webnovel

ตอนที่ 200

ตอนที่ 200 ชุดตัวเลขสามชุด

เสิ่นอี้บอกว่ามีสถานที่ที่ต้องไป นั่นคือมหาวิทยาลัยแพทย์ของเมืองตงไห่

คนที่พวกเขาต้องไปพบ ก็คือจวงหมิงหานนั่นเอง

เย่หนิงคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เสิ่นอี้จะพาเธอไปเจอจวงหมิงหาน หรือว่าทางด้านจวงหมิงหานจะเจออะไรเข้า

คิดถึงตรงนี้ในใจของเย่หนิงยิ่งรีบร้อน ถามเสิ่นอี้มาตลอดทาง "เสิ่นอี้ จู่ๆ ทำไมถึงรีบมาหาศาสตราจารย์จวงขนาดนี้ล่ะคะ หรือว่าเขาพบอะไรใช่ไหม เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ"

"ก็เมื่อกี้นี้เอง ตอนที่คุณและเฝิ่งเยี่ยนฮวายเข้าไปหาของในบ้าน เขาโทรศัพท์มาหาผม บอกว่าการทดสอบแสดงผลออกมาแล้ว ให้พวกเรามาลองดู"

"เป็นไงบ้าง" เย่หนิงพูดอย่างเคร่งเครียดเล็กน้อย

"ไปถึงที่นั่นแล้วค่อยพูดกัน สถานการณ์เป็นยังไงผมเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่ในเมื่อเขาโทรศัพท์ให้พวกเราไปหา ต้องพบอะไรอย่างแน่นอน"

ตอนที่เสิ่นอี้และเย่หนิงมาถึงที่มหาวิทยาลัยแพทย์ของเมืองตงไห่ ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

เย่หนิงกลัวว่าจะล่าช้า ขนาดอาหารเย็นยังไม่อยากกิน เสิ่นอี้เลยลงไปซื้อของกิน เอาห่อกลับบ้านให้เธอขึ้นมากินบนรถ 

เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย เสิ่นอี้โทรศัพท์หาจวงหมิงหาน ทำให้รู้ว่าเขายังอยู่ในห้องทดลอง จึงมุ่งหน้าไป เหลียงเซิ้งรออยู่ข้างนอกมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเข้าไปในห้องทดลองก็เห็นจวงหมิงหานยังยุ่งอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ทั้งยังพิมพ์คีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว ก็เลยไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ 

"ศาสตราจารน์เสิ่น พวกคุณเชิญนั่งก่อนครับ" เหลียงเซิ้งยกแก้วน้ำมาให้ทั้งสองคน พลางจัดการเก็บอุปกรณ์และเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทดลอง

"กินข้าวหรือยัง" เสิ่นอี้ถาม แล้วเอาเกี้ยวนึง ซาลาเปา ที่พวกเขาห่อกลับมานำมาวางไว้บนโต๊ะ

เหลียงเซิ้งน้ำตาไหลอาบหน้า "ศาสตราจารย์เสิ่น คุณเป็นคนดีจริงๆ รู้ไหมว่าพวกเราไม่มีเวลาว่างไปกินข้าวเลย"

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "ผมเข้าใจครับ บ้างาน! แต่ยุ่งยังไง ก็ต้องกินข้าว!"  

จวงหมิงหานที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ส่งเสียงเหอะ "บอกฉัน เป็นเพราะนายไม่ใช่หรือไง!"

เสิ่นอี้ร่าเริง "ฉันไม่กินก็ไม่เป็นไร! แต่นายไม่กินไม่ได้!"

เย่หนิงมองเสิ่นอี้เงียบๆ ‘เพราะเมื่อกี้เสิ่นอี้เองก็พูดกับเธอเช่นนี้’ 

แหม นายไม่ต้องกินข้าวก็ได้นี่นา

เหอะ! 

เย่หนิงหยิกเขาอย่างแรง 

เสิ่นอี้มองเย่หนิงด้วยใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ "เสี่ยวหนิง ทำไมครับ หรือว่าคุณยังกินไม่อิ่ม ดีหน่อยที่เมื่อกี้ผมซื้อมาสองชุด..."

เย่หนิง...

เหลียงเซิ้งหัวเราะแล้วพูดว่า "กินไหม หมอเย่ อีกอย่างพวกเราสองคนก็กินไม่เท่าไหร่หรอก ศาสตราจารย์เสิ่น คุณก็มากินด้วยกันสิ!" 

"ให้ฉัน" จวงหมิงหานยื่นมืออกมาจากหลังคอมพิวเตอร์ "ใครบอกว่าผมกินไม่เท่าไหร่ สองชุดยังกินไม่พอเลยด้วยซ้ำ!"

เสิ่นอี้รู้สึกตลก "พอแล้ว ขนาดสองชุดยังกินไม่พอ นายคงไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน หิวขนาดนั้นเลยเหรอ"

"อย่ามาพูดเลย ฉันลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าอยู่ในห้องทดลองนี้มากี่วันแล้ว" จวงหมิงหานยืนขึ้น เคลื่อนไหวตัวเล็กน้อย แล้วถามเสิ่นอี้ว่า "พวกนายไม่ได้กลับไปที่บ้านของภรรยาเหรอ ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ"

กลับบ้านภรรยาเหรอ เย่หนิงจ้องเสิ่นอี้

เสิ่นอี้ยิ้มอย่างไม่สนใจเลยสักนิดเดียว “ถึงยังไงก็ไปเจอแม่ยายมาแล้ว งานมันเร่งด่วนไม่ใช่เหรอ..."

“นี่ๆๆ คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ อะไรที่เรียกว่าแม่ยายหะ! นั่นอาสะใภ้ของฉันนะ!" เย่หนิงพูดค้านขึ้นมา 

เสิ่นอี้ยิ้มแล้วพูดว่า "ก็คล้ายๆ กัน...ดูเธออย่างนั้นแล้ว ไม่ใช่แม่ยายแล้วคืออะไร"

เย่หนิงร้องเหอะ "มีหรือ อาสะใภ้ของฉันชอบคุณมาก! ชมคุณซะเป็นดอกไม้! บอกคุณว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เหมือนกับว่าคุณเป็นลูกชายแท้ๆ เลย! เหอะ ฉันดูแล้วตอนนี้เธอต้องออกไปพูดกับคนอื่นอย่างแน่นอนเลย พูดกับคนอื่นไปทั่ว อย่างกับกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกเขยที่แสนดียังไงยังงั้นล่ะ"

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "เมื่อกี้คุณคงไม่ได้พูดว่าลูกเขยหรอกนะ"

เย่หนิงยังอยากพูดอะไรอีก พอหันกลับไปก็เห็นจวงหมิงหานและเหลียงเซิ้งหรี่ตามองพวกเขาสองคนยิ้มๆ ใบหน้าแดงซ่าน ขนาดหูยังร้อนผ่าว 

ผลลัพธ์จวงหมินหานกลับคาดไม่ถึงว่าจะแกล้งทำเป็นว่า "ไอหยา ดูแล้วคงไม่ใช่เวลาสมควรที่ผมจะโทรไป ทำลายวันหยุดที่แสนยากลำยากของพวกคุณทั้งสองคน แม่ยายคงไม่ได้ตำหนิผมหรอกนะ"

"นายน่ะพอได้แล้ว" เสิ่นอี้ดึงห่อเกี้ยวนึ่งที่อยู่บนมือของจวงหมิงหานออกมา "ถ้ายังพูดเรื่องเหลวไหลอีก ฉันจะไม่ให้นายกินแล้ว!" 

จวงหมิงหานกลัดกลุ้มมาก "อย่านะ เพื่อนรัก ทำไมถึงได้ใจจืดดำขนาดนี้นะ! ถึงแม้ว่าฉันจะโทรไปตอนที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่นายก็ไม่เห็นต้องโหดเหี้ยมกับฉันถึงขนาดนี้เลยนี่นา ดูสิช่วงนี้ฉันทำงานหนักขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ให้ฉันกินเถอะนะ"

เย่หนิงทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอคิดเสมอว่าจวงหมิงหานเป็นชายหนุ่มที่แสนเย็นชา ทำไมคำพูดถึงได้อเนจอนาถขนาดนี้นะ

เสิ่นอี้แกว่งห่ออาหารในมือ แล้วถามว่า "ไหนนายพูดมาก่อนสิว่าตรวจเจออะไรบ้าง" 

"ใจดำชะมัด!" จวงหมิงหานล้างมือ ขณะที่หยดน้ำไหลลงบนมือก็หันมองหาน้ำดื่มรอบๆ แล้วบ่นเหลียงเซิ้งอย่างไม่พอใจ "ไม่ได้ดี ทำไมถึงได้ใจจืดใจดำขนาดนี้! รินน้ำให้แขก แต่ไหงไม่รินน้ำให้ฉันด้วยห๊ะ! ไม่เห็นหรือไงว่าแก้วของฉันมันว่างเปล่า พวกนายดูสิ ผู้ช่วยอะไรนี่ น่าผิดหวังชะมัดเลย!"

เย่หนิงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเหลียงเซิ้ง ทำไมถึงต้องมาทำงานกับศาสตราจารย์คนนี้ด้วยนะ

เป็นผู้ชายที่น่าฆ่าทิ้งจริงๆ เลย!

ถ้าคนที่ชื่นชอบเขา พวกเธอมารู้ว่าเจ้าชายเย็นชา เป็นคนอย่างนี้ ไม่รู้ว่าภายในใจจะคิดอะไร

"สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่" เสิ่นอี้ถาม "ดูแล้วที่คุณเรียกพวกเราให้รีบกลับมาขนาดนี้ ยาตัวใหม่ที่คุณศึกษาค้นคว้าได้ผลสรุปอะไรบ้าง"

"ไม่ใช่เจ้านั่น! มา ผมจะให้ชุดข้อมูลชุดแรก! นี่คือรายงานการวิเคราะห์ ชุดที่อยู่ด้านบนคือชาวบ้านพวกนั้นที่หมู่บ้านว่างยาชุน ตัวอย่างโรคทั้งหมดสิบกว่าคน ด้านล่างเป็นพวกนักเรียนพวกนั้น ก็มีทั้งหมดสิบกว่าคน เห็นอะไรที่ไม่เหมือนกันไหม พวกคุณดู เส้นโค้งนี้เปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนกัน"

สำหรับสิ่งที่ตนเองค้นพบนี้ จวงหมิงหานค่อนข้างจะภาคภูมิใจ "ตอนที่เริ่มต้นนั้นยังดูไม่ออก! ผมเลยเพิ่มแมลงดูดเลือดเข้าไปในเลือดของพวกเขา แล้วลองสังเกตถึงได้ข้อสรุปนี้ออกมา"

เสิ่นอี้พูด "ปฏิกิริยาตอบสนองไม่เหมือนกันเหรอ" 

"ใช่! ปฏิกิริยาตอบสนองไม่เหมือนกัน! พูดได้ว่าเชื้อที่พวกเขาติดไม่เหมือนกัน! เชื้อที่นักเรียนพวกนั้นได้รับไปเป็นเชื้อดั้งเดิม ส่วนชาวบ้านในหมู่บ้านว่างยาชุน เชื้อที่ได้รับไปทั้งหมดเป็นเชื้อที่ได้รับการวิวัฒนาการแล้ว ดังนั้นอาการเจ็บป่วยของพวกเขาจึงไม่ชัดเจน การปะทุจึงไม่เร็วนัก! หลังจากนั้น กลุ่มล่างสุด นี่เป็นสิ่งที่ค้นพบอยู่ในศพพวกนี้ รวมทั้งหมดสิบศพ พวกคุณลองดูไปที่เส้นโค้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของการทดลองเหล่านั้น"

เย่หนิงมองอยู่นาน เหมือนกับมองไม่เห็นอะไร "เหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

"ถูกต้องครับ!" จวงหมิงหานพูด "ก็เป็นอย่างนั้นแหละ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย!"

เย่หนิงไม่เข้าใจ "ทำไม่ถึงเป็นอย่างนี้ เป็นเพราะคนพวกนี้ตายไปแล้วงั้นเหรอ หรือว่าแมลงดูดเลือดที่อยู่ในร่างของผู้ตายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย"

จวงหมิงหานส่ายหน้า "ผิดแล้ว ดูสิ ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผมจะขยายเส้นโค้งนี้เป็นร้อยเท่า แล้วพวกคุณดูอีกครั้ง"