webnovel

ตอนที่ 203

ตอนที่ 203 เจตนาแอบแฝง

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยอมเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้ดีว่าเสิ่นอี้และจวงหมิงหานพูดความจริงๆ สุดท้ายจึงทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้และพูดอย่างไม่เต็มใจ “ไม่ลงไปก็ไม่ลงไปสิ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้!"

“เด็กดี เชื่อฟังนะครับ” เสิ่นอี้ลูบเส้นผมของเธอ “คุณควรเป็นเด็กดีนั่งอยู่บนรถนะครับ มีคนมีความสามารถอยู่ด้วย เขาต้องปกป้องคุณได้อย่างแน่นอน" 

"ได้ นายอย่าพูดเยินยอฉันนักเลย ฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย ไหนนายบอกฉันสิ เรื่องของราชาผีดิบ แล้วเกิดเรื่องอะไรกันแน่"

เสิ่นอี้ยิ้ม "ฉันบอกนาย นายจะเชื่อไหม" 

“เชื่อ!" จวงหมิงหานนั่งตัวตรง “มีอะไรที่นายพูดแล้วฉันไม่เชื่อบ้าง!" 

เสิ่นอี้ไม่สนใจจวงหมิงหาน โทรศัพท์หาหยางปินก่อน สั่งให้เขารีบนำเขาขึ้นมาที่เมือง แล้วยังโทรติดต่อไปที่ตำรวจสถานีนครบาลของเมือง เมื่อเข้ามาใกล้บ้านเก่าตระกูลเย่ ไม่มีเหตุการณ์ที่แปลกไปเลยสักนิดเดียว 

ภายในใจของเย่หนิงยิ่งเป็นห่วงขึ้นมา “เสิ่นอี้ เกิดเรื่องอะไรกันแน่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้เคร่งเครียดขนาดนี้ เฝิ่งเยี่ยนฮวาย พวกเขากำลังมีอันตรายงั้นเหรอ" 

“เกี่ยวข้องกับราชาผีดิบ" เสิ่นอี้ค่อยๆ เคลื่อนรถอย่างช้าๆ ทั้งยังพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ตอนที่ได้ยินหมิงหานพูดเรื่องพวกนั้น อยู่ๆ ผมถึงคิดขึ้นมาได้"

“ใช้ผีดิบมาทำการทดลองงั้นเหรอ" จวงหมิงหานรีบถามขึ้นมาว่า “ใช่เรื่องนี้ไหม" 

“ถูกต้อง ก็เรื่องนี้แหละ! ใช้ผีดิบทำการทดลอง" เสิ่นอี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากๆ ว่า “ถึงแม้ว่าจะให้ยาแมลงดูดเลือด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายมนุษย์ มีชีวิตยืนยาว แต่ข้อเสียก็ยังมีให้เห็นอย่างชัดเจนมาก การใช้ยาควบคุมการสืบพันธุ์ของแมลงดูดเลือดยังเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สำคัญคือแมลงดูดเลือดกระหายเลือด ถ้ามีปริมาณเลือดไม่เพียงพอ เจ้าของร่างก็จะถูกพวกมันดูดจนแห้ง นี่จึงเป็นข้อเสียที่ใหญ่มากๆ" 

“ระดับการสืบพันธุ์ของแมลงดูดเลือดจะเร็วมากขึ้น ถ้าควบคุมไม่อยู่ก็จะสืบพันธุ์อย่างรวดเร็ว และดูดเจ้าของร่างจนแห้งตาย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น หรือน้อยกว่านั้น ดังนั้นพวกเขาถึงต้องหาทางออกที่ดีกว่า ที่ใช้เป็นทางเลือกในการทดแทนเลือดของแมลงดูดเลือด"

“สำหรับทางเลือกที่พวกเขามองหา ผมคิดว่าพวกเขาเคยหาเอาไว้มากมายอย่างแน่นอน สุดท้ายเป้าหมายจึงตกอยู่ที่ผีดิบ ถึงแม้ว่าผีดิบจะตายแล้วมีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่น้อยมากที่จะรักษาชีวิตได้หมื่นปี ไม่ตายไม่ถูกทำลาย ไม่ต้องใช้ยาใดๆ และเลือด เหมือนกับรักษาชีวิตเอาไว้ให้คงอยู่ สำหรับพวกเขาแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด! ดังนั้นพวกเขาถึงต้องตามหาผีดิบมาทำการทดลอง วันนั้นพวกเราเห็นผีดิบที่หลังภูเขาของหมู่บ้านว่างยาชุน แต่นั้นก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น "

พอเย่หนิงได้ยินเสิ่นอี้พูดอย่างนี้ จึงพูดขึ้นว่า “เสิ่นอี้ พวกเขาใช้หมู่บ้านว่างยาชุนเป็นฐานที่ตั้ง นอกจากนี้บางครั้งก็ต้องทดลองกับผีดิบตนนั้นอยู่มานานมากแล้วแน่ๆ เลย”

"ใช่! กระทั่งว่าพวกเขายังคิดวิธีต่างๆ อย่างเลี้ยงผีดิบที่ตนเองเลี้ยง แต่ก็หมดหวัง ดังนั้นพวกเขาเลยต้องตามหาผีดิบตัวใหม่ต่อไป แต่ยังมีอีก พวกคุณลองคิดดูสิ ผีดิบที่แข็งแกร่งมากๆ คือใคร" เสิ่นอี้ถาม "ถ้าเป็นผีดิบธรรมดาพวกเขาคงไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ไหนพวกคุณบอกสิว่าพวกเขาจะทำอย่างไร"

ภายในใจของเย่หนิงสั่นไหวอย่างฉับพลัน "ราชาผีดิบ!"

"ถูกต้อง ราชาผีดิบ" เสิ่นอี้พูดเสียงต่ำ “อยากตามหาราชาผีดิบ! อยากทำลายผนึก ปล่อยผีดิบออกมาก็คือพวกเขา!"

จวงหมิงหานหลุดปากพูด “เสิ่นอี้ นายจะบอกว่าคนเหล่านั้นที่ทดลองผีดิบ เตรียมที่จะค้นหาราชาผีดิบตนนั้น หลังจากนั้นก็จะปล่อยเขาออกมางั้นเหรอ"

“ใช่!" เสิ่นอี้มีสีหน้าจริงจังมากๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “พูดออกมาบางทีคุณคงคิดว่าเป็นสิ่งที่เหลวไหล และเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ตอนนั้นราชาผีดิบต้องยังอยู่อยู่แน่ๆ ในหมู่มวลผีดิบ ต้องมีคนเก่งที่สุดอยู่หนึ่งคน ดังนั้นจึงได้ตั้งตนเป็นราชาผีดิบ! ผมสงสัยว่าเป้าหมายของพวกเขาคือปล่อยราชาผีดิบออกมา หลังจากนั้นก็จับเขาไปทดลองแล้วสร้างผีดิบติดเชื้อ" 

เย่หนิงทั้งประหลาดใจและเดือดดาล “คนพวกนั้นเป็นบ้าหรือไง คิดไม่ถึงเลยว่าอยากปล่อยราชาผีดิบออกมา แล้วยังอยากจับราชาผีดิบมาทำการทดลอง พวกเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไง"

“น่าจะเป็นบ้า" เสิ่นอี้ยิ้มเย็นขึ้น “พวกเขาคิดว่าราชาผีดิบกับผีดิบธรรมดาเหมือนกันงั้นเหรอ ถ้าเขาไม่มีตรงไหนพิเศษ แล้วจะเป็นราชาได้ยังไง! เอาจริงๆ แล้วพวกเขาประเมินความสามารถของราชาผีดิบต่ำเกินไป คิดว่าพึ่งอาวุธในมือของพวกเขา แล้วจะรับมือกับราชาผีดิบได้งั้นเหรอ ช่างไร้เดียงสาจริงๆ เลย! ถ้าราชาผีดิบรับมือได้ง่ายขนาดนั้น เขาคงจะตายไปตั้งนานแล้ว! จะมีชีวิตจนถึงตอนนี้ได้ยังไง"

"พวกเขาคิดว่าก่อนหน้านี้ไม่มีคนคิดอยากฆ่าราชาผีดิบหรือไง ตอนนั้นนักล่าผีดิบหลายตระกูล ร่วมมือกัน ทว่ายังฆ่าเขาไม่ได้ สุดท้ายจึงทำได้แค่ผนึกเขาเอาไว้ ถ้าผีดิบฆ่าตายได้ง่ายขนาดนั้น เขาคงไม่ถูกเรียกว่าราชาผีดิบหรอก! ทั้งยังเป็นผีดิบที่มีอายุพันกว่าปี! คนพวกนั้นคิดอยากปล่อยราชาผีดิบออกมา เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ! ตนเองรนหาที่ตายก็พอแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องมีคนที่ต้องถูกสังหารและฆ่าตายอีกจำนวนเท่าไหร่!"

เย่หนิงยิ่งคิดยิ่งประหลาดใจ “ดังนั้น เสิ่นอี้คุณจะบอกว่า... เฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนกำลังมีอันตราย...ความหมายของคุณคือ..."

หลังจากเงียบไปสักพัก เสิ่นอี้จึงพูดออกมาว่า “พวกเขาคงไม่รู้เรื่องพวกนี้ คนธรรมดาคงไม่รู้เรื่องพวกนี้! คนที่รู้เรื่องราชาผีดิบและผนึกคงจะมีอยู่ไม่มาก! และอีกอย่าง...คิดว่าคนที่ทดลองยาสำหรับใช้กับผีดิบ กระทั่งคิดอยากปลกผนึก ปล่อยราชาผีดิบออกมา...เหอะ...เกรงว่าคงจะเป็นคนที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ!"

ลำคอของเย่หนิงแห้งผากเล็กน้อย เหมือนกับมีบางสิ่งติดอยู่ข้างในนั้น ติดแน่น จนรู้สึกอึดอัด พูดไม่ออกอีกเลย

"คนที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบงั้นเหรอ" จวงหมิงหานกล่าวเสียงเย็น “ถ้าเป็นคนที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ ทำไมเขาถึงต้องช่วยคนเหล่านั้นให้ไปหาราชาผีดิบด้วย เอาราชาผีดิบมาทำการทดลอง เป็นแค่ข้ออ้างงั้นเหรอ เกรงว่าเขาน่าจะใช้ประโยชน์ของสถาบันวิจัย อยากช่วยราชาผีดิบออกมาเท่านั้นเอง!"

"ใช่!" เสิ่นอี้พูดเสียงต่ำ “พวกเขาต้องไม่มีทางทรยศราชาผีดิบอย่างแน่นอน การที่พวกเขาทำอย่างนี้ เป็นการหาโอกาส ใช้ประโยชน์จากกำลังคนของสถาบันวิจัย ช่วยราชาผีดิบออกมาเท่านั้น! คนพวกนั้นไม่เคยเห็นพลังที่แท้จริงของราชาผีดิบ ไม่รู้ว่าราชาผีดิบเก่งกาจมากขนาดไหน แต่ว่าคนที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบกลับรู้ เขารู้ว่าคนพวกนั้นไม่มีทางจับตัวราชาผีดิบได้ แค่ปลดผนึกที่กักขังราชาผีดิบให้ออกมา ไม่ว่าใคร ก็จับเขาไม่ได้!"

สีหน้าของจวงหมิงหานจริงจัง เขาค่อยๆ พูดออกมาว่า “เลยต้องหยุดพวกเขา!"

เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า “อยากทำลายผนึก มีของไม่กี่อย่างนักหรอกที่สำคัญ อีกอย่างของพวกนั้น อยู่ในครอบครัวของสี่ตระกูลนักล่า และคนคนนั้นเองก็ต้องรู้อย่างแน่นอน"

ในที่สุดเย่หนิงถึงได้รู้ว่าทำไมเสิ่นอี้ถึงพูดว่าเฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนกำลังตกอยู่ในอันตราย “พวกเขาอยากปล้นมาใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาต้องรู้แล้วอย่างแน่นอนว่ามีของสองสิ่งอยู่กับเฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวน ตราบเท่าที่พวกเขายังหาของชิ้นที่สามในบ้านของฉัน มีสามชิ้นก็พอแล้ว ถึงแม้ว่าของสามสิ่งนี้จะยังไม่พอที่จะปลดผนึก แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่ผนึกอ่อนแรง บวกกับเป็นวันสุริยุปราคา มีแค่ของสามสิ่งนี่ก็เกรงว่าเพียงพอแล้วที่พวกเขาจะปลดผนึกได้แล้ว"