webnovel

ตอนที่ 170

ตอนที่ 170 เรื่องสุดท้าย

 

เสิ่นอี้ชะงักไป แล้วจึงพูดต่อว่า "ความจริงแล้วผมก็บังเอิญได้ยินเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ บนเว็บไซต์มีคนบอกว่า สุสานมีผีสิง จากนั้นแล้ว คนพวกนั้นก็บอกว่าเป็นผีดิบ...การคาดเดาของชาวเน็ตก็ช่างใจกล้านัก ผมรู้สึกแปลก ก็เลยไปดู คิดไม่ถึง ว่าจะพบเข้าจริงๆ!"

เย่หนิงถามอย่างอยากรู้อยากเห็นมากๆ ว่า "ทำไมคุณถึงรู้ว่าผีดิบพวกนั้น เป็นฝีมือของมนุษย์ล่ะ"

"ระดับจิตรับรู้ คุณไม่รู้เหรอ” เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบ "เผ่าพันธุ์ผีดิบ ระดับเป็นสิ่งที่เข้มงวดกวดขันมาก ผีดิบระดับสูงสำหรับผีดิบระดับต่ำแล้วมีระดับจิตรับรู้ที่สมบูรณ์ แต่ตัวตนของผม สำหรับผีดิบพวกนั้นแล้วกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย! พูดทั้งหมดนี้ก็คือพวกมันไม่รู้ เพราะอะไรนะเหรอ เพราะพวกมันไม่ใช่ผีดิบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ผีดิบปลอมๆ ดังนั้นระดับจิตรับรู้ของเผ่าพันธุ์ผีดิบ สำหรับพวกมันแล้ว ก็เลยไม่มีประโยชน์"

เย่หนิงเข้าใจอย่างรวดเร็ว "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้" 

“ไม่อย่างงั้นเมื่อคืนผมจะต้องลำบากขนาดนั้นเหรอ ถ้าพวกมันมีจิตรับรู้ เดิมทีก็ไม่ต้องลงมือกับพวกมันถึงขนาดนั้น แล้วก็ไม่ต้องพาคุณวิ่งด้วย"

"อืม...เก่งกาจขนาดนี้..." แต่ตั้งใจคิด เหมือนกับไม่ได้เก่งกาจเลย! เมื่อเทียบกับเสิ่นอี้แล้ว อ่อนแอ เมื่อพวกมันกลุ่มใหญ่อยู่ตรงหน้าเขา ล้วนไม่กล้าทำร้าย เป็นเช่นนั้นนี่เอง เธอพูดเสริมอีกครั้งว่า “แต่คุณก็ยังเก่งอยู่ดี! อ๊าย ให้ฉันพูด คนพวกนั้นสร้างผีดิบมากขนาดนั้นทำไม หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับราชาผีดิบ"

"นี่......" เสิ่นอี้ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เย่หนิงถึงพูดแบบนี้ เลยพูดเสริมขึ้นว่า "คงไม่เกี่ยวข้องอะไรหรอก! ทำไมสิ่งที่พวกเขาทำต้องมีความเกี่ยวข้องกับราชาผีดิบด้วยล่ะ"

"ฉันได้ยิน...ฉันได้ยินที่เฝิ่งเยี่ยนฮวายบอกว่าผีดิบพวกนั้น ตอนนี้อยากไปช่วยราชาผีดิบของพวกเขา..." 

"อืม..." เรื่องนี้ เสิ่นอี้จะพูดอย่างไรดี พวกเขามีแผนเช่นนี้จริงๆ ใช้ประโยชน์จากตอนที่ผนึกอ่อนแรง คิดวิธีที่จะทำลายผนึก ช่วยราชาผีดิบออกมา แต่เจ้าหมอนั่นไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย"

ถ้าให้เสิ่นอี้พูด เจ้าหมอนั่น เป็นตัวก่อกวนขนานแท้เลยล่ะ! 

และอีกอย่างเพราะเดิมทีแล้วพวกเขาก็คือผีดิบ ดังนั้นพฤติกรรมของผีดิบที่สร้างโดยมนุษย์จึงรับไม่ค่อยได้มากนัก ไม่ว่าจะทดลองโดยคนเป็นๆ หรือว่าใช้ซากศพ ผีดิบที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้น สำหรับพวกเขาแล้ว นี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้เลย

เดิมทีการดำรงอยู่ของผีดิบก็พิเศษมากอยู่แล้ว ไม่ตายและไม่ดับสูญ ไม่ขึ้นสวรรค์และไม่ลงนรก เทพเซียนไม่ยุ่งเกี่ยว เง๊กเซียนไม่สนใจ หลุดพ้นความตายไม่ได้

สำหรับมนุษย์แล้ว การดำรงอยู่ของผีดิบ เดิมที่แล้วก็ไม่ใช่หลักของธรรมชาติเลย

แต่สำหรับพวกเขาเองแล้ว ถ้าสวรรค์ทำให้พวกเขาดำรงอยู่บนโลกใบนี้ ก็ต้องมีเหตุผลที่ทำให้พวกเขาอยู่ มีอายุหลายพันปี การต่อสู้ระหว่างมนุษย์และผีดิบ แต่ไหนแต่ไรแล้วไม่เคยหยุด แล้วก็ไม่มีทางหยุดด้วย 

แต่บัดนี้ คาดไม่ถึงว่ามนุษย์จะคิดค้นกรรมวิธีพิเศษบางอย่าง ทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คล้ายกับผีดิบ ถ้าให้พูดจริงๆ ว่านี้เป็นกฏของธรรมชาติ นี่คงเป็นการทดลองเพื่อทำลายความเป็นมนุษย์เท่านั้น เขาคิดว่ามันโหดเหี้ยมจนเกินไป

เพราะมีอายุมายาวนานไม่แก่ไม่เฒ่า ต้องสละชีวิตผู้คนเป็นจำนวนขนาดนี้ ดูหมิ่นชิ้นส่วนศพเป็นจำนวนมาก คนเหล่านั้น ไม่กลัวการลงทัณฑ์เลยจริงๆ

ราชาผีดิบเหรอ!

 

เสิ่นอี้ใจลอยเล็กน้อย 

ช่วยราชาผีดิบออกมา นี่คงเป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาสามารถทำให้คนคนนั้นได้ 

หลังจากนี้ ก็หมดหนี้ต่อกันแล้ว

"เสิ่นอี้คะ" เย่หนิงดึงผมของเขา "คิดอะไร คิดอะไรอยู่คะ" 

เสิ่นอี้ได้สติกลับมา ฉีกยิ้ม แล้วถาม "เมื่อกี้คุณถามว่าอะไรนะครับ" 

"ฉันพูดเรื่องราชาผีดิบ! อ้อ ฉันบอกว่า คุณก็คือผีดิบ คุณก็คงรู้เรื่องราชาผีดิบใช่ไหม" เย่หนิงถามต่อไปไม่หยุด

"รู้ครับ!" เสิ่นอี้ก็ไม่มีเหตุผลต้องปิดบังเช่นกัน 

"เขาหน้าตาเป็นยังไง ต้องหน้าตาน่ากลัวมากใช่ไหม" เย่หนิงอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก

"น่ากลัวเหรอ ก็ไม่เห็นคุณจะกลัวเลย" เสิ่นอี้หมดคำพูด 

"ฉันไม่กลัวอยู่แล้ว! ฉันเป็นนักล่าผีดิบ ฉันจะกลัวผีดิบทำไมล่ะ" เย่หนิงยกเหตุผลนั้นขึ้นมาพูดอย่างมั่นใจ นั่นเป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ทำให้เสิ่นอี้พูดไม่ออก

"เสิ่นอี้..." เย่หนิงยังไม่ยอมหยุด "คุณเปลี่ยนสิ เปลี่ยนให้ฉันดูหน่อย"

"เปลี่ยนอะไร" เสิ่นอี้ไม่เข้าใจ

"ผมยาว คุณทำให้มันยาวสิ..." 

เสิ่นอี้...

"เปลี่ยนเหรอ..." 

"ตอนนั้นเป็นสถานการณ์พิเศษ..." เสิ่นอี้จนปัญญาจะอธิบาย

"สถานการณ์พิเศษอะไร" 

"การที่ผมต้องเปลี่ยนเป็นแบบนั้น ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสู้รบและความสามารถในการเคลื่อนไหว ตอนนั้นเพื่อที่จะไปช่วยคุณ ผมถึงต้องเปลี่ยนเป็นแบบนั้น"

"มะ ไม่เป็นไร ฉันเห็น ฉันก็เห็นแล้ว ได้ไหม..." เย่หนิงพูดตะกุกตะกัก 

"ได้ครับ!" เสิ่นอี้แค่ตอบรับ มองสีหน้ารอคอยของเย่หนิง ทำให้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ "ผมจะเปลี่ยนแล้ว" 

"เปลี่ยนเลย " เย่หนิงพูดยังไม่ทันจบ ดวงตาก็จับจ้องไปที่เสิ่นอี้

"เอ่อ ทำสิ!" เย่หนิงดึงมือของเสิ่นอี้ หลังจากนั้นก็ตกตะลึง "เปลี่ยนให้สมบูรณ์เลยนะ" 

เสิ่นอี้นอนข้างเธออย่างนั้น เส้นผมสีดำยาวสยาย ยิ่งเปลี่ยนแปลงผิวของเขาก็ยิ่งขาวซีด แสงสว่างทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัว 

"เปลี่ยนเร็วขนาดนี้เลยเหรอ" เย่หนิงงงจะตายอยู่แล้ว "ฉันมองไม่เห็นเลย"

เสิ่นอี้กลั้นยิ้ม โดยที่ไม่พูดอะไร

เย่หนิงจับเส้นผมของเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น ความรู้สึกแรก ช่างหนาวเย็น และสบายมากๆ 

"ราชวงศ์ไหนกันนะ ที่ปล่อยให้ผู้ชายไว้ผมยาวได้ขนาดนี้" 

เสิ่นอี้ไม่รู้จะร้องไห้หรือจะยิ้มดี "คุณไม่รู้มาก่อนเหรอ โทรทัศน์ก็ฉายเรื่องพวกนี้ ปลายราชวงศ์ชิงต้องตัดมันได้แล้ว“

"ความจริงแล้วไม่ต้องตัดหรอก อย่างนี้แหละหล่อแล้ว" เย่หนิงจับเส้นผมของเขาเล่น เสิ่นอี้ยิ้ม แล้วพูดว่า "ดีครับ อีกอย่างผมก็ชินแล้วด้วย ปล่อยผมให้ยาวขนาดนี้ เวลาออกไปข้างนอก คนอื่นเห็นคงว่าแปลก มองผมเป็นปีศาจจะทำอย่างไรล่ะครับ" 

“อืม ไม่หรอก ไม่หรอก! พวกเขาก็แค่จะคิดว่าคุณเป็นนักแสดงแนวย้อนยุคเท่านั้นเอง...รูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้ของคุณ ทุกคนต้องรู้อย่างแน่นอน!" เย่หนิงมั่นใจเป็นอย่างมาก

เสิ่นอี้ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี "ถึงแม้ว่าคุณจะพูดถูกก็เถอะ!" 

นักแสดงหนังย้อนยุคงั้นเหรอ

แต่ขณะนั้นเสิ่นอี้ก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง "เสี่ยวหนิง เรื่องของราชาผีดิบ เฝิ่งเยี่ยนฮวายเป็นคนบอกคุณใช่ไหม" 

"ใช่ค่ะ! ยังมี เจิ้งชวนด้วย!"

"เจิ้งชวน..." คนตระกูลเจิ้ง! ชื่อนี้ สำหรับเสิ่นอี้ แน่นอนว่าไม่ใช่ชื่อที่แปลกสำหรับเขาเลย! 

ในปัจจุบันนี้ ถือได้ว่าเป็นนักล่าผีดิบที่มีชื่อเสียงมากๆ 

"ใช่ค่ะ! เจิ้งชวน! เจ้าหมอนั่น เหมือนกับว่าโกรธแค้นผีดิบมากๆ เลยล่ะ ครั้งนั้นฉันพูดกับเขานิดหน่อยก็ถูกเขาต่อว่าเสียแล้ว เขาทำเหมือนกับว่าฉันเป็นคนชั่วช้ามากๆ เลยล่ะ"

เสิ่นอี้ไม่เข้าใจ "คุณไปพูดอะไรกับเขาล่ะ" 

เย่หนิงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า "ก็เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผีดิบกับนักล่าผีดิบเท่านั้นเอง บอกว่าระหว่างสองสิ่ง ไม่ถึงกับต้องทำให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย อีกอย่างฉันพูดยังไม่ทันจบ เขาก็โกรธเสียแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิ่งเยี่ยนฮวายอยู่ด้วย ตอนนั้นเขาก็คงตั้นหน้าฉันแล้วล่ะ!"