webnovel

ตอนที่ 148

ตอนที่ 148 สิ่งไม่ดี

"ในห้องยังมีคนอื่นอีกเหรอครับ" เสิ่นอี้มองอ้ายหลุนอย่างแปลกใจ

อ้ายหลุนหุบยิ้ม "ทำไมเหรอครับ ศาสตราจารย์เสิ่น คุณเองก็รู้สึกว่าผมกำลังพูดเหลวไหลอยู่งั้นเหรอ" 

เสิ่นอี้ยังคงฉีกยิ้ม 

อ้ายหลุนเบะปากอย่างไม่พอใจ "แต่ผมไม่ได้กำลังล้อเล่นนะครับ" 

แล้วจู่ๆ เสิ่นอี้ก็ถามขึ้นมาว่า "เกิดขึ้นเมื่อไหร่" 

อ้ายหลุนชะงักงัน "อะไรนะครับ" 

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบว่า "คุณบอกว่า คุณรู้สึกว่าในห้องของคุณยังมีคนอื่นอยู่ด้วย มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ คงไม่ได้เป็นมาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณยังจะอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนี้อีกเหรอ" 

อ้ายหลุนยิ้ม "สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เดาออกด้วย ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ครับ" 

"เกิดอะไรขึ้น" เสิ่นอี้เหมือนสนใจเป็นอย่างมาก

อ้ายหลุนคงคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เสิ่นอี้จะพูดกับเขาเรื่องนี้อย่างสนอกสนใจ เขาจึงพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า "ศาสตราจารย์เสิ่น รอก่อน เดี๋ยวผมไปเปิดเพลงคลอเบาๆ ให้ใจเย็นลงหน่อยนะครับ"

เขาเปิดเครื่องเสียง พลางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มว่า "เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี อีกอย่างก็เป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้น ก็คือ...เหมือนกับว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรจะมีคนแอบมองผมอยู่...ความรู้สึกเช่นนั้น ศาสตราจารย์เสิ่น คุณเข้าใจใช่ไหม" 

เสิ่นอี้พยักหน้า "ผมเข้าใจความหมายของคุณ นี่เรียกว่าสัมผัสที่หกครับ" 

"ใช่ครับ สัมผัสที่หกของผม ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!” 

อ้ายหลุนเดินไปนั่งข้างเสิ่นอี้อย่างช้าๆ แล้วพูดออกมาว่า "ก็ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นาน เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่ผมกลับมาถึงบ้านก็มักจะรู้สึกว่าเหมือนมีคนกำลังแอบมองผมอยู่...ขนาดตอนที่ผมไปเปิดตู้เย็น มันก็มองผมอยู่ที่มุมกำแพง ตอนที่ผมอาบน้ำ มันก็จ้องผมผ่านกระจก...ตอนที่ผมนอนหลับ มันก็ยืนมองผมอยู่ที่ข้างเตียง...กระทั่ง ตอนที่ผมเดินอยู่บนถนน ก็เหมือนจะรู้สึกว่ามันกำลังเดินตามหลังผมอยู่ผม...ผมกลัวครับ" 

ขณะที่อ้ายหลุนพูด เหมือนกับว่าเขาเผลอจับมือของเสิ่นอี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ พอมองไปที่เสิ่นอี้ ในแววตาปรากฏความว้าวุ่นใจ แต่ดูเหมือนมีความรู้สึกต้องการการพึ่งพิง

หลังจากที่เสิ่นอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อ้ายหลุน จากที่คุณพูดคงมีสิ่งไม่ดีตามคุณมาครับ" 

"ห๊า!" อ้ายหลุนตกใจ จนอ้าปากค้าง 

"เสแสร้ง เขากำลังเสแสร้ง!" เมื่อเย่หนิงมองจนถึงตรงนี้ เธอเผลอสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ 

ลู่เว่ยกระซิบถาม "ลูกพี่เย่ พี่บอกได้ไหมว่าตรงไหน" 

"เหอะ!" เย่หนิงอารมณ์เสีย "ทั้งหมดเลย"

ลู่เว่ยหัวเราะเหอะๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก 

จู่ๆ หยางปินกลับถามขึ้นมาว่า "ดึกแล้ว ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ เหล่าเทีย คุณและเสี่ยวจงอยู่สังเกตการณ์ที่นี่ก็พอแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีสองคนมาเปลี่ยนเวรเฝ้า"

เย่หนิงตกใจ "หัวหน้าหยาง พวกเราต้องกลับด้วยเหรอคะ!"

"กลับไปเลย ไม่อย่างงั้นจะอยู่ที่นี่ทำไม จะเอากองกำลังตำรวจทั้งหมดมาสิ้นเปลืองอยู่ที่นี่ทำไม ในสถานีตำรวจยังมีงานอีกกองพะเนินให้พวกเราไปจัดการอีก" 

เย่หนิงพูดไม่ออก เพราะเธอเองก็รู้ว่าหยางปินพูดความจริง อ้ายหลุน ก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่เบาะแสหนึ่ง ค่อนข้างเป็นเบาะแสที่เห็นได้ชัดเจนเท่านั้น แต่นอกจากเบาะแสนี้แล้วพวกเขายังมีเบาะแสอื่นที่ต้องค้นหาอีก และยิ่งช่วงนี้เป็นวันหยุดภาคฤดูร้อน ก็ยิ่งมีการเกิดคดีสูงมาก ทุกวันพวกเขาได้การแจ้งความไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ จำนวนคนมีไม่พอ แน่นอนว่าไม่สามารถสิ้นเปลืองกองกำลังตำรวจทั้งหมดมาสังเกตการณ์ อ้ายหลุนคนเดียวได้หรอก 

กระทั่งเธอเอง...

ให้พูด นี้ก็ไม่ใช่ธุระกงการของเธอเลย! 

เธอเป็นหมอนิติเวช เรื่องสังเกตการณ์ สะกดรอย เดิมทีแล้วก็ไม่ใช่หน้าที่เธอ

เย่หนิงรู้สึกหดหู่ใจมาก 

กลับกันเธอไม่ได้เป็นห่วงว่าเสิ่นอี้จะเกิดอันตรายอะไร เธอก็แค่รู้สึกไม่ดีเวลาที่เห็นอ้ายหลุนอยู่กับเสิ่นอี้เท่านั้นเอง! 

ดังนั้นเลยอดพูดออกมาไม่ได้ว่า "อ้ายหลุนคนนั้น มีแฟนอยู่แล้ว ไหงถึงได้อ่อยไปทั่วอย่างนี้นะ!" 

"หือ!" ลู่เว่ยอุทานออกมา 

เดิมทีแล้วกวานอี้เหลียงรู้สึกหดหู่ใจมาก ทว่าพอได้ยินเย่หนิงพูดอย่างนี้กลับมีความสุข "คุณหมอเย่ คุณห่วงอะไร เสิ่นอี้เป็นผู้ชายนะครับ คุณยังจะกลัวว่าเขาจะโดนลวนลามอีกเหรอ”

"ไม่ใช่สักหน่อย!" เย่หนิงมองหน้าจออย่างกังวลใจ

กล้องติดตามนี้ ใส่อยู่ในคอนแทคเลนส์ของเสิ่นอี้ 

พูดตามความจริง สิ่งที่พวกเขาเห็นก็เป็นเพียงภาพที่เสิ่นอี้มองเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่ได้มองอ้ายหลุน ดังนั้นในกล้องติดตามก็เลยไม่ได้ถ่ายอะไรแต่น้ำเสียงที่อ้ายหลุนพูดกลับยังได้ยินอยู่ตลอด เสียงนั้นสาวชะมัดเลย!

เย่หนิงได้ยินแล้วขนลุก เธอเลยพูดแขวะอีกครั้งว่า "ฉันไปล่ะ ตัวตั้งใหญ่! แต่คำพูดกลับสาวแตก!"

ลู่เว่ยหัวเราะ "เขาเป็นรับนี่ครับ!"

เย่หนิงพลักลู่เว่ยออกไป " ไปๆ! ออกไปได้แล้ว! อยากจะอ้วก!"

"พอๆ ไปกันได้แล้ว สนุกอะไรกันนักหนา! ในสถานีไม่มีงานให้ทำแล้วหรือไง" น้ำเสียงของหยางปินไม่ดี

เย่หนิง และคนอื่นก็ไม่กล้าพูดตลกอีก คดียังปิดไม่ได้ ทั้งยังพัวพันกับคดีเมื่อสิบห้าปีก่อนอีก แรงกดดันของหยางปินมีมหาศาล พอคิดดูก็จะรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหยอกล้อกันเลยจริงๆ

"ไปกันได้แล้ว!" ลู่เว่ยเก็บของไปพลาง ใช้สายตามองไปที่เย่หนิง เขากล่าวเสียงต่ำว่า "เอาน่า หมอเย่ คุณก็อย่ากังวลไปเลย คุณยังกังวลอีกเหรอว่าแม่สาวคนนั้นจะเอาแฟนหนุ่มของคุณไป"

"หุบปากเลยนะ!" เย่หนิงกัดฟันพูด "เขากล้าเหรอ! ฉันยังไม่ตายเขาไม่มีสิทธิ์!"

"เหล่าเทีย ตามต่ออีกหน่อย!" หยางปินเดินไปข้างหน้า ยังไม่ลืมสั่งว่า "เกิดอะไรขึ้นต้องแจ้งผมโดยทันที!"

"รับทราบครับ หัวหน้าหยาง!" เหล่าเทียพยักหน้า 

ตอนนี้พวกเขายังตามสังเกตการณ์อ้ายหลุนได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่ทราบสถานการณ์ว่าผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งจะปรากฏตัวหรือไม่ ถ้าหมอนั้นเอาแต่หลบซ่อนไม่ออกมา กระทั่งหลบหนีไปล่ะเช่นนั้นพวกเขาก็คงต้องเร่งทำงานกันแล้วจริงๆ

ตอนนี้อ้ายหลุนและคนคนนั้น มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร พวกเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ก็กลัวอยู่เหมือนกับว่าอ้ายหลุนจะไม่รู้เรื่องของคนคนนั้นเลย และอาจแค่ถูกหลอกใช้เท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนี้จริงก็คงยิ่งลำบาก แล้วพวกเขาก็ยิ่งหาฆาตกรตัวจริงได้ยากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้เป็นเพราะความกังวลนี้ เสิ่นอี้ถึงได้ตัดสินใจไปหาอ้ายหลุนเพียงลำพัง ลอบถามเขา อยากดูว่าสุดท้ายแล้วอ้ายหลุน รู้เรื่องของคดีมากน้อยขนาดไหน

“สิ่งไม่ดีงั้นหรอ" อ้ายหลุนพยายามผ่อนคลาย เขามองเสิ่นอี้อย่างไม่เชื่อ "ศาสตราจารย์เสิ่น คุณคงไม่ได้ล้อผมเล่นหรอกนะ" 

"คุณว่างั้นเหรอ" เสิ่นอี้ถามกลับ "หรือว่า เรื่องพวกนั้นที่คุณเพิ่งพูดจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น"

"ไม่ใช่อยู่แล้ว...แต่..." 

“ดังนั้น!" เสิ่นอี้ตัดบทคำพูดของอ้ายหลุน แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า "ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง งั้นก็ไม่ต้องพูดแล้วล่ะครับ ต้องมีสิ่งไม่ดีตามคุณมาอย่างแน่นอน"

อ้ายหลุนฝืนยิ้ม "ศาสตราจารย์เสิ่น จะมีสิ่งไม่ดีอะไรนั้นตามผมมาได้ยังไงกันล่ะครับ"