webnovel

ตอนที่ 040

ตอนที่ 40 นักล่าผีดิบ

“ก็ผมบอกไปแล้วนี่ว่าผมเป็นนักล่าผีดิบ” เฝิงเยี่ยนฮวายยกยิ้ม “การล่าผีดิบคือหน้าที่ของผม ผมติดตามข่าวสารพวกนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แหล่งข้อมูลสำคัญก็คืออินเตอร์เน็ตนี่แหละ ในหัวข้อสนทนาใหญ่ ปกติคนในโลกออนไลน์มักจะส่งข่าวประหลาดพวกนี้ต่อ ๆ กันมา ผมอาศัยวิธีนี้เพื่อเสาะหาข่าวเกี่ยวข้อง เข้าไปอ่านแล้ววิเคราะห์ว่าใช่สิ่งที่ผมต้องการหรือเปล่า”

“เหอๆ......” เย่หนิงไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “คนเราก็มักจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเนอะ...”

หยางปินชี้ไปยังสิ่งที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นตลบอบอวน “สรุปว่านี่มันคือผีดิบที่นายพูดถึงใช่ไหม ?”

“ยิ่งไปกว่านั้นมันคือผีดิบที่มีอายุร้อยกว่าปีอีกต่างหาก !” เฝิงเยี่ยนฮวายพูดเน้นย้ำขึ้น

หยางปินไม่สนใจที่เฝิงเยี่ยนฮวายพูด เขาหันไปถามเสิ่นอี้กับเย่หนิง รวมทั้งคนอื่น ๆ ว่า “พวกเธอเชื่อหรือเปล่า ?”

เย่หนิงแบสองมืออกอย่างไม่รู้จะออกความเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรดี ช่วงนี้เธอเจอเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว

แต่เฝิงเยี่ยนฮวายกลับเปิดปากถามหยางปินแทน “พวกคุณไม่เชื่อเหรอ ? ถ้าไม่เชื่อแล้วพวกคุณคิดว่าสิ่งนี้คืออะไรล่ะ ร่างที่เน่าเปื่อยขนาดนี้แต่ก็ยังไม่ตาย นี่มันใช่คนปกติเหรอ ? คนที่แม้แต่ใช้กระสุนยิงก็ไม่ตาย ยังเป็นคนปกติหรือเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นพวกคุณบอกผมสิว่ามันคืออะไร ทำไมกระสุนของพวกคุณถึงทำอะไรมันไม่ได้ แต่แผ่นยันต์กลับจัดการมันได้”

หยางปินควักปืนออกมา “แล้วตอนนี้ถือว่าจัดการมันได้แล้วใช่ไหม ?”

“ยังครับ ผมแค่สะกดมันไว้ ถ้าหากว่าฉีกยันต์ออก มันก็จะกลับมีชีวิตขึ้นมาอีก”

หยางปินมองไปที่เฝิงเยี่ยนฮวาย “นายไม่ใช่นักล่าผีดิบเหรอ ? หน้าที่ของนายคือการกำจัดกำจัดมันไม่ใช่เหรอ ? ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งนายก็ไม่รู้วิธีที่ปราบมันใช่ไหม”

เฝิงเยี่ยนฮวายหัวเราะขึ้นมา “ใครบอกว่าผมไม่รู้วิธีฆ่ามันกันล่ะ วิธีฆ่ามันก็ง่ายนิดเดียว ก็แค่ตัดหัวมันออกแล้วเอาไปเผาให้สิ้นซาก นี่แหละวิธีเดียวที่จะสามารถจัดการผีดิบล่ะ”

ใช้ไฟเผา ?

ในใจของเย่หนิงดังขึ้นตึก ๆ ตัก ๆ “หัวหน้าหยางคะ นี่มันเหมือนที่กู่ซานหมิงพูดเอาไว้เลยนี่คะ คนที่ถูกแมลงดูดเลือดกัดจนตายเหล่านั้นก็ต้องถูกเผาไฟเหมือนกันใช่ไหมคะ ?”

“ผมว่า......” อยู่ ๆ ลู่เว่ยตะโกนขึ้นมา “ความจริงแล้วเจ้ากู่ซานหมิงนั่นรู้มาตั้งนานแล้วว่าบนภูเขามีผีดิบใช่ไหมครับ ?”

หยางปินไม่สนใจลู่เว่ย กลับถามเย่หนิงขึ้น “เสี่ยวเย่ คุณหมายความว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่แมลงดูดเลือดพวกนั้นจะมาจากสิ่งนี้ใช่ไหม ?”

เย่หนิงไม่ตอบหยางปิน กลับเร่งถามเฝิงเยี่ยนฮวายขึ้นอย่างรีบร้อน “คนที่ถูกผีดิบกัดก็จะกลายเป็นผีดิบ ? มีเพียงวิธีเดียวก็คือต้องเอาไปเผา ใช่ไหม ?”

“ใช่แล้ว ถูกต้องเลย !” ทันใดนั้นอยู่ ๆ สีหน้าของเฝิงเยี่ยนฮวายก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างมาก “อาหนิง ในหมู่บ้านนี้มีใครที่โดนกัดเข้าแล้วใช่ไหม ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ เชื้อโรคจากผีดิบอาจจะกำลังแพร่ระบาดอยู่ก็ได้ !”

“ยังไม่มีหรอก นายวางใจเถอะ” เย่หนิงหันตัวกลับมาพูดกับหยางปิน “หัวหน้าหยางคะ คุณเห็นหรือเปล่าว่าทั้งสองอย่างนี้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน แมลงดูดเลือดที่ปรากฏในหมู่บ้านว่างยาชุนไม่เคยไปปรากฏในที่ไหนมาก่อน พวกเราเองก็ไม่มีใครเคยได้ยินเจ้าสิ่งนี้มาก่อนเลย แมลงดูดเลือดพวกนี้เป็นไปได้มากที่จะเกี่ยวข้องกับผีดิบ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่เกิดมาจากตัวผีดิบก็ได้ ดังนั้นพวกมันก็เลยเหมือนกับพวกผีดิบ ที่คอยดูดเลือดจากคน......”

“เดี๋ยวนะ ๆ !” เฝิงเยี่ยนฮวายรีบพูดขัดเย่หนิงขึ้นมาทันที “อาหนิง ฉันไม่รู้ว่าแมลงดูดเลือดที่พวกเธอพูดถึงคืออะไร แต่มีบางเรื่องที่ฉันต้องบอกให้พวกเธอเข้าใจ ถึงแม้ผีดิบจะทำร้ายคนที่มีชีวิต แต่มันจะไม่ดูดเลือดเด็ดขาด ต้องเป็นผีดูดเลือดสิถึงจะดูดเลือด ผีดิบไม่มีทางดูดเลือดเด็ดขาด !”

เย่หนิงมองเฝิงเยี่ยนฮวายด้วยความตกตะลึง “มันไม่เหมือนกันเหรอ ?”

“ไม่เหมือนกันแน่นอน ใครบอกเธอว่าผีดิบกับผีดูดเลือดมันเหมือนกันล่ะ พวกมันไม่เหมือนกันเลยสักนิด เธอเคยเห็นผีดูดเลือดเน่าเปื่อยเหมือนผีตนนี้หรือเปล่า ?” เฝิงเยี่ยนหฺวายชี้ไปที่ผีดิบตนนั้น

เย่หนิงหันไปมองครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัว

“ก็แสดงว่ามันไม่เหมือนกัน” เฝิงเยี่ยนฮวายพูดด้วยท่าทางอย่างผู้เชี่ยวชาญ “ถึงสองอย่างนี้จะมีจุดที่เหมือนกันบางอย่าง......”

“ไม่ใช่อย่างนั้น !” เย่หนิงขัดเฝิงเยี่ยนฮวาย แล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ความหมายของฉันก็คือ ฉันไม่เคยเห็นผีดูดเลือดมาก่อน แล้วจะไปรู้ว่าผีดูดเลือดกับผีดิบมันต่างกันยังไงเล่า !”

เฝิงเยี่ยนฮวายแทบจะหมดคำพูด แต่สักพักก็พูดขึ้นว่า “ยังไงก็ตามพวกมันไม่เหมือนกันแน่ อย่างน้อยที่สุดแผ่นยันต์นี้มันก็ทำอะไรกับผีดูดเลือดไม่ได้ แล้วใครที่ไหนบอกเธอว่าผีดิบต้องดูดเลือดกัน นั่นมันมีแต่ในนิยายกับในละครเท่านั้นแหละ”

เย่หนิงหยุดคิดสักพักแล้วพูดขึ้นว่า “มีเพียงวิธีใช้ไฟเผาพวกมันใช่ไหม ?......”

“อ่า......” สีหน้าของเฝิงเยี่ยนฮวายราบเรียบ “มีหลายสิ่งที่สามารถกำจัดด้วยไฟได้ รวมถึงคนด้วย......จริงสิ พวกเธอเพิ่งจะบอกว่าอะไรดูดเลือดนะ เรื่องราวมันเป็นยังไง ? แถวนี้มีผีดูดเลือดใช่ไหม ? หมู่บ้านนี้มีเรื่องเยอะจริง ๆ ให้ฉันช่วยได้หรือเปล่า ?”

“โทษทีนะ” หยางปินพูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ “ทางตำรวจคงไม่ต้องรบกวนนายหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ ! ถึงอย่างไรผีดูดเลือดก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของผมอยู่แล้ว”

เฝิงเยี่ยนฮวายหยิบด้ายเส้นเล็ก ๆ สีดำออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วนำมามัดผีดิบด้วยความคล่องแคล่ว

สีหน้าของหยางปินดูระแวดระวัง “นายทำอะไรน่ะ จะเอามันไปด้วยหรอ ?”

“หรือว่าจะปล่อยเอาไว้อย่างนี้ล่ะครับ ? คุณคงไม่คิดที่จะทิ้งมันไว้ที่นี่หรอกใช่ไหมครับ ? ถึงแม้จะเผามัน แต่ก็ไม่สามารถที่จะเผามันภูเขานี้ได้หรอกนะครับ ที่ผมมัดมันไว้ก็เพื่อที่จะป้องกัน ถ้าหากเกิดลมพัดแผ่นยันต์ที่ผมติดไว้ปลิวไป ตอนนั้นปัญหาจะเกิดแน่ ๆ”

ลู่เว่ยมองเฝิงเยี่ยนฮวายใช้ด้ายเส้นเล็ก ๆ มัดตัวเผีดิบไว้ แล้วก็หัวเราะอย่างขบขันขึ้นมา “ด้ายเส้นเล็กแค่นี้ จะมัดมันอยู่เร้อ”

เย่หนิงก็รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกัน

ผีดิบตัวใหญ่ขนาดนี้ พละกำลังก็ไม่ใช่น้อย แต่กลับใช้ด้ายเส้นเล็ก ๆ แบบนี้มัดมันไว้เนี่ยนะ ?

“เฮ้ ๆ......” เฝิงเยี่ยนหฺวายยิ้มขึ้น “พวกคุณอย่าดูถูกด้ายเส้นนี้เชียวนะ นี่ไม่ใช่เส้นด้ายธรรมดา แต่เป็นด้ายฝ้ายจุ่มหมึกชนิดพิเศษ น้ำหมึกทำมาจากผงสีชาดผสมกับเลือดสุนัขและเถ้าต้นท้อ ถ้าไม่ใช้ด้ายแบบนี้ พวกคุณนึกว่าจะมัดมันอยู่ใช่เหรอ ? ถึงเป็นเชือกสายลวดก็ไม่มีทางเอาอยู่หรอกครับ !”

เย่หนิงขำจนท้องแข็ง “เหอะ ๆ ต้องมีพิธีรีตองขนาดนั้นเชียว......”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เธอคิดว่าการเป็นนักล่าผีดิบมันง่ายขนาดนั้นเหรอ เจ้านี้อันตรายแค่ไหนเธอก็เห็นแล้วนี่นา ถ้าไม่ระวังก็อาจถึงชีวิต จึงต้องเตรียมพร้อมไว้อย่างมาก”

“ในเมื่อมันหนักขนาดนี้ เธอก็ยังทำเหรอ ?” เย่หนิงไม่เข้าใจเลยสักนิด

“มันไม่มีทางเลือกน่ะ” เฝิงเยี่ยนฮวายยิ้มขึ้น “ใครใช้ให้ฉันเป็นผู้สืบทอดตระกูลนักล่ากันล่ะ นี่มันเป็นหน้าที่ของฉันน่ะ เป็นหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากยังมีผีดิบหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ หน้าที่ของนักล่าอย่างพวกเราก็ยังไม่มีทางจบ”

“เอ่อ......” เย่หนิงชะงักไป นี่......ยังมีผู้สืบทอดตระกูลด้วย ? แต่เธอจำได้ว่าบ้านของเฝิงเยี่ยนฮวายทำการเกษตรธรรมดาทั่วไปนี่นา...... ตอนนั้นก็ดูปกติดี แล้วทำไมเฝิงเยี่ยนฮวายถึงได้พูดถึงเรื่องหน้าที่สูงส่งอะไรพวกนี้ได้ ?

“บ้านเธอไม่ได้ทำอาชีพเลี้ยงไก่หรอกเหรอ ?” เย่หนิงอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ

“ไม่ได้เลี้ยงหรอก” เฝิงเยี่ยนฮวายยอมรับอย่างเปิดเผย

“ถะ ถ้าอย่างนั้นนายก็หลอกลวงมาตลอดเลยน่ะสิ”

เฝิงเยี่ยนฮวายหัวเราะขึ้น แต่กลับไม่พูดหรืออธิบายอะไร หลังจากที่เขาจัดการกับผีดิบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันตัวเดินไปยังหลุมลึกที่ส่งกลิ่นเหม็นนั่น

ทำให้เย่หนิงกับคนอื่น ๆ รีบตามเขาไปทันที

“นายจะลงไปเหรอ ?” เย่หนิงถามเขาขึ้น