webnovel

ตอนที่36.

"ฮ่าๆมันกล้าท้าทายข้า ใครให้ความกล้ากับมัน!"เมื่อเหล่าทาสส่งข้อความกลับคืนมา นายท่านของมันก็หัวเราะร่าในใจเต็มไปด้วยความแค้น เขาเป็นถึงตัวตนที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด แต่กลับมีมดปลวกท้าทาย

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนอย่างเขาถูกมองข้ามแม้จะทรงพลัง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มดปลวกกระจิดริดเหล่านี้กล้าท้าทายตัวตนที่ยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขาขนาดมหึมา ในเมื่อมันกล้าท้าทายเขาก็กล้าตอบโต้เช่นกัน

"อีกเจ็ดวัน คืบคลานออกจากเงามืดซะ แล้วประกาศตัวออกมาในฐานะกบฏ"ฝ่ามืออันแห้งเหี่ยวจนกระดูกโผล่ค่อยๆกางฝ่ามือออก ก้อนกลมๆสีแดงดำขยายขึ้นเรื่อยๆก่อนจะปรากฏที่ด้านนอกหอคอย

"ลิ้มรสความสิ้นหวังเสียเถอะ เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำ"เสียงแหบแห้งหัวเราะร่า ดูตอนนี้สิ เขาสามารถตัดสินเป็นตายกับพวกมันได้ เขาทรงพลังขนาดนี้ แต่กลับ....

ในดินแดนลมปราณฟ้าดินอันแสนบริสุทธิ์ ดินแดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือดินแดนหลงที่ถูกปกครองโดยหลงเยี่ยนตี้ หนึ่งในราชันผู้ยิ่งใหญ่ปกครองวังและดินแดนด้วยการเป็นทรราชสุดโต่ง

หลงเยี่ยนตี้มีสนมน้อยใหญ่นับร้อยคนไม่ต้องนับถึงบรรดาลูกๆที่ยีงมีชีวิตและเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์

หลงเยี่ยนหมิงโอรสองค์ที่สองที่เกิดจากฮองเฮาตระกูลมากอำนาจไปด้วยกองทหารผู้ทะยานขึ้นสู่ฟ้าในฐานะเทพผู้เป็นอมตะ แต่กว่าจะเป็นเทพได้

หลงเยี่ยนหมิงฆ่าบรรดาน้องชายน้องสาว ใช้ทรัพย์ที่ขูดรีดจากประชาชนปรนเปรอให้กับตัวเอง เสพสมร่างหยินจนสตรีตายหลายศพ ก่อเกิดพลังอันมากล้น 

หลงเยี่ยนหมิงมีความทะเยอทะยานตั้งแต่เกิด บิดาเป็นมังกรของแผ่นดินผู้นั่งบัลลังก์ทองคำ มารดาเป็นถึงหงส์คู่บัลลังก์มากไปด้วยอำนาจทางทหาร

ยามเกิดชีวิตของหลงเยี่ยนหมิงถูกรายล้อมไปด้วยข้ารับใช้ มีชีวิตที่สะดวกสบาย เงินทองมั่งคั่ง ทรัพยากรมหาศาล ถูกวางตัวเป็นผู้นั่งบัลลังก์ทองตั้งแต่เกิด

แต่เส้นทางชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด บิดาเป็นดั่งมังกรของแผ่นดินไม่คิดจะยกบัลลังก์ให้ แต่เป็นหลงเยี่ยนหมิงที่แย่งชิงมันมาด้วยอำนาจทางฮองเฮา 

เมื่อขึ้นครองบัลลังก์ ก็เป็นยิ่งกว่าทรราชสั่งประหาณนางสนมวังหลังให้ตกตายตามบิดาไป หากมีขุนนางทัดทานก็ฆ่าสิ้น

หลงเยี่ยนหมิงรู้สึกดีที่ได้ทุกอย่างมาในกำมือ แต่ความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ยิ่งในตำราผู้ฝึกตนมีโอกาสที่ผู้คนบนโลกมีโอกาสทะยานเป็นเทพ

หลงเยี่ยนหมิงใช้ทรัพย์สมบัติไปกับการทะลวงพลังที่ยากลำบาก ก่อนที่เขาจะสามารถก้าวขึ้นเป็นเทพได้ในที่สุด ทิ้งบัลลังก์ทองโง่ๆที่แย่งชิงมาด้วยเลือดและชีวิตของผู้คนนับแสนทะยานขึ้นสู่ฝากฟ้า

จากนั้นหลงเยี่ยนหมิงก็ได้ค้นพบว่าอะไรคือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง บัลลังก์ทองโง่ๆนั่นเทียบไม่ได้กับดินแดนที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ไม่เพียงแค่ตำหนักที่โออ่า แม้กระทั่งทางเดิน เสาหลายแสนต้น

"ข้าไม่สนว่าที่ผ่านมาในยามเป็นมนุษย์เจ้าจะกระทำสิ่งใดมาบ้าง แต่เมื่อได้รับโอกาสที่ขึ้นมาเป็นเทพจงละซึ่งกิเลสเสีย"นั่นคือสุรเสียงของผู้นั่งบัลลังก์ ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาแห่งสวรรค์ จักรพรรดิเทพ

"อี๋ กลิ่นตัวเจ้าช่างน่ารังเกียจสำหรับข้าเสียจริง หึ"เสียงเล็กๆนั่นมาจากเทพจิ้งจอกเก้าหาง ความงดงามยามแรกเห็นตราตรึงหลงเยี่ยนหมิง ไม่ว่าสตรีหรือชายใดที่เคยเสพสมจะทำให้อยากครอบครองจวนเจียนบ้าได้เท่าเทพองค์นี้

"มองอะไรของเจ้า"คนงามถลึงตา ดวงตากลมโตสีแดงสวยราวกับอัญมณี เส้นผมสีขาวเงินสว่างเช่นเดียวกับหางทั้งเก้าที่พองออกข้างลำตัว

หลังจากนั้นหลงเยี่ยนหมิงใช้เวลาในตำหนักเพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลของเทพองค์อื่นๆก่อนจะตีสนิทกับเทพที่ยังละกิเลสไม่ได้ อีกครึ่งหนึ่งก็ตามเกี้ยวเทพจิ้งจอกเก้าหาง

จนกระทั่งเทพจิ้งจอกหนีเที่ยว ทางฝากฝั่งของหมิงเยี่ยนก็ถูกแม่ทัพคู่บัลลังก์จักรพรรดิเทพอย่างเทพแม่ทัพสวรรค์และเทพมารสังหารจับคุมขังคุกนรกข้อหาก่อกบฏต่อบิดาสวรรค์

รอบแรกที่พยายามหนีเอาตัวรอด หลงเยี่ยนหมิงถูกทำร้ายด้วยน้ำมือของสัตว์อสูรกึ่งสวรรค์นรก จากนั้นก็ถูกล่ามโซ่ตอกตรึงตะปูสวรรค์หนึ่งร้อยแปดจุด

เขาได้รับความช่วยเหลือจากหมากตัวหนึ่งที่วางเอาไว้ บรรดาเซียนที่กำกึ่งระหว่างเทพกับเซียน อีกฝ่ายเป็นเซียนผู้น้อยที่ยอมสละชีวิตเพื่อเขา เพียงแค่คำโป้ปดไม่กี่คำ หลงเยี่ยนหมิงก็หลุดพ้นออกมา ใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างหอคอยขนาดใหญ่โดยที่ตัวเองอยู่ในชั้นบนสุด

พลังที่น้อยนิดเกิดการทะลักเกือบควบคุมไม่ได้ทำให้มิติบิดเบือน เกิดดันเจี้ยนไปทั่วโลก มนุษย์ครอบครองจิตวิญญาณส่วนเขาอยู่ในหอคอยที่ถูกจองจำอยู่ใต้ดิน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาหอคอยก็ผุดขึ้นเหนือแผ่นดินของโลกมนุษย์

ยามแรกเขาคิดจะฆ่าพวกมันในครั้งเดียว ก่อนจะรู้ว่าพลังที่รั่วไหลไปคราวนั้นทำให้พลังเขาลดฮวบฮาบ แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี ใครก็ตามที่ตายในดั้นเจี้ยนหรือหอคอย พลังวิญญาณของพวกมันจะเป็นของเขา

หลงเยี่ยนหมิงจึงให้เวลาแค่สี่เดือนแต่ละชั้นในการพิชิต เพื่อค่อยๆสูบพลังชีวิตของพวกมัน มองดูมดปลวกกระเสือกกระสนหาหนทางรอด

จนกระทั่งเขาได้พบตัวตนของจิ้งจอกเก้าหางและอสูรสวรรค์กึ่งนรก นี่ไม่ใช่ว่าโชคเข้าข้างเขาหรอกรึ  สวรรค์เป็นใจขนาดนี้ หลงเยี่ยนหมิงคนนี้ต่างหากที่เหมาะกับตำแหน่งบิดาสวรรค์และเทพจิ้งจอกคนงามต้องเป็นของเขาแค่เพียงคนเดียว

มีเพียงเขาที่คู่ควร

ด้านนอกหอคอย ผู้คนต่างทยอยดันขึ้นรถตามที่ร้อยสามเสาหลักได้มีการสั่งเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่โดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่ยังไม่พร้อมต่อการลงสู้ในสนามรบ

ภาพบรรยากาศที่เคยงดงามเต็มไปด้วยความหดหู่ ยามที่มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วเห็นปากทางเข้าดันเจี้ยนขนาดใหญ่

เหล่าผู้คนที่ทรงพลังและมีผลงานมาก่อนต่างก็ยืนรอกันที่บริเวณหอคอย ไม่ว่าจะทางหน้าหรือด้านหลังที่มีแต่ต้นไม้

"มันเกิดขึ้นอีกแล้วสินะ"เยว่ชิงยู่ปากมองดันเจี้ยนขนาดใหญ่ ที่ใหญ่กว่าบอสกระต่ายเปิดดันเจี้ยนเสียอีก

"ได้รับเรื่องยังไงบ้าง"หลงจือหยางกอดคนงามในอ้อมแขนเอ่ยถามคนสนิทด้านหลัง

"ดันเจี้ยนในทุกๆประเทศหายไป ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางมาที่นี่ ทางร้อยสามเสาหลักประกาศอพยพผู้คนชั่วคราว"ผู้คนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงกำลังทยอยอพยพในที่ปลอดภัยชั่วคราว

"ให้ทุกคนเตรียมพร้อมถ้ามันแตกก็ต้านจนกว่ากำลังเสริมจากที่อื่นจะมาถึง"หอคอยคราวนี้ไม่ได้ปรากฏบนพื้นดินแต่มันปรากฏบนท้องฟ้าที่กลืนกินบริเวฯหอคอยไปจนหมด แถมยังใหญ่กินพื้นที่ป่าไปถึงหนึ่งในสามส่วน

"มันร้าวแล้ว ต้านไว้"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ไม่นานบนท้องฟ้าก็คล้ายกระจกใสใบหนึ่งที่แตกออก ไม่นานสัตว์ประหลาดด้านในก็ทยอยออกมา

เยว่ชิงตื่นตะลึงเมื่อเห็นมังกรขนาดใหญ่กว่าพันตัว เพียงแค่สะบัดปีกคนด้านนอกก็แทบปลิว อีกทั้งตอนนี้ระบบก็ไม่อยู่ เพราะเดินทางกลับไปดินแดนเทพ เยว่ชิงวาดหวังให้ระบบของเขาทำสำเร็จ

"ไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่พี่ยังยืนไหว น้องจะไม่เป็นอะไร"หลงจือหยางให้คำมั่นสัญญา เพราะรู้ดีว่าเยว่ชิงมีขีดจำกัดได้แค่ไหน

"ขอบคุณครับ ตราบใดที่พี่ยังยืนไหวผมก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน"คนตัวเล็กกว่าจูบแก้มคนรัก ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความมั่นใจ

"ไปกันเถอะ"หลงจือหยางกุมมือคนน้อง พากันไปยังพื้นที่สงครามครั้งใหม่

"ท่านบิดาสวรรค์ ข้า"ระบบตัวน้อยแปรงกายเป็นเด็กห้าขวบ นั่งคุกเข่าทำความเคารพผู้ยิ่งใหญ่ต่อหน้าบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์

"โชคชะตาไม่อาจจะหลีกเลี่ยง คนมีชะตาของคน เทพมีชะตาของเทพ แม้แต่เราบิดาสวรรค์ยังมีวันแตกดับ หากแต่รับสิ่งนี้ไป"ลูกแก้วสี่ลูกลอยเข้าฝ่ามือน้อยๆของระบบ เจ้าระบบน้อยตาโตมองสิ่งที่อยู่ในลูกแก้ว

"พาระบบน้อยไปยังวิหารแห่งกำเนิด"สิ้นสุรเสียงของบิดาสรรค์ เซียนน้อยก็พาระบบไปยังวิหารแห่งกำเนิดซึ่งอยู่ห่างออกไป

ระบบตัวน้อยเดินตามมาถึงบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมาตลอดเวลา ยิ่งเข้าใกล้ความหอมก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เจ้าตัวถึงกับเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง

"ส่งลูกแก้วสี่ลูกนั่นลงไปในน้ำพุแห่งกำเนิด พวกเขาจะได้รับพลังคืนทันที"เซียนน้อยส่งรอยยิ้มให้กับระบบ ก่อนที่ลูกแก้วสี่ลูกจะถูกปล่อยลงในน้ำพุ

ยามที่ลูกแก้วแตะโดนผืนน้ำก็สลายไปเป็นไอแล้วหายไป

"ยามนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวล"เซียนน้อยให้คำเชื่อมั่นแก่ระบบน้อยที่ทำหน้าเครียด

"ขอบคุณท่านมาก ข้าต้องไปแล้ว"ระบบเอ่ยลา เพราะต้องรีบกลับไปหาเยว่ชิง ไม่รู้ว่าลูกแก้วนั่นจะทำอะไรได้บ้าง

"ขอให้เจ้าปลอดภัย ขอให้ทุกสิ่งที่ใจปรารถนาสมดั่งที่หวังไว้"

"ข้าทำเช่นนี้ดีแล้วรึไม่"บิดาสวรรค์หันไปถามคนข้างกาย เทพแห่งโชคชะคาเพียงยิ้มรับมีทั้งพยักหน้าและส่ายหน้า

"หากท่านฝืนชะตาท่านก็เจ็บปวด การไม่แบกรับสิ่งใดเลยย่อมไม่หนักบ่า ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่ดับสูญ ย่อมมีโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง"เทพแห่งโชคชะตาเพียงกล่าวออกมา ถึงแม้จะรู้เรื่องราวบางอบ่างได้ดีเช่นเดียวกับเทพพยากรณ์แต่เขาก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ แม้กระทั่งการดับสูญของตัวเอง

"แม่ทัพสวรรค์ เทพมารสังหาร เทพจิ้งจอกเก้าหางและมารอสูรจิวอิง ชะตามักเล่นตลกเสมอ"เทพแห่งโชคชะตากล่าวถึงเทพทั้งสามและตัวตนที่ไม่สามารถระบุได้อีกหนึ่งตน

"เช่นเดียวกับมารดาสวรรค์ที่ก่อกบฏงั้นรึ"บิดาสวรรค์เอ่ย การที่เทพองค์ใหม่ยังไม่มีตำแหน่งที่มั่นคงอย่างหลงเยี่ยนหมิงกล้าก่อกบฏก็เป็นอันแน่ชัดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ย่อมมีอำนาจไม่ต่ำศักดิ์ไปกว่าบิดาสวรรค์

"กระหม่อมมิกล้าออกความเห็นในเรื่องนี้"บิดาสวรรค์เพียงแค่นรอยยิ้มออกมา รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังเก็บเงียบ ถึงจะเป็นปกติสำหรับเทพโชคชะตาก็เถอะ 

"จบเรื่องนี้แม่ทัพสวรรค์จะเป็นจ้าวผู้ปกครองดินแดนเทพ เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ที่ข้าแต่งตั่ง พร้อมทั้งมารดาสวรรค์เป็นเทพจิ้งจอกเก้าหาง พ่วงด้วยตำแหน่งแม่ทัพคู่บัลลังก์อย่างเทพมารสังหาร"

"เรื่องนี้ตามที่พระองค์เห็นสมควร"