webnovel

Chapter 1 ep.2

เช้าวันต่อมา ณ เมืองแพริออท....

เซเลน่าที่กำลังแต่งตัวก็พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เรื่องที่เธอนั้นได้พยายามที่จะเปิดดูใบหน้าของแมม่อน แต่ก็โดนทางนั้นพูดห้ามไว้เสียก่อน

ไม่ใช่สิ! นั่นเป็นเหมือนคำเตือนซะมากกว่า... ถึงอย่างนั้นก็ยังดีที่อย่างน้อยทางแมม่อนนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย คงจะเข้าใจดีว่าตัวเธอเองนั้นก็อยู่ในวัยที่อยากจะรู้อยากจะเห็นไปเสียทุกอย่าง...

หลังจากที่เซเลน่าแต่งตัวเสร็จ เธอเดินออกมาพบกับแมม่อนที่รออยู่ตรงหน้าประตู ทั้งสองเดินไปชั้นล่างพร้อมกับคืนกุญแจและเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปหาอับราฮัมที่รอพวกเขาอยู่ตรงหน้าประตูเมือง

ในตอนนั้นเองที่เซเลน่าก็พูดขึ้นมาว่า...

"นี่พวกเรายังมีเวลาเหลือสักหน่อยไหม?"

"พอจะมีอยู่หรอก...แต่ว่าท่านจะถามทำไมหรอ?"

"พอดีมีของที่อยากจะซื้อยู่..."

...

ตอนนี้เซเลน่ากำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะจะใช้ในการเดินทางระยะไกล เพราะชุดในตอนนี้นั้นไม่ค่อยจะเหมาะสักเท่าไหร่ มันรุงรังแถมยังทำให้เดินทางลำบาก

ซึ่งทางแมม่อนก็เข้ามาคอยดูอยู่ห่างๆ พนักงานสาวที่เห็นเขาเข้ามาในร้านตอนแรกต่างก็ตกใจ มองเขาด้วยสายตาแปลกๆเหมือนอยากจะออกจากที่ตรงนี้เพราะว่ากลัวอะไรบางอย่าง แต่แมม่อนก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด

"จำเป็นต้องให้ข้ามาอยู่ดูท่านซื้อชุดด้วยอย่างนั้นหรอ?" แมม่อนกระซิบถาม

"ฉันเองก็ไม่เคยเลือกชุดใส่เองสักเท่าไหร่ด้วยสิ เอาอย่างไงดีนะ?" เพราะว่าเซเลน่าเป็นองค์หญิงปกติแล้วพวกเมดและคนรับใช้จะเป็นคนเลือกและชุดที่เหมาะกับเธอที่สุด เธอจึงไม่เคยได้เลือกเองสักเท่าไหร่ ด้วยความสับสนนั้นจึงหันหลังกลับไปถามความคิดเห็นกับทางแมม่อน

"นายมีอะไรจะแนะนำบ้างไหม?"

"เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ข้าไม่สามารถที่จะตอบท่านได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขอเป็นชุดที่ให้เคลื่อนไหวง่ายๆ และทนทานระดับหนึ่ง คงจะประมาณนี้ละมั้ง"

"คุณพนักงานคะ! พอจะมีชุดแบบที่ว่าไหม?" เธอหันไปถามกับทางพนักงานสาวที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์

พนังงานสาวคนนั้นเดินออกมาอย่างทันทีด้วยความรีบร้อน ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะยังคงกลัวแมม่อนอยู่พอสมควรเลยพยายามจับจ้องไปที่เซเลน่าอย่างเดียว

"ถะ...ถ้าแบบนั้นทางร้านเราพอจะมีอยู่ค่ะ" เธอแนะนำไปที่ชุดๆหนึ่ง ชุดเดรสแขนยาวสีขาวยาวถึงแค่เอว กางเกงผ้าหยาบๆขายาวสีน้ำตาล รองเท้าบูทหนังยาว "ทั้งชุดเราขายแค่ 2 เหรียญทองเท่านั้นค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ? สนใจบ้างหรือเปล่า?"

"ขอลองใส่ดูจะได้ไหม?"

"เชิญค่ะ!"

ใช้เวลาสักพักที่เซเลน่าก็ออกมาโดยที่ใส่ชุดนั้น ดูเหมือนว่าสีหน้าเธอพอใจเป็นอย่างมาก เลยหันไปถามความคิดเห็นกับแมม่อนว่า...

"เป็นอย่างไงบ้าง?"

"สมแล้วกับที่เป็นนายท่านของข้า ไม่ว่าจะใส่อะไรก็สวยไปเสียหมดเลยจริงๆ"

"อย่างนั้นหรอ..." ดูเหมือนว่าทางเซเลน่าจะพอใจในคำชมของแมม่อน เลยเลือกที่จะซื้อชุดนี้ "ถ้างั้นฉันเอาชุดนี้...จะว่าไปที่นี่รับซื้อเสื้อผ้ามือสองไหม?"

"ค่ะ! ถ้าอย่างนั้นทางนี้ขอตรวจสอบดูสภาพของเสื้อผ้าก่อนนะคะ"

เซเลน่ารีบทำการยื่นเสื้อผ้าอันก่อนให้กับทางพนักงานไป แล้วหลังจากนั้นเธอก็เดินไปยังข้างหลังร้าน ใช้เวลาอีกสักพักเธอก็ออกมาพร้อมกับถุงที่บรรจุเงินไว้จำนวนหนึ่ง

"ทางเราได้ตีค่าเสื้อผ้าชิ้นก่อนหน้านี้แล้วราคารับซื้ออยู่ที่ 20 เหรียญทองค่ะ"

พอได้ยินดังนั้นเซเลน่ารีบเข้ามากระซิบที่ข้างๆหูของแมม่อนอย่างเบาๆว่า...

"ฉันว่ามันน่าจะราคาสูงกว่านี้นะ นายว่าพวกเขาโก่งราคาหรือเปล่า?"

"เราไม่มีทางเลือกในการต่อรองหรอกนะนายท่านของข้า เพราะว่าสักวันก็ต้องความแตกอยู่ดีว่ามันเป็นชุดของเจ้าหญิง เรารีบรับมาอย่างว่านอนสอนง่ายจะดีเสียกว่านะ"

"ตกลงเราขายในราคานั้น"

"หักค่าชุดที่ท่านซื้อไป 2 เหรียญทอง เงินทอน 18 เหรียญทองค่ะ"

ในขณะที่เซเลน่ากำลังจะรับเงินมานั้นเองตาของเธอได้ไปหยุดอยู่ตรงที่เสื้อหนังคลุมแขนกุดชั้นนอกกับกระเป๋าสะพายไหล่ที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เธออยากที่จะซื้อมันจึงถามกับทางพนักงานไปว่า...

"ของสองชิ้นนั้นขายเท่าไหร่?"

"เสื้อคลุมหนังนี่ราคา 1 เหรียญทอง ส่วนทางกระเป๋านี่ 5 เหรียญทองค่ะ"

"แพงจัง! เป็นไปได้ช่วยลดราคาหน่อยจะได้ไหม?"

...ค่าเงินของที่นี่เป็นสากลใช้กันทั่วทั้งโลก แบ่งเป็นเหรียญทองจักรพรรดิ เหรียญทองเหรียญเงิน และทองแดง ซึ่งทองจักรพรรดิเป็นเหรียญทองคำแท้บริสุทธิ์นั้นมีค่าสูงสุดในบรรดาทั้งหมด หนึ่งเหรียญนั้นมีค่าเท่ากับ 10 เหรียญทอง, เหรียญทอง 1 เหรียญ มีค่าเท่ากับ 100 เหรียญเงิน, ส่วน 1 เหรียญเงินนั้นมีค่า 10 เหรียญทองแดง ถ้าตามค่าแรงค่าต่ำแล้วละก็ปกติจะได้ราววันละ 3-5 เหรียญเงิน ถือว่าสิ้นค้าสองชิ้นนี้ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

"ต้องขอโทษจริงๆ ด้วยค่ะ พอดีช่วงนี้วัสดุในการทำมันค่อนข้างจะ..." ในตอนนั้นที่สายตาของพนักงานสาวได้เผอิญไปสบตากับแมม่อนที่กำลังมองมาที่เธออยู่ ถึงแม้ว่าจะปกปิดด้วยหน้ากากก็ตาม แต่ทางเธอก็สัมผัสได้ว่ากำลังโดนจ้องอยู่ เธอไม่มีทาเลือกรวมกับความกลัวเลยจำใจต้องลดราคาพูดทั้งน้ำตา

"ชะ...ช่างเป็นลูกค้าที่ตาแหลมจริงๆ สินค้าพวกนี้เป็นสินค้าชั้นยอดที่ถูกทักขึ้นจากช่างฝีมือที่เก่งที่สุดในเมือง ซึ่งตอนนี้กำลังลดราคาอยู่ สองชิ้นนี้ราคาแค่ 3 เหรียญทองเท่านั้นค่ะ 3 เหรียญทองเท่านั้น!!!"

"แหม...! ช่างเป็นราคาที่จับต้องได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นฉันขอซื้อค่ะ!" เซเลน่าตกลงที่จะซื้อหลังจากการต่อรองนั้น

.....

หลังจากที่จ่ายเงินแล้วเรียบร้อยพวกเซเลน่าก็เดินออกจากร้านไป....

"พวกเขาไปกันแล้วใช่ไหม?" เสียงหญิงชราเดินออกมาจากข้างหลังเคาน์เตอร์

"ค่ะ! พวกเขาไปแล้ว ว่าแต่เรื่องจริงอย่างนั้นหรอ? ที่ว่าสิ้นค้านั้นราคามากกว่าที่ท่านให้พวกเขา"

"ใช่สิ! เพราะว่ามันเป็นเสื้อผ้าขององค์หญิงที่หายตัวไปอย่างไงล่ะ?"

"แล้วพวกเขามีมันได้อย่างไง? อย่าบอกนะว่าพวกเขาฆ่าองค์หญิงแล้วปล้นเอามา! นี่มันเป็นอาชญากรแล้วนะ ต้องรีบไปแจ้งกับทางทหารที่อยู่ด้านหน้าเมืองแล้ว"

"เดี๋ยวก่อน! ย่าว่าองค์หญิงยังมีชีวิตอยู่ ท่านยังไม่ตายหรอก"

"แล้วท่านย่าแน่ใจได้อย่างไง?"

"เชื่อที่ย่าพูดเถอะ...!" แล้วหญิงชราก็เดินเข้าหลังร้านไป ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอได้พูดย้ำอีกว่า... "อีกอย่างนะ...ย่ารู้สึกว่าชายคนที่อยู่ด้วยอันตรายอย่างไงไม่รู้ เราไม่ควรเข้าไปยุ่งโดยไม่คิดให้ดี หลังจากนี้ย่าจะส่งจดหมายตรงไปที่ราชวังเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านราชาทราบ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าทำอะไรพลีพลามเด็ดขาด!"

"ค่ะ!"

....

ทางพวกเซเลน่าก็กำลังจะถึงที่นัดหมายไว้กับทางอับราฮัม ในตอนที่ทั้งสองกำลังจะเดินผ่านประตูเมืองออกไปนั้นเอง พวกเขาก็เผลอดันไปได้ยินทหารยามพูดคุยกนเกี่ยวกับเรื่องของอับราฮัมว่า....

"หมอนั่นยังไม่ล้มเลิกอีกอย่างนั้นหรอ?"

"คราวนี้เป็นสองคนนี้อย่างนั้นหรอ? น่าสงสารเป็นบ้า! ไม่รู้หรือไงว่ามันเปล่าประโยชน์น่ะ..."

พวกเซเลน่าไม่ได้สนใจแต่อย่างใดรีบเข้าไปสมทบกับทางอับราฮัมอย่างทันที

"มาแล้วอย่างนั้นหรอ เอาล่ะ! รีบขึ้นไปบนรถม้าเร็ว! จะออกเดินทางกันก่อนที่จะมืด"

"นี่ๆนายเองก็รีบขึ้นมาได้แล้วมัวทำอะไรอยู่?" เซเลน่าเรียกแมม่อนที่ยืนอยู่ข้างล่างรถม้าและกำลังหันมองเข้าไปในเมืองเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วขึ้นมาแต่โดยดี

"นี่นายมองอะไรอยู่ตั้งนาน?"

"ไม่มีอะไร...ก็แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย"

.....

หลังจากที่รถไปบนรถม้าพวกเขาทั้งสามก็ออกเดินทางไปยังที่หมู่บ้านที่อยู่ทางทิศใต้ ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่ทางเซเลน่าก็สังเกตได้ว่ารถม้าของอับราฮัมมันใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะนั่งกันสองคน เลยถามไปว่า....

"รถม้านี้ไม่ได้ขนของอะไรมากมายนิ อีกทั้งคนโดยสารก็มีแค่สองคนเท่านั้น แต่มันกว้างขนาดพอจะขนคนได้สัก 10-15 คนเลยนะ"

ทางอับราฮัมไม่สนใจสิ่งที่เซเลน่าสงสัยและแจ้งรายละเอียดของงานอย่างทันที "ถ้าอย่างนั้นผมของแจ้งรายละเอียดของงานในครั้งนี้ก่อนนะครับ"

"ไม่ใช่กำจัดอสูรที่เข้ามาในหมู่บ้านอย่างเดียวหรอ?" เซเลน่าถามขึ้นอย่าสงสัยเนื้อหาเกี่ยวกับงาน

"นั่นก็ใช่ครับ! แต่ก่อนหน้านั้นช่วยคุ้มกันในระหว่างที่ผมกำลังขนย้ายพวกชาวบ้านทีจะได้ไหมครับ? เพราะจะให้พวกเขาโดนลูกหลงไม่ได้"

ทางเซเลน่ายังสงสัยอยู่เลยถามไปว่า... "กะอีแค่...ก๊อปลินกับออร์คไม่น่าจะต้องจำเป็นถึงกับต้องขนย้ายชาวบ้านหรอกมั้ง?"

"..." อับราฮัมไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

"เข้าใจแล้ว!" แมม่อนก็พูดรับคำไปอย่างทันที

พวกเขาใช้เวลากันสักพักก็มาจนถึงที่หมายในเวลาบ่ายๆ อับราฮัมจอดรถม้าก่อนจะถึงหมู่บ้าน เขาพยายามส่องดูลาดเลาก่อนที่จะเข้าไปในนั้น

หมู่บ้านที่เงียบสงัด แทบไม่มีเสียงคนพูดหรือเดินไป-มา ทุกอย่างเงียบราวกับเป็นหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นระยะเวลานานมาก อับราฮัมขับรถม้าไปจอดยังที่บ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะหันมาบอกกับเซเลน่าและแมม่อนว่า...

"รบกวนด้วยนะครับ" แล้วเขาก็ลงจากรถม้าไปดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น

ส่วนทางแมม่อนก็กระโดดลงรถม้าไปเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับทางเซเลน่าก็กระโดดตามลงมาทีหลัง

ไม่นานนักอับราฮัมก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง พวกเขาดูผอมแห้ง ท่าทางหิวโซเหมือนจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน มีคนชรา เด็ก ชายและหญิงปะปนกันไป หนึ่งในนั้นเหมือนว่าจะมีคนหนึ่งที่แตกต่างออกไป เด็กสาวที่มีหูและหางเป็นหมาป่าปะปนอยู่ในนั้นด้วย

อับราฮัมทำการลำเลียงขนย้ายคนทุกคนขึ้นไปบนรถม้าอย่างช้าๆ และเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนทุกคนนั้นขึ้นไปบนรถม้ากันเรียบร้อย เหลือเพียงแค่แมม่อนและเซเลน่าที่ยังอยู่ข้างล่าง

หลังจากนั้นอับราฮัมก็เดินมาหาทางเซเลน่าพร้อมกับยื่นดาบสั้นเล่มหนึ่งให้เพราะเขาเห็นว่าตัวเธอนั้นยังไม่มีอาวุธป้องกันตัว แล้วเขาก็เดินไปทางแมม่อนก่อนจะพูดขึ้นมาว่า...

"ฝากด้วยนะครับ"

ทางแมม่อนพยักหน้า และอับราฮัมก็ขึ้นไปบนรถม้า เขาหลับตาลงชั่วครู่หนึ่งพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ แล้วก็ควบรถม้าออกจากหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว จนทางเซเลน่าตกใจขึ้น นึกว่าพวกเขานั้นกำลังจะโดนทิ้ง เธอเลยพยายามวิ่งตามไป

"ทำอะไรน่ะ!" เธอตะโกนถามออกไป

และทันใดนั้นเอง...ผืนแผ่นดินเริ่มสั่นไหว แตกระแหงเป็นทาง เหมือนว่ากำลังมีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาหาพวกเขา ปรากฏเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์รูปร่างมันคล้ายกับสลาแมนเดอร์แต่มีขนาดที่ใหญ่มาก ผิวมันวาวดูลื่นๆ คลานสีขาพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินมาพร้อมกับอ้าปากขนาดใหญ่มาตรงที่รถม้า เพื่อหวังจะกิน

ในตอนนั้นเองที่จู่ๆมันก็หยุดลงก่อนที่จะกินรถม้า โดยแมม่อนใช้เพียงแค่มือเดียวในการหยุดมันลงได้อย่างง่ายดาย จนทำเอาทางอับราฮัมและคนอีกหลายคนถึงกับอึ้งตะลึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็ไม่มีเวลามาทำอะไรอย่างนั้นเขารีบควบรถม้าออกนอกหมู่บ้านอย่างทันที

"นี่มัน!" เหมือนว่าแมม่อนจะรู้จักสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ แต่ทางเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จับมันยกขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียวและทุ่มมันลงอย่างสุดแรง เกิดเป็นฝุ่นคละคลุ้งทั่วหมู่บ้าน จนมันนอนดิ้นในสภาพที่หงายท้อง แมม่อนหยิบก้อนหินเล็กๆแถวนั้นไว้ในมือ หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นหอกเล่มหนึ่ง แมม่อนทำการเสียบหอกลงที่กลางหัวของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์แล้วมันก็ได้แน่นิ่งไป

"นี่มันตัวอะไร?" เซเลน่าพูดขึ้นในขณะที่ตัวเองก็หลบอยู่แถวๆนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะขึ้นรถม้าไปไม่ทันเลยทำให้ต้องอยู่ในหมู่บ้านนี้พร้อมหน้ากับแมม่อนอย่างช่วยไม่ได้

"สิ่งนี้...ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้" แมม่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

"นายพูดถึงเรื่องอะไร? ที่ว่าสิ่งนี้ไม่ควร..."

ในตอนนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้างนอกหมู่บ้าน พบเป็นอับราฮัมที่เป็นต้นตอของเสียงนั้น เขาพยายามตะโกนเตือนอะไรบางอย่างจากที่ไกลๆ

"ระวังด้วยครับ! มันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว!!!"

...

"!!!"

สิ้นสุดเสียงเตือนก็มีสัตว์อสูรพุ่งขึ้นจากดินอย่างรวดเร็ว และมันก็กำลังจะกินเซเลน่า แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะทางแมม่อนนั้นผลักตัวของเธอกระเด็นออกไปไกล แล้วเอาตัวเองเข้ารับแทน

สัตว์อสูรนั่นมันเข้ากัดที่แขนข้างหนึ่งแล้วลากตัวของแมม่อนเข้าไปในป่า เซเลน่าที่เห็นแบบนั้นเลยวิ่งตามเข้าไป

...แปลกนะ ทั้งที่เขาสามารถใช้แรงแขนเพียงแค่ข้างเดียวในการยกมันได้แท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงถูกลากออกไปเสียเองล่ะ...

เซเลน่าวิ่งไปจนพบกับแมม่อนที่โดนกัดเข้าที่แขนข้างหนึ่งกำลังทรุดกระชากกับทางสัตว์อสูรขนาดยักษ์นั่น และเหมือนว่ากำลังเสียเปรียบเรื่องกำลัง เซเลน่าดึงดาบสั้นออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอวิ่งเข้าไปฟันเพื่อที่จะช่วยแมม่อนให้ได้อย่างน้อยก็ดี แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ ดาบสั้นนั้นไม่สามารถที่จะฟันผ่านผิวหนังที่เต็มไปด้วยเมือกเหนียวลื่นๆ ของมันได้ ในจังหวะนั้นเองที่เธอก็โดนลูกหลง มันสะบัดหางเข้าฟาดใส่ตัวของเธอจนกระเด็นออกไปไกล จนเกือบหมดสติลงซะตรงนั้น แต่เธอก็ยังรวบรวมแรงกายเท่าที่มีลุกขึ้นยืนต่อได้

ประจวบเหมาะพอดีที่ทางแมม่อนถูกกัดจนแขนข้างหนึ่งขาดกระเด็นมาทางที่เซเลน่ายืนอยู่ และหลังจากนั้นมันใช้หัวดันตัวของแมม่อนเสยขึ้นกลางอากาศ ช่วงจังหวะนั้นเองมันเข้ากลืนร่างของแมม่อนที่กำลังลอยลงท้องไป...

"มะ ไม่จริงน่า.....!"

แววตาของเซเลน่าเริ่มสิ้นหวัง ตัวเธอรู้ดีเลยว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถรับมือได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามจะหนีก็ตามเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องหนีอย่างไร? หนีไปที่ไหน? จะหนีจากมันได้จริงอย่างนั้นหรอ?

ตาย...ตาย...ตาย..ตาย...ตาย...ตาย

คำๆนี้มันพูดขึ้นมาในหัวไม่หยุด น้ำตาไหลออกอาบใบหน้า เสียงฟันกระทบกันสั่นถี่ๆ แสดงถึงความกลัว ดวงตาของเธอเริ่มแข็งทื่อไร้ชีวิตชีวาราวกับปลาตาย ร่างกายที่แข็งไม่สามารถที่ขยับได้ดั่งใจราวกับหนูที่ถูกงูจ้อง มันจ้องมาที่เธอพร้อมกับอ้าปากอันกว้างใหญ่อย่างช้าๆ และเข้าพุ่งมาที่เธอ...

....นี่ฉันตัดสินใจอะไรผิดไปอย่างนั้นหรอ?...

ในวินาทีที่สัตว์อสูรขนาดยักษ์กำลังจะกินเซเลน่า จู่มันก็หยุดลงอย่างกะทันหัน มันถอยหลังออกไป เริ่มดิ้นทุกข์ทรมานเจ็บปวดเหมือนมีอะไรอยู่ในท้องของมัน จากนั้นร่างกายของมันก็ บิดงอเปลี่ยนรูปร่างจนผิดรูปเดิม และหลังจากนั้นไม่นานร่างของมันก็ระเบิดออก...

เกิดฝนสายเลือดตกลงย้อมทุกอย่างในบริเวณนั้นเป็นสีแดงฉาน พร้อมกับเศษชิ้นส่วนอวัยวะของมันแตกกระจายล่นลงพื้นดูน่าสยดสยอง ปรากฏร่างกายสีดำอันใหญ่โตท่ามกลางสิ่งของสด เหม็นคาวเลือดเหล่านั้น

ร่างสีดำจ้องมองมาที่เซเลน่า แล้วมันค่อยย่างฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ตอนนั้นเธอกลัวเป็นอย่างมากเลยเอื้อมมือไปจับดาบสั้น ชี้ไปที่ร่างสีดำที่กำลังเดินเข้ามา ถึงแม้ว่าที่อยู่ตรงหน้านั้นตัวเธอเองจะรู้ดีว่าไม่ใช่ศัตรู แต่ในจิตใจที่กระวนกระวาย จิตใต้สำนึกมันบอกกับเธอว่า....

กลัว...!

เธอสับสนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจสิ่งมีชีวิตที่สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเรื่องปกติดีหรือไม่

แมม่อนเดินเข้าใกล้เซเลน่าเรื่อยๆ เขาเอื้อมมือออกไปอย่างช้าๆ เพื่อปลอบเธอที่ทำให้เสียขวัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ในตอนนั้นเองที่เธอก็ตระโกนออกมาเสียงดัง ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกและตัวที่สั่นเทา

"ยะ...อย่าเข้ามานะ!!!"

....

....

เมื่อเห็นดังนั้นแมม่อนจึงดึงมือกลับไป พร้อมกับเดินผ่านตัวของเซเลน่าแล้วไปหยิบแขนที่ขาดออกต่อเข้ากลับที่เดิม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า...

"ข้าขอโทษจริงๆที่ทำให้ท่านกลัว"

แล้วเขาก็เดินออกจากป่าไป...