webnovel

ตอนที่ 190

ตอนที่ 190 ไม่มีค่าให้สนใจ

เดิมทีเฝิ่งเยี่ยนฮวายและเจิ้งชวนเองก็แค่สงสัยบ้าง และไม่กล้ายืนยันว่าเสิ่นอี้เป็นผีดิบแน่นอน แต่การกระทำเช่นนี้ของเย่หนิง ทำให้ทันใดนั้นพวกเขาก็ปักใจเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย  

" จะหนีงั้นเหรอ" การเคลื่อนไหวของเจิ้งชวนเร็วมากๆ พูดไม่ทันขาดคำ ก็เอื้อมไปหยิบดาบไม้ท้อที่อยู่ข้างหลังกระเป๋าเป้แล้วแทงเข้าไปที่เสิ่นอี้! 

เย่หนิงตกใจจนพูดไม่ออก " หยุดนะ!" 

หลังจากนั้น เธอก็ตกตะลึง ยืนมองอยู่ตรงนั้นอย่างตกใจ เห็นเสิ่นอี้จับมีไม้ท้อของเจิ้งชวนอย่างง่ายดายมากๆ ริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย้อหยันเป็นที่สุด แววตาสงบนิ่งและเย็นเยียบ  

เย่หนิงมองแววตาเย็นเยียบของเสิ่นอี้ และมองสายตาที่โกรธเคืองของเจิ้งชวน ไม่รู้ว่าควรห้ามใครดี  

ทันใดนั้น ก็เห็นเฝิ่งเยี่ยนฮวายหยิบกริชซเล็กที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมาแล้วค่อยๆ เดินไปหาเสิ่นอี้อย่างช้าๆ 

เสิ่นอี้เห็นเขา ทว่ากลับไม่สนใจเลยสักนิด เขาไม่มีทีท่าหวาดกลัวเลย นี่กลับยิ่งทำให้่เฝิ่งเยี่ยนฮวายสงสัยเล็กน้อย 

เจิ้งชวนเมื่อไม่สามารถดึงดาบยาวในมือของตนเองกลับมาได้ เขาทั้งโกรธและอับอาย จึงตะโกนพูดเสียงดังว่า " เฝิ่งเยี่ยนฮวาย ยังไม่รีบอีก ด้อมๆ มองๆ หาอะไรมิทราบ!" 

" เพราะเขาฉลาดกว่าคุณไงล่ะ" เสิ่นอี้พูดน้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว " เขารู้ว่าของเล่นพวกนี้ของพวกคุณ สำหรับผมแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้วสักนิดเดียว! ใช่ไหมล่ะ!"

เสิ่นอี้พูดพลาง ค่อยๆ ออกแรงมือ เจิ้งชวนได้ยินแค่เสียง "แคร่ก" ดาบไม้ท้อของเขาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเสียแล้ว

นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เจิ้งชวนและเฝิ่งเยี่ยนฮวายต่างถอยห่างอย่างรวดเร็ว!

เพราะพวกเขาทั้งสองคนต่างรู้ ว่าดาบท้อในมือของเจิ้งชวน นั้นไม่ใช่ดาบท้อธรรมดา นี่เป็นดาบท้อที่ถูกฟ้าผ่า ด้านบนลงอักขระเป็นพิเศษ นี่เป็นของวิเศษที่ได้รับการสืบทอดต่อๆ มาของตระกูลเจิ้ง ใช้มานานนับปี บนดาบไม่รู้ว้าเปื้อนเลือดของผีดิบเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ คนคนนี้ กลับสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้ยังไงกัน  

เฝิ่งเยี่ยนฮวายหวาดกลังจนกริซที่อยู่ในมือสั่นเล็กน้อย จนใกล้จะจับเอาไว้ไม่อยู่

นี่เป็นดาบไม้ท้อที่มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี ทว่าพออยู่ตรงหน้าคนคนนี้กลับถูกทำลายทิ้งอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นคนธรรมดา บางทีอาจจะมีแรงพอทำได้ แต่ถ้าเขาเป็นผีดิบ ก็ต้องมีรู้สึกหวาดกลัวมาก!

ขนาดดาบไม้ท้อร้อยปียังไม่กลัว! 

ผีดิบตนนี้ก็คงจะเก่งกาจมากๆ! 

สำหรับระดับของเขาและเจิ้งชวนในตอนนี้ เมื่อมาอยู่ตรงหน้าเขา เกรงว่าจะไม่น่าดูนัก

มิน่าเขาถึงได้บอกว่าดาบไม้ท้อในมือของพวกเขาเป็นของเล่นผุพุๆ พังๆ เท่านั้น

ผีดิบตนนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีอายุห้าร้อยขึ้นไป 

ภายในมือของเฝิ่งเยี่ยนฮวายมีเหงื่อเย็นไหลอาบ ในใจคิดถึงเจ้าหมอนี่ที่ชื่อเสิ่นอี้ ถ้าต้องรับมือเขาและเจิ้งชวน เกรงว่าจะต้องเสียพละกำลังไปเท่าไหร่ เฝิ่งเยี่ยนฮวายยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว จึงรีบตะโกนใส่เย่หนิงเสียงดังว่า " อาหนิง อันตราย รีบหนีไป!"

" นายโง่หรือไง" เจิ้งชวนพูดอย่างโมโห " เมื่อกี้เธอบอกให้ไอบ้านั้นหนี! นายคิดว่าเธอจะไม่รู้รึไง เธอต้องรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าไอบ้านั้นมันเป็นอะไร!"

" เจิ้งชวน!" ความจริงแล้วเย่หนิงรู้สึกแย่มาก " คำพูดของนายทำไมมันแย่ได้ถึงขนาดนี้นะ ไอบ้าอะไร ใครใช้ให้นายมาพูดแบบนี้! เขาก็เป็นเหมือนกับฉัน มีชื่อเหมือนกัน!" 

เจิ้งชวนยิ้มเย็นแล้วพูดว่า " ไม่แปลกใจเลยที่วันนั้นเธอเอาแต่พูดแบบนั้น เพราะเธอช่วยปีศาจมาตลอดนี่เอง! ที่แท้ เธอก็รู้สึกดีกับพวกเขามาก่อนหน้านี้แล้ว! คาดไม่ถึงเลยว่าจะปิดฉันกับเฝิ่งเยี่ยนฮวาย เย่หนิง! เธอลืมไปแล้วเหรอว่าตัวตนของเธอคืออะไร เธอลืมไปแล้วเหรอว่าต้องทำอะไร เธอลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อกับแม่ของเธอตายยังไง พ่อแม่ของเธอถูกผีดิบฆ่าตายทั้งหมด หรือว่าเธอไม่รู้ เธอถึงได้ ไปรู้สึกดีกับพวกผีดิบ ! เธอคิดว่าวิญญาณพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะคิดยังไง"

" คุณพูดพอหรือยัง!" เสิ่นอี้ก้าวเข้าไปใกล้เจิ้งชวนทีละก้าวว 

เจิ้งชวนไม่กลัว เขาพูดเสียงเย็นว่า " นายจะฆ่าฉันก็เอาสิ! ฆ่าพวกเราต่อหน้าเธอเลยสิ!"

" พวกนายเป็นแค่กุ้งตัวเล็กๆ" บนหน้าของเสิ่นอี้ดูถูก " รับมือพวกคุณสองคน ทำไมผมต้องลงมือด้วยตัวเอง"

เย่หนิงเองก็รู้สึกกลัว เหมือนกับเฝิ่งเยี่ยนฮวาย ทั้งเครียดและหวาดกลัว ทั้งสองฝ่ายไม่ว่าใครได้รับบาดเจ็บ ผลลัพธ์ล้วนเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะเห็น ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะเป็นความจริงว่าระหว่างผีดิบและนักล่าผีดิบ นั่นมีความแค้นต่อกัน แต่ทำไมจะต้องให้ตายไปข้างหนึ่งด้วย

" เจิ้งชวน! เฝิ่งเยี่ยนฮวาย! พวกนายอย่าทำอย่างนี้เลยนะ!" เย่หนิงเรียกสติกลับมาอย่างยากลำบาก ทว่าในมือกลับยังคงชุ่มไปด้วยเหงื่อ   เธอพยายามต้านทานความตึงเครียด แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า " เสิ่นอี้ไม่ทำอะไรพวกนายหรอก! พวกนาย...พวกนายก็อย่าเป็นพวกเห็นผีดิบแล้วเอะอะก็จะตีจะฆ่าสิ เขาไม่อยากทำร้ายพวกนายหรอก!"

เจิ้งชวนยิ้มเย็น " ทำไม เย่หนิง หรือว่าเธอคิดว่าเขาเป็นคนดี! มันเป็นผีดิบที่ไม่เคยฆ่าคนหรือไง พวกเราไม่ได้ทำอะไร ก็รนหาความตายด้วยตนเองงั้นเหรอ"

เย่หนิงส่ายหน้า แล้วค่อยๆ พูดออกมาว่า " เจิ้งชวน ฉันรู้ว่านายเกลียดผีดิบ แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าทำไม่นายถึงเกลียดพวกเขาขนาดนี้ แต่ มีบางคนในพวกเขาที่ก่อเรื่อง ถ้าหนึ่งในผีดิบพวกนั้น มีบางตนที่โจมตีมนุษย์จนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่ผีดิบทุกตนที่เป็นแบบนั้นเสียหน่อย ทำไมต้องตัดสินใจจะฆ่าพวกเขาด้วยล่ะ"

เจิ้งชวนยิ้มเย็น " ใช่สิ เพราะอะไรน่ะเหรอ! ถ้าเธอได้เห็นคนที่เธอใกล้ชิดต้องถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นฆ่าแล้วฆ่าเล่า ก็จะรู้ว่าเพราะอะไร! ของเหล่านี้ เดิมทีก็เป็นปีศาจชัดๆ การดำรงอยู่ของพวกมัน เดิมทีดีก็ผิดหลักธรรมชาติอยู่แล้ว! เดิมทีพวกเขาไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลยด้วยซ้ำ!  คนก็ตายไปแล้ว ยังจะไม่ยอมรับความจริง ริอาจอยากมีชีวิตอีก"  

เย่หนิงถามกลับโดยไม่ลังเลสักนิดหนึ่งว่า " นายมีสิทธิ์คุณสมบัติอะไรมาพูดแบบนี้  นายเป็นพระเจ้าหรือพระเยซูหรือไง นายมีคุณสมบัติอะไรในการเป็นตัวแทนของโลก นี่เป็นแค่ความคิดของนาย นายคิดว่าเรื่องนี้ถูก ก็ต้องถูกอย่างแน่นอน นายคิดว่าเรื่องที่ผิด ก็ต้องผิดอย่างแน่นอน ความเห็นของนายคนเดียว จะแทนที่ของทุกๆ คนได้หรือไง ข้อยืนยันของนาย มันเป็นของจริงๆ หรือเปล่า ใครมันทำให้นายมีอำนาจและมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ได้"

เสิ่นอี้มองเย่หนิงอย่างประหลาดใจมากๆ เขาคิดไม่ถึง ว่าคำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากของเย่หนิง 

เพียงแต่เจิ้งชวน...เสิ่นอี้มองเจิ้งชวนอย่างเห็นอกเห็นใจ พอจะแน่ใจว่าใบหน้าของเจ้าหมอนี่้จะต้องบิดเบี้ยวเล็กน้อย " เย่หนิง เธอเองก็ไม่มีสิทธิ์คุณสมบัติมาพูดแบบนี้เหมือนกัน!" 

เขาพูดพลางชี้ไปทางเสิ่นอี้ แล้วพูดอย่างรังเกียจว่า " วันนี้ฉันฆ่านายไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะฆ่านายไม่ได้อีก! รอก่อน! ต้องมีสักวัน ฉันจะเอาชีวิตนาย! เพราะเดิมทีแล้วนายก็ไม่มีคุณสมบัติจะอยู่บนโลกนี้เลยด้วยซ้ำ"

 

พอเจิ้งชวนพูดประโยคจบ ก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว 

" เจิ้งชวน..." เฝิ่งเยี่ยนฮวายคิดอยากตามไป แต่กลับหันมามองเย่หนิง และพูดอย่างสงสัยอีกครั้ง " อาหนิง...เธอ..." 

เขามองเสิ่นอี้อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ากลัวมาก และไม่กล้าไปเผชิญหน้านัก

เสิ่นอี้มองเฝิ่งเยี่ยนฮวายอย่างเย็นชา ไม่พูด แต่สีหน้ากลับเย็นเยียบคล้ายกับมีจิตสังหารมหาศาล เขามองเฝิ่งเยี่ยนฮวายที่ทั่วทั้งร่างสั่นเทาเล็กน้อย ขนาดอยากจะพูดอะไรก็ลืมไปหมดแล้ว  

กลับเป็นเย่หนิงที่เป็นคนพูดเป็นคนแรก เธอถามเฝิ่งเยี่ยนฮวายออกมาตรงๆ ว่า " เฝิ่งเยี่ยนฮวาย พวกนายสองคนมาที่บ้านเก่าตระกูลเย่ มาหาของอะไรกันแน่"