webnovel

ตอนที่ 234

ตอนที่ 234 วิธีการเป็นนักล่าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

เฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนเอาของทั้งหมดออกมา แต่ก็หากระจกทองแดงไม่เจอ เจิ้งชวนก็เลยคิดว่ายังมีชั้นซ้อนอยู่ จึงยังตั้งใจวิเคราะห์กล่องไม้ 

เย่หนิงวางตะเกียบลง แล้วค่อยๆ เดินมาอย่างช้าๆ เฝิ่งเยี่ยนฮวายมองที่เหรียญทองแดงนั้นที่อยู่ในมือ "กระจกฟ้าดิน เอ่อ ก็อยู่ในมือของนายไม่ใช่หรือไง"

"ห๊า" สีหน้าของเฝิ่งเยี่ยนฮวายงงงัน มองเหรียญทองแดงหลายเหรียญที่อยู่ในมือ "อาหนิง คุณว่าไงนะ”

เย่หนิงพูดอย่างอารมณ์เสีย "ฉันพูดว่า กระจกฟ้าดินก็อยู่ในมือนายไงล่ะ!" 

"นี่..." เฝิ่งเยี่ยนฮวายมองเหรียญทองแดงในมืออีกครั้ง "อาหนิง คุณอย่ามาล้อเล่นกับผมนะ" 

"ใครล้อนายเล่นล่ะ!" เย่หนิงพูด "สิบแปดเหรียญทองแดงนี้ก็คือกระจกฟ้าดิน! อ๊ะ! นายหยิบแล้ว ก็อย่าทำหล่นหายล่ะ หล่นหายไปก็ไม่มีแล้วนะ!"

"อะไรนะ" เฝิ่งเยี่ยนฮวายมองเย่หนิงที่ไม่มีท่าทีว่าล้อเล่น เขาจึงตกใจ "นี่...นี่คือกระจกฟ้าดินจริงๆ หรอ นี่ นี่ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้"

จวงหมิงหานและเจิ้งชวนต่างก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจ ขนาดพูดยังพูดไม่ออก เหรียญทองแดงพวกนี้ก็คือกระจกฟ้าดินงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง 

เย่หนิงถอนหายใจ ความจริงตอนที่เพิ่งรู้ว่าเหรียญทองพวกนี้คือกระจกฟ้าดิน เธอเองก็มีท่าทางประหลาดใจเช่นกัน แต่ก็ไม่เท่ากับเฝิ่งเยี่ยนฮวายและคนอื่นๆ

"เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจนัก แต่......" เย่หนิงหยิบเหรียญทองแดงเหล่านั้นออกมา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "เหรียญทองแดงพวกนี้ก็คือกระจกฟ้าดินอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด ตระกูลเย่ของพวกเราทิ้งสมุดบันทึกเอาไว้ ข้างบนนั้นไม่เพียงแต่พูดถึงวิธีการผนึกราชาผีดิบ ยังเขียนเรื่องของกระจกฟ้าดินนั้นเอาไว้ด้วย"

เย่หนิงพูดจบก็หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา แล้วพลิกไปที่หน้าสุดท้าย ให้เฝิ่งเยี่ยนฮวายและคนอื่นๆ ดู "พวกนายดูสิ ข้างในนี้บอกเอาไว้อย่างชัดเจนมากๆ กระจกฟ้าดินจริงๆ แล้วเดิมทีไม่ใช่กระจกอะไรนั่นหรอก แต่เป็นเหรียญทองแดงสิบแปดเหรียญ"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายและคนอื่นๆ ดูเนื้อหาเกี่ยวกับกระจกฟ้าดินที่อยู่ในบทนั้น มองจบก็เงียบไป สุดท้ายจวงหมิงหานก็พูดว่า "ผมเองยังคิดอยู่เลยว่าเป็นกระจกทองแดง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเหรียญทองแดง"

"ใช่ คิดไม่ถึงมากๆ เลย!" เฝิ่งเยี่ยนฮวายมองเหรียญทองแดงในมือของตนเอง คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีน้ำหนักมากขนาดนี้ ไม่หนักธรรมดาน่ะ แต่กลับหนักอย่างมหาศาล

"กระจกฟ้าดินเหรอ..." เจิ้งชวนเองก็เงียบไป 

"อะแฮ่มๆ......" เย่หนิงกระแอมเล็กน้อย แล้วพูดว่า "นี่ ตอนนี้ พวกเราทั้งสี่ตระกูลใหญ่อยู่กันครบแล้ว อาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นก็หาเจอแล้ว หลังจากนั้นก็ต้องดูว่าจะซ่อนแซมผนึกและเพิ่มพลังของผนึกยังไง นี่ บนหนังสือก็มีบอกเอาไว้ ถูกแล้ว พวกนายมีชาดกันใช่ไหม"

"มี!" จวงหมิงหานและคนอื่นๆ ต่างส่งเสียงตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน 

เย่หนิงพูดเสียงอ่อน "ฉันไม่มี"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายไม่รู้ว่าจะขำหรือว่าจะร้องไห้ดี "งั้นผมให้คุณเอง คุณอยากเขียนยันต์สีชาดใช่ไหม" 

"ถูกต้อง! วาดตามนี้เลย!" เย่หนิงแกว่งสมุดในมือ

บนยันต์ต้องเขียนอะไรบ้าง ในหนังสือบอกเอาไว้อย่างชัดเจน เฝิ่งเยี่ยนฮวายพูดชี้แจงว่า "ตอนที่วาดยันต์ มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ แล้วก็ต้องทำให้เสร็จรวดเดียว ระหว่างลงมือห้ามหยุดเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นแผ่นยันต์นี้ก็จะไม่มีประโยชน์! ชาดนะพวกเรามี หมึกใช้ของพวกเราก็ได้ ผมจะสอนคุณเขียนกระดาษยันต์ก่อน ถูกต้อง กระจกฟ้าดินใช้ยังไงละ คุณทำได้ไหม"

"......ในหนังสือบอกเอาไว้ให้ท่องคาดถาไปพลาง จัดเรียงเหรียญไปพลาง" เย่หนิงมองคาถานั้น แล้วเงียบไป "ยาวและซับซ้อนชะมัดเลย"

"เริ่มจากด้านหลังก่อนแล้วกัน" เฝิ่งเยี่ยนฮวายพูด "คุณต้องท่องคาถาด้านหลัง นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลานั้น ถ้าต่อสู้ไปได้ครึ่งทางแล้ว จู่ๆ กลับลืมคาถาขึ้นมาล่ะก็ คงจะลำบากน่าดูเลย"

แน่นอนอยู่แล้วว่าคาถาต้องไม่ง่ายเอาเสียเลย วางตราหยิงหยางยังไงก็มีอธิบายเอาไม่มากมาย มีทั้งตำแหน่งการวาง ช่องระหว่างเหรียญแต่ละเหรียญก็มีอธิบาย ลำดับการเปลี่ยนแปลง เวลาที่เปลี่ยนแปลง ล้วนแต่ต้องทำมันให้ดีที่สุด ตอนนี้สำหรับเย่หนิงแล้วก็คือต้องฝึกให้มากๆ ทำให้เธอคุ้นชินกับคาถา แล้วก็คุ้นเคยกับวิธีใช้ หลังจากนั้นก็เดินเครื่องเรียนรู้สิ่งอื่นๆ อีก

ขณะนั้นหม้อไฟเลิกกินไปแล้ว กินไปไม่เท่าไหร่ จวงหมิงหานและพวกเขากินต่ออีกนิดหน่อย ก็ให้เหลียงเซิ่งช่วยเอาของไปเก็บ แล้วพวกเขาก็เริ่มสอนเย่หนิงใช้กระบี่ วาดแผ่นยันต์

เสิ่นอี้กลับเข้าใจ ไม่อยู่ดู แล้วเดินขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบนเพียงคนเดียว

เป็นครั้งแรกที่เย่หนิงได้สัมผัสของพวกนี้ จึงรู้สึกสนใจที่จะเรียนจริงๆ ไม่ทันสังเกตก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ถ้าไม่ใช่เสิ่นอี้มาเตือนสติ เย่หนิงก็คงไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้แล้ว 

มองดูสีหน้าไม่หายอยากของเย่หนิง เสิ่นอี้ฉีกยิ้มเล็กน้อย "คุณมีแผนว่าจะอยู่ที่นี่หลายวันไม่ใช่เหรอ ค่อยๆ เรียนสิครับ" 

เย่หนิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว 

"ไม่ได้ครับ!" เสิ่นอี้หยิกแก้มเล็กๆ ของเธอ "นี่มันกลุ่มชายโสด คุณจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง กลับไปกับผมเถอะ" 

เย่หนิงกอดเสิ่นอี้ แล้วพูดเว้าวอนอย่างน่าสงสารว่า "ถ้างั้นคุณก็อยู่ที่นี่สิ" 

"ไม่ได้!" จวงหมิงหานประท้อง "ถูกผีดิบกินตอนกลางคืนจะทำไงล่ะ"

เสิ่นอี้พูดอย่างอารมณ์เสียว่า "ถึงกินก็ไม่กินนายหรอก" 

จวงหมิงหานหัวเราะหึๆ "ผมรู้อยู่แล้ว ว่าคุณชอบกินเด็กสาวที่มีน้ำมีนวลหน่อย..."

ครั้งนี้อย่าได้พูดถึงเสิ่นอี้เลย ขนาดเย่หนิงยังอยากตั้นหน้าคนเลย 

"ได้ครับ!" เสิ่นอี้ลูบเส้นผมของเย่หนิง แล้วพูดว่า "ยังไงก็ตามคุณต้องได้เรียนอยู่แล้ว กลับไปค่อยๆ เรียนด้วยตัวเองอีกครั้ง มีอะไรที่ไม่เข้าใจค่อยโทรศัพท์มาหาพวกเขาอีกก็ได้ ทางตำรวจที่อยู่ด้านนั้น ยังมีเรื่องอีกเป็นกองที่กำลังรอให้พวกเราไปจัดการ พวกเรายังต้องสืบสวนคดีเทียนเหิงกรุ๊ปต่อ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเบื้องหลังของเขาจะมีแผนอุบายอะไรแฝงเอาไว้บ้าง"

"ได้ค่ะ" เย่หนิงยังคงไม่ยินดีเป็นอย่างมาก แต่คิดตามที่เสิ่นอี้พูดก็ใช่ ในตอนนี้เรื่องที่ต้องจัดการทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเทียนเหิงกรุ๊ป พวกเขาจึงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้อีก ปล่อยให้คนเข้าไปพัวพัน แต่ต้องเริ่มจู่โจมถึงจะถูก

จวงหมิงหานมองเสิ่นอี้ที่เอาหนังสือทั้งหมดยัดกลับเข้าไปในกล่องอีกครั้ง แล้วหมดคำพูด "พวกคุณคงไม่ได้มีแผนว่าไปไหนก็จะเอากล่องนี้ไปด้วยหรอกนะ"

เสิ่นอี้เองก็รู้สึกจนปัญญามากๆ "กระบี่ไม้ท้อนี้ยาวเกินไป ซ่อนได้ไม่ดีเลย!" 

จวงหมิงหานลูบหน้าผาก "ผมมีปลอกกระบี่ให้พวกคุณหนึ่งอัน เอากระบี่ไม้ท้อใส่ลงไปในปลอกก็ได้แล้ว นายไม่ต้องแบกกล่องหนังสืออันนี้เดินไปเดินมาทั้งวันหรอก ไปตั้งหลายรอบ คนที่สถานีตำรวจของพวกนายคงติดว่าพวกคุณเป็นบ้ากันพอดี ไปไหนก็เอาแต่แบกกล่องหนังสือนี้"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม ตบไหล่จวงหมิงหาน "ความจริงแล้ว ฉันก็รอนายพูดประโยคนี้อยู่ รีบเอาปลอกกระบี่มาได้แล้ว" 

"เฮ้! นายหมายความว่าไง!" จวงหมิงหานเบิกตาโต "เสิ่นอี้ คบมาตั้งนาน นายนี่มันจริงใจชะมัดยากเลย" 

"พูดเหลวไหลทำไมนักหนา ไปได้แล้ว รีบไปเอาปลอกกระบี่มาให้ฉัน" เสิ่นอี้ไม่มีความเกรงใจเลยสักนิดเดียวเลยจริงๆ 

"นายเนี่ย มันคนประเภทไหนกัน!" ถึงจวงหมิงหานจะพูดเช่นนี้ แต่ยังรีบเอาปลอกกระบี่ออกมา ปลอกกระบี่แคบยาว แต่กลับใส่กระบี่ไม้ได้พอดีเลย

นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเป้สะพายหลัง สำหรับกระดาษยันต์และหมึกโดยเฉพาะ ทั้งยังบังเอิญมากๆ ว่ากระเป๋าสะพายหลัง เหมาะสมกับเย่หยิงพอดีเลย