webnovel

ตอนที่ 074

ตอนที่ 74 สามสิบปีก่อน

เหมือนที่เสิ่นอี้คาดเดาไว้ไม่มีผิด เหตุการณ์ที่หมู่บ้านว่างยาชุนนั้น ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อราวสามสิบปีก่อน

สำหรับกู่ซานหมิงแล้ว สามสิบปีที่ผ่านมา เรื่องราวทุกอย่างเป็นดั่งฝันร้าย ฝันร้ายที่เขาไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้อีกตลอดกาล

หมู่บ้านว่างยาชุนตอนนั้น ห่างไกลและล้าหลังกว่าตอนนี้มากมายนัก แต่ข้อดีของความห่างไกลอย่างหนึ่งก็คือหมู่บ้านห่างไกลความวุ่นวายแห่งนี้ สามารถหลบพ้นจากไฟสงครามที่ปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศ ทุกคนในหมู่บ้านต่างใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไร้พิษของสงครามนั้น

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าจู่ๆ คนพวกนั้นก็บุกรุกเข้ามา !

พลบค่ำของวันนั้น ร่างของคนที่โชกไปด้วยเลือดคนหนึ่งได้วิ่งลงมาจากภูเขาหลังหมู่บ้าน พอเขาพบเจอใครก็เข้าไปกัดคนผู้นั้นทันทีอย่างไม่ลังเล ทำให้ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกกัดจนได้รับบาดเจ็บ ในช่วงที่สถานการณ์กำลังคับขันอยู่นั้น ได้มีวัยรุ่นชายสวมใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันจำนวนสิบกว่าคนวิ่งลงมาจากภูเขา เข้ามาควบคุมร่างของคนคลุ้มคลั่งที่อาบไปด้วยเลือดคนนั้นอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้นเอง เหล่าชาวบ้านที่ถูกกัดเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาเสียแล้ว วัยรุ่นชายกลุ่มนั้นต่างพากันกราดปืนยิงใส่ชาวบ้านพวกนั้น ทั้งๆ ที่กู่ซานหมิงเองก็เห็นอย่างชัดเจนว่าชาวบ้านกลุ่มนั้นโดนยิง แต่พวกเขานั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังคงเข้าโจมตีกลุ่มคนที่สาดกระสุนใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง

เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนเป็นผู้นำคนหนึ่งได้เรียกให้กู่ซานหมิงมาช่วยพวกเขา เพราะไม่อย่างนั้นทุกคนจะต้องตายกันหมด สุดท้ายด้วยความร่วมมือของคนหลายสิบคนนั้น ในที่สุดก็สามารถเข้าควบคุมตัวพวกชาวบ้านที่กำลังคลุ้มคลั่งได้ทั้งหมด

พอเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติเช่นนี้ขึ้น อย่างแรกที่กู่ซานหมิงนึกขึ้นได้ก็คือการไปแจ้งตำรวจ แต่คำพูดของวเด็กหนุ่มคนนั้น ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความตั้งใจไปอย่างทันที และด้วยคำพูดนั้นเองมันได้เปลี่ยนชีวิตของชาวบ้านในหมู่บ้านว่างยาชุนไปอย่างสิ้นเชิง

“อย่าห่วงไปเลย พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก” เด็กหนุ่มคนนั้นพูดเพียงเท่านี้ ไม่นานกู่ซานหมิงและคนที่เหลือก็ได้พบว่าบาดแผลบนร่างกายของกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บพวกนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสียแล้ว บาดแผลที่เดิมทีเห็นลึกเข้าไปถึงเนื้อใน แต่ในพริบตากลับสมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

กู่ซานหมิงรวมทั้งคนอื่นๆ ต่างพากันตะลึงอ้าปากค้าง

“บาดแผลของพวกเขานั้นไม่สาหัส อีกไม่นานก็หาย และไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บของพวกเขาจะฟื้นตัวเร็วเท่านั้น แต่พวกเขายังคงได้ผลประโยชน์อย่างมากเสียด้วย”

เด็กหนุ่มคนนั้นบอกกับชาวบ้านว่างยาชุนว่าพวกเขาคือกลุ่มนักวิจัยจากสถาบันวิจัยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนนี้กำลังค้นคว้าและสร้างยาชนิดใหม่อยู่ ยาชนิดใหม่นี้สามารถเพิ่มสมรรถภาพให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะอาการบาดเจ็บแบบไหนก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีผลในการช่วยยืดอายุขัยให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย เมื่อเด็กหนุ่มพูดจบ ก็ให้กู่ซานหมิงและคนอื่นๆ ลองทายอายุของเขาดู เขาบอกกู่ซานหมิงและคนอื่นๆ ว่า จริงๆ แล้วนั้นเขามีอายุกว่าหกสิบปีแล้ว

กู่ซานหมิงและคนอื่นๆ ต่างก็ช็อกไปตามๆ กัน

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็นบาดแผลของชาวบ้านที่สมานตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็คงไม่เชื่อคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นแน่

เด็กหนุ่มให้ข้อเสนอกับพวกเขามากมาย เขาไม่เพียงแต่จะให้ยาชนิดพิเศษที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ร้อยแปดพันเก้าและสามารถให้ชีวิตที่เป็นอมตะกับพวกเขาเท่านั้น แต่ยังจะให้เงินก้อนโตแก่พวกเขาเป็นค่าปิดปากอีก โดยแลกกับการที่พวกเขาจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป

ถึงเงินที่เขาให้แต่ละครอบครัวนั้นจะเป็นเพียงแค่เงินสองหมื่นหยวน แต่เงินจำนวนนี้เมื่อสามสิบปีก่อนนั้น ก็ถือว่าเป็นสมบัติก้อนโตเลยทีเดียว

ใครเล่าจะคิดว่า เงินจำนวนสองหมื่นหยวนนี้ จะกลายเป็นเงินที่ซื้อชีวิตของพวกเขาไปเสียแล้ว

สรรพคุณของยาชนิดนี้นั้นไม่แน่นอน พวกเขาจึงเป็นแค่สิ่งทดลองของคนพวกนั้นก็เท่านั้น บางคนอาจจะมีชีวิตรอดกลับไปอย่างปกติสุข แต่บางคนก็เสียชีวิตลงทันที บางคนนั้นได้กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง

แต่พวกเขาที่มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน เพราะพวกเขาเองต่างก็ต้องพึ่งยาของอีกฝ่ายถึงจะสามารถฝืนทนมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะต้องตายไปนานแล้ว

“พวกคุณกินอะไรเข้าไปครับ ?” ทันใดนั้นเสิ่นอี้ก็ถามเขาขึ้นมา ทำเอากู่ซานหมิงถึงกับนิ่งไป

เย่หนิงพึมพำออกมา คงไม่ใช่แมลงดูดเลือดหรอกนะ ?

เธอมองกู่ซานหมิงอย่างหวาดระแวง

ท่าทางของกู่ซานหมิงนั้นดูกระอักกระอ่วน เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

เสิ่นอี้จึงถามขึ้นต่อ “ลูกของคุณเสียชีวิตอย่างไรครับ ?”

สีหน้าของกู่ซานหมิงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขากัดฟันกรอด เหม่อลอยและไม่พูดอะไรออกมาอีก

เย่หนิงมองเสิ่นอี้ด้วยความแปลกใจ

เสิ่นอี้ไม่เร่งรัดคาดคั้นที่จะเอาคำตอบจากเขาต่อ แต่เขากลับเปลี่ยนที่จะถามเรื่องอื่นแทน “เรื่องปีศาจภูเขานั่น ก็เป็นเรื่องโกหกสินะครับ ? และที่บอกว่าคุณออกจากหมู่บ้านว่างยาชุนไม่ได้ ก็เพราะคนพวกนั้นห้ามไม่ให้พวกคุณออกไปใช่ไหมครับ ?”

“ใช่...” กู่ซานหมิงลดเสียงพูด “ในเมื่อคุณตำรวจรู้แล้ว ผมก็จะไม่ปิดบังคุณแล้วล่ะครับ เป็นเพราะว่าพวกมันห้ามไม่ให้พวกเราหนีไป ! ไอ้พวกวิปริตนั่น มันเห็นคนในหมู่บ้านเป็นสิ่งทดลองของพวกมัน ขนาดเด็กเล็กมันก็ยังไม่ละเว้น พวกเราอยากจะต่อต้านมัน แต่ในมือของพวกมันมีปืน...... อีกอย่าง ยานั่นก็อยู่ในมือของพวกมันด้วย...... แล้วพวกผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ? ถ้าหากไม่ทำตามคำสั่งของพวกมัน พวกผมต้องตายแน่ๆ และไม่ใช่แค่พวกผมเท่านั้นนะที่ต้องตาย ทุกคนจะต้องตายกันหมด !”

พวกกู่ซานหมิงเคยคิดที่อยากจะหลุดพ้นจากการควบคุมของคนพวกนี้ แต่พวกเขาเคยไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้ว ทุกที่ที่ไปตรวจก็ต่างไปพบสิ่งผิดปกติ พวกเขาบอกหมอว่ารู้สึกไม่สบาย ที่โรงพยาบาลก็ได้ทำการเอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจอาการทุกอย่าง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ อีกทั้งบอกว่าสุขภาพของพวกเขายังแข็งแรงราวกับฝูงวัว

มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าการที่ผลตรวจออกมาในทางที่ดีนั้น ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาใช้ยา ถ้าหากพวกเขาหยุดใช่ยาไปช่วงเวลาหนึ่ง อวัยวะของพวกเขาก็จะเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิตทันทีในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ในหมู่บ้านพวกเขามีคนที่เคยหยุดใช้ยาแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลก็คือยังไม่ทันที่จะไปถึงโรงพยาบาลก็เสียชีวิตลงระหว่างทาง สภาพการตายล้วนน่าอเนจอนาถเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกเขาได้รู้เรื่องนี้ต่างก็ไม่มีใครเคยกล้าที่จะเสี่ยงชีวิตอีกเลย

สุดท้ายพวกเขาก็ได้คิดที่จะแอบส่งพวกเด็กๆ ที่ไม่ได้รับยานั่นออกไปจากหมู่บ้าน แต่ก็นึกไม่ถึงว่าแม้จะทำแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถที่หนีพ้นจากเงื้อมของพวกนั้นได้

คนที่หนีออกไปจากหมู่บ้านว่างยาชุน ต่างก็ไม่มีใครที่สามารถหลีกเลี่ยงจากชะตากรรมแบบเดียวกันไปได้เลยสักคน ทุกคนที่หนีออกไปนั้น ไม่พ้นสามเดือนพวกเขาก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าประหลาด ราวกับเป็นการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่ในสายตาของพวกเขาทุกคนนั้นต่างมองว่ามันเป็นดั่งคำสาปจากปีศาจร้าย และพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นเพราะว่าคนพวกนั้นไม่ต้องการให้มีใครหลบหนีออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้

เมื่อฟังถึงตรงนี้แล้ว เย่หนิงก็เริ่มที่จะรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ทำไมพวกคุณไม่แจ้งตำรวจล่ะคะ ?”

“แจ้งตำรวจงั้นเหรอ ?” กู่ซานหมิงยิ้มเจื่อนออกมา “แจ้งตำรวจแล้วยังไงล่ะ ? พวกคุณจะหาตัวพวกมันเจองั้นเหรอ ? ตอนนี้พวกคุณก็ได้แต่มองนักศึกษาพวกนั้นตายลงไปทีละคนๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ?”

“คุณรู้ใช่ไหม !” เสิ่นอี้จ้องกู่ซานหมิงนิ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “การตายของนักศึกษาพวกนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่พวกเขาถูกใครบางคนฆ่าตายใช่ไหมครับ ?”

กู่ซานหมิงลังเลอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้น “ผะ...ผมก็ไม่แน่ใจ...”

เสิ่นอี้แสยะยิ้มออกมา “ที่คุณบอกว่าตอนกลางคืนห้ามออกไปข้างนอกนี่ มันหมายความว่าอย่างไรครับ ?”

“ผมไม่รู้...... ก็พวกนั้นบอกมาแบบนี้ มันห้ามไม่ให้พวกเราออกจากบ้านตอนกลางคืน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกไปเด็ดขาด”

“นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณก็เคยเจอกับเหตุการณ์อะไรบางอย่างใช่ไหม ?”

กู่ซานหมิงรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ นั่นเป็นเพราะว่าพวกมันสั่งพวกเรามาอย่างนี้ พวกเราจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง พวกเรากลัวว่าถ้าออกจากบ้านตอนกลางคืน จะเกิดเรื่องร้ายขึ้น...”

“คุณไม่ได้เจอเหตุการณ์อะไรเลยจริงๆ อย่างนั้นใช่ไหม สามสิบปีที่ผ่านมานี่ ในหมู่บ้านของพวกคุณ ไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสักนิดเลยอย่างนั้นใช่ไหมครับ นอกจากชาวบ้านที่หลงเข้าไปที่หมู่บ้านของพวกคุณแล้ว ก็ไม่มีคนต่างถิ่นที่ไหนเคยเข้ามาที่หมู่บ้านเลยใช่ไหม ผู้ใหญ่บ้านกู่ ทำไมคำพูดของคุณถึงได้ดูไม่มีน้ำหนักสักนิดเลยล่ะครับ”