webnovel

ตอนที่ 205

ตอนที่ 205 สี่ตระกูลใหญ่

เสิ่นอี้ยิ้ม โดยที่ไม่พูดอะไร 

จวงหมินหาน รีบพูดขึ้นมาว่า "นี่ ฉันพูดอยู่นะ ไม่พูดหมายความว่ายังไง นายคงไม่ได้อยากบอกฉันหรอกนะว่าความจริงแล้วนายเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะเจ้าหมอนั่นได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเราไม่ได้ตกที่นั่งลำบากอยู่งั้นเหรอ ขนาดนั้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วพวกเราจะสู้เขาได้อย่างไร พวกเรารวมพลังกันสี่คน ยังไม่มากพอที่จะทำเกี้ยวเลย!" 

ในที่สุดเฝิ่งเยี่ยนฮวานก็ทนไม่ไหว ถามจวงหมิงหานว่า "นี่! คุณเป็นใครกันแน่! คุณก็เป็นนักล่าผีดิบงั้นเหรอ?" 

จวงหมิงหานหันกลับไปมองทั้งสามคนที่นั่งอยู่เบาะหลังแวบหนึ่ง "พูดกับใคร ผมเหรอ?" 

เฝิ่งเยี่ยนฮวายพูดอย่างอารมณ์เสียว่า "ไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครล่ะครับ หรือว่าจะพูดกับคนที่อยู่ข้างคุณ" 

จวงหมิงหานยังไม่ตอบ เสิ่นอี้ที่อยู่ด้านข้างตบมือเบาๆ "นายตั้งใจขับรถหน่อยสิ"

จวงหมิงหานรีบหันศีรษะกลับไป ขับรถอย่างตั้งใจ ทั้งพูดขึ้นว่า "ตอนนี้ไม่ใช่เวลา กลับไปค่อยพูดแล้วกัน"

เขาพูดจบ แล้วก็ถามเสิ่นอี้ว่า "ว่าไง ขับไปทางไหน ตรงนั้นมีที่รกร้าง ตรงนั้นเป็นยังไงบ้าง” 

"งั้นเอาตรงนั้น! พวกเรารีบจัดการกันเถอะ!"

รถจอดแล้ว เสิ่นอี้เป็นคนแรกที่กระโดดลงมาจากรถ แล้วพุ่งไปหาผีดิบกลุ่มนั้น

"พวกคุณอยู่บนรถนะ!" พูดประโยคนี้จบ จวงหมิงหานก็ลงมาจากรถเสียแล้ว

เฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนจะเชื่อฟังอยู่บนรถได้ยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ กระทั่งเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว สุดท้ายแล้วจึงเหลือแค่เย่หนิงที่อยู่ในอย่างเชื่อฟังเพียงคนเดียว

ถึงแม้ว่าเธออยากไปช่วย แต่เธอเองก็รู้ว่าตนเองช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว เธอไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ แล้วจะไปต่อสู้กับผีดิบได้อย่างไร จะไปช่วยอะไรได้ คงได้แต่ทักทายเท่านั้นเอง

แต่เมื่อกี้ผีดิบกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นแม้แต่เฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนยังยากจะรับมือ แต่เมื่อมีเสิ่นอี้และจวงหมิงหานเพิ่มเข้ามา เหตุการณ์ทั้งหมดก็เลยไม่เหมือนกัน ผีดิบกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นถูกทั้งสี่คนจัดการ ไม่ถึงสิบนาทีก็จัดการได้หมดแล้ว

"ไป!" ครั้งนี้เสิ่นอี้ไม่ให้จวงหมิงหานเป็นคนขับรถอีก ให้คนบุ่มบ่ามอย่างเจ้าหมอนี่ขับรถ ทำให้เขาไม่วางใจเลยสักนิดเดียว เขาไม่กลัวรถชน แต่คนอื่นกลัว! เขาเป็นผีดิบไม่ตายหรอก แต่บนรถยังมีคนเป็นๆ อีกหลายคนนะ! 

หลังจากที่จวงหมิงหานขึ้นไปบนรถ ถามอย่างไม่วางใจเล็กน้อยว่า "จะเอาผีดิบกองนี้ทิ้งเอาไว้ที่นี่งั้นเหรอ พรุ่งนี้ถ้ามีคนมาเห็นเข้าจะไม่ตกใจตายหรือไง!"

"ไม่มีคนเห็นหรอก! ผมให้คนมาจัดการแล้ว!" เสิ่นอี้พูดพลางโทรศัพท์หาหยางปิน หลังจากให้เขาจัดการผีดิบเหล่านั้นที่บ้านเก่าตระกูลเย่แล้ว ก็ให้มาเก็บกองนี้อีก

ระหว่างทางกลับ เย่หนิงยังคงตกใจไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่าเข้ามาในเขตเมืองแล้ว จวงหมิงหานก็เลยถามขึ้นว่า "ไปที่นั่น"

เขาพูดพลาง หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังอีกครั้ง แล้วพูดว่า "พวกเขาทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ ต้องรีบจัดการก่อน!"

"ได้! งั้นก็ไปที่นั่น!" เสิ่นอี้มองเฝิ่งเยี่ยนฮวายพวกเขาที่แทบจะไม่แสดงความเห็นอะไรเลย ก็เลยขับรถพากลับไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์ของเมืองตงไห่ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องทดลองของจวงหมิงหาน ก่อนที่จะไปจอดรถ ก็ให้จวงหมิงหานพาเฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนพาเขาไปจัดการบาดแผลก่อน แล้วเขาก็ขับกลับไปที่ลานจอดรถเพื่อนำรถไปจอด

เมื่อกลับมาถึงห้องทอดลอง เห็นเหลียงเซิ้งกำลังช่วยกันล้างบาดแผลให้เฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวน จวงหมิงหานหยิบยาออกมา ให้เหลียงเซิ้งทายาให้พวกเขา เฝิ่งเยี่ยนฮวายรีบพูดขึ้นว่า "ไม่ต้องแล้ว พวกเราทำเองได้!" 

เขาพูดพลาง มองจวงหมิงหานอย่างสงสัย ความสงสัยเช่นนี้ ไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหนดี

กลับเป็นเจิ้งชวนที่ตั้งแต่ขึ้นรถจนกระทั่งตอนนี้ไม่ส่งเสียง สำหรับเจิ้งชวน เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทีมากเกินไป เขาแยกแยะอะไรไม่ออกอีกแล้ว!

แล้วสิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ที่สุดคือ เขาเห็นผีดิบเป็นศัตรูเสมอมา ทว่าวันนี้มันกลับช่วยชีวิตเขา กระทั่งว่าต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน!

เรื่องแบบนี้ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดมาก่อน เดิมที่เขาคิดว่าใช้กระบี่ไม้ท้อแทงเข้าไปในหัวใจของผีดิบ แต่เขาไม่ได้ทำ!

"ผมจะไปโทรศัพท์หาหยางปิน ดูสถานการณ์หน่อยว่าเป็นยังไง!" เสิ่นอี้หยิกแก้มของเย่หนิง ภายในแววตาเต็มไปด้วยความหลงใหล ลูบผมของเธออีกครั้ง แล้วจึงออกไปจากห้องทดลอง 

เจิ้งชวนเหม่อมองเสิ่นอี้ที่เดินออกไปแล้ว ขณะนั้นภายในใจของเขางุนงงเล็กน้อย พวกเขาไม่ควรเป็นศัตรูกันงั้นเหรอ 

แต่ตอนนี้ศัตรูคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าของเขา เขากลับไม่หลงเหลือความเกลียดชังเลยสักนิดแล้ว กระทั่งว่าเมื่อครู่ตอนที่พวกเขาสี่คนร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เสิ่นอี้อยู่ข้างหน้าปกป้องพวกเขา เขาล้วนใจลอยอยู่กับภาพลวงตา รู้สึกว่าคนคนนี้ ไว้ใจได้มากๆ เลย!

แต่เขาสามารถเชื่อใจคนคนนี้ได้จริงๆ เหรอ

แต่นั้นเป็นผีดิบนะ! 

แล้วอีกอย่างยังเป็นผีดิบที่มีตบะสูงส่งมากๆ อีกด้วย!

แต่ขณะเดียวกันเขายังไม่เข้าใจ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เสิ่นอี้มาช่วยพวกเขา

ถ้าบอกว่าเพื่อปลดผนึก เพื่อเอาอาวุธวิเศษเหล่านั้น เสิ่นอี้ก็ไม่เห็นต้องลงมือจัดการผีดิบเหล่านั้นให้พวกเขา แล้วแย่งอาวุธวิเศษสองสิ่งที่อยู่กับตัวของพวกเขาไปก็ได้เลยนี่นา

แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนี้

ทำไมกัน

สิ่งที่เสิ่นอี้ทำทั้งหมด ทำไปเพื่ออะไรกัน เขาไม่มีทางทำเพราะช่วยพวกเขาจริงๆ หรอก

ในเมื่อเขาเป็นผีดิบ! 

"ว่าไง นายไม่เป็นไรใช่ไหม" จวงหมิงหานเดินมาหน้าเจิ้งชวน แล้วพูดว่า "นายหันไปหน่อย ฉันจะดูแผลที่หลังให้นาย"

เจิ้งชวนไม่พูด แล้วหันกายไปอย่างเงียบๆ 

เฝิ่งเยี่ยนฮวายที่ทายาเสร็จแล้ว ลุกขึ้นมามองจวงหมิงหาน แล้วถามอีกครั้งว่า "คุณก็เองเป็นนักล่าผีดิบใช่ไหม" 

"ใช่!" จวงหมิงหานทายาให้เจิ้งชวนไปพลาง พูดอย่างเกียจคร้านว่า "นามสกุลเดิมแซ่ถัง!"

"อะไรนะ!" เย่หนิง เฝิ่งเยี่ยนฮวาย เจิ้งชวน ทั้งสามคนอุทานออกมาพร้อมกัน เจิ้งชวนเด้งตัวลุกขึ้นยืน จนทำให้ยาที่อยู่ในมือของจวนหมิงหานพลิกคว่ำไป

"ทำอะไร ทำอะไรห่ะ! อีกนิดเดียว!" จวงหมิงหานกดเจิ้งชวนให้นั่งลงไป แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า "ยานี่มันแพงนะโว้ย! โชคดีที่ไม่แตก"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายรีบช่วยเก็บยาขึ้นมา แล้วยื่นส่งให้จวงหมิงหาน สายตายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความประหลาดใจ ถามด้วยสีหน้าไม่เชื่อว่า "คุณเป็นคนของตระกูลถังงั้นเหรอ"

"ใช่แล้ว!" จวงหมิงหานพยักหน้า ไม่ปฏิเสธเลยสักนิดเดียว 

เจิ้งชวนกลับไปนั่งโดยที่ไม่เคลื่อนไหว ทว่ากลับอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า "นายเป็นคนของตระกูลถัง นายเป็นผู้สืบทอดของตระกูลถังงั้นเหรอ" 

"ใช่!" จวงหมิงหานพูด แล้ววางยาลง หันตัวแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของเขา เย่หนิงและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ไม่นานก็เห็นเขาเปิดตู้เซฟที่อยู่ข้างโต๊ะทำงาน แล้วหยิบลูกศรออกมาจากข้างใน

ศรสีเงิน ดาบสีเงิน

เจิ้งชวนและเฝิ่งเยี่ยนฮวายตื่นตกใจ "ลูกศรเงิน! ลูกศรเงินของตระกูลถัง! ที่แท้นายคือผู้สืบทอดของตระกูลถังจริงๆ ด้วย! พวกเราเคยคิดว่าตระกูลถังไม่มีผู้สืบถอดเสียอีก คิดไม่ถึง...ผู้สืบทอดตระกูลถังยังอยู่..."