ตอนที่ 100 ฆ่าหั่นศพ
หลังจากนั้นสามนาที พวกเขาก็มาถึงใต้สะพานเก่า ที่ถูกปิดล้อมด้วยกองกำลังตำรวจ
กลุ่มนักเรียนยังอยู่ หยางปินเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขา หลังจากจดวิธีการติดต่อของพวกเขาแล้ว ก็ให้ตำรวจสองนายส่งพวกเด็กนักเรียนกลับไป
ก้าวแรกที่เย่หนิงมาถึงใต้สะพาน
กวานอี้เหลียงที่มาก่อนหน้าแล้ว กำลังเริ่มเก็บข้อมูลในสถานที่เกิดเหตุ
"เป็นไงบ้าง" หลังจากที่หยางปินลงมา เขาก็รีบเอ่ยปากถาม
กวานอี้เหลียงถอนหายใจ "ยุ่งยากมาก!"
หยางปินขมวดคิ้ว
สิ่งที่กวานอี้เหลียงพูดเขาต้องเข้าใจอย่างแน่นอน ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ สำหรับคนที่มีหน้าที่ตรวจหาร่องรอย การรวบรวมหลักฐานนั่นเป็นอะไรที่ยากมากๆ
ใกล้ๆ กันนั้นล้วนเป็นวัชพืช กองหินโสโครกและทางกรวด บวกกับที่เป็นฤดูฝน หลายวันมานี้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน หนักบ้างเบาบ้างไม่มีหยุด ดังนั้นร่องรอยหลักฐานในสถานที่แห่งนี้จึงถูกชะล้างไปเกือบหมด ยิ่งกว่านั้นถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างจากตัวเมือง ทว่าจำนวนคนกลับไม่ได้น้อยตามเลย ประชากรในเขตเมืองเก่าก็ยังมีค่อนข้างมาก อีกทั้งไม่ไกลจากตรงนี้ฟากหนึ่งเป็นตลาดขายส่ง ส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นหมู่บ้าน จึงมีคนพลุกพล่านอยู่เป็นจำนวนมาก
ถ้าหากนี้ไม่ใช่ถุงศพที่โยนลงมาจากตอม่อสะพาน ถ้าหากไม่อยู่ในที่ลับตาคน บางทีอาจมีคนพบเร็วกว่านี้แล้ว
แน่นอน ว่าอีกหนึ่งความเป็นไปได้ ก็คือถุงศพเพิ่งจะโยนลงมีที่นี่ไม่นาน
ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้อื่นใด ถ้าอยากจะหาร่องรอยและหลักฐานจากสถานที่ที่ยุ่งเหยิงขนาดนี้ เห็นได้ชัดๆ ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เดิมทีหยางปินเองก็ไม่ได้คาดหวังกับรายงานอยู่แล้ว เขาก็แค่เอ่ยปากถามไปงั้นๆ เท่านั้น
หลังจากที่กวานอี้เหลียงตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเสร็จสรรพ ต่อไปก็เป็นงานของเย่หนิง
เย่หนิงใส่ถุงมือ เธอตรวจสอบศีรษะที่ตกอยู่ข้างๆ โดยที่มีลู่เวยมีหน้าที่คอยบันทึกอยู่ข้างๆ
"วัยรุ่น เพศหญิง อายุเริ่มต้นคาดว่าจะอยู่ในระหว่าง 25-30...ผมยาว"
เธอพูดไปพลาง หยิบไม้บรรทัดวัดไปพลาง "ความยาวของเส้นผมอยู่ที่ประมาณ 45 เซนติเมตร จากการตรวจสอบขั้นต้นบนศีรษะไม่พบรอบแผลน่าสงสัย สาเหตุการตายไม่ชัดเจน แต่ปากแผลไม่ได้ส่งผลต่อการตาย ที่เห็นได้ชัดๆ คือศพนี้ถูกหั่นหลังจากที่ตายไปแล้ว คราบเลือดยังใหม่อยู่ บาดแผลเองก็ไม่มีร่องรอยของการเน่าเปื่อย คาดว่าเธอคงจะเพิ่งเสียไม่นาน"
แน่นอน ว่านี้เป็นแค่การตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น หลังจากที่กลับไปที่ห้องชันสูตร ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีก
ดวงตาของผู้ตายเบิกกว้าง แสดงอาการหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าก่อนตอนต้องพบเจอกับเรื่องที่น่ากลัวมากๆ
เย่หนิงถอนหายใจ แล้วให้ลู่เว่ย ช่วยยกศีรษะขึ้นมา
ถุงพลาสติกสีดำนั่นยังถูกทิ้งอยู่ข้างตอม่อสะพาน นอกจากคราบเลือดที่ปรากฏอยู่โดยรอบแล้ว ก็ไม่พบกับร่องรอยอื่นๆ ที่น่าสงสัยอีก คราบเลือดกวางอี้เหลียงก็เก็บเอาไว้เป็นหลักฐานแล้ว เย่หนิงมองคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนหินที่ผ่านการสันนิษฐานแล้วว่าถุงพลาสติกคงจะมีรู เลือดจึงไหลออกมาจากทางด้านใน ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะเป็นเลือดของผู้เสียชีวิต อยู่ที่ 90%
"บนถุงพลาสติกไม่พบลายนิ้วมือเหรอ" เธอถามกวานอี้เหลียง
กวานอี้เหลียงพยักหน้า "มี! ทั้งบนถุงพลาสติก และบนห่อกระดาษเก็บรอยนิ้วมือได้นิดหน่อยแต่ก็ไม่สมบูรณ์! เลยไม่รู้จะมีของฆาตกรหรือเปล่า!"
เย่หนิงมองกล่องกระดาษและกระดาษห่ออย่างเงียบๆ มีรอยนิ้วมือที่ไม่สมบูรณ์กี่อันนะ คาดว่าต้องมีของเด็กนักเรียนพวกนั้นแน่
ภายในกล่องกระดาษ คาดไม่ถึงว่ายังมีท่อนแขนที่ถูกหั่น หนึ่งชิ้นถูกหั่นออกเป็นสี่ส่วน เมื่อเอามารวมเข้าด้วยกัน จึงได้ท่อนแขนสองท่อน
หยางปินเอ่ยปากถามว่า "เสี่ยวหยิง คุณเจออะไรไหม"
"ยังไม่มีค่ะ นอกจากชิ้นส่วนของแขนที่ถูกตัด! ท่อนแขนเหล่านี้คงเป็นของคนเดียวกัน ผิวหนังขาวซีด ละเอียดและอ่อนนุ่ม คงจะเป็นท่อนแขนของผู้หญิง ซึ่งตอนที่มองก่อนหน้านี้ฉันยังไม่แน่ใจว่าศีรษะกับชิ้นส่วนอื่นๆ เป็นของคนเดียวกันหรือไม่"
การตรวจสอบที่เกิดเหตุก็คงได้เท่านี้ นอกจากศีรษะที่อยู่ในถุง และท่อนแขนที่ถูกหั่นแล้ว ก็ไม่พบชิ้นส่วนอื่นๆ ของศพอีก
หยางปินพูดอย่างกังวล "ดูแล้วฆาตกรคงจะแยกชิ้นส่วนศพเอาไปทิ้งหลายๆ ที่!"
พอกลับมาที่สถานีตำรวจ เมื่อผ่านการชันสูตรในช่วงกลางคืน วันถัดมาตอนเช้าผลก็ออกมาแล้ว พิสูจน์ได้ว่าชิ้นส่วนของแขนที่ถูกหั่นและศีรษะเป็นของคนเดียวกัน และจากข้อเสนอแนะของคนในกรม ประมาณหนึ่งเดือนก่อนมีคดีเด็กหญิงวัยรุ่นหายไป รวมทั้งหมดแล้วก็มีสามคดี ข้อมูลพวกเราก็ประกาศออกไปแล้ว
แต่น่าเสียดายผลลัพธ์ของลายนิ้วมือที่รวบรวมมาๆ นั่นเป็นที่น่าผิดหวัง บนถุงพลาสติกที่ใส่กล่องห่อศพและห่อกระดาษ เมื่อนำลายนิ้วมือที่เก็บรวบรวมได้เปรียบเทียบกับลายนิ้วมือของเด็กนักเรียนเหล่านั้น ยืนยันได้ว่าลายนิ้วมือเหล่านั้น ล้วนเป็นของเด็กนักเรียนที่ทิ้งเอาไว้ นอกจากนั้นแล้ว ไม่มีลายนิ้วมืออื่นๆอีก ดูแล้วฆาตกรคงเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมากๆ ตอนที่ลงมือคงจะใส่ถุงมือ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เลย
หยางปินนำแฟ้มข้อมูลหนาปึกที่เกี่ยวข้องคดีนี้ไปให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมทันที สิ่งแรกที่เขาถามเย่หนิงคือผลการชันสูตรเป็นยังไงบ้าง
เมื่อสำรวจศีรษะและชิ้นส่วนเล็กๆ ของศพแล้ว เย่หนิงเองก็ไม่มีวิธีที่จะสามารถตรวจสอบอะไรออกมาได้อีกเลย ไม่ต้องเปิดบันทึก เธอก็สามารถพูดออกมาปากเปล่าได้ "แขนและศีรษะตอนนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นของคนๆ เดียวกัน ทั้งสองส่วนเห็นได้ชัดเจนเลยว่าไม่มีบาดแผล บนศีรษะไม่มีบาดแผลร้ายแรง! ลำคอและแขนของผู้ตายไม่มีบาดแผลที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต ดังนั้นศพจึงถูกชำแหละหลังจากที่เธอตายไปแล้ว!"
"ปากแผลขรุขระ ร่องรอยของบาดแผลเห็นได้ชัดเจน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นมืออาชีพ เขาต้องตัดอยู่หลายครั้ง อุปกรณ์ที่ใช้ลงมือคงจะเป็นเหล็กที่ทั้งยาวและหนัก ใบมีดด้านเดียว ระบุได้ว่าอุปกรณ์ที่ใช้ลงมือเบื้องต้นต้องเป็นสิ่งของจำพวกมีดแน่นอน บนบาดแผลของศพเปื้อนสนิมเล็กน้อย ดังนั้นอาวุธที่ใช้สังหารต้องเป็นสิ่งของที่ฆาตกรไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนจุดประสงค์ของฆาตกรทำได้เพียงแค่ค้นหาต่อไป"
หยางปินพยักหน้า แล้วถามคนอื่นว่า "พวกคุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง"
ภายในห้องประชุม นอกจากเย่หนิง เสิ่นอี้ หยางปิน กวานอี้เหลียงและลู่เว่ย ยังมีคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่นาน รองฟู๋ เหล่าเทีย และตำรวจฝ่ายสืบสวนอีกสามนาย จงอี้ฮ่าว ฮวังเจินคุน และหลิวซี
เหล่าเทียลุกขึ้นเป็นคนแรก แล้วพูดว่า “ผู้กองหยาง ผมรู้สึกว่าเจ้าฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ อาจจะเพราะเพื่อความสะดวกจึงเลือกเคลื่อนย้ายศพแบบนี้ ศพมีขนาดใหญ่ ง่ายต่อการพบเห็น แต่ถ้าแค่หิ้วถุงพลาสติก ใครที่ไหนจะมาสนใจ ทั้งยังจะคิดว่ามันก็แค่ถุงขยะธรรมดาเท่านั้น ถือไปยังไงก็ไม่มีคนมอง”
หยางปินพยักหน้า สายตามองไปที่ร่างของเสิ่นอี้อย่างต้องการคำแนะนำ เสิ่นอี้จึงพูดว่า "ผมก็เห็นด้วยกับความเห็นของเหล่าเทีย! พฤติกรรมของฆาตกรคือต้องการย่อยสลายศพ โดยปกติแล้วจะต้องมีความแค้นกับผู้ตายเป็นอย่างมากการหั่นศพนั้นเป็นการกระทำที่ดูหมิ่นศพ จากสภาพชิ้นส่วนของศพที่พบก่อนหน้านี้ ก็ไม่พบร่องรอยอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถยืนยันได้ว่า วิธีการของฆาตกรเพียงแค่อยากเคลื่อนย้ายศพได้สะดวกเท่านั้น"
ลู่เว่ยอดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ถ้าเพื่อเคลื่อนย้ายศพ งั้นก็ต้องมีชิ้นส่วนอื่นๆ ของศพในที่เกิดเหตุอีกน่ะสิครับ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นในป่าหรือว่าในพื้นที่โล่ง หรือว่าจะเป็นบ้านของเขาเอง"
จงอี้ฮ่าวเองก็พูดขึ้นมาว่า "บางทีอาจจะเป็นพวกตึกที่ทิ้งร้าง โกดังสินค้าอะไรประมาณนี้”
"ไม่ใช่ครับ!" เสิ่นอี้ไม่เห็นด้วยกับสิ่งทีจงอี้ฮ่าวคาดเดา