webnovel

ตอนที่ 098

ตอนที่ 98 ยอมจำนน

เย่หนิงถามเสียงอ่อน "เสิ่นอี้ ความเหมาะสมที่คุณพูดถึง หมายความว่าอะไรเหรอคะ" 

เสิ่นอี้ฉีกยิ้มเล็กน้อย “นั่นก็หมายความถึงอุดมการณ์ที่ตรงกัน หลังจากนี้ถ้าพวกเราสองคนได้อยู่ด้วยกัน ก็จะอยู่ด้วยกันได้ดี เหมือนกับอาชีพของพวกเรา จะพูดยังไงดีล่ะครับ ยังไงก็เป็นต้องเป็นสิ่งที่พิเศษกว่างาน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราต่างก็เหมือนกัน อาจยากที่จะเข้าใจความยากลำบากของกันและกัน”

“ยกตัวอย่างเช่นครั้งนี้ เพราะคดีพวกเราต้องยุ่งติดต่อกันหลายวัน ขาดการพักผ่อนมานาน เกรงว่าความจำของพวกเราคงจะจดจำอะไรได้ไม่ชัดเจน ถ้าเป็นแบบนี้ครั้งหรือสองครั้งอาจจะยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ติดต่อกันไปหลายครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็เกรงว่าคงไม่สามารถหลีกเหลี่ยงความไม่พอใจได้ ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่าถ้าหาคนอาชีพเดียวกัน อาจจะไม่เลวก็ได้นะครับ”

“ดังนั้นถ้าพวกเราอยู่ด้วยกัน หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตหรือว่างานก็สามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ มีคดี พวกเราไปทำงานด้วยกัน ถ้าไม่มีงาน ก็พักผ่อนด้วยกัน เหมือนอย่างตอนนี้ ก็ไม่เลวนะ คุณว่าไหม" 

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผลอยู่นะ

หมอนี้ฉลาดจนน่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้จริงด้วย ขนาดมีความรักยังต้องคิดมากขนาดนี้เลยเหรอ 

แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเย่หนิงแทบจะร่วงหล่นลงไปอีกครั้ง ดูแล้ว ที่เสิ่นอี้เลือกเธอ ใช่ว่าจะเป็นเพราะว่าเขาชอบเธอมาก แต่แค่รู้สึกว่าเธอเหมาะสมเท่านั้น ก่อนหน้านี้ผู้หญิงที่เขารู้จักคงไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในวงการเดียวกับพวกเขา จึงกังวลเรื่องหลังจากนี้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้น ดังนั้นถึงได้เลือกคนที่ประกอบอาชีพเดียวกัน หงุดหงิดจัง

เหตุผลนี้ ความจริงแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีใจเลยสักนิด

ดังนั้น เธอคือผู้รับ หรือว่าไม่ใช่ผู้รับกันแน่นะ 

ผู้รับเหรอ แล้วเหตุผลคืออะไรล่ะ

เหมือนกับที่เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ มีตรงไหนที่จะไม่พอใจ และอีกอย่างก็ตรงกับที่เขาพูด ตอนทำงาน พวกเรายังสามารถทำด้วยกันได้ ดีจะตาย

แต่เพราะอะไรถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรที่หายไปนะ

ไม่รับได้ไหม ผู้คนล้วนพูดว่าการไม่รับถือว่าเป็นการหยิ่งผยอง หรือให้พูด ใช่ว่าเธอจะไม่ยอมรับเขาเสียหน่อย

คงเป็นเพราะว่าทั้งความคิดเห็นและเหตุผลของเสิ่นอี้ ทำให้เธอรู้สึกว่ามันขัดกันนิดหน่อย นอกนั้นแล้ว......

เย่หนิงยังคงรู้สึกสับสน ทว่าทันใดนั้นก็ได้ยินเสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "ตอนว่าง ผมก็ยังสามารถทำของให้คุณกินได้อีกด้วย"

ตึง! ประโยคนี่ช่างร้ายแรงถึงชีวิต!

เย่หนิงยอมจำนนอย่างรวดเร็ว!

มีคนรักที่ทำของนานาชนิดให้เธอกินทุกวัน เธอยังต้องคิดอะไรอีกล่ะ

เย่หนิงพยักหน้าอย่างแรง "ได้สิๆ!"

สายตาแปลกๆ ของเสิ่นอี้มองมาที่เย่หนิง ความจริงแล้วข้างในของเขาบาดเจ็บหนักกว่าเย่หนิงเสียอีก พูดมาตั้งนาน เย่หนิงเอาแต่สับสนงุนงง ทว่าผลกลายเป็นว่าพอพูดถึงเรื่องกิน เธอกลับตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกเขาก็คงพูดตรงๆ ไปแล้ว เขาพูด "เสี่ยวหนิง ผมจะทำอาหารให้สามมื้อเลย คุณแต่งงานกับผมเถอะ!"

ที่เขาพูดเช่นนี้ เพราะคาดว่าเย่หนิงคงไม่ถามอะไรอีก แล้วตอบตกลงโดยทันที

ดูเย่หนิงแล้ว เขาคงสู้เค้กแสนอร่อยไม่ได้สินะ เสิ่นอี้ไม่สงสัยเลยสักนิด ว่าถ้าหากเขาไม่มีฝีมือ เย่หนิงคงไม่มีทางยอมตอบตกลงเขาได้เร็วขนาดนี้แน่นอน

เรื่องนี้จะพูดยังไงดีล่ะ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรมีความสุขหรือเสียใจดี

แฟนสาวที่เห็นแก่กิน...

แต่คิดแล้วก็ดี อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องคิดให้มากความ  วันไหนที่เธอโกรธไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องลำบากมาก พาเธอไปกินของอร่อยสักมื้อ รับรองได้ว่าไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน

ความคิดของสาวน้อยช่างเป็นอะไรที่เดาง่ายดายเสียเหลือเกิน

เสิ่นอี้ลูบศีรษะของเธอ "คืนนี้ คุณจะไม่กลับห้องใช่ไหมครับ"

"ห๊า" เย่หนิงยังไม่ทันเข้าใจ  เสิ่นอี้ก็พูดเสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า "ยังอยากจะดื่มซุปไหมครับ" 

อยากสิ ทำไมจะไม่อยากล่ะ เธอเพิ่งดื่มไปนิดเดียว จะไม่อยากกินได้ยังไงล่ะ

เย่หนิงพยักหน้าอย่างแรง

ทันใดนั้นเสิ่นอี้ก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง "พรุ่งนี้เช้าผมจะทำของอร่อยให้คุณกินอีกเอาไหม อยากกินอะไรล่ะครับ"

น้ำลายไหล 

เย่หนิงมองเขาตาปริบๆ "ได้หมดเลยค่ะ" 

"อืม เด็กดีจริงๆ" เสิ่นอี้ลูบศีรษะของเธออีกครั้ง "งั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องกลับห้องนะครับ"

เย่หนิงพยักหน้า เมื่อเธอตอบเขาไปแล้วจู่ๆ ถึงนึกขึ้นมาได้ ทั้งหมดนี้มันคืออะไรกับ...เหมือนกับว่า ทั้งหมดนี้มันเป็นคนละเรื่องกันเลยอ่ะ

ทำไมตนเองเลอะเลือน เผลอตกหลุมพรางไปได้นะ

เธอยังไม่ทันพูดอะไร เสิ่นอี้กอดตอนที่เธอเผลออีกครั้ง เขาก้มศีรษะลงมา ริมฝีปากนุ่มจูบไล่ใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา หัวใจของเธอเต้นตุบๆ รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าเขาจะจูบเธอไหม

เย่หนิงดึงเสื้อผ้าของเสิ่นอี้ หนุนบนไหล่ของเขา เธอลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปกอดเขา

อืม กอดเหรอ สบายจังเลย

เธอเองก็เรียนรู้จากท่าทางของเขา ถูบนไหล่ของเขา “เสิ่นอี้”

"ครับ"

"ตอนนี้พวกเราคบกันแล้วเหรอคะ"

เขาหัวเราะ "ถ้าคุณตอบตกลงก็ใช่"

ดีเลย…งั้น…ก็สามารถเปิดเผยความรู้สึกได้แล้วสินะ

เธอลูบศีรษะของเขา แล้วเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง อ๊ะ ชุดของเขาน่ารำคาญจริงๆ โยนทิ้งดีไหมเนี่ย 

"อยากกินซุปไหมครับ ผมไปอุ่นให้คุณนะ”

"ค่ะ" เย่หนิงไม่อยากปล่อยเสิ่นอี้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ 

เสิ่นอี้ยิ้ม แล้วหยิกแก้มของเธออีกครั้ง "รอก่อนนะครับ!" 

เย่หนิงพยักหน้า

รอซุป!

ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เสิ่นอี้จะก้มตัวลงมา ปลดจี้ไม้ท้อแกะสลักที่ใส่อยู่บนคอของเธอ "ไม่ต้องใส่หรอกครับ"

"อือ"

"ทำไมผู้หญิงของผมถึงต้องใส่ของที่ผู้ชายคนอื่นให้ด้วย ต้องใส่ของที่ผมให้เท่านั้นสิ พรุ่งนี้พวกเราไปห้างสรรพสินค้ากัน ชอบอะไรเดี๋ยวผมซื้อให้"

"เอ่อ..."

เย่หนิงยังไม่ทันได้พูด ก็เห็นเสิ่นอี้หยิบจี้ไม้ท้อแกะสลักของเธอเดินจากไปเสียแล้ว 

คนๆ นี้...บ้าอำนาจเสียจริง

แต่ไม้ท้อแกะสลักนั้น เอาจริงๆ ก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หรือจะพูดอีกอย่างให้เธอใส่ของชิ้นนี้ทำไมกันนะ......

เมื่อคิดอย่างนี้ เย่หนิงก็รู้สึกโล่งใจ ความสนใจเปลี่ยนไปแล้ว พรุ่งนี้เมื่อพวกเราจะไปห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าเธอชอบอะไรเขาก็จะซื้อให้เธอ!

โอ๊ะ! ดวงตาของเย่หนิงเป็นประกายอย่างรวดเร็ว!

ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นแก่กิน แต่ก็เป็นผู้หญิง ถึงจะไม่ได้มีความสนใจเรื่องของการชอปปิ้ง ทว่าเมื่อได้ยินว่ามีคนจะซื้อของให้ตามใจชอบ ในใจก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้

ดังนั้น....ทำตามสิ่งที่เสิ่นอี้คิด ผู้หญิงคนนี้ช่างเชื่อฟังเสียจริง พูดนิดหน่อยก็ทำตามแล้ว ขึ้นไปบนเตียงแต่ยังไม่ทันได้นอน เพราะภายในหัวยังคิดถึงเค้กที่เสิ่นอี้พูดถึง

"ยังไม่หลับเหรอครับ" เฉินอี้เล่นผมของเธออย่างเป็นปกติ

ความจริงแล้ว เธอนอนไม่หลับนิดหน่อย 

เย่หนิงเบิกตากว้าง "วันนี้นอนเยอะแล้ว เอ่อ ใช่สิ คดีนั้น ใกล้จะปิดได้แล้วใช่ไหมคะ" 

“เรื่องหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของหยางปิน ให้พวกเขาปวดหัวกันเอาเองเถอะครับ" 

เย่หนิงถูหน้าเข้ากับอกของเสิ่นอี้ 

"อย่าถูสิครับ มันจั๊กจี้นะ" เสิ่นอี้อดยิ้มไม่ได้ 

เย่หนิงนึกสนุก "ผีดิบกลัวโดนจั๊กจี้ด้วยเหรอคะ" 

เสิ่นอี้ยิ้มอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง "ผมเป็นผีดิบนะ กลัวผมจะกัดคุณไหมครับ!" 

เย่หนิงหัวเราะ "คุณพูดเองนะ ไม่ใช่ฉันพูด" 

เสิ่นอี้รับไม่ได้ "สงสัยผมต้องเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ QQ เสียแล้วล่ะ" 

"อย่านะคะ!" เย่หนิงเอื้อมมือไปจับ ไม่ได้จับที่ตัวเขา แต่จับเสื้อผ้า

โอ๊ะ! นี้เป็นโศกนาฏกรรมชัดๆ!