webnovel

ตอนที่ 212

ตอนที่ 212 โชคชะตา (2)

“เกิดอะไรขึ้น อาหนิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ให้ป้าช่วยหลานเถอะนะ อีกอย่างป้าเองก็อยากถามให้แน่ใจ…วันนี้ที่หลานถามเรื่องของอาวุธวิเศษ หลังจากนั้นอาสะใภ้ก็โทรมาหาป้า บอกว่าวันนี้หลานพาแฟนกลับไป...พวกเธอทำเอาป้าสับสนนะ อาหนิง ตอนนี้หลานกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ บอกป้าได้ไหม"

เงียบอยู่นาน เย่หนิงจึงพูดว่า "คุณป้าคะ หนูอยากเป็นนักล่าผีดิบที่แท้จริงค่ะ!"

คุณป้าตกตะลึง "อะไรนะ!" 

เย่หนิงพูดย้ำอีกครั้ง " คุณป้าคะ หนูบอกว่าหนูอยากเป็นนักล่าผีดิบที่แท้จริงค่ะ" 

คุณป้าประหลาดใจอยู่สักพัก แล้วจึงถามว่า "ทำไมล่ะ อาหนิง" 

อาหนิงพูดเสียงเบา "คุณป้าคะ หนูรู้ ที่ก่อนนี้คุณป้าไม่ยอมบอกเรื่องพวกนี้กับหนู เพราะไม่อยากให้หนูได้ยุ่งเกี่ยวกับของพวกนี้ ทั้งหมดเพื่อให้หนูมีชีวิตที่ดี...หนูรู้ค่ะ...แต่ตอนนี้ หนูหลีกหนีต่อไปไม่ได้แล้ว รู้ใช่ไหมคะ คุณป้า! ถ้าผนึกถูกทำลาย ราชาผีดิบจะถูกปล่อยออมมาจริงๆ เช่นนั่นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นน่ากลัวยังไง คุณป้าคงจะรู้ดี"

"ป้าต้องรู้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว" คุณป้าถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง "เดิมทีก็ไม่อยากบอกหลานเรื่องพวกนี้หรอก ไม่อยากให้หลานรู้ ยังคิดว่าจะสามารถอยู่ห่างจากข้อพิพาทเหล่านี้ได้ กลับคิดไม่ถึง...เรื่องพวกนี้ หลบยังไงก็คงหลบไม่พ้น บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา! โชคชะตาของพวกเรานักล่าผีดิบ! ถึงแม้ว่าป้าไม่อยากให้หลานข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าหลบไม่พ้นก็มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น อาหนิง วันนี้ที่หลานได้เจอเฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวน พวกเขาได้พูดอะไรกับหลานบ้าง"

"คุณป้าคะ พวกเราพบผู้สืบทอดของตระกูลถังแล้วค่ะ" เย่หนิงพูดกับป้าของเธอ 

คุณป้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก "อะไรนะ ผู้สืบทอดของตระกูลถัง...ตระกูลถัง ยังมีผู้สืบทอดอยู่งั้นเหรอ" 

"ใช่ค่ะ เกินความคาดหมายมากๆ เลย พวกเราเองก็แปลกใจเช่นกันค่ะ คิดไม่ถึงว่าตระกูลถังยังมีผู้สืบทอด เดิมทีพวกเราคิดว่าตระกูลถังไร้ผู้สืบทอดไปตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นถึงได้รู้ ความจริงแล้วพวกเขาแค่ปิดบังตัวตนมาโดยตลอด เพื่อหนีการไล่ล่าของศัตรูเท่านั้นเอง"

"ตระกูลถังยังมีผู้สืบทอด......" คุณป้าพูดอย่างประหลาดใจ "คิดไม่ถึง ตระกูลถังยังมีผู้สืบทอดอยู่......" 

"ใช่..." เย่หนิงถอนหายใจเบาๆ "ตระกูลถังยังมีผู้สืบทอดอยู่! พวกเขาอยู่ที่เมืองตงไห่และปกป้องผนึกนั้นอย่างลับๆ มาโดยตลอด! เขาบอกพวกเราว่านี่เป็นความรับผิดชอบของพวกเขา! พวกเขาปกป้องผนึกชิ้นนี้จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ปล่อยให้ราชาผีดิบทำร้ายชาวโลกอีก!"

คุณป้าเงียบสักพัก แล้วพูดว่า "ป้ารู้...เย่หนิง หลานเองก็คิดอย่างนี้ใช่ไหม" 

"คุณป้าคะ นี่เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา พวกเราไม่อาจหลักหนีความรับผิดชอบนี้ได้ เพราะ พวกเราจะต้องปกป้องผนึก มีแค่นี้จึงจะสามารถหยุดยั้งราชาผีดิบไม่ให้ออกมาได้ แค่ต้องเพิ่มพลังของผนึกชิ้นนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าผนึกจะไม่ถูกทำลาย จึงต้องปกป้องความปลอดภัยของทุกๆ คนได้ เรื่องนี้คนอื่นไม่สามารถทำแทนพวกเราได้ มีแค่พวกเราคนของสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่จะทำได้ ไม่ใช่เหรอคะ"

"ถ้าหนูไม่ทำ หนูไม่ช่วยพวกเขาเพิ่มพลังของผนึกชิ้นนั้น ราชาผีดิบต้องหนีออกมาได้อย่างแน่นอน เวลานั้นต้องตกเป็นเบี้ยล่าง แต่ก็ไม่ใช่แต่เมืองตงไห่เท่านั้น ไม่รู้ว่าจะมีผู้บริสุทธิ์จำนวนเท่าไหร่เข้ามาพัวพันด้วย" 

"ป้ารู้!" คุณป้าถอนหายใจแล้วพูดว่า "จะมา ก็ต้องมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้น! เออใช่ อาหนิง วันนี้พวกเธอหากระจกทองแดงบานนั้นเจอไหม"

"ไม่มี หาไม่เจอเลยค่ะ หนูนึกไม่ออกเลยสักนิด คิดไม่ออกว่าเคยเจอกระจกบานนี้ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้อีกว่าพ่อแม่เอามันไปไว้ไหน...เออใช่ คุณป้าคะ มีอีกเรื่องที่ต้องบอกป้า...ตอนนี้ที่เมืองตงไห่ มีคนกำลังสร้างผีดิบค่ะ..." 

"อะไรนะ" คุณป้าตกใจเป็นอย่างมาก 

เย่หนิงบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับคุณป้านิดหน่อย หลังจากนั้นพูดอีกครั้งว่า "ดังนั้น ตอนนี้พวกเราสงสัยว่าคนพวกนั้นอยากช่วยราชาผีดิบออกมา ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์ของพวกเขาแค่วิจัยผีดิบติดเชื้อ แต่คุณป้าคะ เขาต้องควบคุมราชาผีดิบไม่ได้อย่างแน่นอน และอีกอย่างมีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาแค่ถูกหลอกใช้ประโยชน์เท่านั้น ใช้ประโยชน์ให้พวกเขาช่วยราชาผีดิบค่ะ"

"ใช่!" คุณป้ากล่าวเสียงหนักแน่น "เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ! อีกอย่างถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ ถ้าพวกเขาปล่อยผีดิบออกมาก็ควบคุมไม่ได้อยู่ดี! ราชาผีดิบเก่งกาจออกขนาดนั้น พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะมีวิธีควบคุมราชาผีดิบได้จริงๆ งั้นเหรอ"

คุณป้าพูดอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย "โง่เง่าจริงๆ เลย ทั้งโง่เง่าและไร้เดียงสา! คนโง่พวกนั้น! เพื่อที่จะมีชีวิตเป็นอมตะก็ไม่สนใจอะไรเลยหรือไง! โง่ไม่พอ! ยังโง่มากๆ อีกด้วย! ยังอยากมีชีวิตอมตะ ป้าว่านะแค่ราชาผีออกมา แม้แต่ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือ!"

"ใช่ค่ะ!" เย่หนิงเองก็พูดขึ้นมาว่า "แค่ราชาผีดิบออกมา ชีวิตของทุกคนก็คงไม่เหลือแล้วล่ะค่ะ! แต่ตอนนี้ขนาดกระจกฟ้าดินพวกเรายังไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน ไม่ต้องพูดถึงวิธีปิดผนึกเลยล่ะค่ะ"

พูดถึงตรงนี้ ป้าของเย่หนิงก็รู้สึกหมดหนทางมากๆ อีกครั้ง เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงอยากช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้

"ขอโทษจริงๆ นะ เย่หนิง ป้าช่วยอะไรหลานไม่ได้เลย" 

"คุณป้าคะ อย่าพูดอย่างนี้...ถึงยังไงพวกเราก็ต้องคิดหาหนทางได้ค่ะ..." เย่หนิงพูด พลางถอนหายใจ แล้วพูดว่า "ถ้ามีวิธีฆ่าราชาผีดิบได้ก็ดีสิคะ...ไม่รู้ว่าประเทศจะอนุมัติให้ใช้อาวุธร้ายแรง เอามาใช้..." 

"หลาน!" คุณป้าไร้รอยยิ้ม "ใช่เวลาเหรอ ยังจะมาล้อเล่นอีก..." 

"ไม่ได้ล้อเล่นนะคะ...นอกจากนั้นแล้ว หนูก็คิดวิธีที่ดียิ่งกว่านี้ไม่ออกแล้ว...น่าเสียดายที่มันไม่ได้จริง...อาวุธที่มีพลังทำร้ายสูง...มันมีประโยชน์มากจริงๆ ทั่วทั้งเมืองตงไห่ต้องเข้ามาพัวพันด้วย สถานที่นี้ไม่มีหนทางให้คนอยู่ได้ ต้องคิดวิธีทำให้คนนับล้านปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก..." เย่หนิงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกกังวล "ต้องโทษพวกเขาเลย เอาแต่อยากปล่อยเจ้าหมอนั่นออกมาท่าเดียว นี่มันรนหาเรื่องชัดๆ"

คุณป้าพูดเสียงเบาว่า "ใช่ แต่ตอนนี้ พูดเรื่องพวกนี้ไปก็คงไม่มีประโยชน์ ก่อนหน้านี้ที่หลานพูดว่า วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่เพิ่มพลังของผนึกเสียก่อน! ถ้าหากระจกทองแดงเจอ บางทีก็อาจจะรู้วิธีใช้งานก็ได้"

"อืม เสิ่นอี้เองก็พูดอย่างนี้" เย่หนิงไม่ระวังเผลอหลุดปากพูดออกไป 

"เสิ่นอี้เหรอ" คุณป้ายิ้ม "แฟนหลานงั้นเหรอ" 

"เอ่อ..." เย่หนิงพูดอ้อม "คุณป้าคะ ป้าอย่าถามเยอะนักได้ไหมคะ..."

"ยังกลัวป้าจะรู้อีกเหรอ เมื่อวานอาสะใภ้โทรมาบอกป้าแล้ว บอกป้าหมดทุกเรื่องแล้ว ได้ยินว่าผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลยนี่น่า แล้วก็ดีกับหลานมากด้วย เฮ้อ มีคนดูแลหลานป้าก็วางใจ...แต่...อาหนิง หลานแน่ใจนะว่าจะให้เขาพัวพันกับเรื่องนี้"

"เขารู้แล้วค่ะป้า คุณป้าคะ อีกอย่าง" เย่หนิงครุ่นคิด แล้วพูดว่า "ไม่แน่ เขาอาจช่วยพวกเราได้ค่ะ"

ตอนนี้เย่หนิงยังรู้สึกลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรพูดกับคุณป้าของตนเองยังไงดี เรื่องที่เสิ่นอี้เป็นผีดิบ เธอกลัวว่าตนเองพูดไปแล้ว ถ้าป้าของเธอโมโหแล้วไม่ยอมรับล่ะ 

ตัวตนของเสิ่นอี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจนเกินไป

เย่หนิงคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าอย่างน้อยรอให้เรื่องของราชาผีดิบจบก่อนแล้วค่อยพูดแล้วกัน