหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะได้พบกับเจ้า และหลังจากที่เจ้ามอบสามสมบัติให้แก่ข้า ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงหายดีแล้ว”
กู่ฉิงซานยกดาบขุนเขา ชูขึ้นมาเบื้องหน้าตนเอง
ใบดาบราวกับหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง และปลดปล่อยไอเย็นจางๆ ที่ทำให้รู้สึกสบายออกมา
“ก่อนอื่น ก็อย่าเพิ่งคิดถึงเกี่ยวกับมันเลย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ อนาคตของปรภพขึ้นอยู่กับพวกเราแล้วนะ…” กู่ฉิงซานกล่าว
ฉานนู่เอ่ยตอบทันควัน “นายน้อยโปรดวางใจ ยามนี้ตัวข้าอยู่ในสภาพเบ่งบาน พร้อมรบเต็มที่ ฉะนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
เธอเอ่ยถามกลับ “แล้วเจ้าเล่า? ยามเมื่อจะต้องเผชิญหน้ากับคนตายที่ทรงพลังจากในนรกทั้งสิบแปดขุม เจ้าหาญกล้า พร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกับพวกมันแล้วหรือไม่?”
กู่ฉิงซานยิ้ม
“ไปกันเถิด เราไปต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชาภูตกัน” เขากล่าวออกมา
“ตามพระประสงค์ของท่านราชา!” ฉานนู่เอ่ยสรรเสริญล่วงหน้า
ณ นรกทะเลเลือด
นี่คือหนึ่งในนรกที่โหดร้ายที่สุด
คนตายที่ถูกโยนเข้าไปในนรกนี้ ส่วนใหญ่แล้วในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิต พวกเขาได้ทำการทารุณกรรมอย่างโหดร้าย ข่มเหงรังแกผู้อื่นอย่างร้ายกาจจนไม่อาจจินตนาการได้
ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาตกตายลง จึงได้ถูกโยนลงมาทุกข์ทรมานในนรกแห่งนี้
ภายในทะเลเลือด เต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมายที่ซ่อนตัวอยู่ และพวกมันมักจะว่ายเข้าไปฉีกกัดร่างคนตายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนี่เป็นความทุกข์ทรมานอันยากจะพรรณนา
แต่เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ไม้เท้าแห่งการจองจำปรากฏกายขึ้น ตลอดทั้งนรกทะเลเลือดก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
หากเข้าร่วมการแข่งขันท้าทายเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง ในระหว่างกระบวนการต่อสู้ คนตายในนรกจะสามารถก้าวออกจากทะเลเลือด ขึ้นมาพักหายใจบนขั้นบันไดที่จะนำไปสู่ลานสังเวียนต่อสู้ได้
ตราบใดที่อยู่บนบันไดที่จะมุ่งหน้าสู่สังเวียน คนตายก็จะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากทะเลเลือด!
และใครก็ตามที่ชนะ ก็จะได้รับโอกาสเข้าร่วมแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งราชาภูตกับตัวแทนจากนรกอื่นๆ!
แล้วเรื่องที่มีแต่ได้กับได้เช่นนี้ เหล่าคนตายที่ทรงพลังทั้งหลายจะไม่ยินดีเข้าร่วมได้อย่างไร?
ขณะนี้ เวลาก็ได้ผ่านเลยไปมากแล้ว
นรกอื่นๆ ทั้งสิบเจ็ดชั้นได้ทำการคัดเลือกตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นที่เรียบร้อย
ดังนั้นที่ว่างตำแหน่งเดียวในนรก จึงอยู่ในช่วงการต่อสู้อันเข้มข้นรุนแรง
ตรงใจกลางทะเลเลือด มีแท่นเวทีทรงสี่เหลี่ยมสูงตระหง่านตั้งอยู่
และตลอดทั้งแท่นสี่เหลี่ยม ก็จะมีทางขึ้นซึ่งเป็นขั้นบันไดหนึ่งพันแปดร้อยขั้น ทอดยาวจากทะเลเลือดเบื้องล่าง ขึ้นไปยังสังเวียนเบื้องบน
และขณะนี้กู่ฉิงซานก็กำลังยืนอยู่หน้าบันไดขั้นแรก
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางข้างบน
เห็นแค่เพียงบนบันไดกว่าหนึ่งพันแปดร้อยขั้น ที่ในแต่ละทุกๆ ขั้นล้วนเต็มไปด้วยเสียงเจ็บปวดครวญครางอยู่ทุกสถานที่
คนตายทุกคนที่ถูกกำจัดออกจากการแข่งขันท้าทาย จะถูกจับโยนลงมาโดยตัวตนที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ร่วงตกลงร้องครวญครางอยู่ตามบันไดแต่ละขั้น
บางคนตายก็ได้สิ้นใจลง ขณะที่ร่างกายของพวกเขาก็ค่อยๆ หายไป
ขณะเดียวกันคนตายส่วนมากที่ยังไม่สิ้นใจลง
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างการต่อสู้ และนอนโอดโอยอยู่บนแต่ละขั้นบันไดด้วยความทุกข์ทรมานจากการพ่ายแพ้
ทว่าเมื่อกู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นบนขั้นบันได
ทันใดนั้นเขาก็ถูกพบเจอโดยเหล่าคนตายนับไม่ถ้วนที่ตกอยู่ในอาการสาหัส
“ดูนั่นสิ เจ้าหมอนั่นยังปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย” คนตายคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา
“บัดซบ! นี่มันไม่คิดแสดงตัวออกมาจนกระทั่งพวกเราพ่ายแพ้สินะ ไอ้หมอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ!”
“ข้าจะฆ่ามันเอง!” อีกหนึ่งคนตายอุทานขึ้น
ร่างของมันเริ่มวูบไหว
แล้วฝูงคนตายในสภาพไม่สมประกอบก็พากันแห่มา ล็อกเท้าทั้งสองข้างของกู่ฉิงซานเอาไว้
“ระวังตัวด้วย เจ้าพวกขี้แพ้เหล่านี้ต้องการที่จะหยุดเจ้าไม่ให้ขึ้นไปบนสังเวียน” ฉานนู่กล่าวเตือน
กู่ฉิงซานกำดาบในมือ และโบกมัน ฟันออกไปส่งๆ ทางคนตายเบื้องหน้าที่อยู่ใกล้ที่สุด
ทว่าเมื่อฟันโดนไปหนึ่งกลับงอกเพิ่มขึ้นมาอีกสอง เหล่าคนตายวิ่งเข้ามาหาเขามากขึ้นเรื่อยๆ
พวกมันใช้ทั้งมือและเท้า คืบคลานไต่ลดระดับลงมาในแต่ละขั้นบันไดสูง เพื่อขวางทางไม่ให้คู่แข่งคนใหม่ผ่านไป
ขณะเดียวกันดาบยาวก็เริ่มร่ายระบำเพื่อเปิดหนทาง
พร้อมด้วยรังสีดาบนับไม่ถ้วนที่แผดออกมา สังหารคนตายคนแล้วคนเล่าราวกับเครื่องบดเนื้อ!
ทว่าคนตายในนรกนั้นมันมีมากเกินไป และกู่ฉิงซานก็ไม่มีเวลามากพอที่จะไล่ฆ่าพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว
และเนื่องจากคนที่ตายไปแล้วนั้น หากถูกสังหารลง ก็เพียงแค่กลับไปหลับใหล
ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงกล้าที่จะวิ่งมาข้างหน้าอย่างไม่ลังเลหรือหวาดกลัวความตาย ทั้งหมดที่ทำลงไปก็เพื่อหยุดไม่ให้กู่ฉิงซานก้าวขึ้นไปยังบันไดต่อไป
ถัดออกไปอีกหลายๆ ขั้นบันได เหล่าคนตายจำนวนมากขึ้น กำลังวิ่งลงมา
“อย่าหวังว่าจะได้ขึ้นไปเลย!” หนึ่งในคนตายหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
กู่ฉิงซานวาดดาบของเขาออกไปทักทายศัตรู
คนตายที่กล้าเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย ควบคู่ไปกับจำนวนที่มากมาย ส่งผลให้ตอนนี้กู่ฉิงซานต้องตกอยู่ในสภาวะไม่อาจก้าวเดิน ฝีเท้าหยุดนิ่งชั่วคราว
ฉานนู่กล่าว “แบบนี้ไม่ดีแน่ พวกมันกระจ่างใจดีว่าตนไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ ดังนั้นจึงอาศัยคนหมู่มากเพื่อกดดันไม่ให้เจ้าขึ้นไปบนสังเวียน”
กู่ฉิงซานไม่ตอบกลับ แต่เขาทำแค่เพียงควงดาบแล้ววาดมันออกไป
แต่แล้วจู่ๆ ก็บังเกิดเสียงหวีดร้องดังมาจากจุดสูงสุดของสังเวียน
คู่แข่งอีกรายหนึ่งได้ถูกสังหารลงไปอีกแล้ว
ผู้ชนะของนรกทะเลเลือด กำลังจะถือกำเนิดขึ้นในไม่ช้า!
แต่เวลานี้ กู่ฉิงซานยังคงยืนอยู่บนบันไดขั้นแรก และเอาแต่สังหารคนตายที่ลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
เขายังไม่ได้ก้าวไต่ระดับขึ้นไปข้างหน้าเลย
กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำกับตัวเองในทันใด “ดูเหมือนฉันจะประมาทเกินไป ลืมไปเลยว่าคนตายพวกนี้มันเป็นวายร้ายจากทุกยุคสมัย แถมตอนนี้พวกมันคงจะลืมไปแล้วว่านี่คือการแข่งขันเพื่อคัดเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนรก เช่นนั้นล่ะก็…”
“เจ้ากำลังจะสื่ออะไร?” ฉานนู่เอ่ยถาม
“ที่ข้าจะสื่อก็คือ ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว มันไม่พอที่จะข่มขวัญพวกตัวร้ายเหล่านี้ลงอย่างแท้จริงน่ะสิ”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องการจะทำอย่างไร?” ฉานนู่รู้สึกกังวลมากขึ้น
แต่แล้วกระบวนท่าดาบที่ฟันออกของกู่ฉิงซานก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป
เจตนาฆ่าได้สลายไปจากตัวเขา
ทว่าบัดนี้ ทั้งคนทั้งร่างของตนกลับบังเกิดแรงกดดันอันลึกลับที่ไม่อาจเอ่ยอธิบายได้ออกมา
“คงต้องเล่นบทเถื่อนยิ่งกว่าพวกมัน” เขากล่าว
ปัง!
บังเกิดร่างเงาดาบเหลือคณาเบ่งบานขึ้น ราวกับใบไม้ที่ถูกพัดเป่าไปตามกระแสลม ลอยล่องขึ้นไปตามขั้นบันไดเบื้องบนแต่ละขั้น
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนที่ดังขึ้น
ทว่าช่างน่าฉงนยิ่งนัก เพราะกลับไม่มีคนตายสักตนเลยที่สิ้นใจลง?+
แต่ทั้งหมดที่ถูกร่างเงาดาบวาดผ่าน พวกมันล้วนถูกตัดมือตัดเท้า และนอนแผ่ราวกับท่อนไม้อยู่ตามขั้นบันไดเสียอย่างนั้น!
เสียงโอดครวญก้องขึ้น สะท้อนไปยังเบื้องบน
ท่ามกลางสายตาของคนตายนับไม่ถ้วนที่แสดงออกถึงความโกรธแค้น กู่ฉิงซานได้เตะร่างท่อนไม้ตนหนึ่งลงจากขั้นบันไดที่อยู่ใกล้ที่สุด
และคนตายที่ว่าก็ถูกเตะกลับลงไปในทะเลเลือด
และในทันทีที่มันตกลงไป เงาวูบไหวจากเบื้องล่างก็ว่ายตามมาทันที และเริ่มกัด! แทะ! คนตายเหล่านั้น!
นรกทะเลเลือดนั้นโหดร้าย! เพราะมันจะคอยเลี้ยงไข้ ไม่ให้คนตายสิ้นใจลงง่ายๆ เพื่อยืดเวลาให้พวกคนตายได้รับความทุกข์ทรมานต่อไปให้ยาวนานยิ่งขึ้น!
“อ๊าๆๆ อย่า! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่สมควรที่จะหยุดเจ้า ได้โปรดปลดปล่อยข้า! สังหารข้าให้สิ้นใจไปอย่างสงบเถอะ!”
ร่างท่อนไม้ที่ตกลงไปโวยวายลั่น ร่ำร้องทั้งน้ำตา
บนขั้นบันไดเบื้องบน เหล่าคนตายนับไม่ถ้วนที่เห็นฉากนี้ ทั้งตนทั้งร่างต่างแข็งค้าง
กู่ฉิงซานเอ่ยปากกล่าวอย่างช้าๆ “พวกเจ้าจะหลีกทางให้ข้าดีๆ แล้วค่อยกลับมาเพลิดเพลินอยู่บนขั้นบันไดต่อไปในสภาพสมบูรณ์ หรือจะขวางทางแล้วลงไปนอนแช่ทะเลเลือดในสภาพถูกตัดแขนขา?”
เขายืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยรอยยิ้มเย็นที่แขวนไว้บนใบหน้าของเขา
“หากข้ายังไม่สามารถขึ้นไปบนสังเวียนได้ นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าจะเปลี่ยนทุกคนที่ขวางหน้าให้กลายเป็นท่อนไม้ และจับพวกมันโยนลงไปในทะเลเลือด!”
“ถูกกัดแทะโดยมอนสเตอร์ทั้งๆ ที่ไม่มีมือและเท้า ความสุขสมเช่นนี้ข้าว่าพวกเจ้าคงยังไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน”
ว่าแล้วเขาก็เตะร่างท่อนไม้ตนที่สองที่ขวางมือขวางตีนลงไปในทะเลเลือดอีกหนึ่ง
แล้วคนตายตนที่สองก็เริ่มประสานเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดร่วมกับคนตายคนแรกที่ตกลงไป
เหล่าคนตายที่ยืนอยู่เหนือขึ้นไปชั้นบนต่างเฝ้ามองฉากนี้อย่างเงียบๆ
ในนรก ความตายนั้นหมายถึงการหลับใหล และขณะเดียวกันมันก็หมายถึงการอำลาความเจ็บปวดทรมานในระยะเวลาสั้นๆ อีกด้วย
แต่กู่ฉิงซานกลับไม่ได้ทำให้พวกเขาตายลง ทว่าดันตัดมือตัดเท้าเพื่อให้พวกเขาไม่มีแรงที่จะต่อต้าน
ไม่มีแรงที่จะต่อต้านการกัดแทะของมอนสเตอร์ในทะเลเลือด!
นี่มันเป็นการทรมานอย่างแท้จริง!
“เจ้ามันปีศาจ!” คนตายคนหนึ่งตะโกนขึ้น
ถึงปากจะด่าแบบนั้น แต่มันกลับค่อยๆ คืบคลานหนีห่างออกไปจากตรงหน้าของกู่ฉิงซาน
“ปีศาจชั่วร้าย!”
“ปีศาจโรคจิต!”
“ไปเถอะ อย่าไปยุ่งกับมันเลย”
เหล่าคนตายส่งเสียงกระซิบกระซาบให้กันและกัน
แต่เมื่อกู่ฉิงซานเตะร่างท่อนไม้ตนที่สามลงไป เหล่าคนตายที่อยู่เบื้องบนก็ขวัญกระเจิง มิอาจฝืนยืนอยู่ได้อีกต่อไป! พวกมันต่างพากันฝืนใจยอมกระโดดลงไปในทะเลเลือด เพราะอย่างน้อยก็อยู่ในสภาพครบสามสิบสอง…
บัดนี้อุปสรรคเบื้องหน้าเขาได้ถูกเปิดออก เส้นทางสู่สังเวียนได้ปรากฏสู่สายตาอีกครั้ง
และระหว่างทาง…บัดนี้โล่งโจ้ง ไม่มีคนตายคนใดอยู่อีกเลย!
…………………………………………….