พอการินคิดถึงตรงนี้แล้วเขาก็สลัดศีรษะไปมา ไม่อยากคิดต่อแล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็เริ่มเพลียด้วย วันนี้เขาคิดโน่นคิดนี่มากไปแล้วล่ะ พักผ่อนดีกว่า
เขาล้มตัวลงนอน จากนั้นก็เข้าสู่ห้วงนิทรา แล้วก็ฝันเรื่องเดิม ๆ ฉากเดิม ๆ ความอึดอัดเจียนขาดใจ ก็จากที่แม่บ้านช่างพูดคนนั้นเล่าให้ฟัง เขากระโดดลงไปในห้วงมหรรณพเสียชีวิตแล้วนี่นะ
ที่น่าแปลกคือในฝันครั้งนี้ มีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างจากคราวก่อน
ความปวดแสบปวดร้อนปอดจนแทบระเบิด ของเหลวโอบล้อมรอบตัว มือพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรนแต่กลับขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว มีน้ำหนักมหาศาลกดทับไว้ เพื่อไม่ให้ชูใบหน้าเหนือผิวน้ำสูดหายใจ
แต่เขาเห็นแล้วว่า น้ำหนักกดลงมาที่แท้คือมือใหญ่คู่หนึ่ง มือผู้ชาย
เขาถูกกดน้ำจนตายงั้นหรือ!
แล้วการินก็สะดุ้งตื่น เหงื่อแตกทั่วตัว เขาใช้เวลานานหลายวินาทีทบทวนสิ่งที่เพิ่งเห็น แล้วเขาก็ฉุกคิด
ถ้าฝันนี้คือเรื่องจริง แปลว่าการินอาจไม่ได้เมา แล้วกระโดดน้ำฆ่าตัวตายใช่ไหม แต่เขาถูกใครบางคนฆ่าอำพราง!
แต่เขาก็สับสนด้วยว่า ความฝันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ฟื้นคืนมาทีละเล็กละน้อยหรือเปล่า หรือนี่ก็แค่ฝันเรื่อยเปื่อยจับสาระอะไรไม่ได้
การินนึกอะไรได้อย่างหนึ่ง เลยขยับตัวไปเปิดสวิตช์โคมไฟตรงหัวเตียง เขาน่าจะบันทึกสิ่งที่เห็นในฝันไว้ในสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ที่ทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ข้อมูลนี้อาจมีประโยชน์กับเขาต่อไปในอนาคต
เสียงสวิตช์ดังแชะ แสงสีส้มนวลสาดไปทั่วห้อง
แล้วพอเขาหันไปดูตรงเก้าอี้นวมข้างเตียงที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าต่างนัก การินก็สะดุ้งสุดตัวทันที
เพราะคนที่นั่งอยู่คือเดวิส ในมือของเขาถือขวดไวน์มาทั้งขวด พอแสงไฟสว่างวาบ ท่านประธานก็หันมายังคนบนเตียงทันที ดวงตาของเขาแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระดุมบนเสื้อเชิ้ตสีดำปลดออกหลายเม็ดเห็นแผ่นอกแกร่งสีแทน แววตาของเขาที่มองมาดุดัน
"เมื่อกี้แกละเมออะไรออกมา"
"หา ผมน่ะเหรอ" เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อกี้ละเมออะไรออกมาด้วย
เดวิสจิบไวน์จากปากขวดโดยตรงอีกอึก จากนั้นก็วางขวดลงกับพื้นดังกึก ตัวของประธานหนุ่มโงนเงนเล็กน้อยตอนยืนขึ้นจากเก้าอี้นวม
ผู้มาเยือนยามวิกาลชี้นิ้วใส่ "แกพูดประมาณว่า 'หยุด อย่าจับกดน้ำ' นั่นเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่อาเดี่ยวตกน้ำหรือเปล่า แกไปรู้ไปเห็นอะไรมารึเปล่า"
การินละล่ำละลัก เขาโบกไม้โบกมือรัว ๆ "เปล่า ๆ ผมไม่รู้เรื่อง-อะไรเลย ผมแค่ฝันร้าย-แล้วละเมอออกไปแบบไม่รู้ตัวน่ะ"
เดวิสหรี่ตามอง วิธีมองของเขาราวกับวายร้ายในหนัง ตอนนี้เขาเดินมาถึงข้างตัวของการินที่อยู่บนเตียงแล้ว
แล้วท่านประธานก็พูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
"คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของคนอย่างแกงั้นรึ"
เสียงฝีเท้าในรองเท้าหนังคู่สวยของเขาดังกึก ๆ เป็นพื้นหลังประกอบคำพูด
"คิดไปคิดมา ฉันมาที่นี่ตอนแกฟื้นขึ้นมาพอดี ฉันเลยได้ความคิดว่าน่าจะทำอะไรสักอย่างกับแก..."
แม้คำพูดของเดวิสจะน่ากลัว แต่แววตาของการินที่มองอีกฝ่ายตอบกลับไม่หวั่นไหว นั่นเพราะสมองของการินยังคิดว่าเดวิสพูดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขา ซึ่งพอรู้ตัวว่าคิดแบบนั้นไม่ได้ก็ทำให้การินสับสน แล้วเขาก็สงสัยด้วยว่าควรแสดงปฏิกิริยาตอบกลับอย่างไรดีกับคนตรงหน้า แสดงความหวาดกลัวออกไปดีไหม หรือจะขอโทษขอโพยในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำดี
เดวิสมาถึงเตียงแล้ว เขาเท้าแขนข้างหนึ่งลงกับที่นอนจากนั้นก็ก้มตัวลงมา แววตาของเขาวาวโรจน์ดูน่ากลัว
"ฉันคิดอะไรออกแล้ว ว่าจะเอายังไงกับแกดี"
พอการินตั้งสติได้ว่า อีกฝ่ายจ้องจะทำอันตรายเขา อีกทั้งท่าทางคุกคามอย่างยิ่งของเดวิสเลยทำให้ร่างบอบบางบนเตียงถอยกรูดมาที่หัวเตียงอย่างระวังภัย
"ฉันจะจับแกไปขัง จากนั้นก็ทรมานดีไหม ให้อดน้ำ อดข้าว จะทรมานแกด้วยวิธีไหนดีนะ ถึงจะสาสมที่แกทำกับพ่อฉันแล้วเสือกรอดตัวจากคุกไปได้" เดวิสยังชี้นิ้ว ตอนนี้มันเล็งมาที่หน้าผากของคนบนเตียงทีเดียว เวลาพูดไปเขาก็แสยะปากไปด้วยมาดตัวร้ายในหนัง
อยู่ ๆ บางอย่างก็วาบขึ้นมาในสมองของการิน เขาบอกอีกฝ่ายไปตรง ๆ ก็ได้นี่
"คุณเดวิสถ้าผมมีอะไรจะบอกคุณ-คุณจะฟังผมไหม" มันเสี่ยงมากที่จะพูดสิ่งที่คิดไว้ตอนนี้ แต่เขาอยากลอง
"แกจะพูดอะไร"
"ถ้าผมบอกว่า ผมนี่แหละคือ-อาเดี่ยวของคุณ คุณจะว่ายังไง"
คนฟังเบิกตากว้าง นิ่งขึงไปเป็นนาทีทีเดียวที่ได้รับฟังคำพูดของการิน เดวิสอาจคิดว่าคนตรงหน้าคงกลัวเขาลนลานจนหาเรื่องมาแถไปเรื่อยเปื่อย แต่คงไม่คิดว่ามุกที่เลือกขึ้นมาพูด จะเป็นอะไรที่ห่วยแตกได้ขนาดนี้
ดังนั้นท่านประธานเลยหัวเราะเสียงดัง
"นี่แกจะบ้ารึเปล่า นึกว่าฉันโง่รึไง คิดว่าฉันเป็นเด็กอมมือที่แกจะหยิบเรื่องบ้าบออะไรมาหลอกก็ได้งั้นเหรอ" ตอนนี้เขาไม่แค่พูดแล้ว แต่ฝ่ามือใหญ่ของเดวิสยื่นมาตบไม่แรง แต่ก็ไม่เบานักที่แก้มบางใสของคนบนเตียงทั้งข้างซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว เท่านั้นยังไม่พอ นิ้วชี้ยาว ๆ ของเขายังจิ้มสองสามทีที่หน้าผากของคนที่ถอยติดหัวเตียงจนถอยไม่ได้อีก ศีรษะเล็ก ๆ ของการินผงะหงายไปข้างหลังจนกระแทกหัวเตียงตังตึก ๆ ทีเดียวด้วยแรงนิ้วของเขา ภาษากายคุกคามของประธานบริษัทช่างชัดเจนและรุนแรง ราวกับจะบอกว่า เขาคือผู้ที่เหนือกว่า อย่ามาพูดอะไรไร้สาระ เขารู้ทันมุกของอีกฝ่ายทุกอย่าง
คนบนเตียงเลยเงียบไป ยกมือแตะที่แก้มเบา ๆ เพราะรู้สึกแสบร้อนตรงนั้นนิดหน่อย เดาว่าอาจมีปื้นสีแดงฝาดขึ้นมาตรงแก้ม ผิวของเด็กคนนี้บอบบางจริง ๆ
อย่างไรก็ดีการินยังอยากลองต่อไป อาจเพราะเขาเหมือนคนจนตรอกที่ไม่มีอะไรจะเสียก็ได้ แต่คราวนี้ต้องหาหลักฐานอะไรสักอย่างมายืนยันว่าเขาคือการินหรืออาเดี่ยวของคุณหนูเดวี่จริง ๆ
เขาเลยพูดออกไปว่า
"แล้วกันดั้มเป็นยังไงบ้าง"
ประโยคนั้นได้ผล เดวิสตาเบิกกว้าง หน้าที่แดงเล็กน้อยเพราะไวน์ของเขาเหมือนซีดลงหน่อยหนึ่ง เขาเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะแผดเสียงกลับว่า
"ฮึก ไอ้บ้านี่ มึงพูดเรื่องอะไร"
พอพูดออกไปแววตาของประธานหนุ่มก็วูบไหวสั่นระริก เหมือนมีอารมณ์อันเข้มข้นถูกกลบฝังอยู่ข้างใต้ "แล้วเสือกรู้ได้ยังไง"
ตอนนี้มือใหญ่แข็งแรงทั้งสองข้างของเขา บีบที่หัวไหล่ผอมของคนบางเตียงแล้วเขย่ารัว ๆ อย่างไม่ปรานี นิ้วยาวของเขาแข็งแรงราวกับคีมเหล็ก
"อาเดี่ยวเล่าให้ฟังเหรอ มึงตื่นขึ้นมาตั้งแต่อายังอยู่รึเปล่า แล้วรู้เรื่องอะไรของอาก่อนเขาจะตกน้ำบ้าง"
การินหัวสั่นหัวคลอนไปเพราะแรงคนตรงหน้า เขาพยายามพูด แต่เสียงที่ออกมาแทบไม่เป็นคำ
"ไม่มีใครบอกทั้งนั้น ที่ผมรู้-เพราะผมคืออาเดี่ยวของคุณไง"
เดวิสปล่อยมือ ทำให้อีกฝ่ายหัวกระดอนไปโขกกับหัวเตียงดังโป๊ก การินร้องโอ๊ย เจ็บจนต้องใช้มือคลำที่หลังศีรษะป้อย ๆ
"มึงคนโกหก ไอ้คนชั่ว คนเหี้ยอย่างมึงก็ตอแหลไปเรื่อย แค่ลองพูดสุ่ม ๆ ดูล่ะสิ เพราะเด็กผู้ชายคนไหนก็น่าจะมีหุ่นยนต์กันดั้มกันทั้งนั้น"
ลำดับต่อมาคือหมัดลุ่น ๆ ของท่านประธาน ที่พุ่งมาถูกกรอบหน้าบอบบางของคนบนเตียง แรงหมัดปะทะเกิดเสียงดังผลัวะจนการินหน้าหัน วินาทีต่อมาจุดรอยต่อระหว่างขากรรไกรกับแก้มบางของเขาก็เป็นรอยแดงขึ้นมาทันที
"โอ๊ยยย"
การินใช้มือข้างหนึ่งกุมตรงส่วนที่เจ็บไว้ แต่คิดว่ายังไม่ถึงกับมีอะไรบุบสลาย นี่ถ้าเดวิสไม่เมา เขาคงกรามหลุดไปแล้ว
แล้วในวินาทีต่อมา คนตัวใหญ่กว่าก็ทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน เขาปีนขึ้นมาบนเตียงทั้งรองเท้า ขาทั้งสองคร่อมคนตัวเล็กกว่าไว้
"ตกลงความจริงเป็นยังไงกันแน่ มึงบอกกูมา" คราวนี้นิ้วมือย้ายจากไหล่มายังลำคอบอบบาง
"บอกมาเดี๋ยวนี้ไอ้เหี้ย" แล้วคนข้างบนก็เริ่มออกแรงกดลงมาตรงจุดที่เป็นหลอดลม นั่นทำให้คนบนเตียงหายใจไม่ออก เริ่มดิ้นทุรนทุราย สองมือบอบบางกุมที่มือใหญ่ของคนที่อยู่เหนือกว่าแต่ไม่ได้ผล
"โอ๊ก ยะ..อย่า หายใจไม่...อ๊อก ๆ"
เดวิสก้มหน้าลงมาจนเกือบชิด ตอนเขาเปล่งเสียงออกมา ลมหายใจร้อน ๆ ที่มีกลิ่นเหล้าของเขาสัมผัสถูกใบหน้าของการิน
"หรือจริง ๆ กูไม่จำเป็นต้องขังหรือทรมานมึงหรอก ฆาตกรอย่างมึงน่ะโดนบีบคอให้ตายห่าแบบนี้ไปเลยก็ดี จะได้สิ้นเรื่อง"
คนข้างบนโน้มตัวลงมาอีก นิ้วโป้งออกแรงกดมากขึ้นจนเห็นว่ามันจิกและจมลงไปในเนื้ออ่อนที่ลำคอของคนข้างล่าง มือของคนข้างล่างข้างหนึ่งพยายามดึงมือใหญ่ออกแต่ไม่เป็นผล มืออีกข้างป่ายปะไปข้าง ๆ อย่างสิ้นหวังเพื่อหาอาวุธที่อาจใช้หยุดยั้งอีกฝ่ายได้
ชายหนุ่มประธานบริษัทโมโหและเมาจนขาดสติแล้ว ในความคิดของเขาคือแค่อยากเห็นสีหน้าของศัตรูเบอร์หนึ่งค่อย ๆ ขาดอากาศแล้วตายอย่างช้า ๆ อยากเห็นใบหน้าของไอ้คำมรทรมาน อยากเห็นตอนที่อากาศเฮือกสุดท้ายค่อย ๆ หมดไปจากปอดของมัน
ดังนั้นเขาควรก้มหน้าลงไปอีก จะได้เห็นความทรมานของมันใกล้ ๆ ยิ่งใกล้ยิ่งดี
สิ่งที่จินตนาการในหัวทำให้เดวิสถึงกับเลียริมฝีปากทีเดียว
แต่แล้วชายหนุ่มประธานบริษัทก็หยุดชะงัก เพราะเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของคนที่อยู่ข้างล่าง พอได้อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ถึงรู้สึก มันไม่ใช่กลิ่น เป็นอะไรบางอย่างที่บอกไม่ได้ แต่ส่งผลต่อความรู้สึกอย่างรุนแรงมาก ๆ
ยิ่งเข้าใกล้ร่างผอมบางบนเตียงมากเท่าใด ยิ่งทำให้เขาอยากเอาริมฝีปากลงไปคลอเคลียที่แก้มใสที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีชมพูเพราะทางเดินหายใจถูกอุดตัน ทำไมเขาถึงอยากซุกไซ้ริมฝีปากลงไปที่ซอกคอขาว ๆ
ถึงกับอยากแลบลิ้นออกมาเลียตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ...
เฮ้ย กูเป็นอะไรเนี่ย นี่มันบ้าไปแล้ว
ความคิดนั่นทำให้เขาปล่อยมือทันที ทำให้ฝ่ายที่อยู่ข้างใต้มีโอกาสสูบอากาศเฮือกใหญ่เข้าไปในปอด น้ำตาไหลพรากจนเปียกขนตายาว ๆ มือเล็ก ๆ รีบมากุมที่ลำคอ ใบหน้าเป็นสีชมพูจัด เสียงไอแคก ๆ ดังอย่างต่อเนื่อง
หนุ่มประธานบริษัทมีท่าทางสับสน เขาถอยหลังก้าวขาลงจากเตียง พอทรงตัวยืนได้ก็ถอยหลังไปสองสามก้าว ดวงตาเบิกกว้างมองมายังคนบนเตียงที่ตอนนี้ยังเอามือกุมคอและยังไอไม่หยุด
ใบหน้าของเดวิสมีแววหวาดกลัว แล้วเขาก็หันหลัง รีบวิ่งออกไปจากห้องคนป่วย แล้วหายลับไปในยามราตรีอย่างรวดเร็ว