webnovel

ตอนที่49.

เพราะการกลับมาของทั้งสามเทพและแขกรับเชิญอีกหนึ่งอย่างมารอสูรจิวอิง ทางผู้คุมกฏแห่งเทพจึงให้การต้อนรับเป็นอย่างดีแม้จะรู้ว่าคนทั้งสี่ขึ้นมาแค่ชั่วคราวเท่านั้นเพราะชีวิตมนุษย์ยังไม่หมดอายุขัย ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับลงไป

ซึ่งอายุขัยของคนที่ตัดผ่านระดับSSSได้จะมีชีวิตยืนยาวถึงหนึ่งหมื่นปี แต่สำหรับชีวิตเทพไม่นับว่าอะไรเลย เรียกได้ว่าหลับตาช่วงหนึ่งลืมตาขึ้นมาก็ได้พบกันอีกครั้ง

การตัดสินโทษได้กำหนดขึ้นในช่วงเช้าของวันหลังเทพจันทราและเทพสุริยะได้ทำหน้าที่ ทหารเทพก็มีการอัญเชิญนักโทษที่ถูกคุมขังออกมาทั้งหมด ก่อนจะมีการแจกแจงรายละเอียดต่างๆ

มีการกล่าวถึงการกระทำความผิดตั้งแต่น้อยมากจนไปถึงความผิดมหาศาล โดยแจกแจงเป็นรายบุคคลก่อนจะสำเร็จโทษออกมา

ผู้กระทำความผิดหนักหน่วงอย่างมารดาสวรรค์ไม่สามารถรอดพ้นหอระฆังเทพสายฟ้าไปได้ เพื่อชดใช้ในสิ่งที่ได้กระทำ สายฟ้าจะฟาดกระหน่ำจนกว่าดวงจิตจะแตกสลาย ซึ่งเป็นบทลงโทษเดียวกับหลงเยี่ยนหมิงที่กระทำการทะเยอทะยานสร้างความเสียหายต่อโลกอันบริสุทธิ์

ส่วนโทษของคนอื่นๆก็ลดหลั่นกันไป 

"ถ้าจะกลับลงไป ก็กลับที่พักเจ้าไปก่อนข้าเตรียมของบางอย่างเพื่อแทนคำขอโทษ ในฐานะผู้ปกครองสวรรค์"บิดาสวรรค์เข้าใจถึงความผิดที่ตนได้กระทำ การละเลยต่อเทพองค์อื่นๆจนเทพเหล่านั้นได้กระทำความผิด บิดาผู้เป็นผู้ปกครองดินแดนจะต้องรับความผิดไว้กึ่งหนึ่งเพื่อดำรงซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศแห่งบัลลังก์

"ข้าเข้าใจแล้ว"เยว่ชิงตาวาววับไปด้วยความพอใจ ของขวัญจากมหาเทพใช่ของสามัญเสียที่ไหน นอกจากจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรแล้วยังทรงพลังอำนาจอีกด้วย

...ดูคนรักเขาเป็นตัวอย่างสิ

เยว่ชิงหนอเยว่ชิง ไม่ทันไรเจ้าตัวก็เบนทิศทางมาชมคนรักของตัวเองหน้าตาเฉย

หลงจือหยางพอเห็นคนรักมีความสุขก็โอบเอวคนงามไปยังตำหนักของเทพจิ้งจอกเก้าหางอีกครั้งแต่ครั้งนี้มีเทพเสวียนอวี้และจิวอิงตามมาด้วย

พื้นที่อยู่อาศัยของจิ้งจอกขาวมีดอกไม้และสรรพสัตว์อาศัยอยู่รอบๆ จิวอิงมองอย่างตื่นตาตื่นใจเพราะตำหนักของเสวียนอวี้ก็ตามสภาพชายโสดไม่มีศิลปะในหัวใจ 

ในขณะที่ตำหนักจิ้งจอกขาวมีดอกไม้นานาพันธุ์ซึ่งเจ้าจิ้งจอกขาวไปขโมยต้นไม้กับเทพพฤกษาจนอีกฝ่ายต้องยอมสร้างพื้นที่ให้เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้

ส่วนสัตว์น้อยนานาชนิดก็ไปเอาที่ตำหนักเทพสรรพสัตว์ บางครั้งก็จิ้กนกน้อยมา บางครั้งก็โฉบเอาผีเสื้อมา

เพราะเทพจิ้งจอกขาวสนิทกับเทพทุกองค์บนดินแดนนี้ ตำหนักนั้นกินอะไรอยู่ ตำหนักโน้นมีของเล่นไหม รู้หมด นั่นแหละตามสภาพ

เยว่ชิงเหม่อมองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อมีบุรุษสองคนโบกมือและยกยิ้มส่งมาให้ เจ้าตัวน้อยดีใจจนหูและหางทั้งเก้าโผล่ออกมา เรือนกายเล็กๆพุ่งเข้าใส่พร้อมทั้งเอ่ยเรียกคนทั้งคู่ดังลั่น

"ป๊า ม๊า แง๊"เจ้าจิ้งจอกขาวซุกอกป๊ากับม๊าถูไถไปมาอย่างมีความสุข ของขวัญของมหาเทพถูกใจเขาเอามากๆ

"เจ้าตัวน้อย โตแล้วแท้ๆไหงขี้แยแบบนี้เล่า"ม๊าคนงามเอ่ยทักก่อนจะกวักเรียกหนุ่มๆอีกสามคน ว่าที่แม่ยายจุ๊ปากเมื่อเห็นลูกเขยระยะใกล้ มือขาวๆลูบแขนลูบหัวไหล่หลงจือหยางก่อนจะพึมพำว่างานดี

จากนั้นก็เบนสายตาไปที่จิวอิง มารอสูรน้อยที่ถูกทอดทิ้ง ก่อนจะกวักมือให้เข้ามาใกล้จากนั้นก็พิจารณา

"มาเป็นลูกบุญธรรมของป๊ากับม๊าเถอะ เสี่ยวชิงจะได้มีเพื่อนวิ่งเล่น"จิวอิงกะพริบตาปริบๆอยากจะบอกเหลือเกินว่าตัวเองไม่ได้ซุกซนและไม่มีความชมชอบวิ่งเล่นสักเท่าไหร่ เพราะธรรมดาก็มักจะใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว ไม่นั่งก็นอน ชีวิตก็มีแค่นี้

"จะดีเหรอครับ แบบนั้น"

"ดีสิ มีน้องน้อยของบ้าน"ป๊าคนงามอีกคนเอ่ยออกมา ในอ้อมกอดยังมีจิ้งจอกขาวกระดิกใบหูและพยักหน้า

"ครับ ป๊า ม๊า ขอบคุณ"จิวอิงก้มหน้ากลั้นสะอื้น ก่อนที่อ้อมแขนเรียวยาวจะตวัดโอบล้อมให้ความอบอุ่น ม๊าคนงามลูบหลังสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างเอ็นดูและสงสารในชะตากรรม

"เข้าไปนั่งด้านในกันเถอะ"ม๊าคนงามเรียกคนทั้งคู่ให้เข้าไปด้านใน ปล่อยป๊าไว้กับสองหนุ่ม แน่นอนว่าป๊าจะต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างดี เจ้าตัวเลยกระแอมหนึ่งครั้งมองชายชาติทหารอกผายไหล่ผึ่ง หน้าตึง แววตาไร้ความกังวลนับว่าผ่าน

"คุยกับป๊าหน่อยนะลูกเขย"สองหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินไปอีกฟากของตัวตำหนัก ในขณะที่เยว่ชิงล้มตัวนอนหนุนตักม๊าคนงาม

"ม๊าได้รับชื่อไหมรึเปล่า"ชื่อสำหรับการเริ่มต้นใหม่

"แน่นอนจ๊ะที่รัก ม๊าได้นามใหม่ว่าเยว่ซินส่วนป๊าได้นามใหม่ว่าเยว่เล่อ หมายถึงดวงจันทร์แห่งความสุขทั้งคู่"

"ดียิ่ง ข้าชอบ"เจ้าจิ้งจอกขาวเอ่ยอย่างมีความสุข ก่อนสายตาคนทั้งคู่จะมองไปยังสมาชิกใหม่ของบ้าน จิวอิงเขินเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม

"ข้าก็ชอบ"เพียงเท่านั้นเสียงหัวเราะคิกคักของคนทั้งคู่ก็ดังขึ้น พลอยให้คนที่มีครอบครัวครั้งแรกยิ้มอย่างตื้นตันใจ

จนจิวอิงรับรู้ได้ว่า...การมีครอบครัวมันดีแบบนี้นี่เอง

ทางฟากฝั่งลูกเขยเองก็ได้มีการพูดคุย ยอมรับและทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว ยิ่งเห็นลูกเขยแต่ละคนให้คำมั่นสัญญาอย่างไม่เกรงกลัวทัณฑ์สวรรค์คนเป็นพ่อก็เบาใจ สามารถฝากลูกชายทั้งสองให้กับคนทั้งคู่ได้ เพราะทั้งเขาและคนรักจะต้องเริ่มบำเพ็ญเพียรใหม่อีกครั้งเพื่อคงสภาพกายหยาบ

ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาพอๆกับที่คนทั้งสี่ใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์

"ไปกันเถอะ ป่านนี้จิ้งจอกน้อยคงชะเง้อคอรอแล้ว"แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ว่า เยว่ชิงดีดตัวขึ้นเมื่อเห็นคนรักตามหลังป๊ามา 

"ดีใจที่เห็นป๊าหรือเห็นแม่ทัพสวรรค์"เจ้าจิ้งจอกน้อยบิดตัวอย่างเขินๆตอบไม่ได้เพราะดีใจทั้งคู่ ก่อนที่เสียงม๊าคนงามจะกระแอมไอเบาๆเพื่อแนะนำสมาชิกใหม่อีกหนึ่ง

"ม๊าขอแนะนำเปาเป่า ระบบที่คอยช่วยเหลือลูก"สสารวิญญาณเด็กน้อยวัยสามขวบแก้มกลมเหมือนซาลาเปาใบหน้าบูดบึ้งปรากฏขึ้น ไม่ได้อยากเจอสะหน่อย

"ระบบนั่นนะน่ะ น่ารักที่สุด"ว่าแล้วก็ยื่นมือไปบี้แก้มเบาๆ เยว่ชิงรับรู้ถึงความนุ่มนิ่มจนไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่กล้าเอาคอลเลคชั่นดีงามของหลงจือหยางมาล่อลวง

"แล้วทำไม"จิวอิงเอ่ยถาม เพราะสายตาของมารอสูรจิวอิงสามารถมองสภาพหรือสภาวะวิญญาณได้ อย่างป๊ากับม๊าเองถึงจะคงกายหยาบได้แต่ภายในก็ยังเป็นวิญญาณไร้ซึ่งพลัง ส่วนเด็กอ้วนกลมก็คล้ายก้อนพลังงานวิญญาณดวงหนึงเท่านั้น

"เจ้าตัวก็ต้องบำเพ็ญเพียรเหมือนกับป๊าม๊าเพื่อให้มีกายหยาบ ถึงแม้จะไม่สามารถเป็นเทพได้แต่เราสามคนสามารถเป็นเซียนดูแลตำหนักเทพจิ้งจอกขาวเก้าหางได้อยู่นะ"

"ป๊า ม๊า"เยว่ชิงเรียกด้วยน้ำเสียงหงอยๆเมื่อรู้ว่าจะต้องจากกันอีกครั้ง ถึงแม้เยว่ชิงจะขึ้นมาได้ตลอดเวลาแต่คนทั้งสามจะต้องนั่งบำเพ็ญเพียรในสระเซียน ซึ่งเทพไม่สามารถลุกล้ำเข้าไปได้

"อย่ากังวลเลยลูกรัก จงไปใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์กับคนรักและครอบครัวใหม่ให้ดี อย่าต้องมานึกเสียดายทีหลัง ที่ปล่อยผ่านวันเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่ลูกยังกลับมา ป๊าม๊ายังคงรอที่นี่เสมอ"

เยว่ซินเผยรอยยิ้มงดงามก่อนจะลูบศีรษะบุตรชายทั้งสอง ถึงแม้ยามนี้ระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันจะน้อยไปสักหน่อย แต่ในอนาคตพวกเขาย่อมได้อยู่ด้วยกันอีก

"ใช่แล้วละ ฝากทั้งคู่ด้วยนะ หากถูกรังแกค่อยกลับมาฟ้องป๊าก็แล้วกัน ได้เวลาลงไปแล้วนะเด็กๆ"ป๊าจับมือลูกชายทั้งสองไปส่งถึงมือลูกเขย ทั้งคู่ยิ้มรับและสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะเพื่อให้ผู้ปกครองได้คลายความกังวล

"ไปดูแลไม่ได้แล้วเหมือนกัน พยายามเอาตัวรอดด้วยนะ"เจ้าแก้มกลมเปาเป่าเอ่ยขึ้น ขัดบรรยากาศอันดีงามจนเยว่ชิงก้มฟัดแก้มพองๆนั่น

"ปากร้าย โตแล้วไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลก็เอาตัวรอดได้"จิ้งจอกขาวยืดอกอย่างลำพองใจแถมภาคภูมิใจอีกด้วย เจ้าเปาเป่าร้องเหอะออกมา ก็ไหนตอนแรกที่เจอกันก็มีแต่เจ้าขี้แยนี่น่า ใช่ว่าตอนนั้นจะเป็นเทพจิ้งจอกขาวเหมือนยามนี้เสียหน่อย

พอได้รู้วีรกรรมของเทพจิ้งจอกขาวก็แทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกันจริงๆ

คนทั้งสี่โบกมือลาก่อนจะลงมาที่โลกมนุษย์ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับครอบครัว หลงจือหยางในฐานะกึ่งผู้นำคนใหม่ของโลกก็ออกแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน

"มาสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งไปด้วยกัน เตรียมความพร้อมโดยไม่แยกฝ่าย ผมต้องการบุคลากรด้านการศึกษาจำนวนมากเพื่อสร้างโรงเรียนและมหาลัยขึ้นทุกประเทศทั่วโลก"

"โดยที่ตั้งมหาลัยเดิมให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ฮันเตอร์เพื่อให้เด็กที่อายุครบสิบห้าปีได้เข้าหอคอยในสิบชั้นแรก"

"เพื่อสร้างคนกลุ่มนี้ให้เป็นกำลังสำคัญในอนาคต ซึ่งบุคคลทั่วไปก็สามารถเข้าร่วมได้ โดยมีข้อกำหนดดังนี้นะครับ..."

เพราะการจัดระเบียบสังคมแบบใหม่ของหลงจือหยางทำให้แต่ละประเทศพัฒนาศักยภาพถึงสามด้านด้วยกัน การศึกษา การแพทย์และการเกษตรพืชผล

ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสร้างบรรทัดฐานชีวิตแบบใหม่ ต่อให้คุณเกิดมามีจิตวิญญาณเป็นเพียงจอบเสียม คุณก็มีความสามารถด้านการเกษตร ผู้คนเลือกกินพืชผักพลังวิญญาณเหล่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่าการแพทย์ก็ต้องเจริญทัดเทียมโดยเฉพาะแผนกวิเคราะห์และวิจัยพืชผักผลไม้ในหอคอยซึ่งสามารถนำออกมาได้ บ้านใครก็ตามที่มีคนสามารถปลูกมันได้ย่อมสร้างผลประโยชน์มหาศาล

โดยเฉพาะครอบครัวชาวนาชาวไร่ที่คนส่วนใหญ่จะมีจิตวิญญาณเกี่ยวข้องกับเครื่องมือการเกษตร แทบจะพลิกชีวิตจากแต่ก่อนที่เคยเป็นจุดต่ำสุดในโลก ยามนี้แทบจะกลายเป็นจุดสูงสุด เพราะเป็นกลุ่มผลิตแหล่งอาหารรายใหญ่

น่าเสียดายที่แต่ก่อนคนมีอำนาจไม่เห็นค่า รู้แค่ว่าถ้ากดผู้คนให้จมปลักอยู่ที่เดิมได้ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองจะมีแต่คนเทิดทูนให้ความเคารพโดยไม่รู้เลยว่าเสียผลประโยชน์ไปมากมายมหาศาลแค่ไหน

ผู้คนเหล่านี้ต่างขอบคุณที่พวกกบฏได้เปิดเผยตัว ขอบคุณเทพจิ้งจอกคนงามที่สร้างพื้นที่ให้แก่คนอื่น ตั้งแต่เกอทั่วไปที่ถูกมองว่าไม่มีประโยชน์ในหอคอย จนตอนนี้แม้แต่คนที่มีจิตวิญญาณเป็นหญ้าต้นหนึ่งยังกลายเป็นปุ๋ยวิญญาณ ไม่ต้องคาดคิดถึงจิตวิญญาณมดหรือปลวกที่คอยช่วยเกลี่ยดิน

เพราะการสะสางกวาดล้างครั้งใหญ่ พวกเขาจึงกลายเป็นคนที่มีคุณค่าเท่ากัน