ช่วงกลางคืนที่หลายๆคนพักผ่อนก็ยังมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังเคลื่อนย้ายลงไปอยู่ชั้นใต้ดิน หลังจากความพยายามถึงสามเดือนในการสร้างโครงสร้างใต้ดินเอาไว้ ไม่แค่ความกว้างและอากาศถ่ายเทสะดวก ยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ
ตลอดทั้งช่วงบนประกอบไปด้วยเหล็กกล้าที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ที่มีจิตวิญญาณเป็นค้อนที่ตีและหลอมขึ้น แรงสั่นสะเทือนระดับต่ำไม่สามารถทำให้เสาเหล็กเหล่านี้หักงอได้ จากการประเมินพวกเขากล่าวว่าตราบใดที่ใจกลางของผลึกหินวิญญาณไม่แตกร้าว พื้นที่ใต้ดินจะไม่มีวันถล่มลงมาอย่างแน่นอน
เพราะผู้ที่มีจิตวิญญาณเครื่องดนตรีช่วยกันสร้างหินวิญญาณขนาดใหญ่ เพื่อสร้างกลไกการทำงานของชั้นใต้ดิน ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ทางส่งน้ำ พื้นที่พัก รวมไปทั้งพื้นที่ปลูกพืชผักผลไม้ เพราะไม่รู้ว่าสงครามจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน
หรือต่อให้สงครามจบเร็วขึ้น พื้นที่ใต้ดินก็ยังสามารถใช้งานในด้านอื่นๆได้อีกมากมาย โดยที่หลงจือหยางกับเยว่ชิงวางแผนการคร่าวๆไว้ในหัวเป็นที่เรียบร้อย
กลุ่มคนที่อพยพคือกลุ่มคนที่ไม่ต้องการหินวิญญาณและส่งต่อให้กับคนหนุ่มสาวที่มีจิตวิญญาณเหมาะสมกว่า จนตอนนี้ประชากรผู้ผึกจิตวิญญาณระดับEเพิ่มขึ้นหลักร้อยล้านคนจากการกระจายหินวิญญาณออกไปภายในสามเดือน
ในแต่ละประเทศกำลังเคลื่อนกำลังพลอพยพลงสู่ชั้นใต้ดิน ในขณะที่คนบางกลุ่มเดินทางไปรวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งสงคราม จนสถานที่อย่างพอหักและห้องเรียนของมหาลัยเต็มไปด้วยผู้คน จนล้นทะลักออกไปยังประเทศSประเทศข้างเคียงจนตอนนี้ห้องพักและบ้านเรือนของคนที่อพยพใช้เป็นที่พักชั่วคราว
ช่วงเช้าหลงจือหยางลุกขึ้นมาทำอาหารให้คนรักกินเหมือนทุกวันก็คอยตรวจสอบความผันผวนของพลังวิญญาณโดยรอบๆดันเจี้ยนโดยคาดการณ์ว่าไม่ใช่ในเร็ววันนี้ เพราะอีกฝั่งก็ต้องเตรียมความพร้อมเหมือนๆกัน
เยว่ชิงเดินออกจากห้องมองไปทางไหนก็มืด ยิ่งไม่ได้เห็นหน้าหล่อของคนรักก็ยิ่งไม่พอใจ เจ้าตัวก็เลยเปิดไฟจนสว่างแม้ยามนี้จะเป็นยามเช้าแล้ว
แต่เพราะดวงอาทิตย์ถูกดันเจี้ยนมหึมาขวางกันเอาไว้นอกจากแสงจะส่องลงมาไม่ถึง ดันเจี้ยนยังมีสีแดงดำขมุกขมัวจนทำให้พื้นผิวและสายตาของพวกเขามองเห็นบรรยากาศเป็นสีดำแดงไปด้วย
"รักพี่นะครับ"จิ้งจอกขาวสวมกอดคนรักจากทางด้านหลัง เมื่อสัญชาตญาณรับรู้ได้ว่าในยามที่อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับฝั่งตรงข้ามจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อันที่จริงจิ้งจอกขาวอยากจะงอแงสักเล็กน้อยแต่อีกใจหนึ่งก็เข้าใจคนรักดี
หากอีกฝ่ายยังคงอยู่พวกเขาคงไม่สงบสุข ตอนนี้เหลือแค่หาเหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกเขาทั้งสี่คนจึงได้ถูกส่งมาที่นี่ เป็นเพราะความบังเอิญของโชคชะตา หรือมีคนลิขิตชีวิตพวกเขาเอาไว้
"พี่ก็รักเยว่ชิงเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลนะ อย่าลืมสิครับว่าแม่ทัพสวรรค์ไม่ได้ถูกจัดการง่ายๆขนาดนั้น"หลงจือหยางรวบคนน้องให้แนบอกมากยิ่งขึ้น ปลายจมูกกดลงที่ศีรษะสูดดมกลิ่นหอมของแชมพูสัมผัสความนุ่มนิ่มจนสบายใจ
"ผมรู้"เยว่ชิงพยักหน้ากับอกกว้าง แม่ทัพสวรรค์คือผู้ที่ได้รับเลือกจากบัลลังก์จักรพรรดิเทพ แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ต้องการปกครองเทพสักเท่าไหร่เพราะนิสัยส่วนตัว นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่หลงจือหยางได้อยู่ที่นี่
หากคิดโง่ๆว่าจิ้งจอกอย่างเขาจะลงมาด้วยทำไม ก็ต้องเท้าความกันอย่างยาวนานกับจิ้งจอกน้อยวิ่งไล่แม่ทัพสวรรค์อย่างเอาเป็นเอาตาย พอเยว่ชิงยิ่งคิดก็ยิ่งอาย
เพียงแค่คิดว่ามีคนกลั่นแกล้งแม่ทัพสวรรค์ให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ จิ้งจอกขาวก็ถอดสมองทิ้งแล้วกระโจนตามลงมา ส่วนเสวียนอวี้ก็ตามแม่ทัพสวรรค์ตามปกติแล้วอาจจะชักชวนจิวอิงลงมาด้วย
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูง จิ้งจอกขาวพยักหน้ากับตัวเองเงียบๆ
หลงจือหยางมองเยว่ชิงที่คิดล่องลอยไปไกลก็อยากจะแงะสมองของเจ้าตัวน้อยออกมาดูจริงๆ ว่าคิดอะไรดูจริงจังเสียขนาดนั้น คงไม่ใช่เรื่องของพวกเขาสี่คนที่ลงมาที่นี่หรอกนะ
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นโชคชะตาแต่เป็นฝีมือเทพองค์อื่น นอกจากมารดาสวรรค์หลงจือหยางก็คิดถึงใครไม่ออกแล้วละ
"กินข้าวกันครับ วันนี้ยังมีงานอยู่อีก"หลงจือหยางเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายก่อนจะตักอาหารใส่จานให้คนตรงหน้า เยว่ชิงก็นั่งเท้าคางมองคนรักตาปริบๆด้วยดวงตาประกายแวววาว
หลงจือหยางเลิกคิ้วหนึ่งข้างเมื่อเห็นคนรักมีท่าทางเมากาวในช่วงเช้าวันนี้
เยว่ชิงยู่ปากเมื่อเห็นสายตาของหลงจือหยางมองอย่างไม่เข้าใจ ดูไม่ออกเหรอว่ากำลังชื่นชมสามีตัวเองที่หล่อเหล่าเกรียงไกรนะ ไม่อยากจะพูดเลยจริงๆว่าถ้าขึ้นดินแดนเทพไปจิ้งจอกขาวอย่างเขาจะไม่เอาคนรักไปประกาศให้รู้โดยทั่วกันจนดินแดนเทพสั่นสะเทือน
แต่ก่อนหน้านั่น เขาต้องจัดการศัตรูตรงหน้าเสียก่อน
"อ้าปากมา พี่ป้อน"เพื่อตัดปัญหาคนงามเพ้อฝัน หลงจือหยางเลยตักกับข้าวอย่างดีใส่ช้อนแล้วยื่นป้อนคนน้องที่ยกมือกุมหัวใจเอาไว้
...อ่า ปกติของเทพจิ้งจอกเก้าหางละนะ ที่เล่นใหญ่จนชินตาในดินแดนเทพ
"หล่อมากจริงๆ"เยว่ชิงยกมือปิดใบหน้าทำตาปริบๆราวกับปลื้มปริ่มที่มีวันนี้ มีเพียงหลงจือหยางที่นั่งมองคนน้องแบบนั้น จากนั้นก็ดึงช้อนกลับ แน่นอนว่าจิ้งจอกขาวย่อมไม่ยินยอม
"อ๊า ของน้อง"หางทั้งเก้าโผล่มาโบกสะบัด เยว่ชิงยื่นหน้าอ้าปากงับแล้วทำหน้าฟินจากนั้นก็ยกมือกุมแก้ม ปล่อยให้หลงจือหยางมองหางทั้งเก้าที่ส่ายไปมา
อาหารเช้าจบลงอย่างอิดออดเล็กน้อย จากนั้นทั้งคู่ก็ไปยังเขตมหาลัย เข้าใช้งานในเขตที่แปดเปิดประชุมโดยแยกกำลังออกเป็นห้ากลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะเป็นกิลด์หมื่นดาบกับกิลด์อัศวินสีชาดสองกิลด์ที่จะยืดปักหลักตรงกลาง
โดยที่กิลด์ตำหนักเทพอสูรและกิลด์หมื่นบุปผากระจายกำลังคนออกเป็นห้ากลุ่มแยกกันไป โดยที่เยว่ชิงกับจิวอิงเข้าร่วมในทีมที่หนึ่ง ที่จะอยู่ตรงใจกลางของดันเจี้ยน ยามที่ดันเจี้ยนเปิดออก พวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่เข้าปะทะ
โดยอีกสี่กลุ่มที่เหลือ ดูแลทั้งสิ้นสี่ฝั่งแยกออกเป็นทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
โดยคนที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้คือผู้ที่อยู่ระดับCขึ้นไปราวๆหกสิบล้านคนทั่วโลก ในอีกหลักร้อยล้านคนจะอยู่ระดับDดูแลโดยรอบตรงเขตแดนแต่ละประเทศไม่ให้มอนเตอร์เข้าทำลายบ้านเมืองจนเสียหาย
และระดับEราวๆหนึ่งพันล้านคนที่จะช่วยกันเปลี่ยนกะเพื่อฟื้นฟูพลัง เรียกง่ายๆว่าเป็นการเวียนกันไปเป็นกลุ่มๆเพื่อให้ง่ายต่อการจู่โจมและพักฟื้น
ในส่วนของระดับFที่สามารถรับแรงกดดันของพลังวิญญาณที่หนักหน่วงได้ก็จะเป็นกลุ่มคนที่คอยอพยพผู้บาดเจ็บนำส่งต่อไปยังแพทย์ที่จะเชื่อมต่อกันไปที่ใต้ดิน
แน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะถูกปกป้องโดยเกาเทียนเย่ที่เขตแดนประเทศS
หลังจากจบการประชุมทุกคนก็กระจายกันออกไปบางส่วนเลือกที่จะไปรอตามจุดต่างๆที่ได้รับมอบหมาย บางคนกลับที่พักเพื่อจัดการความแข็งแกร่งของตัวเอง
หลงจือหยางโอบเอวเยว่ชิงเข้าห้องทำงานชั้นบนสุดของกิลด์ตามด้วยเสวียนอวี้และจิวอิง ตอนนี้มีเพียงพวกเขาที่ก้าวข้ามระดับจนมาถึงระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่คนแข็งแกร่งรองลงมาอย่างเฉินจงอีอยู่ระดับSS ส่วนคนอื่นๆก็ขึ้นระดับSเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะผู้ที่ติดอันดับหนึ่งพันคนแรก
ต้องบอกว่าของในดันเจี้ยนและหอคอยช่วยยกระดับพวกเขาไปมากเลยทีเดียวในช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา ยิ่งคนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้กำลังรบฝั่งพวกเขามีมากขึ้น
"เรื่องหลงเยี่ยนหมิงเหรอ"เสวียนอวี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม เห็นหลงจือหยางจับเยว่ชิงนั่งตักเสวียนอวี้ก็เอาด้วย กลายเป็นสองเกอน้อยๆที่นั่งทับตักคนรักในช่วงเวลาประชุมดูเคร่งเครียด
"ใช่ เราสองคนคงต้องรับมือกับเยี่ยนหมิง"สองคนในที่นี้คือหลงจือหยางกับเสวียนอวี้แน่นอนว่าสองเกอน้อยผวาจับแขนแน่น
"พี่ไม่เป็นอะไร"หลงจือหยางตบมือคนรักเบาๆเยว่ชิงมองมืออีกฝ่ายแล้วยกขึ้นมาทาบทับแก้มขาวนวลเนียน
"ผมรู้ แต่มันก็ยังอดห่วงไม่ได้"เยว่ชิงพองแก้มถูไถใบหน้าไปกับมือหนา หลงจือหยางนวดแก้มคนน้องเบาๆ
"หลงจือหยางไม่เป็นอะไรพี่ก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกัน"เสวียนอวี้เอ่ยปลอบคนน้อง จิวอิงช้อนสายตาขึ้นก่อนจะพยักหน้ายามที่เห็นสายตามุ่งมั่นมองตรงมา มันเหมือนครั้งแรกที่เราได้เจอกันยามที่อยู่ดินแดนมาร
"พี่เก่งพอจะทำให้มารอสูรจิวอิงอย่างน้องยอมรับได้ พี่คนนี้ก็ปลิดชีพเทพกากๆคนหนึ่งได้เหมือนกัน"จิวอิงทุบหน้าอกไปทีหนึง ยามที่ได้รับความทรงจำมาก็ได้แต่นั่งเขินก่อนจะยอมรับว่าอีกฝ่ายคือคนรักจริงๆที่ไม่ใช่แค่รักกันในโลกนี้
เทพมารสังหารอย่างเสวียนอวี้เอ่ยปากท้าทายมารอสูรจิวอิงเพื่อให้ตกลงเป็นคนรักกัน บทสรุปคือจิวอิงแพ้ให้กับอีกฝ่าย จนได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของแม่ทัพสวรรค์ที่เทพจิ้งจอกมักจะเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าเกี้ยวแล้วเกี้ยวอีกก็ยังไม่ได้ใจ
"งั้นมีแผนรองรับไหม"เสวียนอวี้หันไปที่หลงจือหยาง เพื่อคลายความกังวลให้กับคนรักทั้งของตัวเสวียนอวี้เองและตัวของหลงจือหยางด้วย
"มี"หลงจือหยางเอ่ยออกมาก่อนจะร่วมพูดคุยและทำความเข้าใจ โดยที่เยว่ชิงกับจิวอิงก็ยังคงนั่งฟังพอเห็นความเป็นไปได้ที่มากขึ้นก็เริ่มคลายความกังวลใจลงไป เหลือเพียงในวันนั้นจะเป็นไปตามแผนที่หลงจือหยางว่าไว้
"ตอนนี้พักผ่อนกันให้เต็มที่ก่อน พวกนั้นคงเตรียมการบางอย่างอยู่"หลงจือหยางกล่าวและเป็นไปตามนั้น ดันเจี้ยนไม่ปรากฏในพื้นที่ใดๆของโลกมีเพียงดันเจี้ยนนี้แห่งเดียวเท่านั้นและรอการเปิดออก