webnovel

ตอนที่ 113

ตอนที่ 113 คนแปลกๆ สองคน

คำพูดนี้ของเสิ่นอี้ รุนแรงมาก!

ความหมายลึกๆ ภายในที่แฝงอยู่ ราวกับกำลังจะบอกว่าเพราะการจงใจปกปิดของเมิ่งซินซินจึงทำให้การค้นหาของตำรวจดำเนินไปอย่างล่าช้า ถ้าไม่เป็นเพราะแบบนี้เมิ่งซินถงก็คงไม่ตาย 

เมื่อรู้สึกถึงสายตาหลากหลายอารมณ์ของทุกคนมองมาที่ตนเอง เมิ่งซินซินตกใจพูดออกมารัวเร็วว่า "คุณ คุณอย่ามาพูดจาเหลวไหล! ฉันไม่ได้จะปิดบังอะไรเลยนะ...เป็น  เป็นเพราะพวกคุณต่างหากล่ะที่ไม่ยอมถามตั้งแต่ทีแรก......" 

"ไม่ถาม? ใครไม่ถาม ตอนที่ตำรวจท้องที่เข้าไปตรวจสอบที่บ้านของพวกคุณในตอนแรกไม่เคยถาม เลยเหรอว่าตอนวันหยุดพี่สาวของคุณชอบทำกิจกรรมอะไร ชอบไปเที่ยวเล่นที่ไหน ผมจำได้ว่าผมเพิ่งถามไปครั้งหนึ่ง แต่คุณกลับบอกผมว่าคุณไม่รู้" เสิ่นอี้จ้องเมิ่งซินซินเขม็งด้วยสายตาดุดัน "เมิ่งซินซิน สรุปว่าคุณไม่รู้ หรือว่าไม่อยากพูดกันแน่" 

พ่อของเมิ่งซินซินเลยรีบพูดขึ้นมาว่า "ซินซิน ลูก ลูกรู้อะไรก็บอกตำรวจไปเถอะ! ทำไมลูกต้องปิดบังด้วย" 

เมื่อรู้สึกได้ว่าพ่อของตนเองทั้งกำลังต่อว่าและบ่นด้วยความไม่พอใจ เมิ่งซินซินจึงทั้งรู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังไม่ทันได้พูดก็ปล่อยโฮออกมาเสียแล้ว "ฉันไม่พูดตรงไหน! ก็เพิ่งพูดออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเขาถามไม่ชัดเจนเอง หนู หนูจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาจะถามอะไร! อีกอย่าง ถึงหนูจะรู้ว่าพี่เคยไปที่บาร์ แต่ใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าเธอไปบ่อยหรือเปล่า พวกเขาเป็นถึงตำรวจถามอะไรก็ถามไม่ชัดเจน หาพี่สาวของฉันไม่พบ ตอนนี้ยังมาตำหนิฉันอีก ตำหนิที่ฉันไม่พูด! อย่างกับว่าฉันตั้งใจปิดบังงั้นแหละ!" 

"ถ้าฉันปิดบัง ไม่พูด แล้วจะส่งผลดีอะไรกับฉัน! เมิ่งซินถงเป็นพี่สาวของฉัน! ถ้าเธอตายไปจะส่งผลดีอะไรกับฉัน! เธอหายไปตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าหายตัวที่บาร์หรือว่าสถานที่อื่น...ถ้าเธอเคยไปที่บาร์ก็สามารถพิสูจน์การหายตัวไปของเธอได้ คนที่เกี่ยวข้องต้องเป็นคนที่เคยไปที่บาร์กับเธอแน่นอน"

เสิ่นอี้ตัดบทคำพูดของเมิ่งซินซินอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิดเดียว เขาพูดเสียงเย็นว่า "เกี่ยวข้องหรือไม่ พวกเราตำรวจจะเป็นคนตัดสินเอง!"

สีหน้าของเมิ่งซินซินเปลี่ยนไปอีกครั้ง คุณนายเมิ่งรีบพูดอย่างเร็วว่า "ซินซิน! ลูกรู้อะไร ก็รีบพูดออกมาเร็วๆ สิ!" 

"หนูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ!" เมิ่งซินซินพูดพึมพำอย่างไม่พอใจ "มีอยู่ครั้งหนึ่ง...หนูไปที่บ้านของพี่ตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ ไปหาพี่เพราะต้องการเงิน...ตอนนั้นพี่กำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกพอดี ดูพี่แล้วแต่งตัวแปลกมากๆ ก็เลยถามว่าจะไปที่ไหน จากนั้นพี่ก็พาฉันไปเที่ยวที่บาร์ครั้งหนึ่ง...ก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น...และอีกอย่าง ปกติแล้วพวกเราเองก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย พี่จะไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ไม่เห็นต้องบอกหนูนี่นา" 

เสี่นอี้รีบไล่ถามอีกครั้ง "เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนไหน"  

เมิ่งซินซินครุ่นคิด แล้วพูดพึมพำว่า "นานมากแล้ว...ฤดูหนาว...เหมือนกับว่าจะเป็นเมื่อปีก่อน ...ใกล้ๆ วันคริสต์มาส...ฉันและพวกเพื่อนอยากไปเที่ยวตอนวันขึ้นปีใหม่ ดังนั้นฉันเลยไปหาเธอเพื่อขอยืมเงิน ฉันจำได้ว่าเหมือนจะไม่กี่วันก็จะเป็นวันคริสต์มาสแล้ว คงจะเป็นราวๆ นั้นน่ะแหละ..." 

เสิ่นอี้ถามอีกครั้ง "บาร์ที่ไหน คุณจำได้ไหม" 

"ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ เป็นบาร์เปิดใหม่ ตกแต่งหรูหรา ได้ยินมาว่าเสียค่าตกแต่งไปกว่าหนึ่งร้อยล้าน...อยู่ที่ถนนหยิ๋นเฮอ ชื่ออะไรนะฮ่าวเจว่ซื่อเจี้ย เอ๊ะ หลังจากนั้นเธอจะไปอีกหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้นะ!" 

เสิ่นอี้กลับไม่สนใจปัญหาเหล่านี้ กลับถามไปอีกว่า "ที่บาร์ พอไปถึงที่นั่นพี่สาวของคุณไปหาใคร นอกจากพวกคุณสองคนที่อยู่ด้วยกันแล้ว พี่สาวของคุณไปตรงไหน หรือนัดกับใครไว้อีกบ้าง"

"มีคนกลุ่มใหญ่!" เมิ่งซินซินกล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจ "ฉันไม่รู้จักทั้งหมดหรอก จะไปจำได้อย่างไร แต่กลับกันสำหรับพี่แล้ว พี่รู้จักพวกเขาทั้งหมดเลย พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนของพี่ฉัน" 

"ก่อนหน้านี้ที่ตำรวจท้องที่ไปตรวจสอบที่บ้านของพวกคุณ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณได้เคยบอกเรื่องเหล่านี้กับพวกเขาไหม"

เมิ่งซินซินกล่าวอย่างอารมณ์เสีย "เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว ฉันจำได้ที่ไหนล่ะ! ถ้าเป็นเรื่องก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉันต้องคิดออกแน่นอน ผ่านมานานขนาดนี้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็เกิดเมื่อครึ่งปีก่อน ไม่เห็นแปลกตรงไหนถ้าฉันจะนึกไม่ออก! อีกอย่างก็ไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังด้วยนะ! พี่สาวของฉันหายตัวไปนานมาก เธอพาฉันไปที่บาร์ นั้นก็เป็นเรื่องที่เกิดเมื่อครึ่งปีก่อน เอาจริงๆ ถ้าเมื่อกี้ไม่ได้ยินแม่พูด ฉันก็คงลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว"

เสิ่นอี้ฟังเมิ่งซินซินพูดอย่างเงียบๆ หลังจากที่พูดจบ  จึงถามไปว่า "เพื่อนพวกนั้นที่อยู่กับพี่สาวของคุณ คุณจำไม่ได้เลยสักคนหรอ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม" 

เมิ่งซินซินพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า "เพื่อนของพี่ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่รู้จักอยู่แล้ว! ทำไมฉันต้องไปรู้จักเพื่อนของพี่สาวด้วยล่ะ!" 

เสิ่นอี้ถามอีกครั้ง "ชื่อของพวกเขา คุณจำได้บ้างไหม" 

เมิ่งซินซิน พูดออกมาโดยที่ไม่ต้องคิดเลยว่า "ฉันไม่รู้จักพวกเขาอยู่แล้ว จะไปจำชื่อพวกเขาได้ยังไง ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็คงจะไม่ได้ติดต่อกันอีก ให้พูดเลยนะ ชื่อแปลกประหลาดของพวกเขาคล้ายกับจะเป็นชื่อภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยล่ะ ภาษาอังกฤษของฉันแย่ ฉันพูดเลยนะ นี่ก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ใครจะไปจำได้!" 

"นี่!" กวานอี้เหลียงไม่พอใจมาก "ดูท่าทางของเธอเข้าสิ!"

"ก็เป็นมาตั้งนานแล้ว!" เมิ่งซินซินเพิ่งถูกพวกเขาสงสัย อารมณ์จึงไม่ดีเท่าไหร่ และมักรู้สึกว่าในความหมายของตำรวจพวกนี้ เหมือนว่าเธอเกลียดพี่สาวของเธอเข้ากระดูก คิดถึงตรงนี้เมิ่งซินซินก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธเคืองว่า "เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานมากแล้ว แค่คิดไม่ออกทำไมต้องมาตำหนิฉันด้วยล่ะ!"

เสิ่นอี้มองกวานอี่เหลียง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า "เสี่ยวกวาน หยุดพูดก่อน!" 

แล้วถามเมิ่งซินซินขึ้นมาอีกครั้งโดยทันที "จำไม่ได้เลยสักนิดจริงๆ เหรอ ในเพื่อนพวกนั้นของพี่สาวคุณ ไม่มีสักคนเลยเหรอที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจมากเป็นพิเศษ"

เดิมทีแล้วเมิ่งซินซินอยากบอกว่าไม่มี ทว่าเสิ่นอี้กลับพูดอีกว่า "คุณลองคิดดูให้ดี" 

เมิ่งซินซินเงียบสักพัก แล้วจึงพูดตะกุกตะกักว่า "มีผู้ชายคนหนึ่ง...รูปร่างสูงโปร่ง และหล่อเหลา...เขาชื่ออ๋าลัน อะไรทำนองนี้...เหมือน..." 

เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว "Aaron?(อารอน) ออกเสียงอย่างนี้ใช่ไหมครับ"

"ใช่ ใช่ ใช่!" เมิ่งซินซินพยักหน้า "ชื่อ...หลุนอะไรสักอย่าง"

"อ่ายหลุน!" เสิ่นอี้พูดทับศัพท์บอกเธอ 

"ใช่ค่ะ อ่ายหลุน ชื่อนี้เลยค่ะ..." 

"เขามีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ กับพี่สาวของคุณ" 

ใบหน้าของเมิ่งซินซินแดงเล็กน้อย เธอพูดเสียงเบาว่า "ไม่ใช่...เขาร้องเพลงได้ดีมากๆ คืนนั้นเขาขึ้นไปบนเวทีร้องเพลงตั้งหลายเพลง มีเด็กสาวหลายคนเอาดอกไม้ขึ้นไปให้เขาด้วย" 

"ดี!" เสิ่นอี้พยักหน้า "ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ! ถ้ามีอะไรต้องการอีก ผมจะติดต่อพวกคุณไป" 

เมิ่งซินซินรีบพูด "แล้วศพของพี่สาวฉัน..." 

"พวกเราจะรีบจัดการ แล้วจะรีบส่งกลับไปให้พวกคุณโดยเร็ว" 

หลังจากที่ส่งทั้งสองครอบครัวกลับไปแล้ว ลู่เว่ยก็ถามออกมาตรงๆ ว่า "ศาสตราจารย์เสิ่น คุณสงสัยจางหยวนใช่ไหมครับ เขามีหลักฐานที่อยู่ไม่เพียงพอ"

เสิ่นอี้ไม่สนใจเลยสักนิด ยิ้มแล้วพูดเรียบๆ ว่า "แน่นอนว่าเขาไม่มีหลักฐานที่อยู่ แต่ในเมื่อไม่สามารถพิสูจน์การตายของเมิ่งซินถงได้ จึงไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด"