webnovel

ตอนที่ 121

ตอนที่ 121 ช่องโหว่

พอเปรียบเทียบข้อมูล

ไม่ว่าคนร้ายที่ก่อคดีเป็นคนเดียวกันหรือว่าเป็นคดีเลียนแบบ การตรวจสอบนี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก การลงมือก่อคดีที่ค่อนข้างเหมือนกัน จึงยิ่งง่ายต่อการหาข้อพิรุธและหลักฐาน

ข้อมูลของเหยื่อทั้งสี่คนวางอยู่บนโต๊ะ เมื่อดูรูปภาพ พวกเธอล้วนเป็นหญิงสาวแรกรุ่นที่หน้าตาสวยงาม จากข้อมูลทุกคนต่างก็ล้วนมีอายุที่ใกล้เคียงกัน อายุน้อยสุดมีอายุ 23 ปี เพิ่งเรียนจบออกมาทำงาน อายุมากสุดไม่เกิน 28 ปี  

สิบกว่าปีก่อนวิธีการสวบสวนคดีอาชญากรรมได้ก้าวหน้าอย่างมาก แต่ตอนนั้นกล้องวงจรปิดกลับมีน้อยมาก จนแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นตอนนั้นฆาตกรจึงสามารถเคลื่อนย้ายศพได้สะดวก ไม่ต้องห่วงหรือกังวลว่าจะถูกกล้องวงจรปิดจับภาพได้ อีกทั้งตอนนั้นสถานที่ที่ฆาตกรเคลื่อนย้ายศพ ยังเป็นสถานที่ที่อยู่ค่อนข้างห่างไกล และอีกอย่างพออนุมานจากช่วงเวลาที่พบศพ เขาคงจะเลือกเคลื่อนย้ายศพตอนกลางคืนเท่านั้น

คดีนี้การย้ายศพแทบจะมีความเหมือนกันทั้งหมด ตอนกลางคืน สถานที่ลับตาคน การเลือกเวลาและสถานที่การเคลื่อนย้ายแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเพื่อหลีกหนีหูตาของผู้คน ยิ่งตอนกลางวันที่มีคนค่อนข้างเยอะ หากไม่ระวังแล้วถูกคนพบเห็น งั้นการเคลื่อนย้ายจะไม่มีความหมายอะไร

ลักษณะของผู้ตายทุกคนต่างก็ไม่เหมือนกัน อีกอย่างการตรวจสอบเมื่อปีนั้น ช่วงที่มีชีวิตเหยื่อทุกคนต่างก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ต่อกัน และไม่รู้จักกัน แน่นอน นี่ก็เป็นข้อสรุปที่ทางตำรวจได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเธอไม่รู้จักกันจริงๆ เหรอ

นั่นก็มีแต่พวกเธอเท่านั้นที่จะรู้ แต่น่าเสียดาย ที่เสียชีวิตไปแล้วเลยไม่สามารถยืนยันได้

แต่ผู้ตายทุกคนล้วนมีจุดที่เหมือนกันคือ ผู้ตายทั้งสี่คนนี้ล้วนอยู่คนเดียว หนึ่งในนั้นอยู่ในหอพักของหน่วยงานราชการ ส่วนอีกสามคนต่างก็เช่าห้องพักอยู่ข้างนอก 

อยู่คนเดียว แต่ไม่ได้โสด คู่สมรสหรือแฟนหนุ่มต่างก็อยู่ต่างถิ่น ได้พบกันบ้างเป็นครั้งคราว

นี่ก็คือข้อมูลของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อ 15 ปีก่อน

ท้ายที่สุด ภาพถ่ายของผู้ตายถูกจับแยกวางไว้บนโต๊ะ  

กล่องกระดาษล้วนมีรูปร่างลักษณะและขนาดเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน บางส่วนถูกบรรจุใส่เอาไว้เป็นอย่างดี บางส่วนกลับว่างเปล่า จากบนภาพถ่ายสามารถเห็นได้ว่า กล่องกระดาษเหล่านี้ บางส่วนใช้สำหรับใส่เครื่องใช้ไฟฟ้า บางส่วนใช้ใส่ผลไม้ บางส่วนใช้ใส่เครื่องเขียน ยังมีบางส่วนที่ไม่รู้ว่าใช้บรรจุอะไร และก็ไม่รู้ว่าได้ใช้ทำอะไรเอาไว้บ้าง 

จากสิ่งนี้สามารถวินิจฉัยออกมาได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่ฆาตกรก่อคดี กล่องกระดาษเหล่านั้นที่ใช้เตรียมบรรจุชิ้นส่วนศพล้วนหาเอาใจชอบ กระทั่งอาจจะหยิบติดกลับมาจากข้างนอก เลยได้กล่องกระดาษใส่ของแบบนี้ ทั่วทุกหนแห่งล้วนมีคนโยนทิ้งเอาไว้ เก็บกลับมาไม่กี่ใบก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร

ส่วนกระดาษห่อและสิ่งที่ใช้บรรจุหีบห่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีทั้งใหญ่และเล็ก ในร้านค้าหรือห้องสรรพสินค้าจำนวนมากต่างมีให้ซื้อ สามารถซื้อได้เองตามใจชอบ ต้องการตรวจหาแหล่งที่มาน่ะเหรอ ก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร ปีนั้นทางตำรวจเองก็เคยได้ค้นหาจากร้านค้ามากมายแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่ไม่สามารถพาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ได้เลย ค้นหาไม่พบ

และครั้งนี้ที่พวกเขาทุกคนได้ตรวจสอบคดีฆ่าหั่นศพทั้งหมดนี้ ฆาตกรมใช้กล่องกระดาษบรรจุศพตามใจชอบมากๆ ชิ้นส่วนหัวและแขนทั้งสองข้างใส่อยู่ในกล่องเครื่องพิมพ์เก่า ส่วนลำตัวใส่อยู่ลังกระดาษ ส่วนขาทั้งสองนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง คิดไม่ถึงว่าจะใส่อยู่ในกล่องดอกไม้ไฟ

แล้วก็เหมือนกลับคดีเก่าเมื่อ 15 ปี ใช้กล่องเก่า ไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครต้องการแล้ว

สำหรับฆาตกรที่ใช้กล่องกระดาษเก่าในการก่อคดี พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี บนกระดาษแบบนี้ถึงแม้ว่าจะสามารถหารอยนิ้วมือหรือว่าร่องรอยอื่นๆ ได้ ทว่าก็ตรวจสอบได้ยากมากๆ เพราะผ่านมือคนมากเกินไป!

เบาะแสของตำรวจล้วนปนกันไปจนหมด 

สำหรับกระดาษห่อและริบบิ้น ทั้งหมดล้วนมองอะไรไม่ออก ล้วนเป็นกระดาษห่อพลาสติกที่มีสีสันสวยงาม ทุกครั้งกระดาษที่ใช้ห่อล้วนแต่ไม่เหมือนกัน ดูแล้วคงจะเลือกหยิบทันที และอีกอย่างกระดาษห่อแผ่นใหญ่ก็ไม่ได้ง่ายต่อการค้นหาเลย ดังนั้นตอนที่ฆาตรกรบรรจุชิ้นส่วนศพ เลยต้องนำมาติดกันหลายแผ่น จนกลายเป็นกระดาษห่อแผ่นใหญ่หนึ่งใบ และสามารถห่อกล่องกระดาษได้อย่างสมบูรณ์ 

ริบบิ้นยาวพอ แต่ฆาตกรเองก็ใช้ริบบิ้นสีต่างกันมามัด ทั้งกล่องกระดาษห่อด้วยกระดาษสีสันหลากหลาย สวยไหมแน่นอนว่าไม่สวย จนรู้สึกได้ว่าเกินความจำเป็น

เพราะการห่อกระดาษแบบนี้ ทั้งหมดล้วนไม่มีความจำเป็นเลย! 

และตอนนี้ที่พวกเขากำลังตรวจสอบคดีฆ่าหั่นศพนี้ ดูแล้วก็แทบจะเหมือนกัน วิธีการหั่นศพเหมือนกัน วิธีการห่อเหมือนกัน แต่สรุปแล้วมีจุดประสงค์พิเศษอะไรกันแน่

เสิ่นอี้รีบพลิกบันทึกการสอบสวนและคำให้การของนักโทษอย่างรวดเร็ว

"ทำไมคะ พบอะไรไหม" เย่หนิงยื่นศีรษะเล็กๆ เข้ามาใกล้ แล้วเอ๋ยปากถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น 

เสิ่นอี้ชี้ไปที่รูปภาพบนโต๊ะ "กระดาษห่อของขวัญ! ความจริงแล้วทุกๆ คดีที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีจุดที่น่าสงสัย กระดาษห่อของขวัญค่อนข้างเกินจำเป็น ทำไมฆาตกรถึงทำแบบนี้ เขาอยากเคลื่อนย้าย ใช้แค่กล่องกระดาษก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ จะห่อแบบนี้อีกทำไม หรือนี่อาจจะไม่มีเหตุผลเลยสักนิดเดียว อาจจะทำเอาไว้แก้เบื่อเท่านั้นเลยอยากห่อ”

เย่หนิงครุ่นคิด แล้วถามขึ้นมาว่า "คำถามนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคนสนใจมาก่อน"

"แปลกมาก!" เสิ่นอี้หาคำให้การของนักโทษเจอแล้ว หลังจากที่ดูเสร็จก็ลากไปหน้าโต๊ะ "ไม่มี! ตอนที่สอบปากคำนักโทษ คิดไม่ถึงแล้วว่าจะไม่มีคนเคยถามคำถามนี้!" 

เย่หนิงครุ่นคิดอีกครั้ง "หรือว่าจะไม่มีคนให้ความสนใจ"

เสิ่นอี้ส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้ การกระทำที่ผิดแปลกเช่นนี้จะไม่มีคนสนใจเลยเหรอ สักคนเดียวก็ไม่สนใจเลยเหรอครับ ตาบอดกันไปหมดแล้วหรือไง" 

"งั้นก็แปลกจริงๆ..." เย่หนิงเกาศีรษะ "งั้นเพราะอะไร ถ้าการกระทำผิดแปลกขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีคนถาม หรือว่าจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมควรให้ความสำคัญ"

"พวกคุณรู้สึกไหม" เสิ่นอี้ไม่ได้ตอบคำถามเย่หนิง กลับถามทุกๆ คนในที่นั่น ทั้งหยางปิน เหล่าเทีย และคนอื่นๆ 

สีหน้าของหยางปินย่ำแย่ หลังจากนั้นนานพอสมควร จึงพูดขึ้นว่า "บางทีอาจจะรู้สึกว่าไม่จำเป็น คนลงมือถูกจับได้ แล้วเขาเองก็รับสารภาพ คำถามของรายละเอียดเหล่านี้ ก็เลยมีหลายคนละเลยไป”

เย่หนิงมองเสิ่นอี้อย่างเข้าใจความหมายของเขา เสิ่นอี้พูดอธิบายต่อว่า "ผมแค่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นมันแปลก พวกคุณลองดูแฟ้มของปีนั้นสิ ไม่รู้สึกว่าข้างในมีจุดที่น่าสงสัยมากๆ เลยเหรอ พิรุธมีเต็มไปหมด อันดับแรกดูในคำให้การของนักโทษก็มีช่องโหว่จำนวนมาก ส่วนสำคัญก็ไม่มีคนไปถาม นอกจากสรุปคดีของผู้ต้องหาอย่างง่ายๆ แล้ว ข้อมูลอะไรก็ไม่มีเลย"

หยางปินหยิบคำให้การนั้นขึ้นมาดูอย่างจริงจัง 

เสิ่นอี้พูดต่อว่า "เรื่องของห่อกระดาษไม่พูดถึง งั้นอุปกรณ์การฆ่า ใช้อุปกรณ์อะไรในการฆ่า แล้วอยู่ที่ไหน ทั้งหมดนั้นไม่มีการชี้แจง! แต่กลับมีแรงจูงใจในการก่อคดี ก่อคดีได้ง่ายดายขนาดนี้ แค่คำสองคำ ผู้หญิงเหล่านั้นก็ถูกเขาหลอกไปง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ รู้จักกันยังไงทำไมถึงไม่บอกให้ชัดเจน ทำไมไม่บอกจุดประสงค์ในการเสือกผู้หญิงที่ใช้ก่อคดี กระทั่งว่าทำไมถึงพาพวกเธอกลับไปที่บ้านก็ไม่พูดถึง สอบปากคำแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ"