webnovel

บทนำ

หกปีก่อน บ้านสีครีมในภูเก็ต ภายในห้องนั่งเล่น แม่กำลังกร่ายมือทั้งสองข้างกดลงตัวโน้ตสีขาว บนเปียโนกลางห้องรับแขกร้องเพลงไปด้วย "ตื่นเร็วลูก บอกลาพ่อหน่อยเร็ว"

"คะแนนเอสเอทีด้วย" พ่อตะโกนถามมาจากทางออกหน้าบ้านก่อนจะมาเจอพัฒน์นอนหลับอยู่ที่โซฟา "นี่คนจรจัดที่ไหนมานอน" พ่อพูดแดกดันกับพัฒน์

พัฒน์ชอบนอนบนโซฟาเสมอตอนเด็ก ๆ เขาเบื่อห้องนอน พัฒน์ตื่นมาบอกพ่อ "งี้แหละผมถึงชอบกลับช่วงคริสต์มาส เพราะพ่อไม่อยู่บ้าน"

"เขาต้องเตรียมตัวไปเรียนเมืองนอก" แม่เตือนสามีตัวเอง

"เรียนรักน่ะสิ? ควงใครอยู่ตอนนี้?" พ่อถามพัฒน์

"พราว" พัฒน์ตอบให้จบ ๆ ไป

"พ่อขอ อย่าก่อเรื่องจนถึงวันจันทร์"

"กลับวันจันทร์สินะ ดีที่รู้ ได้วางแผนปาร์ตี้ชีเปลือยถูกหรือชวนกลุ่มบิกแบงผมมาเผาบ้าน" พัฒน์ประชดบอกชื่อกลุ่มเหมือนชื่อวงบอยแบนด์เกาหลีในช่วงเวลานั้นและถามต่อ "เที่ยวไหนกัน?"

"พ่อจะพาแม่ไปสิงคโปร์ พักสมอง" อารยาพูด

"อาจจะแวะระหว่างทางบ้าง ลูกควรหางานอดิเรกบ้าง"

"ชัวร์อยู่แล้ว ผมกำลังดูอยู่"

"ลูกเคยพยายามบ้างมั้ย? ที่จะไม่ทำเรื่องอันตราย" พ่อถามพัฒน์อีกรอบเรื่องงานอดิเรก ทั้งที่เขาเป็นคนกดดันและวัดผลลูกหลายอย่าง

"ผมกำลังพยายามอยู่" พัฒน์ตอบซ้ำ

"เพื่อมหาลัยเมืองนอกเหรอ?" พ่อถาม

พัฒน์นิ่งเงียบและเหม่อคิดชั่วครู่ "ผมได้ 1585 มันไม่พอ พ่อไปสัมมนาวิชาการใช่มั้ย? ไม่ต้องห่วงบังกะโลที่นู่นมีเมนูคริสต์มาสอร่อย" พัฒน์ตอบคะแนนเอสเอทีและตามด้วยการประชดพ่อกลับ

"เขาว่าประชดเก่ง สื่อถึงอัจฉริยะ ถ้าจริงโตไปลูกรุ่งแน่แต่ลูกควรเรียนการหัดพูดนะ" พ่อพูดกับพัฒน์ พ่อพัฒน์ไม่เคยสนใจถ้าไม่ได้คะแนนเต็มเขาสนใจแค่เรื่องที่ตัวเองอยากพูด และหันไปทางแม่ "ผมจะไปเอากระเป๋า"

"พ่อคิดถึงลูกตอนที่ลูกไม่อยู่ที่นี่ และบอกตามตรง ลูกจะคิดถึงพ่อแม่เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะอยู่ด้วยกันรู้นี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พูดความในใจถ้าไม่อยากเสียใจที่หลัง" อารยาเข้ามาพูดกับพัฒน์ ขณะที่พัฒน์ยืนกอดอกและไม่ได้มองหน้าแม่ของตัวเอง พัฒน์ไม่ยอมรับการตัดสินใจของครอบครัวครั้งนี้ที่เหมือนเขาไม่เกี่ยวด้วย ไม่ยอมรับที่เขาไม่เคยพยายามพอถึงมาตรฐานของพ่อแม่เลย

"ผมรักพ่อครับ และผมรู้ว่าแม่พยายามทำดีที่สุดแล้ว"

อารยาเข้ามาหอมแก้มพัฒน์ก่อนที่เธอจะเดินออกประตูไป และพ่อก็เดินตามออกไป พัฒน์มองทั้งสองคนออกจากบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะไม่ได้เจอพ่อและแม่อีก สำหรับอารยาหมายถึงสภาพที่อารยาจะพูดคุยได้ปกติ พัฒน์หวังว่าจะพูดประโยคสุดท้ายออกไป แต่ในช่วงเวลานั้นเขาได้แต่ยืนมอง เห็นทั้งสองเดินออกจากบ้านไปลับหายไป ถึงแม้ทั้งหมดจะเป็นความทรงจำ ราวกับเป็นการอ้วกของพระเจ้า เป็นการทำงานของสมองส่วนฮิปโปแคมบัสเพื่อแก้ทุกข์เข็ญจากมุมมองทางความทรงจำที่เศร้า แต่มันไม่ได้แก้ความจริงว่าทั้งสองคนไม่ได้กลับมาหรือสารพัดวิธีที่พัฒน์เก็บกดความเศร้า

นั้นเป็นหนึ่งในความทรงจำเรื่องที่คิดก่อนที่จะตาย วันนี้ผมจะกลับไปพูดคุยกับพวกเขาถ้าผมเชื่อเรื่องวิญญาณหน่ะนะ พัฒน์คิดแบบนั้น

กลับมาที่ปัจจุบัน พัฒน์นอนลอยตัวอยู่ในแท๊งค์น้ำประกายด้วยข้อมูลรายล้อมรอบตัว เท้งเต้งเหมือนทารกในครรภ์ 'ผมเคยฝันว่าผมตายไปแล้ว ผมไม่อยากพูดถึงมัน คนที่ได้ช่วยผมไว้ พวกเขาจากไปแล้วและสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาบอกกับผมคือมันขึ้นอยู่กับตัวผมเองแล้ว ผมว่ามันดีขึ้นนะ เมื่อรู้ว่าคนที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของผมก็คือตัวผมเอง ตอนผมอยู่ในความฝันพวกนั้น ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นอย่างนั้นมาตลอด เหมือนผมไม่เคยมีชีวิตอยู่เลย เหมือนผมยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่างในตอนนี้ แล้วนับภาษาอะไรกับอนาคต ในคืนที่รถชนตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ ผมต้องสู้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อวันข้างหน้า ผมคิดว่าพวกเราหลาย ๆ คนก็เป็นและเมื่อผมเริ่มคิดว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างและคิดว่าในตอนนี้ควรเริ่มต้นด้วยการพูดความจริง ความจริงก็คือผมไม่รู้ความจริงและสิ่งที่เผยตรงหน้าไม่เคยดีพอ วิทยาศาสตร์คือการค้นพบความจริงไม่ใช่ตัดสินมัน และนั้นก็เป็นเรื่องยากและน่ากลัว เพราะมันเหมือนเราไม่รู้คำตอบของมันและเราจะไม่รู้ว่าเราจะพบกับอะไร เมื่อเรามองหามัน มีใครบางคนเคยบอกว่าผมเก่ง ผมน่าจะเก่งเพื่อตัวเองและเพื่อคนอื่นและเพื่อทุกคนที่ผมได้รู้จัก'