webnovel

ตอนที่ 242

ตอนที่ 242 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

"น่าเสียดายที่เป็นแค่ของที่ถูกสร้างขึ้น และไม่สำเร็จ!" ซีเหมินถิงพูด "แต่ฉินเฉาฮุ้ยคนนั้นเป็นคนที่มีพรสรรค์จริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น คาดว่าผู้หญิงคนนั้นก็คงหาเขาไม่เจอ เสิ่นอี้ นายลองตั้งใจคิดดูสิ ข้างกายราชาผีดิบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนแบบนั้น" 

"หมายความว่าอะไร" เสิ่นอี้พูดอย่างสงสัย 

"นายลืมไปแล้วหรอ" ซีเหมินถิงจ้องเสิ่นอี้ แล้วพูดออกมาชัดๆ "ไม่ว่ายังไง นายคงไม่ลืมคนที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหรอกนะ!"

ภายในใจของเย่หนิงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างรวดเร็ว เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วถามอย่างรวดเร็วว่า "ใคร...พวกคุณพูดมาสิ เป็นใครกัน"

เสิ่นอี้ไม่หันกลับไป ทั้งพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "ไม่มีใครหรอก"

"เสิ่นอี้..." 

"พอแล้ว" เสิ่นอี้ตัดบทคำพูดของซีเหมินถิง พูดอย่างอารมณ์เสียว่า "เธอตายไปตั้งนานแล้ว! ฉันเห็นกับตาว่าเธอถูกไฟเผาตาย จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง และอีกอย่าง...ถ้าเป็นเธอ นายจะจำไม่ได้งั้นเหรอ นายไม่เคยเจอเธอหรือไง"

"เป็นใครกันแน่" ความจริงแล้วเย่หนิงทนไม่ไหวแล้ว ผู้หญิงคนนี้...ผู้หญิงคนนี้ที่ซีเหมินถิงพูดถึง เสิ่นอี้กลับจงใจหลีกเลี่ยงไม่พูดถึง นี้มันเรื่องอะไรกันแน่

เสิ่นอี้เงียบไป ซีเหมินถิงมองเสิ่นอี้ แล้วมองที่เย่หนิงอีกครั้ง 

ทันใดนั้นเย่หนิงรู้สึกอึดอัดคล้ายมีก้อนหินทับเอาไว้ หนักอึ้งจนหายใจไม่ออก ถึงแม้ว่าเสิ่นอี้จะไม่พูดอะไร แต่ก็เป็นเพราะว่าเขาไม่พูดอะไรเลย จึงทำให้เย่หนิงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ทำไมเสิ่นอี้ถึงต้องปิดบังด้วย

“ช่างเหอะ ฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว พวกคุณคุยกันไปเถอะ! ฉันเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปพักที่หอก่อนนะ" เย่หนิงหันกายเดินออกไปจากออฟฟิศ

เธอวิ่งเร็วมาก พริบตาเดียวก็วิ่งมาถึงชั้นล่างแล้ว เสิ่นอี้ไม่ได้ตามออกมา เดิมทีเธอคิดว่าเสิ่นอี้จะอธิบายให้เธอเข้าใจ แต่ไม่เลย พอมองเสิ่นอี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่า เขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเธอ 

เพราะอะไร

ผู้หญิงคนนั้น! 

ผู้หญิงคนนั้นที่พวกเขาพูดถึง คือใครกันแน่

คนที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ เสิ่นอี้ไม่มีทางไม่รู้จัก อีกอย่างพอได้ยินซีเหมินถิงพูดเช่นนี้ คล้ายกับว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเสิ่นอี้เลย 

เพียงแต่ว่าเสิ่นอี้ไม่ต้องการจะบอกเธอ 

แต่...ความจริงนี้ คงไม่เป็นดั่งที่คาดการณ์เอาไว้ แค่คิด...ทำไมภายในใจถึงได้รู้สึกอึดอัดขนาดนี้นะ!

เขามีชีวิตอยู่ตั้งพันกว่าปี มีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งปกติเหรอ

หลายพันปีมานี้ ใครจะไปรู้ว่าเขาผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง

เธอกับเสิ่นอี้รู้จักนานขนาดไหนเชียว

เมื่อเทียบเวลากว่าพันปีแล้ว พวกเขารู้จักกันแต่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนเท่านั้น นี่จะนับอะไรได้

สำหรับเสิ่นอี้แล้ว เธอก็แค่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้น

เขามีชีวิตชั่วนิจนิรันดร์ ได้เห็นทั้งความเป็นและความตาย 

แต่เธอล่ะ 

เดิมทีพวกเราก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกันอยู่แล้ว เขามีเรื่องราวมากมาย เป็นเธอต่างหากที่ไม่รู้อะไรเลย แล้วเธอก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วย 

ระหว่างพวกเขา บางทีอาจจะถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เลย

เย่หนิงเงยหน้ามองออฟฟิศที่อยู่ข้างบน มองเงียบๆ อยู่สักพัก สุดท้ายจึงตัดสินใจจากไป เธออยากไปหาเฝิ่งเยี่ยนฮวายและคนอื่นๆ ตอนนี้สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องรีบหาวิธีการรับมือกับราชาผีดิบให้เร็วที่สุด วาดแผ่นยันต์ยังไง แล้วจะวางกระจกฟ้าดินอย่างไร ระหว่างการเพิ่มพลังของผนึกทุกขั้นตอนล้วนสำคัญ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะทำผิดพลาดไม่ได้! 

เธอวิ่งกลับไปที่หอพัก เพิ่งเปิดประตูก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหมือนมีเสียง...อยู่ในห้องหนังสือ

เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม 

ขณะเย่หนิงกำลังรู้สึกสงสัย ก็ได้ยินเสียงแปลกหน้าของผู้หญิงดังแว่วออกมาจากห้องหนังสือ "เสิ่นอี้ ทำไมคุณถึงเพิ่งกลับมา!" 

เย่หนิงตกตะลึงอยู่ตรงนั้น สติของเธอยังไม่ทันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินออกมาจากห้องหนังสือ 

ผู้หญิงคนนั้นดูแล้วน่าจะอายุ 20 ต้นๆ หน้าตาสวยมาก ความงามเช่นนั้นแทบทำให้คนที่ได้เห็นตกตะลึง ยากที่จะหลงลืมความตื่นตาตื่นใจนี้ได้เลย ขนาดเย่หนิงยังต้องตะลึงงันเมื่อเห็นใบหน้าของเธอ เธอมองผู้หญิงคนนั้นนิ่งค้าง ตะลึงจนพูดไม่ออก 

"เป็นคุณได้ยังไง" หญิงสาวมองเย่หนิง ใบหน้าดูถูกดูแคลน "เสิ่นอี้ล่ะ" 

สติของเย่หนิงกลับมาอย่างยากลำบาก ในสมองสับสนวุ่นวาย พูดถามออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า "คุณเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่" 

"ฉันเป็นใคร?" หญิงสาวหัวเราะฮ่าๆ "ทำไม เสิ่นอี้ไม่เคยบอกคุณหรือไง ว้า ก็ใช่ เขาจะบอกคุณทำไม เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ถึงยังไงคุณก็ไม่ต้องรู้อยู่แล้ว"

คำพูดนี้ของเธอหมายความว่ายังไง 

ทันใดนั้นเย่หนิงก็คิดถึงเรื่องที่อยู่ในออฟฟิศขึ้นมาได้ บทสนทนาของซีเหมินถิงที่พูดกับเสิ่นอี้ ทั้งเสิ่นอี้ยังตอบอึกๆ อักๆ ไม่ชัดเจน หรือว่า......

หรือว่าที่พวกเขาพูดถึง ก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

"คุณเป็นใครกันแน่" ไม่ง่ายเลยทีเย่หนิงจะสามารถสงบสติของตนเองลงได้ ถามเสียงดังว่า "ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ คุณรู้รึเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน เข้ามาตามใจชอบได้ยังไง" 

ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า "ฉันมาหาคู่หมั้นของฉัน ไม่ได้หรอ" 

"คู่หมั้น" เย่หนิงคิดว่าตนเองฟังผิด "ใครเป็นคู่หมั้นของคุณ" 

ผู้หญิงคนนั้นฉีกยิ้ม "เย่หนิง คุณไม่ต้องแสร้งทำมาเป็นเลอะเลือน ฉันพูดชัดเจนขนาดนี้ คุณยังจะถามอีกเหรอ ใครคือคู่หมั้นของฉัน! หรือว่าคุณไม่รู้ ใครที่อยู่ที่นี่กันล่ะ"

“คุณพูดถึงเสิ่นอี้เหรอ" เย่หนิงกัดฟัน 

หญิงสาวก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้ามาใกล้เย่หนิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า "ฉันชื่อมู่หรงซี! ฉันเป็นคู่หมั้นของเสิ่นอี้! พูดอย่างนี้คุณเข้าใจไหม" 

"คุณบอกว่าคุณคือคู่หมั้นของเสิ่นอี้งั้นเหรอ" เย่หนิงพูดเสียงเย็น "ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเสิ่นอี้พูดถึงมาก่อน" 

ผู้หญิงที่อ้างว่าชื่อมู่หรงซีตกตะลึง หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที "คุณว่าไงล่ะ ทำไมเสิ่นอี้ถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคุณ คุณว่าทำไมล่ะ โง่เสียจริง ถ้าเสิ่นอี้บอกคุณก่อนว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว คุณยังจะโง่เชื่อเขาอย่างนี้ไหม"

ภายในหัวใจของเย่หนิงมีไอเย็นค่อยๆ แผ่ซ่าน พริบตาเดียวทั่วทั้งร่างรู้สึกหนาวเย็นจับใจ คล้ายกับว่าเลือดทั่วกายเหมือนถูกแช่แข็ง

เย่หนิงสูดลมหายใจเข้าลึก พูดว่า "ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร" 

"ไม่รู้งั้นเหรอ" มู่หรงซีฉีกยิ้ม "คุณโง่ขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่รู้อยู่แล้ว เย่หนิง คุณอย่าหลอกตัวเองไปเลยน่ะ ความจริงในใจของคุณคงรู้อยู่แล้วว่าเดิมทีเสิ่นอี้ไม่ได้รักคุณใช่ไหมล่ะ หรือว่าคุณไม่รู้ตัวตนของเขา และไม่รู้ว่าตัวตนของตัวคุณเอง คุณคิดว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องรักคุณ"

เย่หนิงมองผู้หญิงคนนั้นอย่างเย็นชา พูดว่า "ทำไมฉันต้องเชื่อคำพูดของคุณด้วย คุณไม่ได้บอกหรือไงว่าคุณเป็นคู่หมั้นของเสิ่นอี้ ก็ดี พวกเรารอเขากลับมาที่นี่ ดูสิว่าเขาจะพูดยังไง" 

"รอเขากลับมาเหรอ " มู่หรงซีก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดว่า "คุณผิดแล้ว! ที่ฉันมา ไม่ได้แค่เพื่อรอเขา ที่ฉันมา จริงๆ แล้วมาหาคุณต่างหากล่ะ คุณนักล่าผีดิบที่รัก!"