webnovel

ตอนที่ 155

ตอนที่ 155 เรื่องที่ไม่เข้าใจมีมากเหลือเกิน

ขอบเขตเล็กลงมากงั้นเหรอ นี่หมายความว่าอะไร 

ขอบเขตเล็กลงมากๆ คืออะไร 

สีหน้าสงสัยของอ้ายหลุนตั้งมั่นมองไปที่เสิ่นอี้ โดยที่ไม่พูดอะไร

"ไม่พูด เป็นใบ้หรือไง" เสิ่นอี้กลับไม่สนใจเลยสักนิด เขาพูดเหตุผลและการวิเคราะห์ของเขาต่อไป "ถึงแม้เป็นจะเป็นคดีเมื่อสิบห้าปีก่อน แต่ก็ไม่มีใครหรอกจะมีโอกาสไปค้นเจอ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังเห็นแฟ้มคดีเดียวกัน เช่นนี้ขอบเขตไม่เล็กลงไปมากเหรอครับ"

อ้ายหลุนตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าเสิ่นอี้จะพูดเรื่องนี้ออกมา ขณะนั้นสีหน้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่น่ามอง

กลับเป็นเหล่าเทียและจงอี้ฮ่าว ที่อยู่ด้านนั้นซึ่งได้ยินข้อมูลที่สำคัญขนาดนี้ต่างกระตือรือร้น แน่นอน ต้องไม่ลืมเอาเรื่องนี้ไปรายงานกับหยางปิน

อ้ายหลุนนั่งลงบนโซฟา นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

ตอนนั้นกลับเป็นเขาที่ไม่อยากพูด และหมดคำพูดไปแล้วจริงๆ 

แค่การพูดคุยกันสั้นเพียงหนึ่งชั่วโมง เขาก็ดันมาเผยตัวเสียแล้ว! 

เดิมทีแล้วเขาอยากจะใช้โอกาสนี้เข้าหาเสิ่นอี้ อยากรู้ว่าตอนนี้ตำรวจสืบค้นไปถึงขั้นไหนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดหักล้างที่โพสต์อยู่ในโพสต์ พวกเขาเองก็อยากรู้อย่างเร่งด่วน อยากรู้ว่าทางตำรวจปฏิบัติอย่างไรต่อคดีหั่นศพนี้ แล้วเอามันมาเชื่อมโยงกับคดีเมื่อสิบห้าปีก่อนหรือไม่

ตอนนี้ดูแล้วทางตำรวจเองก็คิดถึงเรื่องคดีเมื่อสิบห้าปีก่อน แต่การพัฒนาของตัวเรื่อง ทั้งหมดกลับสมบูรณ์จนเกินความคาดหมายไปจากพวกเขา

ทางตำรวจไม่เพียงแต่คิดว่าคดีฆ่าหั่นศพของเมิงซินถงและคดีเมื่อสิบห้าปีก่อนไม่ได้ถูกกระทำโดยคนเดียวกัน ทว่ากลับมองจุดประสงค์ของพวกเขาออกจนทะลุปรุโปร่ง!

นอกจากนั้นแล้ว ทั้งวิธีการลงมือและวิธีการก่อคดีของพวกเขาก็ถูกตำรวจมองออก 

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้

นี่ไม่ใช่แผนการที่แนบเนียนจนไม่มีที่ติหรอกหรือ 

ทำไมถึงได้มีจุดบกพร่อง ทำไมเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันก็ถูกตำรวจมองออกแล้วล่ะ 

“คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม" เสิ่นอี้ถาม 

"ผมไม่เข้าใจ!" อ้ายหลุนเงยหน้าขึ้น มองเสิ่นอี้แล้วถามว่า "เป็นแบบนี้ได้ยังไง"

"ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ" 

"ผมไม่เข้าใจว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน" ตายเป็นตายครั้งนี้อ้ายหลุนก็ต้องเข้าใจให้ได้ "ทำไมพวกคุณถึงสืบความจริงได้ไวขนาดนี้"

"ไม่เข้าใจเหรอ" เสิ่นอี้ยิ้ม "รู้ไหมว่าข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของพวกคุณอยู่ตรงไหน" 

อ้ายหลุนงุนงน เขาส่ายหน้า 

เสิ่นอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วยื่นไปตรงหน้าของเขา "โพสต์ไง! โพสต์นั้นของพวกคุณก็คือข้อบกพร่องชิ้นใหญ่ที่สุดนั่นเอง!"

อ้ายหลุนมองเสิ่นอี้อย่างตกตะลึง 

เสิ่นอี้กล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า "ไม่เข้าใจ ยังต้องให้ผมพูดอีกเหรอ ขนาดคนอื่นยังมองออก ข้อบกพร่องที่ชัดเจนขนาดนี้พวกคุณไม่พบเลยงั้นเหรอครับ"

อ้ายหลุยยังคงตกตะลึงเล็กน้อย “ที่คุณพูดถึงคือ ผู้โพสต์ที่ใช้นามสมมติว่านักล่าผีดิบใช่ไหม"

"ใช่ครับ! จะไม่ใช่ได้ไง" เสิ่นอี้ถามกลับ "รายละเอียดของทั้งสองคดีนี่ พวกคุณเข้าใจซะละเอียดขนาดนั้น ไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอครับ คดีเมื่อสิบห้าปีก่อน นอกจากจะบอกว่าเคยดูแฟ้มคดีแล้ว คดีของเมิ่งซินถง ทั้งที่เป็นเรื่องเพิ่งเกิดขึ้น พวกคุณรู้รายละเอียดชัดเจนได้ยังไง นอกจากจะเป็นฆาตกรแล้ว คนอื่นๆ ก็คงไม่มีใครรู้!" 

"เช่นนั้น คำถามก็เกิดขึ้นแล้ว! ถ้าเป็นฆาตกรเมื่อสิบห้าปีก่อน ทำไมเขาต้องเปิดเผยตัวเอง ทำไมเขาต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้อู๋เหวินคังด้วยล่ะ อู๋เหวินคังเองก็เสียชีวิตมาตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้เพิ่งมีมโนธรรม วิ่งโร่ร้องขอความยุติธรรมให้อู๋เหวินคัง นี่ไม่น่าตลกไปหน่อยเหรอครับ"

"ดังนั้น" เสิ่นอี้หยุดไปชั่วขณะแล้วถามอีกครั้งว่า "จุดประสงค์ของคนที่โพสต์คืออะไร จุดประสงค์ของคนที่ฆ่าเมิ่งซินถงคืออะไร นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ"

"เอ่อ" อ้ายหลุนตกตะลึง เขาพูดไม่ออก 

เสิ่นอี้เองก็ไม่ได้สนใจเขา ทั้งยังพูดต่อว่า "สิ่งที่อู๋หมิงซือโพสต์นี้ เห็นชัดๆ เลยว่าอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้อู๋เหวินคัง! จากรายละเอียดการฆาตกรรมเมิ่งซินถงที่ชัดเจนขนาดนี้ ทำให้หลังจากที่ตัดความเป็นไปได้อื่นๆ แล้วก็เหลือความเป็นไปได้เดียว เขาก็คือฆาตกร! ด้วยวิธีนี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอครับ ฆาตกรลงมือสังหารเมิ่งซินถงไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตัว เขามีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการเลียนแบบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบห้าปีก่อน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้อู๋เหวินคังไงล่ะ!"

"เขารู้ว่าการพึ่งแรงของตนเองเพียงคนเดียวอาจยากต่อการพลิกคดีเมื่อสิบห้าปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลย! ความเป็นไปได้เดียวก็คือบุกเข้าไปเรื่อยๆ! เขาเลียนแบบวิธีการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบห้าปีก่อน ใช้วิธีเดียวกันสังหารเมิ่งซินถง ถ้าตำรวจไม่มีการเคลื่อนไหว เขาก็จะฆ่าคนต่อ คนที่สอง คนที่สามหรือมากกว่านั้น จนกว่าเอาคดีของอู๋เหวินคังมาสืบสวนใหม่อีกครั้ง!"

"แน่นอนครับ ยังมีอีกจุดหนึ่ง มีอีกเหตุผลสำคัญสำหรับการโพสต์ของเขา เขากลัวว่าหลังจากตำรวจพบว่าพวกเขาจับคนผิดจะพยายามปิดบังความจริง อู๋เหวินคังตายมาหลายปี ตายอย่างไม่มีหลักฐาน! และประชาชนไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เลยสักนิด ใครจะรู้รายละเอียดการฆาตกรกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบห้าปีก่อน ใครจะรู้ว่ารายละเอียดคดีทำร้ายเมิ่งซินถงเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาถึงได้เปิดเผยมันออกมา แล้วก็หวังว่าแรงกดดันจากความเห็นของประชาชนจะดึงดูดความสนใจของเบื้องบนได้ ตราบเท่าที่อำนาจของความคิดเห็นของประชาชนมีขนาดใหญ่พอ ตุลาการจะต้องทำการตรวจสอบ เช่นนั้นคดีของอู๋เหวินคังจึงมีความหวังว่าจะกลับเอามาสืบสวนใหม่ ผมพูดถูกใช่ไหมครับ" 

อ้ายหลุนยิ้มขื่น เขาไม่พูดอะไรอีก 

บนโพสต์ ก่อให้เกิดความเห็นของประชาชน ใช้ความคิดเห็นของประชาชนเพื่อผลักดันดคี นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ดี แต่เดิมพวกเขาหวังว่าด้วยวิธีดังกล่าวจะบังคับให้ตำรวจยอมรับความผิดพลาด ศาลสูงคิดทบทวนอีกครั้ง แต่ผลล่ะ 

ผลกลับเป็นหนึ่งในจุดที่บกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา!

บางทีตอนเริ่มต้นทางตำรวจอาจจะไม่แน่ใจขนาดนี้ว่าเป็นฆาตกรรมเลียนแบบ แต่เมื่อโพสต์เผยแพร่ออกไป พวกเขาเลยยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่านี่ก็แค่ฆาตกรรมเลียนแบบเท่านั้น และฆาตกรไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อปีนั้น! 

ขั้นตอนที่ดูดี ผลออกมาเป็นเน่าเสีย! ขั้นตอนเหล่านั้นเผยให้เห็นจุดประสงค์ของพวกเขาอย่างชัดเจน!

"ดังนั้น" อ้ายหลุนเสียงแหบแห้ง "ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะโพสต์นั้น พวกคุณก็คงจะไม่สงสัยพวกเราใช่ไหม" 

"ไม่ใช่ครับ!" เสิ่นอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบมากๆ "แรกเริ่มเดิมทีพวกเราก็ไม่ได้คิดว่าฆาตกรเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว! คดีฆาตกรรมเลียนแบบชัดๆ"

อ้ายหลุนไม่เชื่อ "ไม่มีทาง!" 

ครั้งนี้กลับเป็นเสิ่นอี้ที่ไม่พูดอะไร

อ้ายหลุนเหลืออดแล้ว! ถึงอย่างไรเรื่องก็แดงขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าต้องห่วงอะไรอีก เขาถามออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า "แฟ้มเอกสารพวกเราก็เคยเห็นรายละเอียดจนหมดแล้ว ทำไมถึงยังมีจุดบกพร่องได้อีก อีกอย่าง ทั้งแผ่นกระดาษที่คุณพูดถึง และเครื่องหมายบนร่างของเหยื่อ ทำไมพวกเราถึงไม่เคยเห็นเลยล่ะ ทำไมในแฟ้มคดีถึงไม่มี"

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบว่า "ทำแล้วต้องทิ้งหลักฐานเอาไว้เสมอ! อาชญากรใดๆ ล้วนสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ จะไม่มีเบาะแสได้ยังไงล่ะ!"

อ้ายหลุนยิ้มเย็น "จริงเหรอ แล้วทำไมเมื่อปีนั้นพวกคุณถึงไม่สืบหาความจริง ทำไมถึงไม่จับตัวคนร้าย ทำไมถึงต้องประหารชีวิตอู๋เหวินคังด้วย!"