พัคจินอูที่กำลังนั่งเขย่าขาไปๆ มา ๆ อยู่ในคาเฟ่ 123 เธอที่ทำท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรไม่ตกสักเรื่องหนึ่ง ยุนแจอีที่อุตส่าห์เดินมาเลียบ ๆ เคียงๆ เข้ามาถามก็ถูกเธอปฏิเสธ และทั้งคังจูวอนกับคังมินจุนที่แอบดูลาดเลาไป ๆ มา ๆ ในขณะที่พวกเขายังคงทำงานกันให้วุ่นภายในร้าน เพราะฉะนั้นฮวังอินซองก็เลยอาสาเอากาแฟมาวางให้เธอที่กำลังนั่งเคร่งเครียด
" เรื่องบริษัทเอ็มดีใช่ไหม " อินซองถาม
" ปฏิเสธไปเลยดีไหม ถ้าเธอไม่อยากจะทำงานกับพวกเขา " อินซองชวนคุยและก็แอบมองดูท่าทีของเธออยู่เรื่อย ๆ แต่เธอก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ
" นี่ จินอู ! " อินซองถามต่อ
" เธอคิดที่จะเป็นหนี้บุญคุณคนพวกนั้น ไปตลอดชีวิตเลยหรือยังไง " อินซองเริ่มขึ้นเสียงกับเธอ และแสดงดีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
และเธอก็แค่พยักหน้า
" นี่ ! อินซอง " พัคจินอูรีบปฏิเสธ
" ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบที่นายกำลังคิดอยู่หรอกน่า.. " เธอปฏิเสธอีก แต่ว่าอินซองก็ได้แต่ส่ายหน้าที่จะปฏิเสธความคิดของเธอ
" งั้นก็ปฏิเสธ !!! " อินซองย้ำเธอ
พวกเขาทุกคนก็มองเห็นแต่พัคจินอูที่พยายามที่จะปฏิเสธด้วยท่าทางที่ดูก็รู้ว่าเธอนั้นร้อนใจกับเรื่องงานของบริษัทยาของเอ็มดีมากแค่ไหน เพราะทั้งคังจูวอน คังมินจุง และยุนแจอีที่แอบฟังพวกเขาคุยกันต่างก็ทำท่าทางไม่เห็นด้วยกันทั้งนั้นที่จู่ๆ พัคจินอูก็ตกลงไปทำงานบริษัทยาของครอบครัวประธานชเวมินจุน
" ขอโทษที่ทำให้รอ !! " เลขามินโดฮยอนกำลังเดินเข้ามาในคาเฟ่ และก็ยัเดินเข้าไปหาพัคจินอูกับอินซองที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่มุมร้าน
เพราะฉะนั้นทั้งเธอและอินซองก็เลยต้องต่างรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ และอินซองที่ต้องถอยออกยืนห่างๆ
" สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ " ทุก ๆ คนในร้านแทบพูดทักทายที่จะพร้อม ๆ กัน และอินซองก็เป็นฝ่ายที่ขอตัวออกไปทำเครื่องดื่ม
" เลขามิน เชิญนั่งก่อนสิค่ะ" พัคจินอูทักทายและรีบเชิญให้เลขาโดฮยอนนั่งร่วมโต๊ะกับเธอด้วย
เลขามินโดฮยอนตอบรับคำเชิญของเธอแทบจะทันที และมิหนำซ้ำเขายังรีบหันและมองหาใครสักคนข้างในคาเฟ่
" แทซัน ! เขาไม่อยู่หรอกหรือ" เลขามินถามพร้อมๆ กับมองไปรอบๆ
" วันนี้ พี่แทซัน " พัคจินอูรีบพยักหน้ารับ
" เขาออกไปที่โรงพยาบาลแต่เช้าแล้วค่ะ" เธออธิบาย แต่ว่าเลขามินที่ก็เลยได้แต่พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ
" ได้ยินว่า เขาป่วย " เลขามินถึงกับถอนหายใจ
" ไม่คิดว่า...จะยังไม่หาย " และเลขามินที่ยังคงแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลไปพร้อมๆ กันด้วย และเธอที่ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
" ก็อย่างที่เลขามินทราบมาตลอดนั่นแหละค่ะ " เธอยอมรับ
" แต่ว่า "
" ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ที่ชวนเลขามินออกมาเจอแบบนี้ " เธอที่แสดงความกังวลที่ทำให้เลขามินต้องมาเสียเวลา
" ต้องขอโทษเลขามิน ด้วยค่ะ" เธอขอโทษอีก
" ไม่เป็นอะไรเลย " เขาตอบรับ
เพราะฉะนั้นเลขามินโดฮยอนก็เลยพยายามที่จะพยักหน้าและแสดงรอยยิ้มออกมาให้เล็กน้อย เพื่อให้เธอได้สบายใจ
"จินอู !! " แต่ที่ว่าเขาก็ยังจะคอยปลอบประโลม
"ฉันรู้ดี ว่า...พวกเราทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่ว่า"
" อันที่จริง " เลขามินถอนหายใจเบา ๆ
" พวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เวลานี้ "
" พวกเราทุกคนควรอยู่ให้ห่างเธอเอาไว้ ใช่ไหม " เลขามินแอบชำเลืองมองไปรอบ ๆ และดูปฏิกิริยาคนรอบ ๆ ตัว แต่ถึงอย่างงั้นพัคจินอูกลับเป็นคนๆ เดียวที่สงบนิ่ง
" เราควรจะอยู่ไกลจากเธอให้มาก ๆ เข้าไว้ " เลขามินยังคงแนะนำ
" จริงหรือเปล่าเรื่องนี้ "
เลขามินรู้สึกกระอักกระอวนใจที่จะพูดออกไปตรง ๆ กับเธอ เพราะฉะนั้นพัคจินอูถึงได้คอยรีบหันมาปฏิเสธ
"ไม่จริงหรอกค่ะ " เธอปฏิเสธอีกครั้งและสายตาที่ยังคงจดจ้องไปที่สายตาของเลขามินโดฮยอน
" เพราะฉันจะถือซะว่า...ครั้งนี้ "
" พวกเราทุกฝ่ายจะได้....เลิกแล้วต่อกันจริงๆ ได้สักทีนะคะ " เธอยิ้มและหันไปมองสบตาของเลขามินอย่างตรงไปตรงมาและด้วยความจริงใจ
เลขามินพยักหน้าและคอยยิ้มรับ ว่าแต่ว่าก็ยังมีบาง ๆ เรื่องที่พวกเขายังค่อนข้างที่จะเป็นกัวลอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งตัวของเขาเองไม่กล้าที่จะพูดออกไปตรงๆ ซ้ำอีก
เพราะฉะนั้นเธอเองที่ต้องรีบปฏิเสธออกไปซ้ำ ๆ เหมือนกัน
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เลขามิน "
" พวกคุณก็รู้ ว่าฉัน "
" ไม่เคยมองเห็นอะไรผิดพลาด "
พัคจินอูที่บอกกับเลขามินโดฮยอนออกไปแบบนั้นด้วยความตั้งใจ แต่ว่าในขณะเดียวกันที่อยู่ๆ เลขามินที่กำลังรีบรับสายโทรศัพท์และท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป
เลขามินดูมีสีหน้าที่ตื่นตกใจแทบจะทันทีที่รับสาย และจู่ๆ ที่เขาหันไปมองและสบตาของพัคจินอูด้วยความตกใจ !!!
โรงพยาบาลจิตเวชแผนกวีไอพี และหน้าห้องผู้ป่วยวีไอพีเลขที่ 1124 และช่องกระจกขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สามารถมองผ่านเข้าไปด้านในของห้องพักผู้ป่วย
หญิงวัยกลางคนราวๆ 50 ปี ขณะที่เธอกำลังนั่งโอบกอดชายหนุ่มโอบแผ่นหลังกว้างของเขา และน้ำตาของหญิงวัยกลางคนที่ไหลนองผ่านร่องรอยหยักลึกผ่านใบหน้าอันทรุดโทรมจนปิดบังความสวยสดงดงามไปจนเกือบสิ้น
เพราะฉะนั้น พัคจินอูก็เลยเลือกที่จะยืนมองลอดผ่านกระจกห้องผู้ป่วยวีไอพีเลขที่ 1124 อยู่อย่างเงียบ ๆ จนกว่าคนข้างในทั้งสองคนจะสามารถที่จะสื่อสาร หรือไม่ก็อาจที่จะพยายามสื่อสารกันได้เหมือนคนปกติคนอื่นทั่วๆ ไป
พัคจินอูที่กำลังออกมานั่งรออยู่เงียบๆ บนม้านั่งบนดาดฟ้าของโรงพยาบาลจิตเวช เธอที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเป็นครั้งคราวเพื่อที่จะรอเขาคน ๆ นั้น เธอนั่งรออย่างเงียบๆ ท่ามกลางต้นไม้ ดอกไม้สีสันสวยงามของฤดูใบไม้ผลิ แม้จะอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาลจิตเวชที่แสนจะเงียบเหงาก็ตาม เพราะฉะนั้นเธอก็เลยอดที่จะคิดย้อนไปถึงตัวเองสมัยที่ยังเป็นเด็กอายุราวๆ น่าจะสักไม่เกินสิบขวบเห็นจะได้
และเธอที่เผลอแสยะยิ้มให้กับเรื่องราวในวัยเด็ก และก็ย้อนกลับไปจนถึงตอนเด็กตอนเธออายุ 4 ขวบ และพี่แทซันพี่ของเธอตอนนั้นน่าจะอายุสัก 11 ปี พวกเธอสองคนที่คอยตามทั้งพ่อและแม่ออกไปทำงานบนเรือสำราญ พ่อของเธอทำงานเป็นหัวหน้าเชพบนเรือสำราญ และแม่ของเธอที่เป็นแม่บ้านที่แสนดีคอยดูแลครอบครัวอยู่ไม่ห่าง
จนกระทั่งวันนั่น พวกเธอก็ตามพ่อออกไปทำงานบนเรือสำราญเช่นเคย แต่อาจจะแตกต่างตรงที่เจ้าของงานวันนั้นเป็นเพื่อนสนิทของพ่อของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พ่อเล่าให้พี่ชายและเธอฟังว่า เพื่อนของพ่อคนนี้เป็นคนเก่งมากๆ และยังเป็นนักวิจัยเกี่ยวกับยาที่หาตัวจับได้ยากเอามาก ๆ และงานบนเรือสำราญวันนั้น เป็นงานครบรอบเปิดตัวบริษัทยาเล็ก ๆ ที่ก้าวหน้าจนกลายเป็นบริษัทยายักษใหญ่ในประเทศมาตลอด 20 ปี
เสียงฝีเท้าที่เหมือนคนแบกภาระหนักหนาสาหัสเอาไว้ และคนๆ นั้นกำลังเดินอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลจิตเวชในเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
พัคจินอูค่อยๆ หันกลับมองหาเขาคนๆ นั้น หรือจะเรียกให้ถูกต้อง คน ๆ นั้นก็คือ รองประธานคนใหม่ของเอ็มดี
" นี่เธอ ! " ชเวกียุลมองเห็นพัคจินอูแทบทันทีเหมือนกัน
" มาเร็วกว่าที่คิดไว้อีก " และเขาดูจะไม่ตกใจหรือยินดียินร้ายที่เห็นเธอมาที่โรงพยาบาลนี้สักเท่าไหร่
" เธอคงเห็นหมดแล้วสินะ " เขาตั้งคำถามผ่านประโยคบอกเล่าลอย ๆ เพราะถึงยังไงๆ เขาเองก็รู้ดีว่าเธอนั่นเป็นใครตั้งแต่แรก
ตอนนี้เธอกำลังเดินเข้ามาหาเขาใกล้ๆ ในขณะที่พวกเธอทั้งคู่กำลังเดินไปที่ริมกำแพงตึก บริเวณต้นไม้ใหญ่บนดาดฟ้าตึกของโรงพยาบาล และพวกเธอสองคนที่กำลังยืนและมองผ่านหลังคาตึกสูงระฟ้าไปให้จรดกับท้องฟ้า
" จริงๆ ก็นานแล้วจริง ๆ " เขาและเธอยืนเหม่อมองท้องฟ้านั่นอยู่สักครู่หนึ่ง และต่างคนก็ต่างที่คอยแต่จะคิด
"ที่ฉัน ! " เขาคิดก่อนที่จะพูดออกมาเสมอ
" ไม่เคยคิดที่จะกลับมาเยี่ยมแม่ของฉันเลย"
" แล้ว..." เพราะฉะนั้นเธอถึงได้รีบตั้งคำถาม
"รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า "
"ค่ะ !! " เธอต้องถามเพราะความอยากรู้ และก็ที่น่าแปลกเขากลับหันมาและสบตาของเธอ
"อืม ! " เขาพยักหน้ายอมรับ
" ตอนนี้ฉัน...." และเขาที่พยายามที่จะคิดให้ตก
" เหมือนคนที่เพิ่งจะสารภาพบาป ! " เขาไม่คิดที่จะโกหก และยังหันไปมองและสบตากับเธอโดยไม่รู้ว่าเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มองเธอออกไปแบบนั้น เธอกับเขามองสบตากันและกันอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก
" งั้นเหรอ ! " เขายิ้มตอบโดยที่ไม่ลังเล และเธอที่ยังยิ้มตอบเขาอย่างไม่ลังเลด้วยเหมือนกัน
" หืม...." มิหน้ำซ้ำเธอยังถอนหายใจเบา ๆ ให้เขาได้ยินซะด้วย !
"อะไร" !!! " เขาแปลกใจ
แต่ว่าจริงๆ แล้วเธอกลับหันไปมองและสบตาของเขาอีกครั้ง และครั้งนี้สายตาของเธอกลับดูเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิม
"ถ้าฉันบอกว่า เปล่า ! " เธอเพิ่งจะมอบรอยยิ้มให้เขาไป
" คุณก็อาจคิดว่าฉันโกหก"
" แต่ว่า....." เธอพยักหน้า
" มีสิ่งหนึ่งที่ฉันเชื่อ ! และก็เชื่อมาตั้งแต่ทีแรก" คราวนี้ที่เธอหลบสายตาของรองประธานคนนี้ และหันมองออกไกลและใจที่สั่น !
จนกระทั่งเขาอยากรู้
" อะไร "
" ที่เธอ...เชื่อมาตลอด " เขาที่อยากรู้จนต้องหันไปจ้องเธอไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่กล้าๆ ที่จะหันไปมองเขาตรงๆ ได้อีก เพราะหัวใจที่สั่นไหวเกินไปแล้วจริงๆ
" ฉันเชื่อว่า....." และเธอที่กำลังคิดว่าจะพูดออกไปแล้วเขาจะเชื่อเธอหรือเปล่ากันนะ
" การที่...คนอย่างเราๆ ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง " คราวนี้ที่ต่อมน้ำตาของเธอกำลังตื้นเขิน
" ก็เพราะ....เรา !! "
" เคย...เจอกัน " และเธอก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาและมอง และชเวกียุลที่ก็กำลังทำๆ เหมือนอย่างที่เธอกำลังทำมันอยู่
จ๋อม !!!
สมุดถูกโยนลงไปในสระน้ำ และเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มเยาะเย้ยให้กับเจ้าของหนังสือเล่มนั่นอยู่บริเวณริมขอบพระน้ำโบราณ ๆ
" พัคจินอู ! นักเขียนบทใช่ไหม !!! " เด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีที่มัวแต่ยิ้มเยาะ หญิงสาววัยรุ่นราวคราวเดียวกัน และดูเหมือนว่า เธอเพิ่งจะจบมหาวิทยาลัยมาหมายๆ ด้วยซ้ำ
" เชอะ ! " เด็กหนุ่มที่เอาแต่ยิ้มเยาะและสบทใส่เธอหลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่ทว่าเธอกลับไม่สนใจเขาเลยแม้แต่สักนิดเดียว
และเธอก็เลือกที่จะกลับหลังหันและทำท่าว่าจะกระโดดลงไปในน้ำสระน้ำนั่น แต่คราวนี้ผู้ชายคนเดินกลับวิ่งแจ้นเข้ามาและดึงมือเธอไว้
" นี่ ! พัคจินอู !!! " เขาเริ่มตวาดใส่เธอ ! โดยไม่สนใจผู้คนในกองถ่ายละครแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ
" ฉัน ! ไม่สนหรอกนะ ! "
" ว่า..." และเหมือนเขายิ่งมองหน้าของเธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ
" เธอจะกลับมาที่นี้ทำไม ! "
" ที่นี้ ! มันคือที่ของฉัน !! "
" มันเป็นที่ของฉัน !!! " เวลาที่เขาตวาดไล่เธอ น้ำเสียงของเขาก็คอยเหมือนจะสะอื้นคละเคล้ากันด้วย
และถึงแม้มาถึงตอนนี้ เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ หรือคิดที่จะสะบัดมือให้หลุดจากชเวมินแจ ดาราหน้าใหม่ที่กำลังประสบความสำเร็จอยู่ในตอนนี้ แต่ว่าสิ่งที่เธอทำได้ก็แค่เพียงมองไปที่นัยน์ตาของชเวมินแจได้ก็เท่านั้น
"พี่ค่ะ "
" โกรธฉันพอแล้วใช่ไหม "
" พี่มินแจ " เธอพูดอย่างเรียบง่ายเข้าใส่เขา
แต่ที่วินาทีนั่น คำพูดของเธอก็กลับทำให้ดาราวัยรุ่นชื่อดังเหมือนถูกต้องมนต์อะไรบางอย่าง และทำให้เขายอมเบาเสียงลงมา
" ใช่ ! " เขาตอบแต่ยังจ้องตาเขม็ง
" และฉันก็จะไม่มีวันอภัยให้เธอเด็ดขาด พัคจินอู !!! " เขากัดฟันพูดและนัยน์ตาเกรี้ยวกราด
" ที่เธอเคยบอกว่า..เราจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย "
" แต่พอมาวันหนึ่ง เธอก็หนีฉันไปเรียนต่อ และทิ้งฉันเอาไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว " และพอถึงตอนนี้เขาที่พยายามกลั้นน้ำตาแทบตาย
" ฉันไม่เคยทิ้งพี่ ! " เธอเถียง
" ฉันขอสาบาน " เธอย้ำและทำได้ก็แต่เพียงหลบสายตาของผู้รอบตัวไปมา เพราะเพียงเธออยากให้เข้าใจว่า
ดารานักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ชื่อดัง และ เธอ เป็นเพียงเพื่อนเรียนสมัยมัธยมมาด้วยกันก็เท่านั้นจริงๆ ชเวมินแจในวัยหนุ่มเลือดร้อนยังคงสาปส่งเธอ
แม้ว่าเขากับเธอตอนนี้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนที่หลายล้อมมากมายในกองถ่ายละครย้อนยุคอยู่บริเวณพระราชวังริมสระน้ำ
หลังจากงานรับรางวัลของวงการบันเทิงประมาณปี 2019 และรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมก็ตกเป็นของดาราดาวรุ่งพุ่งแรง ชเวมินแจ อย่างไม่ผลิกโผ จนกระทั่งบรรดานักข่าวและสื่อหลายๆ สำนักต่างพากันให้ความชื่นชมและเขียนข่าวกันจนโด่งดัง
หลังจบพิธีมอบรางวัล ชเวมินแจ และ นางเอกวัยรุ่นชั้นแนวหน้าที่พากันควงแขนออกจากภายในงาน และพวกคู่ของพวกเขายังพยายามที่จะแสดงความหวานต่อหน้าสื่อเพื่อให้เห็นถึงความสนิทสนมมากกว่าเพื่อนร่วมงาน
พัคจินอูที่ตอนนี้ได้กลายเป็นคนขับรถชองชเวมินแจดาราชื่อดัง เธอที่ยังคงนั่งรออยู่แถวฝั่งคนขับเพื่อรอรับกลับบ้าน และเธอก็กำลังแอบมองพวกเขาผ่านกระจกรถ ความสนิทสนมที่แสดงออกกับดาราสวของชเวมินแจมันช่างสมจริงจนไร้ที่ติ
"หืม " เสียงลากถอนหายใจยาวจนทำให้เธอต้องทิ้งตัวลงบนเบาะ และยังต้องแสร้งแกล้งมองไม่เห็นพวกเขา
และชเวมินแจที่กำลังเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้กับดาราสาวขึ้นมานั่งบนรถ และก่อนที่เขาจะหันไปบอกกับผู้จัดการส่วนตัวว่าไม่ต้องตามพวกเขาไปอีกแล้ว และเธอก็เห็นและได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดนั่น
" คืนนี้ " และชเวมินแจที่กำลังออกคำสั่งกับคนขับรถส่วนตัวของเขา
" ฉันจะพานางเอกของฉัน ไปฉลองกันที่บ้าน " เขาบอกกับคนขับรถ และยังใช้สายตาชวนให้นางเอกของเขาหันไปมองที่คนขับรถส่วนตัว
นางเอกดาวรุ่งแสร้างทำเป็นตกใจและเอ่ยชื่อของ พัคจินอู ! นักเขียนบทดาวรุ่งที่กลายมาเป็นคนขับรถซะได้
เสียงหัวเราะของคู่จิ้นหนุ่มสาวที่ดังอยู่อย่างต่อเนื่องที่เบาะหลังที่พลอยให้คนขับรถอย่างเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนกับบทนักรักผู้ช่ำชองของพวกเขาซะเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกมากนักที่จะทนฟังไปตั้งแต่ตนจนกระทั้งถึงตอนจบ
ในขณะที่พวกเขา 3 คน อยู่ภายในคฤหาสน์ของชเวมินแจ และพัคจินอูที่ได้กลายมาเป็นบริกรหญิงไปโดยไม่ตั้งใจ
ชเวมินแจ ตั้งใจที่จะใช้เธอเสริฟอาหารและไวน์ให้กับเขาและก็ดาราสาวคนดัง แต่แม้ว่าเขาตั้งใจจะจิกหัวใช้เธอเพราะไม่อยากให้เธอมีเวลาได้พัก
แต่ดูเหมือนว่า ชเวมินแจที่ก็อดไม่ได้ที่คอยแอบชำเลืองมองไปที่นักเขียนบทสาวแสนสวย และสวยไม่แพ้ดาราคนนั่นด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอจะตั้งใจใส่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ ก็ตาม
และทุกๆ ครั้งที่ชเวมินแจคอยแอบมองตามเธอ เพราะฉะนั้น เธอต้องพยายามที่จะหลบสายตาของเขาและแกล้งเดินหนีหายไปจากคู่รักจอมลวงโลก.
พัคจินอูแอบออกมาเดินเล่นภายบริเวณสวนหน้าคฤหาสน์ และปล่อยให้คู่รักปลอมๆ ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันไปสักพักหนึ่ง และพอเธอได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในคืนที่พระจันทร์สุกสว่างแบบนี้เลย พวกมันยิ่งพลอยทำให้เธอนึกถึงคืนวันเก่าๆ คืนวันที่ทำให้เธอได้เจอกับชเวมินแจเป็นครั้งแรก
ที่ ๆ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กหนุ่มขี้แยแถมจะขี้โรค ตอนนั้นพวกเธอน่าจะอยู่ราวๆ ชั้นประถมได้ละมั้ง
" หึๆ "
เธออดที่จะหัวเราะออกเบา ๆ ไม่ได้ เพราะตอนที่เธอเจอชเวมินแจ ลูกเศรษฐีตอนนั้นทีไร เด็กคนนั้นก็มีแต่จะโดนเพื่อน ๆ แกล้งล้อว่าเป็นเด็กผู้หญิง
ก็ใช่สินะ ! ชเวมินแจหน้าหวานซะขนาดนั้น ! ไม่แปลกที่เพื่อนๆ จะล้อว่า ชเวมินแจเป็นเจ้าหญิงออกไปแบบนั้นหรอกนะ
เพราะแบบนี้ตอนนั้น เธอถึงต้องคอยปกป้องเขานับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา และเพราะเธอกับเขาก็เคยเข้ารับการรักษาจากหมอคนๆ เดียวกัน และพอคิดเรื่องเดิม ๆ ขึ้นมา
เธอที่ต้องพลอยเผลอยิ้มให้กับเรื่องราวพวกนั้นทุก ๆ ที
" นี่อย่าบอกนะว่า เธอกำลังคิดถึงฉันอยู่ " ชเวมินแจแอบเดินมาข้างๆ และพอจะมองเห็นว่าเธอกำลังฉีกยิ้มซะกว้าง
" อืมหึ ! " เธอไม่เถียงและคอยหันกลับมาหาเขา
" แล้ว....." แต่ว่าเธอกลับไม่เห็นดาราสาวคนนั้นแล้ว
" นี่อย่าบอกนะว่า พี่มินแจไล่เธอกลับ " ที่เธอถามก็เพราะความหวังดีก็เท่านั้น และเขาที่ยอมพยักหน้าแต่โดยดี
" ก็อย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ " เขาบอก
" เพราะว่า ตรงนี้ ! " คราวนี้เขาที่ยังจะค่อย ๆ ขยับมายืนใกล้ๆ ข้างๆ
" มันเป็นที่ของเรายังไงละ " เขายิ้ม และเธอก็ยิ้มตอบ
" เห้อ.... " เสียงถอนหายใจของเขาราวกับว่า กำลังยกฉากม่านละครออกไปให้พ้นตัวได้สำเร็จ จนทำให้เขาสามารถกวาดสายตาไปมองรอบ ๆ ได้อย่างสบายใจ และโดยเฉพาะเธอ
ชเวมินแจได้หันมาและคอยจับมือของเธอเอาไว้ และพาเธอเดินไปรอบๆ สวนหย่อม ที่เวลานี้ต้นไม้ ดอกไม้กำลังสวยและบานสะพรั่ง
" เพราะบทนั่น " ในขณะที่พวกเขาจับมือพากันเดิน ระหว่างนั้นตัวเขาเองก็มีแต่จะชื่นชมเธอให้ฟัง
" พวกเราถึงได้รับรางวัลมากมากยขนาดนี้ " เขายิ้มไปและพูดไป
" เห็นด้วย " เธอยิ้ม
" ใช่ " เขายิ้มๆ แต่พอที่คิดไปๆ มาๆ อยู่ ๆ เขาก็ชะงักไป และรีบหันหน้ากลับมาหาเธอแทนและกลายเป็นจ้องเธออยู่นาน
" อะไร ! " เธอมองและยังคงสงสัยไปแบบนั้น
" พัคจินอู " เขาเริ่มเล่า
" เธอจำตอนที่พวกเราอายุ 11 ขวบ ได้ใช่ไหม " และทีนี้ที่เขาพลอยมีทำหน้าตาตื่นเต้น
" ตอนนั้น ฉันถูกเด็กพวกนั้นแกล้ง เห้อ.."
" ฉันต้องไปแอบนั่งร้องไห้ที่สนามเด็กเล่นตั้งครึ่งวัน..."
" วันนั้น "
" เป็นวันที่เธอยื่นมือเข้ามาฉุดฉันให้ลุกขึ้น " เขายิ้มแล้วยิ้มอีกให้กับความหลังอันหอมหวานในวัยเด็ก และเธอพยักหน้า
" และพี่ก็เห็นอดีตเป็นครั้ง..สุดท้าย ! " เธอบอก
" ถูกต้อง !" เขาพยักหน้ายอมรับ
" ชาติที่แล้วของฉันครั้งนั้น จนทำให้เธอใช้มันมาเป็นบทละคร "
" แต่เท่าที่ฉันพอจะจำได้ ตอนที่เราจับมือกัน "
" ในการมองเห็นอดีตชาติของตัวเองครั้งนั้น ฉัน..." และเขาพยายามที่จะนึกถึงมันให้ตก
" มันไม่ได้จบอย่างสวยงาม อย่าที่เธอนำมาเขียนมันขึ้นมา "
" ฉัน ! " เขาสูดลมหายใจเข้าจนสุด เพราะจู่ๆ ใจก็รู้สึกจุกไปหมด
" ฉันต้องเสียเธอไปในที่สุด" เวลาที่เขาพูดคำนี้ออก ราวกับว่า...มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่ภายในหัวใจของเขา
" แต่ตอนนี้ " เพราะฉะนั้นคราวนี้ เธอถึงได้เป็นฝ่ายกุมมือของเขาไว้แน่น ๆ แทน
" มันจะไม่มีวันเหมือนตอนนั้น "
" ฉัน ! " เธอหันไปสบตากับเขาและแสดงความมั่นใจ
" จะปกป้องพี่ และดูแลพี่ให้ดีที่สุด " เธอให้คำสัญญา
ชเวมินแจดึงเธอเข้ามาสวมกอดเอาไว้และปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มี รักและห่วงแหน ปล่อยผ่านอ้อมกอดของตัวเองให้พัคจินอู
และความรู้สึกของชเวมินแจที่กำลังกลัวเหลือเกิน...เขากลัวเหลือเกิน การกลับมาของชาติที่แล้วที่แสนเจ็บปวดจนเหลือร่องรอยบาดแผลมาจนถึงตอนนี้ และครั้งนั้นตอนที่พวกเขาจับมือกันหนแรก !