webnovel

คนละเรื่องเดียวกัน

"คุณหนูลองไปดูสิเจ้าคะ"

เฮ่อซินหมิงค่อย ๆ เดินขึ้นบันได สัมผัสแรกที่ปลายนิ้วเท้าแตะถูกพื้นศาลาคือความเย็นชื้น กลางศาลาขนาดไม่ใหญ่มากมีรอยสีที่เข้มกว่าพื้นที่อื่นอยู่ตรงกลาง เมื่อลองใช้เท้าเหยียบทั้งสองข้างก็รู้สึกถึงความชื้นแฉะเหมือนไม้บวมน้ำ

'สิ่งที่อาหมิงเล่ามาเกิดขึ้นจริง ๆ หรอ? แล้วทำไมโดนขนาดนั้นฉันถึงยังไม่ตายล่ะ?'

"เจ้าหายดีแล้วรึ?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เมื่อเฮ่อซินหมิงหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มอาภรณ์เนื้อดีสีดำกำลังก้าวเดินเข้ามา เธอพยักหน้ารับ

ชายหนุ่มเข้ามาหยุดยืนในศาลาด้วยกัน สายตาคมจ้องไปยังรอยน้ำที่พื้นไม้ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยสายตาค้นหา เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องแต่วันนี้กลับเป็นปกติอย่างนั้นรึ?

หลังจากที่เขากับคนสนิทคาดเดาได้ว่าไม่ใช่โรคธรรมดาเขาจึงอยากลองดูด้วยตนเองว่าพลังปราณจะสามารถควบคุมความเย็นได้หรือไม่ แต่เมื่อถ่ายทอดลมปราณไปยังร่างนางแล้ว นอกจากร่างกายนั้นจะต่อต้านพลังจากภายนอกแล้วยังแผ่กระจายความเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง หากเขาไม่รีบสะกัดกั้นพลังตนก็คงจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นเลยทำให้พลังสะท้อนกลับมาที่ตัวเขา ดีที่เขามีวรยุทธ์และพลังปราณพอใช้ได้จึงไม่สาหัสหนักหรือธาตุไฟเข้าแทรกเสียก่อน

ชายหนุ่มเผลอไอออกมาเสียงระคายคอคำหนึ่งเขารีบกดกลิ่นคาวและความแสบร้อนลงไป แต่ก็ไม่พ้นหูของอาหมิงไปได้

"ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า?" เธอถามเสียงแผ่ว ได้ยินว่าคุณชายผู้นี้คิดอยากจะช่วยนางจึงได้รับบาดเจ็บ

"เจ้ายังรู้สึกหนาวอยู่หรือไม่?"

เฮ่อซินหมิงทำหน้าเบ้ก่อนจะเอียงตัวซ้ายขวาดูเหมือนหัวไชเท้ายักษ์ "ท่านไม่เห็นหรอ...ขนาดนี้ใครหนาวได้ก็บ้าแล้ว"

เขาหลุดหัวเราะด้วยเสียงในลำคอฟังดูน่ากลัวยิ่ง "ดีแล้ว"

"ดีตรงไหน!?!" ใบหน้าเล็ก ๆ เริ่มเป็นยับย่น "แบบนี้จะเดินจะวิ่งก็ลำบากยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินเลย! ถ้าถูกมัดซะแบบนี้แล้วจะกินข้าวยังไงเนี่ย ยิ่งกว่าตาบอดเสียอีก"

เขาหลุดยิ้มออกมา หากเป็นผู้อื่นคงห่วงว่าตนเองจะดูไม่งามและดูตลกในสายตาผู้อื่น แต่นางกลับห่วงแต่เรื่องกิน เป็นคุณหนูบ้านไหนกันถึงไม่รู้จักรักษาภาพลักษณ์ตนเองเสียบ้าง

คิดถึงตรงนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าซิ่วถงมารายงานในเช้าวันนี้เรื่องที่เขาให้ไปสืบหาตัวตนของสตรีผู้นี้ ทว่าน่าประหลาดนักที่คนที่เก่งที่สุดในการอำพรางหลบซ่อนสืบข่าวสารเช่นซิ่วถงกลับไม่ได้ข้อมูลใดมาสักอย่าง

สายตาคมกริบตวัดมองสาวน้อยหน้าย่นที่กำลังพยายามจะมุดแขนตัวเองออกจากผ้าห่มสีขาวอย่างทุลักทุเล เขาเอ่ยถามไปได้เพียงครึ่งเดียว

"เจ้าชื่อ…"

เพี๊ยะ!!

เสียงเนื้อปะทะกันดังลั่นศาลา จิ้นหยี่เหิงกับจินหมิงที่ยืนอยู่นอกศาลากันคนละฟาก แม้จะอยู่ไกลถึงห้าจั้งก็ยังได้ยินเสียงนั้นได้อย่างชัดเจนเต็มสองรูหู ทั้งสองผวาเฮือกมองไปยังภายในศาลา เห็นใบหน้าของคุณชายชุดดำหันไปอีกฝั่งแล้วยังมีมือเล็ก ๆ ของสาวน้อยที่ค้างอยู่กลางอากาศ

จิ้นหยี่เหิง 'ดูท่าคุณชายผู้ปากเสียของข้าคงพูดจาไม่เข้าหูคุณหนูผู้นั้นเสียแล้ว'

จินหมิง 'คุณชายต้องคิดอะไรมิดีมิร้ายเป็นแน่ ดีที่คุณหนูรู้จักใช้กำลังบ้าง'

ภายในศาลา

"โอ๊ะ!! ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตบหน้าท่านนะ ฉันแค่จะเอาแขนออกจากผ้าห่มเฉย ๆ แต่ว่า...แต่มือก็เลยพุ่งไปทางนั้นพอดี...นี่ เจ็บรึเปล่า? ขอโทษนะ คือ…ฉันไม่ได้ตั้งใจ แล้วอีกอย่างท่านจะเอาหน้ามาทางนั้นทำไมเล่า ดีที่ไม่ใกล้กว่านี้ไม่งั้นมีหวังตาบอดแน่ แต่ตอนนี้ท่านเจ็บมากรึเปล่า? ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ "

ชายหนุ่มที่ค่อย ๆ หันหน้ามาช้า ๆ สายตานั้นเต็มไปด้วยไฟลุกโชนจนราวกับรอบศาลาเกิดเพลิงไหม้โหมกระหน่ำ

"นายท่าน ได้เวลาอาหารเย็นแล้วขอรับ" ต้องรีบพานายท่านออกไปให้ห่างจากคุณหนูให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นคุณหนูน่ารักคงได้กลายเป็นเนื้อสับแน่

"คุณหนู ได้เวลากลับกันแล้วเจ้าค่ะ" ต้องรีบพาคุณหนูออกไปจากชายอันตรายผู้นี้ให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นคงได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่

จิ้นหยี่เหิงกึ่งวิ่งกึ่งลากเขาตลอดทางจนมาไกลแทบสุดหมู่บ้าน ชายหนุ่มซัดพลังใส่คนสนิทแล้วเบี่ยงตัวออกจากการจับกุมอย่างว่องไว

"เจ้า! บังอาจนัก!!!"

จิ้นหยี่เหิงที่เพิ่งหลบสายพลังรีบเข้ามาคุกเข่าต่อหน้านายตน "ขออภัย นายท่านโปรดลงโทษ"

ชายหนุ่มที่เลือดขึ้นหน้าชี้นิ้วไปยังบ่าวตนด้วยความเดือดดาล เสียงลอดไรฟันดูน่าใจหายยิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีเส้นเลือดปูดโปนชัดเจน

"เป็นเพราะเจ้า!!!"

"ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยสมควรตายขอรับ" เขาก้มตัวคุกเข่าลงกับพื้นราวกับผู้ที่ทำผิดมหันต์สมควรได้รับการลงโทษ

ชายหนุ่มก้มมองบ่าวเบื้องล่างด้วยสายตาคุกรุ่น ก่อนจะคำรามเสียงสนั่นป่าพร้อมกับซัดพลังรุนแรงเข้าใส่ก้อนหินยักษ์จนระเบิดเป็นจุล

พร้อมกันนั้นมีเสียงไอแรง ๆ หลายทีดังขึ้น จิ้นหยี่เหิงรีบตรงเข้าไปหานายตนทันที "นายท่านโปรดระงับอารมณ์ ท่านเพิ่งจะถูกพลังสะท้อนกลับยามนี้ไม่ควรกระทำการบุ่มบ่ามหรือมีโทสะขอรับ"

สิ้นเสียงราวกับรอบกายอุณหภูมิสูงขึ้นเป็นเท่าตัว แผ่นหลังของเขาเริ่มมีเหงื่อกาฬแตกพลัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของนายตนที่เริ่มสงบลงได้เขาก็หายใจหายคอโล่งขึ้น

"เจ้าทำให้ข้าเสียแผน เจ้าต้องชดใช้" เสียงที่ยังหลงเหลือแรงโทสะเล็กน้อย ไม่ทำอันใดเขามากนัก ทว่ากลับเป็นประโยคที่ทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น

"แผน?...แผนอะไรขอรับ?"

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำแสยะยิ้มร้ายกาจก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ "ซิ่วถง" เงาดำวูบหนึ่งปรากฏที่ข้างกายนายตน

"เจ้าไม่ต้องสืบเรื่องสตรีผู้นั้นแล้ว...จิ้นหยี่เหิง เจ้าจงไปสืบเรื่องของสตรีผู้นั้นมา หากทำไม่สำเร็จ…" คุณชายไม่เอ่ยแต่หัวเราะเสียงต่ำออกมาคำหนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป

โธ่…สวรรค์ เขาอุตส่าห์ช่วยเหลือคุณหนูตัวน้อยให้รอดพ้นจากกรงเล็บเสือ แต่เหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้กับเขาด้วยเล่า ซิ่วถงที่ว่ามีความสามารถด้านนี้หนักหนายังสืบเรื่องของนางไม่ได้ แล้วเขาที่เป็นกระต่ายน้อยบังหน้าจะไปสืบเรื่องลับ ๆ ได้อย่างไรกัน…

นายท่านจงใจกลั่นแกล้งบ่าวที่แสนดีอย่างเขาชัด ๆ !