webnovel

ตอนที่ 067

ตอนที่ 67 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“เอ๋...” เย่หนิงชะงักไป “เสิ่นอี้ คุณรู้จักตู้ซื่อฮุยด้วยเหรอคะ ถ้างั้นเมื่อกี้คุณก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาอย่างนั้นใช่ไหม ?”

เสิ่นอี้ยกยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ใช่สิน่ะคะ !” เย่หนิงถึงกับตกตะลึงไปเลยทีเดียว

เสิ่นอี้นี่จะแสดงละครเก่งเกินไปแล้ว หลอกเสียจนคนหลงเชื่อเลยทีเดียว

และเข้ายังมีหน้ามาเล่นละครกับเธออีก เขานี่มันจริง ๆ เลย

เธอไม่รู้จะชมเขาอย่างไรดี

เสิ่นอี้มองเย่หนิง แล้วคล้ายกับจะยิ้มขึ้นมา “แฟนเก่าคุณเหรอครับ”

เย่หนิงพูดออกมาอย่างฮึดฮัด “ใครจะไปรู้จักเขากัน !”

เธอพูดตอบไป แล้วก็รีบถามเสิ่นอี้ขึ้นมาอีกครั้ง “เขาจะมาหาคุณทำไมกันน่ะ ? ดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะประจบประแจงคุณหนักน่าดูเลยนะ หรือว่าเขาเคยขอความช่วยเหลือจากคุณอย่างนั้นเหรอ เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่คะ”

“ก็ไม่ใชเรื่องอะไรหรอกครับ” เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ผมก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าผมมาอยู่ที่เมืองตงไห่ก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หลัก ๆ ก็เพราะผมมีโครงการหนึ่ง เป็นโครงการใหม่ที่เกี่ยวกับการปลูกถ่ายหัวใจ ที่วางแผนไว้ว่าจะลงทุนสร้างขึ้นที่เมืองตงไห่ เพื่อที่จะทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ โรงพยาบาลถงคังเองก็มีท่าทีที่สนใจในแผนการพัฒนาในอนาคตชิ้นนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยอยากจะร่วมมือกับพวกเราครับ”

เย่หนิงเบ้ปากออกมา “โรงพยาบาลถงคังนี่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรนี่นา”

“ใช่ครับ ตั้งแต่แรกผมก็ไม่เคยคิดที่จะมอบโครงการนี้ให้เขาทำเท่าไหร่หรอก ก็เลยทำเป็นไม่รู้จักเขายังไงล่ะ”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง” การแสดงของเสิ่นอี้นี่ เย่หนิงขอชื่นชมจริง ๆ “คุณทำได้ไม่เลวเลยนะ แต่การปลูกถ่ายหัวใจมันไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเลยนี่นา เคยมีมาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอคะ ?”

เสิ่นอี้ยิ้ม “สิ่งที่พวกเราจะทำก็คือหัวใจเทียมครับ”

“อะไรนะคะ ?” เย่หนิงตกใจมาก “หัวใจเทียมอย่างนั้นเหรอ ?”

“ใช่แล้วครับ โรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจนั้นมีเยอะมาก และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการเปลี่ยนหัวใจ แต่ก็ต้องใช้หัวใจที่เหมาะสมกันเท่านั้นถึงจะสามารถแทนที่กันได้ใช่ไหมล่ะครับ ? สำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะที่ประเทศของเราในปัจจุบันแล้วเป็นปัญหาที่ลำบากมาก เพราะมีผู้บริจาคอวัยวะน้อย สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการอวัยวะมารักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว พวกเขาคงไม่สามารถที่จะรอได้ถึงขนาดนั้น ดังนั้นนี่จึงเป็นปัญหาที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง อวัยวะของเรานั้นขลาดแคลนอย่างมากเลยล่ะครับ”

“ถ้ารักษาได้อย่างทันท่วงที พวกเขาก็คงไม่ต้องจบชีวิตลงแบบนี้ แต่เพราะว่าเราต้องรออวัยวะปลูกถ่ายที่กว่าจะมาถึงนั้น...... ความรู้สึกที่เราไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลือได้มันทรมานมากเลยนะครับ ต่อให้หมอเก่งขนาดไหน ถ้ามาเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็คงหมดทางที่จะรักษา พูดได้ว่าการสร้างหัวใจเทียมขึ้นมานั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ อย่างการขาดแคลนอวัยวะได้มากทีเดียวเลยล่ะครับ”

เย่หนิงฟังแล้วก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง “หัวใจเทียมเหรอคะ ? ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา คงไม่ใช่แค่ผู้ป่วยในประเทศเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์ แต่เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องสำคัญที่สร้างคุณงามความดีให้กับมนุษยชาติทั้งโลกเลยทีเดียว มิน่าล่ะตู้ซื่อฮุยถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น ถ้าพวกเขาได้โครงการนี้มา โห...... โรงพยาบาลของพวกเขาก็จะก้าวหน้าขึ้นมามากเลยนะเนี่ย”

“ผมไม่มีทางที่จะให้โครงการนี้กับเขาหรอกครับ” เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เป็นหมอก็ต้องมีคุณธรรมสิ คนที่ลุ่มหลงในลาภยศสรรเสริญแบบนั้น ต่อให้สิ่งนั้นดีแค่ไหน พอตกมาอยู่ในมือเขาก็คงเป็นเพียงแค่ของไร้ค่า นี่ไม่ใช่ปณิธานดั้งเดิมโครงการของพวกเราด้วยซ้ำครับ”

“แต่ว่าเขาก็คงไม่ยอมแพ้อย่างง่าย ๆ หรอกค่ะ” เย่หนิงคิดในใจ คนปัจจุบันนี้ป่วยกันเยอะมาก ขนาดคนรวยเองก็ยังกลัวความเจ็บป่วย หัวใจดวงหนึ่งนั้นไม่ต้องพูดถึงราคาหลักแสนหยวน ต่อให้ราคาเป็นล้านเป็นสิบล้านหยวน ผู้คนก็ต่างยอมที่จะจ่ายให้อยู่แล้ว ถ้าตู้ซื่อฮุยได้โครงการจากมือเสิ่นอี้ไป จากนี้ไปเขาคงไม่ต้องทำงานทำการอะไรแล้ว คงนั่งรอนับเงินอย่างเดียว

ดังนั้นแล้วก็อย่างที่เสิ่นอี้พูดไว้ คนลุ่มหลงในลาภยศสรรเสริญอย่างตู้ซื่อฮุยนั้น จะปล่อยโอกาสสร้างเงินก้อนโตเช่นนี้ไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน

แต่เสิ่นอี้นั้น เขาไม่สนใจสักนิด “เขาไม่ยอมแพ้แล้วมันยังไงล่ะ ? หรือเขาจะมาลักพาตัวผมไปรึไงครับ ?”

“เหอะ ๆ... เขาคงไม่ใจกล้าขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ไม่แน่ว่าเขาอาจจะใช้วิธีอื่นก็ได้นะคะ” เย่หนิงรู้จักตู้ซื่อฮุยดี เขาเป็นคนที่หากไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล คิดว่าไอ้คนแบบเขาจะทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายไม่ได้งั้นเหรอ

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปครับ” เสิ่นอี้ยิ้มขึ้นอย่างไม่สนใจอะไร “ผมต้องกลัวด้วยหรือว่าเขาจะใช้วิธีอะไร แผนการชั่วช้าของเขานั่น ไม่ได้อยู่ในสายตาผมหรอกครับ !”

เย่หนิงมองเสิ่นอี้เต็มสองตา

“มีอะไรเหรอครับ” เสิ่นอี้แปลกใจ

“ไม่มีอะไรค่ะ” เย่หนิงคิดในใจ พูดถึงคนหน้าไหว้หลังหลอก... คาดว่าตู้ซื่อฮุ่ยคงไม่ใช่คู่ปรับของเสิ่นอี้หรอก

เธอเสียเวลาเป็นห่วงแทนเขาจริง ๆ

ตอนนี้เธอเลยเลิกที่จะเป็นกังวลเรื่องนี้ แต่กลับไปเป็นห่วงเรื่องคนป่วยที่ติดเชื้อในโรงพยาบาลนั่นเสียมากกว่า นอกจากจะมีนักศึกษาที่ไปหมู่บ้านว่างยาชุนแล้ว ตอนนี้ยังมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นนักวิจัยในกรมตำรวจ รวมถึงแพทย์พยาบาลกับผู้ป่วยที่ถูกกัดถูกข่วนจนบาดเจ็บอีก รวมกันแล้วก็มีหลายสิบคน ถ้าหากพวกเธอหาวิธีควบคุมแมลงดูดเลือดนั่นไม่ได้ คนเหล่านี้ก็คงต้องตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตแน่

จวงหมิงหานกับผู้ช่วยของเขากำลังยุ่งกับงานอยู่ในห้องทดลอง เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาสองคนแล้ว ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะไม่ได้พักมาสักสองวันแล้วแน่ ๆ

ขณะที่เย่หนิงกับเสิ่นอี้เข้าไปในห้องทดลองนั้น ก็เห็นว่าจวงหมิงหานกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่รู้ว่าเขากำลังพิมพ์อะไรอยู่ด้วยความรวดเร็ว เอาแต่ก้มหน้าตลอดเวลา “มากันแล้วเหรอ ?”

“เป็นอย่างไรบ้าง” เสิ่นอี้เดินเข้าไปถาม “มีความคืบหน้าอะไรบ้างหรือยัง ?”

“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ ฉันวิเคราะห์เลือดจากผู้ป่วยพวกนั้นกับยาที่ให้ผู้ป่วยแล้ว” จวงหมิงหานหยิบขวดแก้วใสออกมาจากลิ้นชักข้างคอมพิวเตอร์ “พวกนายดูสิ นี่แหละยาที่ว่า”

ยาแคปซูล !

ในขวดแก้ว มียาแคปซูลสีขาวสิบกว่าเม็ดใส่เอาไว้

“ในแคปซูลนั้นประกอบไปด้วยส่วนผสมที่แปลกประหลาดมาก” จวงหมิงหานลดเสียงพูด “ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยได้ยินเจ้าสิ่งนี้มาก่อนเลย แต่วันนี้ฉันกับเสี่ยวเหลียงได้ค้นหาข้อมูลมากมาย อีกทั้งค้นหาในอินเตอร์เน็ตมาสักพัก ก็ไม่เจอพวกข้อมูลของพวกส่วนประกอบเลย ยาชนิดนี้ใช้ควบคุมแมลงดูดเลือด แต่ก็มีผลกระทบกับประสาทส่วนกลางด้วย”

เสิ่นอี้ขมวดคิ้ว “สรุปคือ พวกการรับรู้ทางการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่นต่างได้รับผลกระทบจากยาตัวนี้อย่างนั้นใช่ไหม ?”

“ใช่แล้ว” จวงหมิงหานพูดด้วยความหดหู่ “อีกอย่าง ยาชนิดนี้ควบคุมแมลงดูดเลือดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดมันให้หมดไปได้ พูดได้อีกอย่างก็คือ ผู้ป่วยต้องใช้ยาชนิดนี้ตามเวลาที่กำหนด ถ้าหากหยุดใช้ไปช่วงหนึ่ง แมลงดูดเลือดก็จะขยายพันธุ์ต่ออย่างรวดเร็ว”

เย่หนิงตกใจ “แสดงว่าตอนนี้ การขยายพันธุ์ของแมลงดูดเลือดในตัวนักศึกษาก็ถูกควบคุมไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเองเหรอคะ ถ้าหากไม่ได้รับยาต่อ แมลงดูดเลือดก็จะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว แบบนี้พวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายกันหมดน่ะสิใช่ไหม ?”

เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างสบาย ๆ “ตอนนี้พวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ? ยาที่พวกเขาได้รับมันไม่ใช่ยาแก้ ถึงจะใช้ควบคุมแมลงดูดเลือดได้ แต่ถ้าหากไม่ผิดไปจากที่ผมคาดการณ์แล้วล่ะก็ ถ้าเราใช้ยานั่นกับผู้ป่วยบ่อยเกินไป มันก็อาจจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายผู้ป่วยมาก จนเกิดเป็นผลกระทบใหญ่โตเลยใช่ไหม”

“ใช่แล้ว” จวงหมิงหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผู้ป่วยที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งเหล่านั้น ก่อนหน้านั้นพวกเราได้จ่ายยาให้เขาไป อาการของเขาจึงทุเลาลง ตอนนี้พวกเราหยุดให้ยาพวกเขาแล้ว ทำให้พวกเขาเริ่มที่จะฟื้นสติขึ้นมาได้บ้าง ถ้าหากให้ยานานเกินไปกว่านี้ อาจจะช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้นเราจะทำอย่างไรดีล่ะคะ ?” เย่หนิงร้อนใจ “นี่มันอะไรกัน พวกเขาไม่กินยานี้ก็ตาย ถึงจะกินยานี้ก็ตายอย่างนั้นเหรอ”