webnovel

นับหนึ่งถึงควินซ์ [BL]

Autor: TheMoonsky
realistisch
Laufend · 82.1K Ansichten
  • 44 Kaps
    Inhalt
  • Bewertungen
  • NO.4
    UNTERSTÜTZEN
Zusammenfassung

เส้นทางเของ ’เฟรนโซน‘ สู่ ’แฟนโซน‘ นั้นไม่ง่าย ’ให้ดอกไม้กูทำไม ให้เอาไปปักแจกันเหรอ ดีๆ ดอกไม้เก่าเหี่ยวพอดี ขอบใจ‘ กูให้ดอกไม้เลยนะ มึงเขินกูหน่อยสิ! ทำไมจีบเพื่อนมันยากแบบนี้!

Chapter 1บทนำ

Intro

"ป๋า นับอยากกินขนม"

"เดินไปบอกควินซ์สิ"

"พี่ควินซ์ไม่อยู่ ไปไหนไม่รู้"

อืม เหมือนควินซ์จะลาช่วงเช้า

ตอนนี้เพิ่งสิบโมง

"สั่งแกร๊บให้เขามาส่งแล้วลงไปเอา" ผมเสนอทางเลือกให้

"ถ้าสั่งแล้ว ป๋าลงไปเอาให้หน่อยสิ นับอ่านการ์ตูนอยู่"

ปากกาที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่หยุดชะงักและอยากเอาจะมันขว้างใส่หัวน้องชายจอมเอาแต่ใจที่กล้าใช้ตัวเขาผู้เป็นประธานบริษัทคนนี้ลงไปเอาขนม

"ป๋าไม่ว่าง" จะลงไปเอาให้มันก็ได้อยู่แต่งานของเขากองอยู่เต็มโต๊ะจนกระดิกไปไหนไม่ได้เลย "สั่งไอ้เก้าให้ซื้อมาให้สิ"

"กว่าพี่เก้าจะมา ผมหิวตายพอดี" บ่นกระปอดกระแปดแล้วปิดหนังสือการ์ตูนจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ "ผมลงไปเอาเองก็ได้!"

สุดท้ายก็ทนความหิวไม่ไหวจึงต้องลงไปเอาของกินข้างล่างตึกเอง ผมยิ้มอ่อนกับท่าทางเอาแต่ใจของนับสอง จะว่าน้องทำตัวเอาแต่ใจก็ไม่ได้เพราะคนที่เลี้ยงนับสองให้มีนิสัยเสียแบบนี้มันก็พวกผมทั้งนั้น

วันนี้นับสองมาอยู่ที่ทำงานกับผมเหมือนจะเป็นเรื่องน่าดีใจนะ น้องชายสุดที่รักมาเฝ้าเขาทำงาน แต่เปล่าเลย... วันนี้ไอ้เด็กเวรเก้ามันทำงานถ่ายโฆษณาอยู่ในสตูดิโอใหญ่ด้านหลังบริษัทของผม

นับสองเลยมานั่งๆ นอนๆ รอไอ้เด็กนั่นที่ห้องทำงานผม คิดแล้วมันก็เศร้าใจ น้องเห็นแฟนดีกว่าพี่ชาย ฮึ่ย!

ผมนั่งอ่านนั่งดูเอกสารจนปวดตาไปหมดจึงวางปากกาในมือลงแล้วจะกดโทรศัพท์เพื่อเรียกควินซ์ เลขาคนสนิทให้ไปชงเครื่องดื่มอะไรเย็นๆ

แต่นึกได้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าบริษัทช่วงบ่ายก็จำต้องลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปชงเครื่องดื่มเอง เปิดประตูออกมาจากห้องทำงานแล้วเปรยตามองโต๊ะทำงานของควินซ์ที่เป็นระเบียบบ่งบอกว่าตัวเจ้าของโต๊ะมีนิสัยเจ้าระเบียบขนาดไหนแล้วก็หลุดยิ้มออกมานิดๆ

ขายาวก้าวเดินผ่านโต๊ะทำงานไปยังห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน บางครั้งผมมีงานเยอะจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปกินข้าวก็ต้องให้ควินซ์ไม่ก็แม่บ้านทำอาหารที่นี่

"...กาแฟกี่ช้อนวะ"

ผมขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวเพราะปกติแล้วเขาก็แค่สั่งกาแฟกับควินซ์ไป ไม่ได้บอกว่าใส่อะไรเท่าไร ถ้าบอกว่าผมไม่รู้อัตราส่วนการชงกาแฟก็ใช่ ถูกต้องเลย ไม่รู้จริงๆ

ดังนั้นจึงวางกระปุกผงเมล็ดกาแฟลงแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมเย็นๆ ออกมาแทน

เมื่อได้เครื่องดื่มแล้วก็เดินกลับห้องไปนั่งทำงานต่อ ยังมีเรื่องการลงทุนภาพยนตร์ในต่างประเทศสี่เรื่อง และยังต้องเลือกนักแสดงส่งไปแคสติ้งในฮอลลีวูดอีก

งานยุ่งจริงๆ

กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งที่เห็นน้องชายตัวดีกำลังนั่งกินไก่บอนชอนที่ไม่รู้ว่ามันไปเหมามาทั้งร้านรึไง มีถึงสี่ห้ากล่องใหญ่ แต่เชื่อเถอะว่ากินหมด

เลิกสนใจนับสองแล้วกลับไปนั่งทำงานต่อ จนถึงเวลามื้อเที่ยง ผมก็ยังคงนั่งทำงานต่อ ตอนนับสองชวนออกไปหาข้าวกินก็ปฏิเสธไป...

"ป๋านี่บ้างานจริงๆ" นับสองบ่นทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป

"เคลียร์งานก่อนไปทริปไง หรือจะให้ป๋าหอบงานไปด้วย"

"งั้นป๋ารีบทำเลยแล้วจะเอาข้าวอะไรมั้ย"

"เดี๋ยวป๋าสั่งเอา"

นับสองพยักหน้าแล้วพูดทิ้งท้ายก่อนไป "อย่าหักโหมมากนะ"

ผมพยักหน้าตอบส่งๆ ไม่ได้อยากบ้างานแต่ช่วงนี้งานมันเยอะ เร่งทำเอาช่วงนี้เพราะเดี๋ยวสิ้นเดือนจะได้ไปเที่ยวทริปครอบครัวได้อย่างสบายใจน่ะสิ

ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าในห้องตอนนี้มีคนเดินเข้ามาใหม่... ปากกาในมือถูกดึงออกไปในจังหวะที่กำลังจะเซ็นตกลงสัญญาการลงทุนภาพยนตร์

ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจกำลังจะตวาดใส่การกระทำอุกอาจแต่พอเห็นว่าคนที่ดึงปากกาออกเป็นใครก็เก็บปากแทบไม่ทัน

"เที่ยงแล้ว ทำไมไม่กินข้าว" เสียงดุมาพร้อมกับแววตานิ่งเรียบทำเอาผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนกัน

"กลับมาแล้วเหรอ"

"ผมถามคุณ ไม่ใช่คุณถามกลับนะบอส" เสียงแหบว่าตำหนิแล้วจัดการหยิบแฟ้มดึงเอกสารมาปิด "ไปนั่งโซฟาแล้วกินข้าวซะ ผมซื้อมาให้แล้ว"

ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วต่อรอง "ขอเซ็นสัญญาอันเมื่อกี้ก่อน" ไหนๆ ก็อ่านครบจบหมดแล้วก็เซ็นให้มันเรียบร้อยไปเลยสิ

"อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ไปกินข้าว" ควินซ์ไม่สนใจยังคงจัดการเก็บแฟ้มมากมายบนโต๊ะต่อไปและยังหอบหนีออกไปวางที่โต๊ะทำงานด้านนอกของตัวเองอีก

"..." ผม

เดี๋ยวนะ ผมเป็นเจ้านายรึเปล่า

แต่เอาเถอะ ขี้เกียจเถียงกับควินซ์เพราะไม่เคยเถียงชนะ ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โซฟาตัวที่นับสองเคยนั่ง กล่องไก่บอนชอนที่เคยมีไก่อยู่เต็มกลับไม่มีให้เห็นสักชิ้น น้องผมนี่มันกินเยอะจริงๆ กินเสร็จแล้วไม่เก็บอีก น่าตีจริงๆ

ผมจัดการเก็บกล่องอาหารของนับสองใส่ถุงให้เรียบร้อยก่อนจะดูข้าวกลางวันที่ควินซ์ซื้อมาให้ มันเป็นเบนโตะจากร้านอาหารญี่ปุ่นร้านโปรดของผมเองและยังมีซูชิเซทอีกกล่องใหญ่

ควินซ์กลับมาอีกครั้งพร้อมยกน้ำผลไม้มาสองแก้ว "เอาอันไหน"

"อันไหนก็ได้"

ควินซ์วางแก้วน้ำองุ่นให้ผมแล้วเอาน้ำส้มให้กับตัวเอง จากนั้นมือเรียวก็ยื่นมาหยิบเบนโตะอีกกล่องออกมา

"ยังไม่ได้กินข้าวมาเหรอ" ผมถามขณะดึงตะเกียบแยกออก

"อืม ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน" สีหน้าควินซ์วันนี้ดูตึงเครียดกว่าทุกวัน "มื้อแรกของวันเลย"

"มีเรื่องอะไรรึเปล่า" ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างไม่คิดอะไรมากเพราะพวกเราสองคนก็ไม่ใช่แค่เจ้านายลูกน้องแต่ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน คบกันมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว

"มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อย"

"แม่มาหาเหรอ" บ้านเกิดควินซ์ก็เหมือนกับผมที่อยู่เชียงใหม่แต่มาเรียนมาทำงานที่กรุงเทพ "แม่ว่าไง บ่นเรื่องไม่กลับไปเยี่ยมบ้าน?"

"ถ้าบ่นเรื่องนี้เหมือนทุกทีก็ดี" สีหน้าของควินซ์ดูกังวลจนผมแปลกใจ "ครั้งนี้มัน...เฮ้อ"

พูดแบบนี้มันกระตุ้นต่อมเสือกให้ทำงานจริงๆ

ผมคีบซูชิเข้าปากก่อนเมื่อกลืนลงคอไปแล้วก็ถาม "แล้วครั้งนี้มันเรื่องอะไร"

ปกติคุณป้าเขาก็บ่นอยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องควินซ์ไม่ค่อยกลับไปเยี่ยมบ้าน ควินซ์ทำงานหนักเกิด ควินซ์ไม่ค่อยพักผ่อน อืม ก็บ่นด้วยความรักความเป็นห่วงตามประสาแม่นั่นแหละ

ครั้งนี้ก็คงเหมือนที่แล้วๆ มา

"แม่บอกว่าผมอายุเยอะแล้ว"

สามสิบสองเยอะเหรอ ก็ไม่นะ

ผมเพียงแค่ขมวดคิ้วไม่ได้แย้งอะไร ปล่อยให้เพื่อนพูดระบายออกมาและตัวผมก็แค่นั่งรับฟังแล้วก็กินข้าวไป

"แม่อยากให้ผมแต่งงาน"

"...!"

"บอกให้หาลูกสะใภ้สวยๆ ดีๆ ให้เขาได้แล้ว"

"...!!"

"เขาอยากอุ้มหลาน"

"...!!!"

ควินซ์ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยและกังวลใจหัวคิ้วยังไม่คลายออก "ผมว่าผมคงต้องหาแฟนอย่างจริงจังแล้ว อ้าว แล้วทำไมตะเกียบหักแบบนั้นล่ะบอส"

ผมสะดุ้งโหยงแล้วมองตะเกียบในมือที่ตอนนี้หักครึ่งคามือไปแล้วด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน

"ตะเกียบมัน มันเปราะ จับนิดจับหน่อยก็หักแล้ว" บ่นอย่างไม่พอใจแล้วโยนตะเกียบทิ้งคล้ายจับต้องของร้อน "ร้านนี้ใช้ตะเกียบไม่ได้มาตรฐานจริงๆ"

"งั้นผมจะไปหยิบอันใหม่ให้" ควินซ์ไม่ได้ติดใจอะไร วางตะเกียบตัวเองลงแล้วลุกเดินไปข้างนอกเพื่อหยิบตะเกียบชุดใหม่ให้

นัยน์ตาคมกริบทอดสายตามองแผ่นหลังบางแต่เหยียดตรงดูสุขุมของควินซ์ด้วยความรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าเมื่อกี้มีบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง

ไม่รู้ว่าระหว่างหัวใจกำลังสั่นไหว

กับคำว่าเพื่อนกำลังสั่นคลอน

ผมไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน....หรือบางทีอาจจะทั้งคู่

ในตอนที่ผมกำลังสับสนอยู่ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง เมื่อหันไปก็เห็นนับสองกำลังยืนพิงประตูดูดชานมไข่มุกอยู่

"ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก ไอ้พี่โง่"

"..."

"จะรอให้ตัวเองเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก่อนรึไงถึงจะรู้ตัว"

เพื่อนเจ้าบ่าวอะไร

แสลงหูชะมัด!

ถ้าเป็นเจ้าบ่าวก็ว่าไปอย่าง ค่อยรื่นหูขึ้นมาบ้าง...

เดี๋ยวนะ! นี่ผมกำลังคิดบ้าอะไรเนี่ย!

"โง่จริงๆ พี่กู เฮ้อ"

Das könnte Ihnen auch gefallen

The virus : ไวรัสสยองล้างโลก

หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิท-19 ที่ต่อเนื่องยาวนานมาถึงสามสิบปี ในปี ค.ศ.2049 เชื้อไวรัสได้พัฒนาถึงขั้นสามารถควบคุมสมองของสิ่งมีชีวิตได้ พวกมันสามารถครอบครองร่างกายของศพให้กลายเป็นตัวกระหายเลือดที่บ้าคลั่ง ไม่มีวัดซีนหรือยาตัวไหนจะรักษาอาการนี้ได้ ทุกประเทศบนโลกค่อย ๆ ล่มสลายจนหมด รวมถึงประเทศไทยด้วย ปุ๊ ชายหนุ่มอนาคตไกลที่ต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิต ทั้งครอบครัวและคนรัก ต้องเผชิญหน้ากับผู้ติดเชื้อเพียงลำพังในมหานครเชียงใหม่ที่ล่มสลาย เขาจะเอาตัวรอดได้หรือไม่? แพรวา ดาราสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้ ต้องเอาชีวิตรอดตามลำพังในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครด้วยตัวคนเดียว หล่อนจะเอาชีวิตรอดท่ามกลางเหล่าผู้ติดเชื้อได้ด้วยวิธีไหน ?...

DaoistAPamSV · realistisch
Zu wenig Bewertungen
5 Chs