webnovel

ตอนที่ 237

ตอนที่ 237 แลกเปลี่ยนเงื่อนไข

เสิ่นอี้และเย่หนิงมาเจอกับเซียะยุ่นผิงที่มีใบหน้าซีดเซียวที่สถานที่คุมขัง

ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่สิบกว่าวันเท่านั้น แต่เซียะยุ่นผิงกลับดูต่างไปจากเดิม 

ดูแล้วแก่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว แล้วก็ซูบผอมลงไปมาก โดยรวมแล้วไม่เหมือนกับเซียะยุ่นผิงคนก่อนที่พวกเขาเคยรู้จักก่อนหน้านี้ 

พอเห็นเสิ่นอี้แล้วเย่หนิง เห็นได้ชัดว่าเซียะยุ่นผิงรู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับคนทั้งสองที่สถานคุมกัน 

"ว่าไง ศาสตราจารย์เสิ่น" เซียะยุ่นผิงเปิดปากพูด เสียงของเขาแหบแห้ง "ลมอะไรหอบพวกคุณสองคนมาที่นี่ได้" 

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบว่า "มีเรื่องอยากถามคุณนิดหน่อย" 

เซียะยุ่นผิงฉีกยิ้ม "ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องถามอีก สิ่งที่ผมรู้ก็บอกคุณไปหมดแล้วไม่ใช่หรือไง ผมเป็นคนฆ่า โทษผมก็ยอมรับไปแล้ว พวกคุณยังจะต้องการอะไรอีก"

เสิ่นอี้จ้องเซียะยุ่นผิงแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า "เรื่องที่พวกเราอยากถามคุณ เกี่ยวกับเทียนเหิงกรุ๊ป"

สีหน้าของเซียะยุ่นผิงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขารีบก้มหัวลงทันที แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "ศาสตราจารย์เสิ่น ผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ" 

เสิ่นอี้ฉีกยิ้มบางๆ "ไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงจะไม่เข้าใจล่ะ เซียะยุ่นผิง คุณได้ทำงานให้เทียนเหิงกรุ๊ปหรือเปล่า คุณไม่ต้องปฏิเสธหรอก พวกเรารู้หมดแล้ว"

เซียะยุ่นผิงไม่ใส่ใจ "ถ้ารู้หมดแล้ว งั้นศาสตราจารย์เสิ่นคุณยังมีอะไรที่จะต้องถามอีก ในเมื่อคุณรู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ยังจะถามอะไรอีก" 

เสิ่นอี้กลับไม่โกรธ พูดออกมาอย่างช้าๆ ว่า "เซียะยุ่นผิง ที่คุณยอมทำงานให้ฉินเฉาฮุ้ย เป็นเพราะอู๋เหวินคังใช่ไหม"

เซียะยุ่นผิงเงียบ ไม่ส่งเสียงใดๆ

"พวกคุณทำการแลกเปลี่ยนกันยังไง" เสิ่นอี้มองเซียะยุ่นผิง แล้วพูดว่า "ผมจำพลิกเซียะยุ่นผิงใหม่ เรื่องนี้คุณคงรู้อยู่แล้ว สถานการณ์ภายในเทียนเหิงกรุ๊ป บอกพวกเราทั้งหมด เป็นยังไง"

เซียะยุ่นผิงเงยหน้าขึ้นอย่างเร็ว มองเสิ่นอี้ แล้วเอ่ยปากถามอย่างไม่เชื่อ "คุณจะสืบคดีของอู๋เหวินคังใหม่งั้นเหรอ"

"งานจะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความพยายามของคน ถึงแม้ว่าเรื่องจะผ่านไปหลายปี แต่พวกเราก็รู้ตัวฆาตกรแล้ว ผมจะพยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อพลิกคดีของอู๋เหวินคัง คุณคงรู้ ถ้าผมอยากจัดการเรื่องนี้ แม้แต่คนเบื้องบนพวกนั้นก็คงจะกดดันผมไม่ได้ แล้วก็ยิ่งหยุดผมไม่ได้เลยด้วย"

พอได้ยินเสิ่นอี้พูดเช่นนี้ เซียะยุ่นผิงอดคิดตามขึ้นมาไม่ได้ 

ใช่แล้ว เขาอยากพลิกคดี แรงต้านทางที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ไหน ก็รู้ว่าแรงต้านทานที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร ดังนั้นเขาถึงต้องใช้วิธีที่รุนแรงที่สุดเพื่อให้ได้รับความสนใจของสาธารณชน นำเอาความคิดเห็นของประชาชน เพื่อข่มขู่ผู้นำบางคนให้หันมาสนไขคดีนั้นอีกครั้ง ทุกความเห็นของประชาชน ใครไม่มองข้ามบ้าง แต่แล้ว เขากลับล้มเหลว

แต่สำหรับเสิ่นอี้แล้ว ถ้าเขาสืบคดีเก่าของอู๋เหวินคังจริงๆ แรงต้านทางเหล่านั้นต้องเล็กมากอย่างแน่นอน เพราะตัวตนของเสิ่นอี้อยู่ที่นั่น มีใครกี่คนบ้างที่กล้าลงมือกับเขา ถ้าเขาทำเรื่องนั้นจริงๆ คนเบื้องล่างก็แค่ต้องให้ความร่วมมือ แล้วไม่กล้าขัดขืนอีก

คิดถึงตรงนี้ ภายในใจของเซียะยุ่นผิงมีความหวังเป็นอย่างมาก "เสิ่นอี้...คุณทำได้จริงๆ เหรอ......พลิกคดีของอู๋เหวินคัง คดีนี้ ไม่ได้พลิกได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก!"

"ผมรู้!" เสิ่นอี้พยักหน้า "ถ้าพลิกคดีได้ง่ายถึงขนาดนี้ คงไม่ต้องรอถึงตอนนี้หรอก! แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเราหมายหัวผู้ต้องหาเอาไว้แล้ว!"

เซียะยุ่นผิงลังเลสักพัก แล้วพูดอีกครั้งว่า "แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะสำเร็จใช่ไหม" 

"ใช่ ไม่แน่นอนว่าจะพลิกคดีได้สำเร็จ! แต่พวกเราจะพยายามทำทุกวิธีทาง! แค่ฆาตกรยอมรับผิด คดีนี้ก็จะพลิก แล้วก็จะง่ายมากขึ้น ไม่ใช่เหรอ" เสิ่นอี้มองเซียะยุ่นผิง แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า "นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ!"

เซียนยุ่นผิงพูดเสียงเย็นว่า "เสิ่นอี้ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้กำลังหลอกผม!" 

เสิ่นอี้พูดเสียงเรียบว่า "ผมจะไปหลอกคุณทำไม คดีนี้พวกเรากำลังสืบอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะพลิกคดี ผมจะบอกเรื่องเหล่านี้กับคุณงั้นเหรอ ตอนนี้พวกเราหมายหัวฆาตกรเอาไว้แล้ว จะหลอกคุณทำไมกันล่ะ!"

เซียะยุ่นผิงก็มองเสิ่นอี้ น้ำเสียงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย "ได้ เสิ่นอี้ ผมจะรอดู! ผมจะดูสิว่าคุณจะพลิกคดีของอู๋เหวินคังได้หรือเปล่า!"

"คุณวางใจได้ ในเมื่อผมให้สัญญากับคุณแล้ว ก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน" เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "ถ้าคุณอยากพลิกคดีของอู๋เหวินคังได้โดยเร็วจริงๆ งั้นก็ต้องบอกผม เรื่องที่คุณรู้ อย่าทำให้พวกเราต้องเสียเวลากับคดีอื่นไปมากกว่านี้เลย"

"ได้!" เซียะยุ่นผิงกัดฟัน พูดว่า "ครั้งนี้ผมจะเชื่อคุณ! พูดแล้ว งั้นคุณอยากรู้อะไรล่ะ!"

เสิ่นอี้ถามว่า "คุณรู้เกี่ยวกับเทียนเหิงกรุ๊ปมากน้อยขนาดไหน" 

เซียะยุ่นผิงขมวดคิ้ว ครุ่นคิด แล้วพูดว่า "เริ่มแรก ความเข้าใจของผมที่มีต่อเทียนเหิงกรุ๊ปก็เกือบจะเท่ากับปกติ รู้ว่าพวกเขาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำอุตสาหกรรมหลากหลาย"

เสิ่นอี้ถามอีกครั้งว่า "แล้วหลังจากนั้นล่ะ ถ้าเดาไม่ผิดพวกเขาคงเป็นคนที่เข้ามาหาคุณเอง"

"ไม่ผิด...เป็นความจริงที่พวกเขาเข้ามาหาผมและอ้ายหลุนก่อน ไม่รู้ว่าพวกเขารู้ความคิดของพวกเราได้อย่างไร รู้ว่าพวกเราอยากพลิกคดีของอู๋เหวินคัง ทั้งยังบอกว่าจะช่วยพวกเรา แน่นอนการช่วยเหลือนี้ ไม่ได้ทำให้ฟรีๆ ผมจะต้องช่วยพวกเขาทำเรื่องนึง"

เสิ่นอี้ถามว่า "เขาให้คุณทำอะไร" 

"ก็ไม่ใช่อะไรที่มากเกินไปหรอก...เริ่มแรก เอารายชื่อนักโทษบางส่วนไปให้เขา ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาเอาไปทำอะไร"

เสิ่นอี้ครุ่นคิด แล้วถามอีกครั้งว่า "คุณเคยไปที่สำนักงานของพวกเขาไหม" 

"เคยไป" 

บุคคลชั้นสูงเหล่านั้นของเทียนเหิงกรุ๊ป คุณเคยเห็นพวกเขาทั้งหมดใช่ไหม คุณรู้เรื่องที่พวกเขาทำการทดลองหรือเปล่า" 

"บุคคลชั้นสูง...เคยเห็นอยู่หลายคน แต่นอกจากฉินเฉาฮุ้ย คนอื่นก็ไม่รู้จักชื่อหรอก เหมือนกับว่าจะมีทั้งประธานซา แล้วก็ยังมีศาสตราจารย์เหมย ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาทำอะไรกัน...พวกเขาทำการทดลองแบบนั้น ผมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็รู้มาตั้งนานแล้วด้วย"

เสิ่นอี้รีบถามว่า "พวกเขาอยากทำอะไรกันแน่ หรือว่าเป็นแค่งานวิจัยยาตัวใหม่จริงๆ รักษาโรคต่างๆ นานาชนิด ยาที่เป็นอมตะ อายุยืน"

เซียะยุ่นผิงส่ายหน้า "เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น...ฉินเฉาฮุ้ยคนนั้นมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก เขาเป็นพวกมักใหญ่ใฝ่สูง...ผมมักรู้สึกเช่นนี้ รู้สึกว่ามีแผนอุบายมากมาย...ไม่ใช่แค่การพัฒนายาตัวใหม่แน่นอน..." 

เสิ่นอี้รีบถามว่า "คุณรู้งั้นเหรอ" 

"ผมแค่รู้สึกอย่างนั้น...ถ้าแค่เพื่อพัฒนายาตัวใหม่ เขาจะทำอะไรหลายสิ่งเช่นนี้ทำไม กระทั่งยังฆ่าคนมากขนาดนี้ และอีกอย่างการวิจัยของพวกเขาก็เป็นความลับมากๆ คล้ายกับว่ากำลังทำบางอย่างที่ให้คนอื่นดูไม่ได้ จากที่ตามพฤติกรรมของเทียนเหิงกรุ๊ปมาโดยตลอด ถ้าพวกเขาอยากสร้างยาตัวใหม่ที่เก่งกาจขนาดนี้จริงๆ ทำไมถึงไม่ประกาศออกมาให้ครึกโครม ทั้งยังปิดบังเป็นความลับ...ดังนั้นผมเลยคิดว่าเรื่องนี่มันต้องไม่ง่ายขนาดนั้นอย่างแน่นอน"

เสิ่นอี้พยักหน้า หลังจากนั้นก็ถามเซียะยุ่นผิงอีกครั้ง "ถ้าคุณรู้ว่าพวกเขากำลังทำการทดลองอะไรอยู่ คุณเคยไปสถานที่ที่พวกเขาทำวิจัยบ้างไหม มีใครที่พิเศษบ้างไหม ใครที่ดึงดูดความสนใจมากๆ และแตกต่างจากคนอื่นๆ เป็นพิเศษ"

"พิเศษหน่อยงั้นเหรอ...เซียะยุ่นผิงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "มีอยู่หนึ่งคน!"