ตอนที่ 193 สวมหน้ากาก
หากเป็นยากระตุ้นธาตุทั้งห้าหนึ่งขวดที่มีความบริสุทธิ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ มันจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะได้รับธาตุอันทรงพลังและหาได้ยากยิ่ง ตัวอย่างเช่น สายฟ้า ไฟ ลม ทอง และความมืด
ส่วนยาปลุกเทคนิคเทียนซวนที่มีความบริสุทธิ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ มันจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะปลุกเทคนิคเทียนซวนประเภทต่อสู้ ซึ่งโดยปกติแล้วเทคนิคเทียนซวนมักจะผิดแผกและมีหลากหลายประเภท การที่สามารถควบคุมการปลุกให้อยู่ในประเภทต่อสู้ได้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับยาเสริมศักยภาพเป็นนักสู้หวูเต๋าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์นั้น นับว่าเป็นยาระดับสูงและมีค่าที่สุดในรัฐบาลกลาง มันมีโอกาสที่จะช่วยให้คนผู้นั้นก้าวขึ้นสู่มืออาชีพ และบางทีอาจจะได้รับพลังหวนคืนไร้ลักษณ์อันทรงพลังควบคู่มาอีกด้วย
คุณสมบัติอันทรงประสิทธิภาพเหล่านี้ คือผลลัพธ์ของยาผสานยีนที่มีความบริสุทธิ์ถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ในกระบวนการผลิตยาที่มีความบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่เพียงแต่วัตถุดิบทุกชนิดที่ใช้จะต้องมีราคาแพงสุดกู่ แต่ยังต้องอาศัยโชคอีกด้วย
จำต้องเพียรพยายามผลิตนับหลายพันครั้ง จึงจะสามารถผลิตตัวยาได้สำเร็จ
ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสามรัฐใหญ่ การผลิตยาผสานยีนบริสุทธิ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์และใช้งานมันจึงไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก
เว้นเสียแต่ว่าจะมีการถือกำเนิดขึ้นขององค์ชายแห่งจักรวรรดิฟูซี คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ทำการเลือกสาวกศักดิ์สิทธิ์สายตรงคนใหม่ หรือตระกูลใหญ่ทั้งเก้าแห่งรัฐบาลกลาง ให้กำเนิดบุตรชายของภรรยาคนแรก พวกเขาจึงจะเต็มใจที่จะใช้ยาที่ว่า
สูตรของยาทั้งสามชนิด เปรียบดั่งสมบัติแห่งชาติที่ถูกยกย่องว่าล้ำค่ามากที่สุด มันถูกซ่อนอยู่ในสถานที่ที่มีการป้องกันเข้มงวดที่สุดในประเทศต่างๆ หรือไม่ก็อยู่ในมือของผู้ที่มีทั้งพลังและอำนาจมากที่สุด
ยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋านั้นจะถูกเก็บรักษาเอาไว้โดยเทพธิดากงเจิ้ง สูตรยากระตุ้นกระบวนการธาตุทั้งห้าอยู่ในมือของจักรพรรดิแห่งฟูซี ส่วนยาปลุกเทคนิคเทียนซวน หลังจากที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เกิดการแบ่งแยก จึงไม่อาจระบุข้อมูลที่แน่นอนได้
บางคนกล่าวว่าคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ได้รับมันไปแล้ว แต่นั่นย่อมไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอน
เพราะถ้าหากพวกเขาได้รับสูตรยาตัวนี้ไปจริงๆ พวกเขาคงป่าวประกาศครั้งใหญ่ และทำการเสริมสร้างกำลังรบของตนไปแล้ว
เมื่อครุ่นคิดพิจารณาอยู่นาน กู่ฉิงซานก็ส่ายหัว
ความยากของภารกิจพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือ ยาปลุกเทคนิคเทียนซวน และยากระตุ้นธาตุทั้งห้า ของอีกสองประเทศนี่แหละ
ความยากของภารกิจนี้…มันสูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม ‘ทัณฑ์ปีศาจ’ นั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการต่อสู้ และมันไม่สมควรถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ยิ่งไปกว่านั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่จะสามารถสกัดได้ในขอบเขตแก่นทองคำ ก็ยังจำเป็นต้องดำเนินการให้ ‘ทัณฑ์ปีศาจ’ ทำการพัฒนาเสียก่อน มันจึงจะสามารถทำการสกัดได้
หากยังไม่พบวิธีการบรรลุ ก็คงต้องค้นหาหนทางแก้ไขกันต่อไป
ในส่วนของยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋านั้น…
“เทพธิดากงเจิ้ง”
“ฉันอยู่นี่ ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติโปรดพูด”
“ถ้าฉันต้องการยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋าที่มีความบริสุทธิ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ จะต้องทำอย่างไร”
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ผู้นำสูงสุดกู่ฉิงซาน จำเป็นต้องจ่ายแต้มบุญห้าสิบเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมดของที่ตนเองมี”
กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่หมายความว่า ตราบใดที่เขามีแต้มบุญ ยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋าก็ไม่แคล้วตกอยู่ในมือของเขา
“คุณสามารถทำการหักมันได้เลยโดยตรง และช่วยให้ฉันเอายาเสริมศักยภาพนักสู้หวู่เต๋ามาที”
“ยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋าระดับสูงสุด เมื่อมีการผลิตแล้วจะต้องทำการฉีดทันที สินค้าคงคลังในปัจจุบัน ศูนย์”
“ร้องขอใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ หากคุณต้องการที่จะใช้ยา โปรดแจ้งแก่ฉันก่อนล่วงหน้าเป็นเวลาสิบนาที เพื่อที่จะได้ทำการผลิตตัวยาให้”
“โอเค คงต้องรบกวนคุณแล้ว”
กู่ฉิงซานกล่าว แต่ภายในจิตใจของเขายังคงวุ่นคิดถึงแต่ตัวยาอีกสองชนิดที่เหลือ
เริ่มต้นก็สามารถได้ยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋ามาได้โดยง่าย
แต่สำหรับยาปลุกเทคนิคเทียนซวน และยากระตุ้นกระบวนการธาตุทั้งห้า ทั้งสองสิ่งที่เหลือฉันจะทำอย่างไรดี?
เขาถอนหายใจและเดินกลับลงไปในวิลล่า
เมื่อกู่ฉิงซานเข้ามาในวิลล่า เขาก็พบว่าซางหยิงฮ่าวยังไม่ได้กลับมา ส่วนเหลียวฮังดูจะนอนหลับอย่างมีความสุข ฟังจากเสียงกรนที่ลอดออกมาจากภายในห้องของเขา
สำหรับเย่เฟย์หยู เขาก็ยังคงเล่นเกมอยู่เช่นเดิม
เมื่อกู่ฉิงซานกลับมา เย่เฟย์หยูก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาวูบหนึ่ง
ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองอีกที
คราวนี้ดูเหมือนว่าเย่เฟย์หยูจะไม่อาจละสายตาของตนไปจากอีกฝ่ายได้อีกต่อไป
เขาปิดเกม ลุกขึ้น เดินมาใกล้ๆ กู่ฉิงซาน ก่อนจะมองขึ้นๆ ลงๆ
“นายแข็งแกร่งอีกขึ้นแล้ว” เย่เฟย์หยูกล่าว “นี่มันยากที่จะทำใจเชื่อจริงๆ ตกลงว่าฉันหรือนาย ใครกันแน่ที่เป็นผีดิบนักฆ่า?”
“นี่อาจจะเป็นเพราะฉันหมั่นฝึกฝนอย่างหนัก” กู่ฉิงซานกล่าว “แล้วตั้งแต่ออกไปฉันก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลย”
เย่เฟย์หยูจ้องมองเขาอย่างเงียบ และกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง คุณอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”
“ฉันอยู่นี่ มิสเตอร์เย่เฟย์หยู”
“ช่วยค้นหาผีดิบนักฆ่าให้ฉันที ฉันว่าตัวเองคงต้องเพียรพยายามอย่างหนักเหมือนกับใครบางคนบ้างแล้ว”
“รับทราบ อันที่จริงฉันได้ทำการเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเอาไว้แล้ว แต่เมื่อครู่ดูเหมือนว่าคุณจะหมกมุ่นอยู่กับการปั่นแรงค์ในเกม ดังนั้นฉันจึงไม่คิดรบกวนคุณ”
“ฉันสนใจการปั่นแรงค์ในโลกจริงมากกว่า” เย่เฟย์หยูกล่าว
เขาหยิบสมองควอนตัมออกมา และเดินออกจากประตูไป
ทว่าในตอนนั้นเองเสียงชราภาพก็ดังขึ้น
“เหล่ามวลมนุษย์แห่งโลกใบนี้เอ๊ย”
“วันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว พร้อมทั้งภัยพิบัติที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จบ โชคชะตาของพวกเจ้าเปรียบดั่งมดตัวน้อยๆ ที่กำลังจะถูกน้ำท่วม และไม่อาจได้รับซึ่งอิสรภาพ”
“แล้วเจ้าต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนหรือไม่เล่า?”
“ดิ้นรนต่อสู้กับโชคชะตา เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเพชฌฆาต ก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้”
“หากเจ้าต้องการที่จะครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ จงเข้าร่วมการแข่งขันท้าทาย และเมื่อสามารถพิชิตชัยได้ เจ้าก็จะได้มีชีวิตนิรันดร์และพลังอันแข็งแกร่งมาไว้ในครอบครอง!”
“เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ได้เปิดทำการแล้ว และพวกเจ้าจะต้องทำการลงทะเบียนเล่นมันในตอนนี้! เดี๋ยวนี้เลย!”
“การแข่งขันท้าทายรอบที่สาม ได้ทำการเปิดลงทะเบียนแล้ว ณ บัดนี้!”
สิ้นประโยคดังกล่าว เบื้องหน้าทุกคนในโลกก็ปรากฏเส้นแสงตัวอักษรขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศที่ว่างเปล่า
“คุณต้องการที่จะลงทะเบียนเล่นเกมเพื่อครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์หรือไม่ ยอมรับ หรือ ปฏิเสธ”
เย่เฟย์หยูและกู่ฉิงซานหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป
เย่เฟย์หยู “นี่มันไม่ถูกต้อง มันยังไม่ถึงเวลาเลยหากอ้างอิงจากเวลาในรอบที่แล้ว”
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “เทพธิดากงเจิ้ง เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ครั้งล่าสุด ได้ผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว”
“สิบสองชั่วโมงแปดนาที” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
“นี่มันพึ่งผ่านไปแค่ครึ่งเดียวเอง ก็ใจร้อนเริ่มจัดการแข่งขันท้าทายขึ้นอีกครั้งซะแล้ว” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ
“เทพธิดากงเจิ้ง คุณช่วยส่งฉากล่าสุดที่เพชฌฆาตตัวตลกฆ่าแชมป์เปี้ยนเมื่อคืนไปยังทั่วโลกอีกครั้งหน่อยนะ”
“รับทราบแล้ว”
สองวินาทีต่อมา
สมองควอนตัมทั่วทั้งโลกก็ส่องสว่างขึ้น
ฉากที่ตัวตลกยื่นหัวของหลี่ไห่เข้ามาใกล้จนแทบทะลุจอ และค่อยๆ ยื่นหน้าที่แขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแข็งค้างเลื่อนตามมาจากเบื้องหลัง
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โปรดจดจำไว้ให้มั่น ว่าหากพวกท่านเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์แล้วละก็…ต่อให้ท่านชนะ โชคชะตาที่พวกท่านจะได้รับนั่นก็คือ…ความตาย!”
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบ
“เจอแบบนี้เข้าไป ฉันว่าคงไม่มีใครกล้า” เย่เฟย์หยูแสยะยิ้มเย็น
ทว่าก่อนที่คำพูดของเขาจะทันได้จบประโยค เสียงชราภาพก็ดังกังวานขึ้นมาขัดเสียก่อน
“เหล่ามวลมนุษย์ในโลกใบนี้เอ๊ย ชีวิตของพวกเจ้ายังคงนับว่าเล็กจ้อยและอ่อนแอเกินกว่าที่จะเผชิญภัยคุกคามระดับชีวิต”
“ปีศาจที่ชั่วร้ายต้องการจะขัดขวางพวกเจ้าจากการได้รับชีวิตนิรันดร์!”
“แต่ตอนนี้ ข้ามีข่าวดีมาบอก”
“เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยส่วนตัวของผู้เล่น ทางเราจึงได้ทำการปรับรูปแบบของตัวเกมเสียใหม่”
“เมื่อเข้าร่วมเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งนี้ พวกเจ้าจะได้รับหน้ากากไว้สวมใส่”
“ผู้เข้าแข่งขันท้าทายทุกคนที่เข้าสู่สังเวียน จะได้รับการสวมหน้ากากแบบสุ่ม เพื่อที่จะไม่ให้มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าเป็นใคร”
“และจะไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน”
“แม้กระทั่งเสียงของเจ้า ทางเราก็จะจัดการกับมันเป็นพิเศษให้อีกด้วย”
“ผู้บรรยายการแข่งขันจะไม่เอ่ยชื่อของเจ้า”
“ที่สำคัญก็คือ หลังจากจบเกมการแข่งขันเกมนี้ ทางเราจะส่งผู้ชนะแบบสุ่มไปยังตำแหน่งหรือสถานที่ที่ปลอดภัยบนโลก”
“โปรดมั่นใจได้ว่าหากสวมหน้ากาก จะไม่มีใครรู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า และจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเจ้าอยู่ในส่วนใดของโลก”
“แม้กระทั่งไอ้แมลงเหม็นนั่น ก็จะไม่สามารถล่วงรู้ถึงข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเจ้าได้เลย”
“นี่นับว่าเป็นการผจญภัยที่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง”
“แชมเปียนส์ของเกมชีวิตนิรันดร์จะได้รับรางวัลมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!”
“ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ จงยินยอมทำการลงทะเบียนเสีย!”
หลังจากนั้นหลายสิบวินาที
มืออาชีพคนแรกก็ปรากฏตัวขึ้นในสังเวียน
ยามที่เขาปรากฏกายขึ้น เจ้าตัวก็เร่งยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตนทันที
และพบว่าบนใบหน้าของเขา กำลังสวมทับไว้ด้วยหน้ากากแกะมีเขาหัวหนึ่ง…
............................................................