webnovel

ตอนที่ 271

ตอนที่ 271 ศัตรู

เร็วกว่าที่เย่หนิงและพวกเขาคาดเดาเอาไว้

พวกเขาเพิ่งจะยืนประจำตำแหน่ง นำอาวุธวิเศษออกมา ตอนที่เตรียมจะเริ่มซ่อมแซมผนึกก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังออกมาจากภูเขา หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังกึกก้อง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนไม่น้อยกำลังวิ่งลงมาจากภูเขา

หยางปินหัวเราะเหอะๆ "มากันแล้ว!"

เสิ่นอี้หันกลับมาพูดกับเย่หนิงและคนอื่นๆ ว่า "พวกคุณตั้งใจซ่อมผนึก ไม่ต้องมาสนใจพวกเรา! คนพวกนี้พวกเราจะรับผิดชอบจัดการให้พวกคุณเอง!"

ถึงแม้ว่าเย่หนิงจะเป็นห่วงเล็กน้อย แต่ยังพยักหน้า "รู้แล้ว!" 

จวงหมิงหานฉีกยิ้ม "ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก นอกจากราชาผีดิบฟื้นคืนชีพก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแล้ว เจ้าหมอนี้เก่งกาจนัก พวกเขาดูแลตัวเองได้ พวกเราเริ่มกันเลยเถอะ เสี่ยวหนิง!"

ตามแผนเดิมของพวกเขา ตอนนี้ต้องแสร้งทำอย่างนี้เท่านั้น เอาจริงสถานการณ์จะยุ่งเหยิงขนาดนี้ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่สามารถซ่อมแซมผนึกได้อย่างสงบใจเลย แม้ว่าอาวุธวิเศษของพวกเขา...จะเลียนแบบได้เหมือนมาก แต่ก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ดี

คนที่อยู่ด้านล่างพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รอจนพวกเขาขึ้นมาแล้ว แค่มองลักษณะภายนอกของคนเหล่านั้น เย่หนิงและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกตกใจ ลักษณะภายนอกของคนเหล่านี้ทำให้ผู้คนตกใจมากจริงๆ!

เหมือนกับเมื่อครู่ที่เพิ่งปีนออกมาจากสุสาน เสื้อผ้ามอมแมม ทั่วทั้งร่างเน่าเปื่อย กลิ่นเน่าเหม็นชวนขยะแขยงลอยโชยมาแต่ไกล โชคดีที่ที่นี่เป็นยอดเขา ลมพัดแรงมาก เพียงครู่เดียวก็พัดกลิ่นเน่าเหม็นนั้นออกไป ไม่อย่างนั้นก็คงให้ฆ่าคนเป็นเข้าจริงๆ!

"น่าขยะแขยง!" เหลียงเชิ้งอดสบถออกมาไม่ได้ "นี่มันผีบ้าอะไรกันเนี่ย!"

เจิ่งชวนยิ้มเย็น "ผีดิบที่เกิดการล้มเหลวขณะที่สร้าง! คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง!"

เหลียงเซิ้งพูดว่า "สิ่งที่ไม่ใช่คน ไม่ใช่ผี ไม่ควรมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ!"

ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่เจ้าพวกนี้เก่งกาจมากจริงๆ พอเห็นพวกเขาและกลุ่มของตำรวจพิเศษ เฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนเองยังอยากเข้าไปช่วยเลย แต่กลับถูกจวงหมิงหานรั้งเอาไว้เสียก่อน "ไม่ต้องไปหรอก พวกเราไปคงช่วยอะไรไม่ได้ จะยิ่งสร้างความวุ่นวายเสียเปล่าๆ พวกนั้นไม่ใช่ผีดิบโดยกำเนิด พวกเราคงไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเขานัก เดิมทีก็ปราบพวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว ขืนเข้าไปถูกกัดหรือถูกข่วนเข้าให้ ติดเชื้อเข้าให้ คงจะไม่ใช่เรื่องสนุกนักหรอก"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายอดถามขึ้นมาไม่ได้ "จวงหมิงหาน ที่นายพูดถึงอยู่เป็นคนตายหรือว่าคนเป็น" 

สีหน้าของจวงหมิงหานหมองคล้ำ พูดขึ้นว่า "พวกเขาคือคนเป็นที่ถูกเปลี่ยนเป็นผีดิบ!"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายสูดลมหายใจเย็น "คนเป็นถูกเปลี่ยนเป็นผีดิบงั้นเหรอ" 

"ใช่!" จวงหมิงหานพยักหน้า "พวกเขาถูกฉีดเชื้อไวรัสเข้าไป เปลี่ยนคนเป็นให้กลายเป็นผีดิบ ผมเคยเห็นข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ของพวกเขา กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เจ็บปวด ใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมทารุณเกินกว่าที่จะมีบนโลกใบนี้ วิธีการเป็นอย่างไรกันแน่ ผมเองก็ไม่รู้จะพูดออกมายังไงดี เพราะมันโหดร้ายเกินไป! พวกนายคงไม่เคยเห็น...ตอนนั้นผมยังรู้สึกว่ามันโหดร้ายและน่าตกใจมากจริงๆ กินอะไรไม่ได้อยู่ตั้งหลายวัน น่ากลัวมากๆ!"

เหลียงเซิ้งเองก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า "ขนาดผมยังฝันร้ายจนถึงตอนนี้เลย! มันน่ากลัวมากจริงๆ ! แล้วก็โหดเหี้ยมมากเลยด้วย! การทดลองนี้ มันโหดร้ายเหลือเกิน ตอนนี้พอคิดย้อนกลับไปยังรู้สึกขนลุกไม่หาย!"

เจิ้งชวนยิ้มเย็น "ฉินเฉาฮุ้ย! เจ้าสัตว์เดียรัจฉาน!" 

เฝิ่งเยี่ยนฮวายใช้สายตามองไป "สัตว์เดียรัจฉานนั้น มันมาแล้ว!"

ฉินเฉาฮุ้ยแล้วยังมีมู่หรงซี 

เย่หนิงเองก็เห็นฉินเฉาฮุ้ยพยุงมู่หรงซีลงด้านล่างของภูเขา ค่อยๆ เดินลงมา มาจนถึงตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่

เสิ่นอี้และหยางปินเคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็ว รีบตามมาปกป้องพวกเขา 

มู่หรงซีมองไปที่เสิ่นอี้ เสิ่นอี้เองก็มองไปที่เธอ

ทันใดนั้นมู่หรงซีก็ฉีกยิ้ม "เสิ่นอี้ ไม่เจอกันตั้งนาน!"

เสิ่นอี้พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "พวกเราเคยเจอกันด้วยเหรอ" 

เย่หนิงกลั้นยิ้ม

มู่หรงซีพูดเสียงเย็นว่า "เสิ่นอี้ หรือว่าคุณจะลืมคำสัญญาของตนเองไปแล้ว ตอนนี้คุณเตรียมจะตระบัดสัตย์แล้วหรือไง"

"คุณพูดอะไร" เสิ่นอี้มองกระจกทองแดงในมือของเย่หนิง แล้วพูดเสียงเรียบว่า "กระจกฟ้าดินงั้นเหรอ ผมรับปากว่าจะเอากระจกฟ้าดินให้พวกคุณ ไม่ผิดหรอก! แต่ตอนนี้พวกเขาต้องใช้กระจกฟ้าดิน รอให้เสร็จแล้ว ผมถึงจะเอาให้พวกคุณ!"

สีหน้าของมู่หรงซีเปลี่ยนไป "เสิ่นอี้ คุณหมายความว่าอะไร! คุณรู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะเอากระจกฟ้าดินมาทำอะไร! ทำไมถึงเอาแต่พูดประชดประชันอยู่ได้"

มู่หรงซีพูดพลางฉีกยิ้มเย็นอีกครั้ง "ท่านพ่อของฉันพูดไม่ผิดเลยสักนิดเดียว! คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะผิดคำพูด! เสิ่นอี้ คุณกล้าบอกกับฉันไหมล่ะว่าพี่สาวของฉันมู่หรงชิงตายยังไง" 

เสิ่นอี้ถามกลับว่า "เธอตายยังไง คุณคงจะรู้ดียิ่งกว่าผม" 

สีหน้าของมู่หรงซีแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว "เสิ่นอี้ คุณหมายความว่าอะไร" 

เสิ่นอี้พูดอย่างช้า "ไม่มีอะไร แต่คุณมู่หรง คุณปิดบังตัวเองได้เก่งเหลือเกิน! อย่างน้อยพวกเราทั้งหมดก็ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคุณ ทว่าพอเทียบกับมู่หรงชิงแล้ว คุณยังห่างชั้นนัก!” 

"ฉันห่างชั้นกว่าเธองั้นเหรอ" มู่หรงชียิ้มเย็น "แค่เธอเป็นบุตรสาวคนโต ถ้าไม่มีสถานะนี้มาค้ำเอาไว้ เธอจะเป็นอะไรได้!”

เสิ่นอี้ส่ายหน้า แล้วค่อยๆ พูดว่า "เธอมีฐานะเป็นลูกสาวคนโต แต่ก็มีอายุแค่สิบกว่าปีเท่านั้น หลังจากนั้นล่ะ หลังจากนั้นในหลายพันปีมานี้เธอไม่ได้มีฐานะเป็นบุตรสาวคนโตตั้งนานแล้ว เธอเหมือนกับคุณ หลบหนีมาเป็นเวลานาน ปิดบังตัวตน แล้วหลังจากนั้นล่ะ" 

"หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้มีสถานะเป็นบุตรสาวคนโตอีกแล้ว คุณจะเปรียบกับเธอทำไม ถ้าคุณคิดว่าตัวคุณเองเก่งกาจขนาดนั้นจริงๆ ก็ไม่เห็นต้องให้เธอควบคุมคุณตั้งพันกว่าปีนี้เลยนี่นา! เปรียบเทียบดูแล้ว คุณไม่ได้หวังให้เธอตายมากกว่าผมหรือไง คุณฝันให้เธอตาย ถ้าทำได้คุณคงจะฆ่าเธอเองกับมือแล้วไม่ใช่เหรอ"

มู่หรงซีฉีกยิ้ม "เดิมทีฉันก็แค่สงสัยเท่านั้น...ตอนนี้ดูแล้ว...การตายของพี่สาวฉันคงจะเกี่ยวข้องกับคุณจริงๆ! ก่อนหน้านี้ท่านพ่อของฉันเคยบอกว่าให้พวกเราระวังคุณเอาไว้ บอกว่าคุณเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ คุณไม่ภักดีต่อเขาอย่างแน่นอน! คุณคิดว่าเรื่องที่คุณทำท่านพ่อของฉันจะไม่รู้สักนิดเลยเหรอ มิน่าคุณถึงไม่หวังให้ฉันปล่อยเขาออกมาขนาดนี้ ถ้าเขารู้เรื่องที่คุณเคยหักหลังเขา คุณว่าเขาจะรู้สึกยังไง"

มู่หรงซีพูดพลางโบกมือ ฉินเฉาฮุ้ยส่งเสียงคำรามดัง คนมากมายพุ่งออกมาจากในป่า บุกเข้าใส่เสิ่นอี้ เย่หนิงและคนอื่นๆ

หยางปินพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาปะทะเข้ากับร่างของฉินเฉาฮุ้ย เกิดเสียงปึงดังนั้น ให้ความรู้สึกคล้ายกับหินใหญ่สองก้อนชนกัน เสิ่นอี้เองก็ต้องรับมือกับคู่ต่อสู้หลายคน แทบจะในเวลาเดียวกัน มู่หรงซีชูปืนในมือขึ้นมา