webnovel

ช่วยเหลือ

มลกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าหน้าเขาตอนนี้คล้ายผู้เป็นพ่อมาก ไม่แปลกอะไรที่แม่จะเข้าใจผิด

"ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ท่านพ่อ"

จันทประภากะพริบตา จ้องผู้เป็นลูกเขม็ง "เจ้าคือ.."เธอถามอย่างไม่แน่ใจ

"ท่านแม่ ข้าคือมลเอง"

กินรีส่ายหน้า "ลูกของข้าไม่ได้หน้าตาเป็นแบบนี้"

"มีฤๅษีช่วยถอดหน้ากากให้ลูก" มลอธิบาย "ข้าคือมลจริง ๆ"

เธอยังคงมองเขาอย่างคลางแคลง "เจ้ามีหลักฐานอะไร"

มลกระซิบอะไรบางอย่างใส่หูผู้เป็นแม่ ความลับที่มีแต่เขากับแม่เท่านั้นที่รู้

"ลูกแม่" จันทประภาร้อง โผเข้าสวมกอดลูกชาย "แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าหน้าเหมือนพ่ออย่างกับพิมพ์เดียวกัน"

"ข้าก็คิดถึงท่านแม่" มลว่า "แต่เดี๋ยวเราค่อยคุยกันดีกว่า เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด"

"ไป" จันทประภาทวนคำ "ไปไหนหรือ"

"ก็กลับบ้านเมืองเราอย่างไรเล่า" มลว่า "หรือท่านแม่ติดใจ ไม่อยากกลับเสียแล้ว" เด็กชายอดประชดตามประสาเด็กไม่ได้

จันทประภาส่ายหน้า "เจ้าพูดอะไรอย่างนั้น แม่มาอยู่ที่นี่ ไม่เคยได้รับความสุขเลยสักวัน"

มลกำหมัดแน่น "เจ้ารากษสนั่นมันย่ำยีแม่ใช่ไหม เดี๋ยวข้าจะจัดการมันเอง"

"เขาก็พยายามอยู่" จันทประภาว่า."แต่โชคดีที่แม่ฉลาดพอจะเอาตัวรอดได้ แม่แกล้งทำเป็นบ้า เล่นพวกของสกปรก เอาอุจจาระ ปัสสาวะมาละเลงตัว"

"ท่านแม่" มลร้องด้วยความตกใจ

"แม่จำเป็นต้องทำ ให้พวกมันคิดว่าแม่เป็นคนบ้า ดีกว่าที่ต้องมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รัก ในโลกนี้แม่รักแค่พ่อของเจ้าเท่านั้น แม่ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้ากับพ่ออีกแล้ว โชคดีจริง ๆ ที่เจ้ามา รีบไปกันเถิด ลูกรัก แม่คิดถึงพ่อของเจ้าจะตายอยู่แล้ว

"งั้นจับมือข้าไว้นะขอรับ ข้าจะพาท่านแม่เหาะ" แม้จันทประภาจะเป็นกินรี แต่เธอก็สูญเสียปีกไปแล้วจึงไม่อาจโบยบินบนท้องฟ้าได้

จันทประภาเอื้อมมือมาจับมือลูกชาย พวกเขาทั้งสองเหาะออกทางหน้าต่าง และเธอก็ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นคนผมขาวยืนอยู่กลางอากาศ อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ กินรีเกือบจะตกไปแล้ว แต่โชคดีที่มลมีสติพอที่จะประคองแม่ไว้ เขาหันไปจ้องเคียวเขม็ง

"เจ้าบ้า" มลดุ

"โทษที" เคียวยอมรับผิดแต่โดยดี "รีบไปกันเถอะ"

"ใครกันน่ะ" จันทประภาถาม

"เพื่อนข้าเองขอรับ"

พวกเขาเหาะกันตลอดคืน จนในที่สุดก็มาถึงเมืองวิทยาธร

"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่เหาะไปแต่แรก" เคียวว่าเมื่อร่อนลง

"ถ้าเหาะไป เราก็สืบเรื่องไม่ได้น่ะสิ" มลว่า

"ในที่สุดก็ได้กลับมาเสียที" จันทประภาว่าอย่างดีใจ "แล้วพ่อของเจ้าอยู่ไหนเล่า"

เคียวกับมลมองหน้ากันไปมา ต่างฝ่ายต่างไม่อยากแจ้งข่าวร้าย

"ท่านแม่ไปนอนพักก่อนเถิดขอรับ" มลเบี่ยงประเด็น แม่ยังไม่ควรรู้ข่าวร้ายตอนนี้

จันทประภาขมวดคิ้ว "นอนอะไรตอนนี้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แม่รอพ่อเจ้ามานานแล้ว ไม่อยากรออีก"

"แต่ว่า.." มลเริ่มและไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

"พาแม่ไปหาพ่อเดี๋ยวนี้" จันทประภาสั่งอย่างเฉียบขาด

มลกลืนน้ำลาย เขาหันไปหาเพื่อนรุ่นพี่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ

"ตามข้ามาขอรับ" มลเดินนำ กินรีตามลูกไปติด ๆ เธอคาดว่าจะเห็นเขาไปที่ตำหนักเก่าของผู้เป็นพ่อ แต่เด็กชายกลับเลี้ยวไปที่สุสานเก็บอัฐิของบรรพชนกษัตริย์

"เจ้ามาที่นี่ทำไม" จันทประภากรีดร้อง เมื่อลูกชายเปิดประตูสุสานออก โค้งคำนับให้เธอ ก่อนจะผายมือเชิญให้เข้าไปข้างใน

มลทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ "ก็ท่านแม่อยากพบท่านพ่อไม่ใช่หรือขอรับ"

จันทประภาอ้าปากค้าง "เจ้าไม่ได้หมายความว่า.." ลำคอของเธอตีบตัน ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปได้อีก

มลพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ท่านพ่อเสียชีวิตในสงคราม ข้าให้เขาเก็บพระศพไว้ รอท่านแม่กลับมา"

ชายาหม้ายของมณีโชติปรี่เข้าไปในห้องเพื่อจะดูให้เห็นกับตา เธอไม่เชื่อเด็ดขาด นี่ต้องเป็นแผนอำเล่นที่พ่อลูกวางขึ้นมาหลอกเธอแน่ ๆ แต่สภาพศพที่เห็นในโลงนั้นชัดเจน

จันทประภากอดโลงศพร่ำไห้ "ทำไม ทำไมท่านพี่ไม่รอข้า ข้ากลับมาหาท่านแล้ว"

มลปาดน้ำตา เขาเข้าไปคุกเข่าข้างผู้เป็นแม่

"พ่อของเจ้าตายอย่างไร" จันทประภาถามเสียงเครือ

มลเล่าเรื่องให้แม่ฟัง

"เป็นความผิดของข้าเอง" เด็กชายยอมรับ "ถ้าเพียงแต่ข้ารอบคอบกว่านี้สักหน่อย"

"หุบปาก" กินรีตวาด

วิทยาธรน้อยกลืนน้ำลาย เขาก้มลงมองพื้น แม่โทษเขาที่พ่อตาย จะไม่โทษได้อย่างไร ในเมื่อมลเองยังโทษตัวเองเลย

"เงยหน้าขึ้นมองข้า" จันทประภาพูดด้วยเสียงอ่อนโยนลง

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง คาดว่าจะเห็นแววรังเกียจในแววตานั้น แต่ดวงตาของแม่ก็ยังเต็มไปด้วยความรักเหมือนเดิม

"ฟังนะ เจ้าไม่ผิด พ่อเจ้าเลือกที่จะเป็นอย่างนี้เอง และแม่ก็รู้นิสัยเขาดี ต่อให้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เขาก็เลือกที่จะปกป้องเจ้า"

"แต่ถ้าข้าไม่" มลเริ่ม

จันทประภาจับบ่าทั้งสองของลูกชาย "ทุกคนผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งพวกเทวดาก็ยังพลาดได้ อย่าโทษตัวเองเลย แม่ไม่ต้องการให้เจ้าโทษตัวเอง" เธอชำเลืองไปที่ศพสามี "และพ่อของเจ้าก็เช่นเดียวกัน"

"ท่านพ่อจะให้อภัยข้าไหมขอรับ" มลถามอย่างมีความหวัง

"ทำไมเขาต้องอภัยเจ้าด้วย" จันทประภาถาม แต่เมื่อเห็นสายตาโศกเศร้าของลูกชายก็รีบพูดเสริมว่า "เพราะเขาไม่มีวันโกรธเจ้าหรอก"

น้ำตาของมลร่วงผล็อยลงมา จันทประภายกมือลูบหลังเป็นการปลอบโยน

มลเช็ดน้ำตา "งั้นเราเผาศพท่านพ่อกันเถิดนะขอรับ"

จันทประภาพยักหน้า

พวกเขาจัดงานศพให้มณีโชติอย่างสมเกียรติ หลังจากเผาศพผู้เป็นพ่อเสร็จ มลก็บรรจุอัฐิของมณีโชติรวมกับบรรพชนกษัตริย์ทั้งหลาย และแต่งตั้งจันทประภาเป็นพระพันปีหลวง

กูณฑ์เห็นว่าพวกเขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว มลมีแม่มาอยู่ด้วย สภาพจิตใจของเด็กชายดีขึ้นตามลำดับ

"มล" กูณฑ์เรียก

ตอนนี้มลกำลังพักผ่อนอยู่ในอุทยาน เขาฉอเลาะเอาใจผู้เป็นแม่ไม่หยุด

"กินหน่อยนะครับ ท่านแม่" มลหันมาทางกูณฑ์ "มีอะไรหรือ"

"ฉันกับเคียวอยากกลับบ้านแล้ว" กูณฑ์ว่า ลอบมองสำรวจมล มลดูดีขึ้นจริง ๆ สีหน้าสดใสขึ้น แววตาเปล่งประกาย เด็กชายทำใจได้เร็วกว่าที่เขาคิดไว้ อาจเป็นเพราะเขาเจอเรื่องร้าย ๆ มามากจนชินชาก็ได้

"นั่นสินะ" มลรำพึง การพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา กูณฑ์ไม่ใช่คนของหิมพานต์ สุดท้ายเขาก็ต้องไปอยู่ดี แม้จะเข้าใจเหตุผล เขาก็อดเสียใจไม่ได้

กูณฑ์เองก็รับรู้ความรู้สึกของมลผ่านทางน้ำเสียง เขาเองก็ผูกพันกับมลเหมือนกัน พวกเขาอยู่ด้วยกันมาเป็นปี ๆ

"ฉันคิดถึงพ่อกับแม่ นายต้องเข้าใจนะ"

มลสูดน้ำมูก "ข้าเข้าใจ เดี๋ยวพวกเราเดินทางไปหาเจ้าตาด้วยกัน"

กูณฑ์พยักหน้าพร้อมยิ้มให้ "จะไปตอนไหน พรุ่งนี้เลยไหม"

มลส่ายหน้า "ธุระยังไม่เสร็จ ข้าขอจัดการสักสองวัน"

เด็กหนุ่มหัวไฟหน้ามุ่ย "แต่ว่า…"

 

ราชาวิทยาธรส่งสายตาอ้อน "อีกแค่สองวันเอง เจ้ารอมาได้เป็นปีแล้ว"

กูณฑ์พยักหน้า "ก็ได้"