webnovel

ตอนที่ 248

ตอนที่ 248 บุตรสาว

ฉินเฉาฮุ้ยรินน้ำให้เย่หนิงอีกหนึ่งแก้วอย่างเอาใจใส่ หลังจากนั้นจึงถามว่า "คุณหมอเย่ วันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย คุณหิวไหม ถ้าอย่างนั้นคุณกินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยคุยกันต่อเถอะ"

"ได้ค่ะ" เย่หนิงพูดออกมาโดยที่ไม่เกรงใจเลยสักนิดว่า "ฉันคิดว่าพวกคุณจนเสียอีก ขนาดเงินจะเลี้ยงข้าวฉันยังไม่มี"

ฉินเฉาฮุ้ยหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า "เป็นงั้นได้ไงล่ะครับ คุณหมอเย่! คุณอยากกินอะไรล่ะ พูดออกมาได้เลย! ไม่ต้องเกรงใจครับ!"

"อาหารทะเลค่ะ! ไม่ต้องพูดแล้ว เร็วๆ เลยค่ะ สั่งมาเยอะๆ! ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!" เย่หนิงร่ำร้องเสียงดัง ไม่มีทีท่าว่าเป็นตัวประกันเลยสักนิด

มู่หรงซีที่อยู่ข้างๆ มองด้วยสายตาเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

กลับเป็นฉินเฉาฮุ้ยที่มีความอดทนเป็นอย่างมาก รีบโทรศัพท์ออกคำสั่งลงไป ไม่นานนักอาหารทะเลชุดใหญ่ก็ขึ้นมาเสิร์ฟ วางเต็มโต๊ะใหญ่ เย่หนิงหิวอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่รู้สึกเกรงใจอย่างแน่นอน เธอรินน้ำผลไม้ให้ตนเองก่อน แล้วจึงถามอีกครั้งว่า "พวกคุณไม่กินเหรอ" 

ฉินเฉาฮุ้ยอยู่นั่งตรงข้ามกับเย่หนิง ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า "คุณหมอเย่ ไม่ต้องเกรงใจ คุณกินได้เลยครับ"

"อืม พวกคุณทั้งหมดไม่กิน ฉันกินแค่คนเดียว น่าอายมากเหลือเกิน!" ถึงเย่หนิงจะพูดเช่นนี้แต่ตอนที่กินกลับไม่รู้สึกเขินอายเลย

มู่หรงซียิ้มเย็น "ทำไม กลัวพวกเราใส่ยาพิษลงไปงั้นเหรอ กลัวพวกเราใส่ยาพิษคุณก็เลยจะไม่กินสินะ" 

"ใส่ยาพิษ ยาพิษประเภทไหน เปลี่ยนฉันเป็นผีดิบได้ไหม งั้นก็ดีมากๆ เลย" เย่หนิงพูดไปพลางสวาปามอาหารต่อไป พอเห็นเธอกินอย่างออกรสออกชาติเช่นนี้ทำให้ฉินเฉาฮุ้ยอดคิดไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้โง่จริงหรือว่าแสร้งโง่ ดูไม่ออกหรือว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายมากขนาดไหน พวกเขาสามารถเอาชีวิตของเธอได้ทุกเวลา แต่เธอกลับไม่สนใจสักนิดเลยเหรอ 

เธอคิดว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าเธอ หรือว่ามั่นใจว่าเสิ่นอี้ต้องมาช่วยเธออย่างแน่ๆ

ถึงฉินเฉาฮุ้ยจะคิดเช่นนี้ ทว่ากลับไม่พูดออกไป นั่งอยู่ตรงข้ามเย่หนิง แล้วค่อยๆ ดื่มไวน์แดงอย่า งช้าๆ รอให้เย่หนิงกินจนอิ่มแล้วค่อยให้เธอเล่าเรื่องที่เธอได้ยินมาต่อ

มู่หรงซีกอดอก ยืนอยู่ข้างๆ มองด้วยสายตาเย็นเยียบ

เย่หนิงเองก็มองมู่หรงซีแวบหนึ่ง แล้วถามว่า "พี่มู่หรง ยืนอย่างนี้ไม่เหนื่อยหรือไง ไม่นั่งก่อนล่ะ" 

มู่หรงซีพูดเสียงเย็นว่า "เธอห่วงตัวเองไปเถอะ!"

ความจริงแล้วเย่หนิงเองก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้ เธอทานต่อ ทานอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าในที่สุดก็วางตะเกียบลงอย่างพอใจ

"เป็นยังไงบ้าง" ฉินเฉาฮุ้ยถามยิ้มๆ "คุณหมอเย่ ทานอิ่มหรือยัง อาหารพวกนี้ถูกใจคุณไหม"

"ก็ได้อยู่!" เย่หนิงไม่ได้พอใจที่สุด "พ่อครัวบ้านของคุณเป็นคนทำงั้นเหรอ" 

"ใช่ ทำไมครับ ฝีมือพ่อครัวของพวกเรายังไม่เข้าตาคุณหมอเย่งั้นเหรอ นี่เป็นพ่อครัวที่ผมเชิญมาเป็นพิเศษ ผ่านการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ คุณหมอเย่นี่คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ" ฉินเฉาฮุ้ยแสดงทีท่าไม่เชื่อ

"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ!" เย่หนิงล้างมือจนสะอาด แล้วจึงพูดว่า "เมื่อเทียบกับเสิ่นอี้ ฝีมือยังห่างชั้นค่ะ" 

"เสิ่นอี้เหรอ" ฉินเฉาฮุ้ยมองเย่หนิง

เย่หนิงยิ้ม แล้วกล่าวกับมู่หรงซีตรงๆ ว่า "พี่มู่หรง คุณคุ้นเคยกับเสิ่นอี้ขนาดนี้ คงจะรู้สินะว่าฝีมือการทำอาหารของเขาเยี่ยมมาก! อ้อ ถูกแล้ว คุณคงไม่เคยมีโอกาสได้กินอาหารฝีมือของเขาสินะ"

มู่หรงซียิ้มเย็น "เธอพูดเหลวไหลมากเกินไปแล้ว!"

"ฉันพูดจาเหลวไหลงั้นเหรอ" เย่หนิงเบิกตาโต "ฉันพูดจาเหลวไหลอะไรอีกล่ะ" 

มู่หรงซียิ้มเย็นแล้วพูดว่า "เสิ่นอี้เป็นอดีตนายพลทัพหน้า เขาเข้าครัวทำอาหารให้ผู้หญิงให้คุณงั้นเหรอ"

"ฮ่าๆ..." เย่หนิงยิ้ม "มีอะไรแปลก! เขาทำอาหารให้ฉันกินทุกวัน! แค่ฉันเอ่ยปาก ไม่ว่าฉันชอบกินอะไร เขาก็ทำให้ฉันกินทั้งหมดเลย!"

"โกหก!" มู่หรงซีไม่ยอมรับ "คุณคิดว่าระดับการโกหกที่ต่ำขนาดนี้ จะโกหกฉันได้งั้นเหรอ!"

"ใครหลอกคุณล่ะ! คุณต่างหากที่ไม่เชื่อเอง! เป็นนายพลทัพหน้าแล้วไง เข้าครัวไม่ได้งั้นเหรอ! ฝีมือของเขายอดเยี่ยมมาก! คุณก็แค่อดกินเท่านั้นเอง" เย่หนิงพูดอย่างภาคภูมิใจ

มองมู่หรงซีที่ใกล้จะระเบิดความโกรธ ภายในใจของฉินเฉาฮุ้ยยิ่งรู้สึกไม่ดี "น่าน่า คุณสนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ"

มู่หรงซีพูดอย่างรีบเร่งว่า "เฉาฮุ้ย คุณพูดอะไรนะ! ฉันสนใจอะไร! ฉันรับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ต่างหาก เอาแต่พูดจาเหลวไหลอยู่ได้"

“ทั้งหมดนี้ คุณไม่ได้กินก็ว่าเหลวไหลนะสิ!" เย่หนิงยังคงพูดดูถูกต่อ

ฉินเฉาฮุ้ยมองมู่หรงซีที่กำลังจะระเบิดเต็มที ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า "คุณหมอเย่ คุณไม่ได้บอกพวกเราเหรอว่ามีเรื่องจะเล่าให้พวกเราฟัง เล่าต่อเลยครับ!"

"เล่าเรื่องอะไร! คงจะไม่พูดจาเหลวไหลหรอกนะ!" มู่หรงซีพูดอย่างไม่ใส่ใจ

"คุณไม่ฟังก็ได้!" เย่หนิงไม่สนใจมู่หรงซีเสียยิ่งหว่า "ไม่มีใครบังคับให้คุณฟังสักหน่อย"

"แต่ฉันอยากฟัง! ฉันอยากฟังคุณว่ายังจะพูดจาส่งเดชอะไรอีก" มู่หรงซีนั่งลงบนโซฟา แล้วพูดเสียงเย็นว่า "เล่ามาสิ! ทำไมถึงไม่เล่าล่ะ"

เย่หนิงตั้งใจคิด "เมื่อกี้ฉันพูดถึงตรงไหนแล้วนะ"

ฉินเฉาฮุ้ยพูดว่า "คุณบอกว่าเมื่อหนึ่งพันกว่าปีก่อน เวลานั้นมีท่านอ๋องคนหนึ่งที่เก่งกาจสามารถและเชี่ยวชาญการรบ! คุณบอกว่าถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะเก่งกาจมากแค่ไหม แต่น่าเสียดาย น่าเสียดายอะไร?"

"อ๋อ! ฉันจำได้แล้ว!" เย่หนิงพูดพลางดื่มน้ำผลไม้อย่างช้าๆ "ท่านอ๋องคนนั้น ถึงแม้ว่าจะเก่งกาจมาก และมีมเหสีที่รักใคร่มากๆ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่มีบุตรชาย! มเหสีของเขาทำได้แค่กำเนิดบุตรสาวให้เขา อืม...แต่ว่า ท่านอ๋องคนนี้กลับรักบุตรสาวคนนี้ของเขามาก อีกอย่างบุตรสาวคนนี้ของท่านอ๋อง ทั้งสวยและก็ฉลาดทันคนมากๆ ลูกสาวที่ท่านอ๋องรักและเอ็นดู โดยปกติก็เลยอยากหาคู่ครองที่ดีที่สุดให้ลูกสาวตนเอง คนที่ถูกเลือกนี้ แน่นอนว่าต้องเลือกจากคนที่อยู่ข้างกายเขา เพราะเขาไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ห่างจากตนเอง" 

"ท่านอ๋องจะเลือกใคร ทุกคนต่างก็รู้หมด ข้างกายของท่านอ๋องมีขุนศึกสี่คน พวกเขาเป็นผู้ช่วยที่เก่งกาจที่สุดของท่านอ๋อง ถึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นยอดขุนศึกทั้งสี่ ท่านอ๋องและสี่ขุนศึกนี้ ถึงจะมีความสัมพันธ์ฉันท์บ่าวนาย ทว่าความจริงแล้วกลับสนิทกันดั่งพี่น้อง ท่านอ๋องอยู่กับพี่น้องของตนเองมาโดยตลอด ลูกสาวของตนเองปกติแล้วก็เลยอยากให้แต่งงานกับบุตรชายของพี่น้อง เพิ่มความกลมเกลียว พวกคุณว่าใช่ไหมล่ะ"

ฉินเฉาฮุ้ยฉีกยิ้ม "มีเหตุผล!"

"อืม ถูกแล้ว!" เย่หนิงตบหัวตัวเอง "มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่ฉันเกือบจะลืมไป! ท่านอ๋องและมเหสีของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดีมากๆ และอีกอย่างพระมเหสีเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นและเข้าใจคนอื่น เธอรู้ว่าตนเองไม่อาจให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่านอ๋องได้ เรื่องนี้น่าเสียดายมากๆ ท่านอ๋องคนนี้ ขนาดบุตรชายก็ยังมีไม่ได้ ตระกูลจะไร้ซึ่งคนสืบทอดแล้วใช่ไหม ตำแหน่งบรรดาศักดิ์จะทำอย่างไร ดังนั้นพระมเหสีก็เลยโน้มน้าวท่านอ๋อง ให้เขามีพระมเหสีรอง"

"ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะไม่ยินยอมนัก แต่ทนการโน้มน้าวของพระมเหสีไม่ไหว สุดท้ายยังรับมเหสีรอง เพียงแต่น่าเสียดาย มเหสีรองของท่านอ๋องก็ไม่สามารถกำเนิดบุตรชายให้แก่เขาได้เช่นกัน ถึงแม้ว่ามเหสีองรองจะท้อง ทว่ากลับเป็นเด็กสาวเหมือนกัน บุตรสาวของมเหสีรอง และบุตรสาวของพระมเหสี แน่นอนว่าไม่อาจเทียบกันได้"