webnovel

ตอนที่ 231

ตอนที่ 231 รู้สึกว่าถูกโกง

"ลูกพี่เย่ พี่กระซิบอะไรน่ะ" พอลู่เว่ยออกมาก็เห็นเย่หนิงกำลังบ่นพึมพำอยู่ตรงนั้น

"ฉันพูดฉินเฉาฮุ้ยน่ะ แปลกชะมัดเลย ทำไมเขาถึงรู้เบอร์ของฉันได้นะ" เย่หนิงส่งเสียงเหอะๆ "ต้องใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเอามาแน่ๆ เลย! เจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรเลยด้วย!"

ลู่เว่ยเบิกตาโต "ลูกพี่เย่ ฉินเฉาฮุ้ยโทรมาหาพี่งั้นเหรอ โทรหาพี่ทำไม" ลู่เว่ยพูดพลาง หัวเราะฮิฮิ "ลูกพี่เย่ ถ้าให้ผมพูด ฉินเฉาฮุ้ยคงไม่ได้อยากนัดพี่หรอกใช่ไหม"

เย่หนิงมองค้อนเขาแล้ว พูดอย่างอารมณ์เสียว่า "เขาอยากนัดฉัน แล้วจะทำไม!" 

"ไม่มี!" ลู่เว่ยตกตะลึงจริงๆ ตกใจอย่างสมบูรณ์แบบ

"จะตกใจอะไรขนาดนั้น" 

"ผม ผมไม่ตกใจไม่ได้หรอก ฉินเฉาฮุ้ยเชียวนะ...คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะนัดลูกพี่...ถ้าให้ผมพูด...ฉินเฉาฮุ้ยคนนี้ก็เป็นพวกชอบอาหารรสจัด"

"หมายความว่าไงห๊ะ!" เย่หนิงแทบอยากจะตั้นหน้าคน! 

"ไม่ ไม่มีอะไร......" ลู่เว่ยกระโดดไปด้านข้าง หัวเราะฮิฮิ "ความหมายของผมคือ อาชีพแบบนี้ของลูกพี่เย่ คาดไม่ถึงเลยว่าฉินเฉาฮุ้ยจะยอมรับได้ ช่างมีจิตใจที่กว้างขวางจริงๆ เลย! เหอะๆ...ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคงจะรับไม่ได้หรอก! แต่ฉินเฉาฮุ้ยไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ! เหอะๆ......ผมว่า ลูกพี่เย่ ปีนี้พี่เนื้อหอมน่าดูเลยนะครับ......"

"เนื้อหอมบ้าอะไรล่ะ" เย่หนิงหมดคำพูด "พอแล้ว เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ผลทดสอบออกมาเป็นยังไงบ้าง" 

"จะเร็วขนาดนั้นได้ไง ยังต้องรออีกตั้งหลายชั่วโมง ลูกพี่เย่ พี่ไปทำธุระของพี่ก่อนเถอะ ได้ผลลัพธ์ยังไงเดี๋ยวผมจะบอกพี่เอง! ถูกแล้ว ลูกพี่เย่ เหลียงกังคนนั้นยอมรับผิดหรือยัง"

"ยอมรับนะยอมรับ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเจ้าหมอนี้มันไม่ยอมคงที่สักที เสิ่นอี้เลยปล่อยให้เขาสูดแอร์เย็นๆ เข้าปอดเสียหน่อย!"

คดีนี้ ถึงแม้ว่าจะปิดคดีได้แล้ว แต่ยังมีคดีที่ใหญ่ยิ่งกว่า กำลังรอพวกเขาอยู่ 

ฉินเฉาฮุ้ย! ยังมีคนคนนั้นที่มีอิทธิพลที่เทียนเหิงกรุ๊ปเป็นอย่างมาก

เย่หนิงมองโทรศัพท์มือถือของตนเอง 

ฉินเฉาฮุ้ยเลือกเวลานี้โทรศัพท์หาเธอ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด

ถ้าเป็นเหมือนกับที่เสิ่นอี้คาดเดาเช่นนั้นจริงๆ มีกุญแจสำคัญอยู่ภายในเทียนเหิงกรุ๊ป และเคยเป็นคนที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ แน่นอนว่าเขาต้องแพร่งพรายข้อมูลไม่น้อยให้ฉินเฉาฮุ้ยรู้ เช่นสถานการณ์ของนักล่าผีดิบและผู้มีฝีมือที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ ดังนั้นฉินเฉาฮุ้ยต้องรู้ตัวตนของเธออย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นฉินเฉาฮุ้ยจะมีจุดประสงค์อะไรถึงได้จงใจเข้าใกล้เธอ ยังจะต้องบอกอีกเหรอ ต้องเพื่อกระจกฟ้าดินอย่างแน่นอน

เพื่อกระจกฟ้าดิน ฉินเฉาฮุ้ยต้องส่งคนฝีมือดีมาแย่งอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงกับขนาดสร้างกองทัพผีดิบ เจ้าหมอนี่ยังมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก

พอกลับมาถึงออฟฟิศ เย่หนิงก็เอาเรื่องนี้บอกเสิ่นอี้ หลังจากที่เสิ่นอี้ฟังจบก็พูดออกมาว่า "ดูแล้วพวกเขาคงอดทนรอไม่ไหวแล้วล่ะครับ!"

เย่หนิงพูดว่า "ฉันอยากรีบกลับไป เอาของที่คุณป้าทิ้งไว้ให้กับฉัน" 

เสิ่นอี้พูดอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดว่า "ผมจะพาคุณไปเอง!" 

เขาพูดพลาง รีบหยิบกุญแจรถขึ้นมาจริงๆ เย่หนิงตกตะลึง "ไปตอนนี้เลยหรอคะ!"

"เวลาไม่คอยท่าครับ!" เสิ่นอี้พูด "ตอนนี้เวลาของพวกเราค่อนข้างกระชั้นชิด ไม่สามารถล่าช้าได้! จากวันนั้นก็เหลือไม่กี่วันแล้ว! ก่อนหน้านั้นคุณจะต้องเรียนการรู้มันทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่เก่ง แต่อย่างน้อยต้องรู้ ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาคุณอยากช่วยเพิ่มผนึกจริงๆ แต่ถ้าคุณไม่สามารถอ่านคาถาได้แล้วจะทำยังไงล่ะ"

เย่หนิงสูดลมหายใจเข้าลึก "ได้ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!" 

เมื่อมาถึงลานจอดรถ เสิ่นอี้ยัดเย่หนิงเข้าไปในรถตำรวจ หลังจากนั้นเสิ่นอี้ติดสัญญาณเตือนภัย รถคันนี้เกิดเสียงดังวี่วอ ขณะที่ขับรถออกไป!

เย่หนิงหมดคำจะพูด "เสิ่นอี้ มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอคะ!" 

"เวลาเร่งด่วน ยังจะพูดอีก! พวกเราไม่ได้เอารถตำรวจไปใช้กับเรื่องส่วนตัวเสียหน่อย! ตอนนี้พวกเราต้องจัดการเรื่องหนึ่ง อีกทั้งยังสำคัญมาก เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทั้งเมืองตงไห่! เสี่ยวหนิง มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วครับ!"

“อะไร อะไรนะ!" เย่หนิงอยากจะเป็นลม "เสิ่นอี้ คุณหมายความว่าไง ขึ้นอยู่กับฉันงั้นเหรอ!"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "หรือว่าไม่ใช่ครับ ตอนนี้คนของทั้งสี่ตระกูลก็พบหมดแล้ว! อาวุธวิเศษสามสิ่งก็มีแล้ว จะขาดก็แต่สิ่งของของตระกูลเย่! และอีกอย่างของวิเศษชิ้นนี้ก็มีแค่คุณที่ใช้ได้! ความปลอดภัยของเมืองตงไห่ขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว เสี่ยวหนิง คุณต้องพยายามเข้านะครับ!" 

เย่หนิงมองอย่างโง่งัน "ไม่ใช่ เสิ่นอี้! กำลังล้อเล่นอะไรอยู่น่ะ!"

"คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นงั้นเหรอ นี่เป็นเรื่องที่จริงจังและเป็นการเป็นงานมากๆ นะ!"

เย่หนิงอยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา "ก่อนหน้านี้เธอกลับไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากนัก เสิ่นอี้พูดเช่นนี้ ขณะนั้นก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล! ทำให้เธอรู้สึกว่า ถ้าเธอเรียนแล้วท่องคาถานั้นไม่ได้ ถ้าเธอไม่รู้วิธีใช้กระจกฟ้าดินซ่อมแซมและเพิ่มพลังของผนึกได้สำเร็จ งั้นก็คงต้องฆ่าตัวตายเพื่อขอโทษโลกจริงแล้วล่ะ! 

ทำไมถึงได้น่าเศร้าขนาดนี้นะ!

"เรื่องนี้ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้จริงๆ เหรอ" 

"ไม่ได้ครับ!" เสิ่นอี้พูดอย่างจริงจังมากๆ ว่า "เพราะตราที่ผนึกอยู่บนนั้น พวกคุณทั้งสี่ตระกูลเป็นคนประทับตรา! นอกจากพวกคุณทั้งสี่ตระกูลแล้ว คนอื่นอยากเพิ่มพลังของผนึกก็คงจะทำไม่ได้ เพราะผนึกพวกคุณทั้งสี่ตระกูลสร้างมาเพื่อต้านทานคนนอก มันไม่อาจรับคาถาอื่น อาวุธวิเศษเองก็เหมือนกัน ! อาวุธวิเศษของพวกคุณ คนอื่นก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน! ดังนั้นเสี่ยวหนิง เรื่องนี้คงต้องพึ่งแค่ตัวคุณเองจริงๆ! ใครก็ช่วยคุณไม่ได้!"

เย่หนิงรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก!

คาถาเหล่านี้ เธอต้องเรียนด้วยเหรอ!

แต่กระจกฟ้าดินอยู่ที่ไหนกันแน่ เธอคิดไม่ออกเลยสักนิดเดียว

เฝิ่งเยี่ยนฮวายหามานานขนาดนี้ ถ้าขนาดต้องขุดถึงสามฟุตก็หาไม่เจอ งั้นเธอคงต้องกลับไปขุดบ้านแล้วพลิกหาเสียแล้วล่ะ!

เสิ่นอี้มองสีหน้าที่ลำบากใจและเป็นกังวลของเย่หนิง เขาฉีกยิ้ม แล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มของเธอ พูดว่า "อย่ากังวลไปเลยครับ เสี่ยวหนิง! ต้องมีวิธีสิครับ!"

"ขับรถไปเถอะ!" เย่หนิงผลักมือของเขา หายใจ "ไม่ต้องมาจับสุ่มสี่สุ่มห้าเลยนะ!"

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "สำหรับผมแล้ว ไม่มีผลกระทบอะไรเลย! ความสามารถในการรับรู้ของผีดิบ มีมากกว่าคนปกติ! ถึงยังไงก็เร็วกว่ามาก เดิมทีแล้วก็เลยไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก"

"เหอะ ฉันห่วงว่าคุณจะถูกกล้องวงจรปิดถ่ายได้ต่างหากล่ะ หลังจากนั้นก็จะโดนปรับ! ขับรถตำรวจโฉบไปโฉบมาอย่างนี่! จริงๆ เลย!"

เสิ่นอี้รู้สึกตลกขบขัน "ครับ ครับ คุณพูดถูกครับ แต่พวกเขาไม่ว่าอะไรหรอก ถึงยังไงกล้องวงจรปิด...นั่น ผมทำกล้องวงจรปิดพังไปแล้ว..."

ใบหน้าของเย่หนิงหมองคล้ำ "คุณรู้ไหมว่าอะไรที่เรียกว่าทำผิดกฎหมาย! ให้พูดก็คือคนอย่างคุณเนี่ยแหละ!" 

พอมีเสียงรถตำรวจ ไม่นานรถตำรวจก็ขับออกจากนอกเมือง กลับมาที่เมืองเร็วมากๆ แล้วก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วย แต่ความเร็วในการขับรถของเสิ่นอี้ เย่หนิงไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดยังไงดี เขากำลังขับรถตำรวจ เลยคิดว่าจะไม่มีคนกล้ามาชนเขา กำเริบเสิบสานขนาดนี้ ดีจริงๆ งั้นเหรอ